ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน - ตอนที่ 2 สเตตัสสุดอนาถจิตย่อมมาพร้อมกับการถูกข่มเหง
- Home
- All Mangas
- ชีวิตบัดซบเพราะถูกส่งมาต่างโลก เลยสร้างปาร์ตี้สุดโหดไปตบเกรียน
- ตอนที่ 2 สเตตัสสุดอนาถจิตย่อมมาพร้อมกับการถูกข่มเหง
หลังตื่นขึ้นมาตอนเช้า ฉันรู้สึกสดชื่นเป็นพิเศษเลยหล่ะ สงสัยเป็นเพราะเมื่อวานเหนื่อยจัดละมั้ง เมื่อคืนเลยหลับซะลึกเลย ให้ตายสิ! ทั้งเรื่องไอ้แก่พระเจ้า การมาต่างโลก(แถมเป็นโลกแฟนตาซีอีกต่างหาก) สภาวะสงครามของอาณาจักรที่ถูกวาร์ปมา ถูกขอร้องให้ช่วยโดยพระราชาของอาณาจักรที่ว่า แล้วสุดท้ายก็ต้องเข้าฝึกกับกองอัศวิน
ทุกอย่างเป็นเหตุการณ์น่าเหลือเชื่อและกะทันหันเกินไป ไม่คิดว่าชั่วชีวิตจะได้เจอด้วยซ้ำ ทุกอย่างถาโถมเข้ามาในวันเดียวจนฉันยังล้าเลยหล่ะ จิตใจหน่ะนะ คิดว่าคนอื่นก็คงไม่ต่างกัน
ก็อง!!!! ก็อง!!!! ก็อง!!!!
เสียงระฆังหนักๆ ดังขึ้นเป็นจังหวะ 3 ครั้ง เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเช้าวันใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว หลังจากระฆังดังขึ้น ทุกคนก็ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวานแล้วมาเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายอีกครั้ง อาจมีบางคนคิดว่าเรื่องทั้งหมดคงเป็นแค่ฝันร้ายที่น่ากลัว แต่พอตื่นขึ้นมาพบว่ามันเป็นความจริงเช่นนี้คงใจเสียไม่น้อย
กรเองก็มีความรู้สึกนั้นอยู่บ้างเช่นกัน แต่เพราะนิสัยง่ายๆ เลยทำให้ไม่ได้คิดอะไรมาก เขาจึงรีบลุกจากเตียงที่ทางอาณาจักรเตรียมไว้ให้ แม้เตียงในห้องทั้ง 4 หลังและเฟอร์นิเจอร์อื่นๆจะทำมาจากไม้ แต่ก็มีความคงทนอยู่ ฟูกนอนเองก็นุ่ม ทั้งยังนอนสบายดีอีกด้วย หมอนและผ้าห่มก็เป็นของชั้นดี ทำให้รู้ว่าพวกเขาเป็นคนสำคัญของอาณาจักรนี้แค่ไหน
〝โอ้!!! อรุณสวัสดิ์ โชติ ชาญ〞
〝อา อรุณสวัสดิ์〞
〝อรุณสวัสดิ์ กร〞
ฉันพยายามทักทายทั้ง 2 คนด้วยท่าทางร่าเริง ทั้งสองคนแม้จะตอบกลับฉันในทันที แต่เสียงก็ดูเหนื่อยอ่อนเหลือเกิน
〝รีบไปกินอาหารเช้ากันเถอะ….ฉันว่าวันนี้คงมีเรื่องวุ่นๆเกิดขึ้นอีกแน่〞
〝ก็…..จริงล่ะนะ งั้นเดี๋ยวผมขอเก็บที่นอนก่อน〞
〝ยังใจเย็นอยู่ได้เหมือนเดิมเลยนะกร…………….น่าอิจฉาชะมัด〞
โชตที่พูดถามฉันเชิงประชดประชันมาแบบนั้น ทำให้ฉันรู้สึกเคืองนิดๆแฮะ
แต่เพราะรู้จักกันมานาน ฉันเลยรู้ว่าจริงๆแล้วหมอนี่แค่กลัวเท่านั้นเอง
〝 เห็นฉันใจเย็นอยู่งั้นเหรอ? งั้นนายคงเข้าใจผิดแล้วหล่ะ? 〞
〝……..〞พอกรพูดแบบนั้นออกมา โชตก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมาทันที
〝ทะ โทษทีนะ… ฉัน〞
〝ไม่เป็นไร! อย่าใส่ใจเลยโชต…..ฉันเข้าใจ〞
〝……ขอบใจมากกร〞
โชตที่ได้ยินฉันพูดแบบนั้นเงียบไปเลยแฮะ คงพอเรียกสติกลับมาได้บ้าง เพราะยังตกใจไม่หายละมั้ง โชตเลยพูดอะไรขวานผ่าซากแบบนั้นออกมา ….ทั้งที่ปกติก็ดูใจเย็นแท้ๆ เอาเถอะ….เพราะฉันรู้แบบนั้นเลยไม่ถือสาหมอนั่นหรอก แล้วหมอนั่นคงรู้ว่าฉันไม่ได้ใส่ใจจริงๆ ถึงได้ขอบคุณละมั้ง สมกับที่เป็นเพื่อนกันมานานจริงๆ
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เปิดประตูไปยังทางเดินของหอพักเพื่อไปสมทบกับเพื่อนสนิทสาวอีก 2 คนที่โรงอาหาร
〝ทั้งสองคน… เป็นยังไงบ้าง?〞
〝กร ชะ… ฉัน……รู้สึกยังไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่เลย〞
〝ฉันรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วหล่ะนะ ….ฮะฮะฮะ〞
รินดูท่าทางเหนื่อยอ่อนอย่างที่พูดจริงๆนั่นหล่ะ และที่ขอบใต้ตาทั้งสองข้างยังมีรอยแดงด้วย ช่วยไม่ได้นี่นะ….
ส่วนอลิซที่ถึงจะบอกว่าดีขึ้นแล้ว แต่ที่หัวเราะแห้งๆแล้วเอามือประสานไว้ที่หลังหัวเพื่อกลบเกลื่อนนั่นก็หลอกฉันไม่ได้หรอก… เพราะว่าวันนี้เธอตื่นเช้าแบบสุดๆเลยยังไงหล่ะ…
〝ถ้าไม่ไหวก็อย่าฝืนเลย อลิซ〞
〝อึก! หลอกนายไม่ได้เลยสินะเนี่ย…น่าเจ็บใจชะมัด〞
พอฉันพูดไปแบบนั้น อลิซก็ตอบกลับฉันมาด้วยเสียงที่ดูเหนื่อยอ่อน แต่ดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนิดหน่อยด้วย……ดีแล้วหล่ะ
หลังจากนั้นทุกคนก็มานั่งทานข้าวในโรงอาหาร อาหารที่ถูกเตรียมไว้ล้วนเป็นของมีคุณภาพ ชุดอาหารนั้นประกอบไปด้วย ไข่ดาวที่มีไข่แดง 2 อัน เห็นชัดเลยว่าไม่ใช่ของที่มีอยู่บนโลกที่กรรู้จัก แต่ก็ยังมีสเต็กกับผักเคียงที่ดูคุ้นตาอยู่ ทั้ง 5 คนนั่งทานอยู่ที่โต๊ะเดียวกัน แต่กลับไม่ได้พูดคุยกันเลยแม้แต่ประโยคเดียว
【ไอ้หมอนั่น… นั่งกับรินอีกแล้ว】
【ทำไมโชตไปนั่งกับไอ้หมอนั่นได้นะ…】
【น่าขยะแขยงจริงๆ…….】
อีกแล้วงั้นเหรอ? ขนาดมาต่างโลกแล้วยังทำตัวแบบนี้กันอีก…
แต่คิดในแง่บวก พวกนี้อาจจะแค่อยากระบายอารมณ์เก็บกดก็ได้หล่ะมั้ง… หวังว่าพวกรินจะไม่โดนเขม่นไปด้วยหรอกนะ
มีเสียงกระซิบมาจากรอบข้างมากมาย เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้ทั้งโต๊ะของกรได้ยินเลยทีเดียว โชตที่ได้ยินแบบนั้นก็ออกอาการหงุดหงิดในทันที
〝เจ้าพวกนี้นี่มัน…ทั้งที่อยู่ในที่แปลกๆ แท้ๆยังทำตัวแบบนี้อีก!〞
〝ช่างเถอะน่า… ฉันไม่สนใจหรอก〞กรตอบกลับแบบไม่ใส่ใจเหมือนเคย
〝นายนี่มัน…〞
อย่ามองแบบนั้นสิเพื่อน… ก็เข้าใจอยู่หรอกนะว่าเป็นห่วงหน่ะโชต
แต่ว่า… การไปพูดหรือทำอะไรขัดกับกระแสสังคม สิ่งที่ตามมามันใหญ่หลวงนัก… ผลกระทบมีแต่จะแย่ลงด้วยซ้ำ… เหมือนกับการว่ายทวนกระแสน้ำเชี่ยวนั่นแหล่ะ
เพราะงั้นไม่ต้องทำอะไรหรอกน่า ปล่อยไปเถอะ…
〝หึหึ! ฉันเพิ่งได้ยินประโยคปลอบใจออกจากปากคนที่กำลังหดหู่อยู่เหรอเนี่ย แต่ก็ขอบใจมากวะ ไอ้โชตเอ๋ย〞กรพูดพร้อมกับเผยรอยยิ้มขี้เล่นออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศเหมือนทุกที
〝วะ ว่ายังไงนะไอ้หมอนี่! อย่างงี้มันต้องโดน!!!〞ทางโชตนั้นแม้จะยังหงุดหงิดกับสภาวะรอบตัวแทนกรเอง แต่ก็ยังหันมาล้อเล่นกับกรเหมือนกัน
〝เฮ้ย! ไส้กรอกของช้านนน!〞
〝ดะ เดี๋ยวสิ! งั้นฉันเอาด้วยคนน้า!!!〞
〝เฮ้ย!!! ยัยต๊องนี่ อย่าเอาสเต็กฉันไปทั้งชิ้นซิฟะ!!!〞
แม้คำพูดของกรจะฟังดูเหมือนประชดประชัน แต่เพราะมีน้ำเสียงขี้เล่นเลยทำให้โชตไม่คิดอะไรมาก หนำซ้ำเพื่อเป็นการปรับบรรยากาศโชตยังแกล้งกรกลับเป็นเชิงบอกว่ารู้ใจกัน อลิสเองก็ร่วมผสมโรงกับทั้งสองคนด้วยเช่นกัน รินและชาญเองก็มองดูทั้งสามคนหยอกล้อกันด้วยความอบอุ่น จนกระทั่งมื้ออาหารอันแสนวุ่นวายได้จบลง
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จพวกเราทุกคนก็ต้องไปเตรียมตัวฝึกในตอนเช้า เห็นว่าหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรจะมาเป็นครูฝึกให้เองเลย หลังจากที่พวกคุณทหารเรียกทุกคนไปเปลี่ยนชุด เป็นเสื้อซับในและให้เราสวมชุดเกราะเบาที่ประกอบด้วยโลหะในส่วนลำตัวท่อนบนคลุมไปจนถึงไหล่ พร้อมกับมีเกราะท่อนล่างซึ่งครอบคลุมจากส่วนเอวไปถึงหัวเข่าเช่นกัน แล้วก็ยังให้ดาบไม้มือเดียวสองคมที่มีความยาว 1 เมตรกว่าๆ มาสวมได้ตามใจชอบพร้อมกัน แล้วก็เรียกพวกเราทุกคนที่เตรียมพร้อมเสร็จแล้วไปยังลานฝึกฝนที่เตรียมไว้สำหรับพวกเรา
❖❖❖❖❖
หลังจากที่ทุกคนมาถึงลานฝึกฝน ไม่สิ… แทนที่จะเรียกว่าลานฝึก มันเหมือนกับที่จัดงานเลี้ยงเสียมากกว่า แม้จะเป็นเช่นนั้นแต่ก็มีขนาดกว้างขวางมากพอที่จะบรรจุนักเรียนทุกคนและเหล่าอัศวินผู้ช่วยที่รวมแล้วมีจำนวนเกือบ 600 คนได้สบายๆเลยทีเดียว ลานกว้างนั้นปูด้วยพื้นหญ้าสีเขียวทั้งหมด รอบๆรั้วก็ประดับด้วยดอกไม้สวยงามหลากสีสันนานาชนิด บริเวณรอบนอกก็มีรูปปั้นของคนที่ใส่ชุดเกราะมากมายคาดว่าจะเป็นเหล่าทหารกล้าในอดีตตั้งอยู่ ห่างออกไปเล็กน้อยก็มีน้ำพุ กับสวนดอกไม้แล้วก็สวนที่ไว้ใช้ผ่อนคลายอีกด้วย ความงดงามของลานกว้างนี้ทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นในครั้งแรกคิดว่ามันเป็นสรวงสวรรค์ได้เลยทีเดียว
〝ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ!!! ตัวข้าชื่อ 『ฮันซี่』เป็นหัวหน้าอัศวินแห่งอาณาจักรอาลัน จะมารับผิดชอบเป็นครูฝึกให้แก่พวกเจ้านับแต่นี้เป็นต้นไป ขอฝากตัวด้วย!!!〞
ตาลุงวัยกลางคนที่กำลังแนะนำตัวอยู่ตรงหน้าทุกคนอยู่นี่ เป็นหัวหน้าอัศวินของอาณาจักรนี้ ผมและเครายาวมีสีน้ำตาลอ่อน ไว้ผมทรงเปิดหน้าผาก ใส่ชุดเกราะแบบที่เห็นบ่อยๆ ในเกม RPG และในนั้นมีกล้ามเนื้อที่ดูแข็งแกร่งอัดแน่นอยู่ในนั้นจนแทบจะล้นออกมา เห็นได้ชัดเลยว่าผ่านการสู้รบมาอย่างโชกโชน แต่ร่างกายที่กำยำนั่น บนใบหน้ากลับมีความอ่อนโยนอยู่อย่างท่วมท้น ดูแล้วก็เป็นตาลุงใจดีคนนึงนี่เอง
〝ฟังให้ดีล่ะ!!! ความแข็งแกร่งบนโลกนี้หน่ะ ถูกตัดสินจากค่าสเตตัสหรือก็คือค่าความแข็งแกร่ง จะแสดงออกมาเป็นตัวเลข วิธีการเรียกหน้าต่างสเตตัสก็ไม่ยากเลย พวกเจ้าทุกคนได้รับสกิลนี้มาตอนข้ามมายังโลกนี้โดยอัตโนมัติอยู่แล้ว แค่พูดคำว่า【จงออกมา! สเตตัสวินโดว์!!!】แล้วมันก็จะปรากฏตรงหน้าของพวกเจ้าทุกคนเอง พอมันขึ้นมาแล้วก็เอามาให้ข้าตรวจสอบดูด้วยหล่ะ!!!〞
หลังจากนั้นทุกคนก็ลองทำตามที่คุณฮันซี่พูด แล้วก็เกิดหน้าต่างขึ้นมากันทุกคน ทั้งที่อยู่ในที่แปลกๆแท้ๆ แต่ทุกคนยังดูสนุกสนานอยู่ได้อีก หรือจะทำแบบนั้นเพื่อให้ลืมความขมขื่นก็ไม่รู้
นี่หล่ะน้ามนุษย์〜 พวกรินเองก็มีหน้าต่างขึ้นมาเหมือนกัน ดีหล่ะฉันเองก็ขอลองบ้าง!
【จงออกมา! สเตตัสวินโดว์!!!】
กริ๊ง!!!
พอกรพูดจบ ก็เกิดเสียงคล้ายกระดิ่งฟังดูลื่นหูดังขึ้นมา เป็นเสียงที่บ่งบอกว่ามีหน้าต่างขึ้นมา พร้อมกับมีหน้าต่างโปร่งใส ขนาดใหญ่กว่ากระดาษ A4 เล็กน้อย ขึ้นมา 3 อัน ปรากฏขึ้นในระดับสายตาพอดี
ก่อนอื่นก็ดูหน้าต่างอันตรงกลางที่เขียนว่า『ข้อมูลสเตตัส』นี่ก่อนละกัน… ไหนๆ
ข้อมูลสเตตัส
『อุษณกร วัชรวิรุฬห์ 』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ ว่าง เลเวล 1
ฉายา 〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙
《พลังโจมตี》 50 《พลังป้องกัน》 40
《พลังเวทย์》 20 《ควมต้านทานเวทย์》 40
《ความว่องไว》 30 《พละกำลัง》 50
〝…………….〞
อะไรฟ่ะเนี่ย!!!? ช่องอาชีพว่างอยู่งั้นเหรอ หมายความว่าไงฟะเนี่ย?
แล้วไอ้ตรงฉายาก็ด้วย〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙งั้นเหรอ? มาเจ๋อรู้เรื่องของฉันได้ไง?
เป็นแม่ฉันรึไงฟะ? ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำตัวไร้สาระก็เถอะ แต่มีคน ? มาพูดแทงใจดำงี้มันรับไม่ได้โว้ย!!!!
ขณะที่กรกำลังบ่นถึงสเตตัสของตัวเองอยู่นั้น ฮันซี่ที่กำลังตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสของนักเรียนหญิงคนนึงอยู่ ก็พูดชมเธอคนนั้นขึ้นมา
〝โอ้ว! สเตตัสเยี่ยมไปเลยนี่นาคุณหนู ปกติแล้วเผ่ามนุษย์เลเวล 1 ของเรา จะมีสเตตัสทั้ง 6 เฉลี่ยอยู่ที่ 10 เองนะ สกิลเองก็มีแต่อันที่สุดยอดทั้งนั้นเลยด้วย……. 〞
〝ขะ ขอบคุณค่ะ 〞
อะไรก๊าน… ปกติ สเตตัสเฉลี่ยอยู่ที่ 10 เองงั้นเหรอ?
ส่วนของฉันนี่เฉลี่ยแล้วอยู่ที่เกือบ 40 …..มากกว่าปกติตั้ง 4 เท่าเลยแหน่ะ ก็ไม่ได้กระจอกไปหมดนี่นา ที่ไอ้แก่พระเจ้านั่นบอกว่าจะปรับพลังให้สูงกว่าปกติพอมาที่โลกนี้แล้วเนี่ยดูท่าจะจริงแฮะ
แต่กรที่คิดแบบนั้นโดยไม่สนใจฟังการสนทนาของฮันซี่ให้ดี แล้วสนใจที่หน้าต่างสเตตัสของตัวเองเพียงอย่างเดียวก็ต้องมารู้สึกเสียใจภายหลัง
จะว่าไปเมื้อกี้นี้ คุณฮันซี่บอกว่า『สกิล』สินะ อ๋อ……ไอ้หน้าต่างด้านซ้ายนี่เอง…..
พอรู้แบบนั้นกรเลยตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสที่อยู่ด้านซ้ายดูบ้าง
สกิล
『สกิลโจมตี』
『สกิลป้องกัน』
『เวทย์มนต์』
『สกิลเสริมพลัง』
『สกิลติดตัว』 เรียกหน้าต่างสเตตัส, เข้าใจภาษาขั้นต่ำ
『สกิลสายผลิต』
『สกิลพิเศษ』ตรวจสอบขั้นต่ำ, ตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำ
ก็… ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่แฮะ แต่สกิลไหนเป็นยังไงเนี่ยไม่มีอธิบายเลยเหรอ
กรที่คิดแบบนั้นพลางเอานิ้วไปจิ้มเล่นที่หน้าต่างสกิล ตรงที่เขียนว่า『เข้าใจภาษาขั้นต่ำ』หลังจากนั้นก็เกิดเสียงแบบเดียวกับที่หน้าต่างสเตตัสถูกเปิดขึ้นมาตอนแรก
กริ๊ง!!!
แล้วสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาก็คือ หน้าต่างเล็กๆ ซ้อนขึ้นมาจากบริเวณที่กรกำลังกดเล่นนั้น มีขนาดความกว้างและสูงเท่าเนื้อหาที่เขียนอยู่
『เข้าใจภาษาขั้นต่ำ』
《 คำอธิบาย : สามารถเข้าใจภาษากลางและภาษาพื้นบ้านบางแห่ง ของมนุษย์ในโลกได้ 》
อ่อ… ระบบมันเป็นแบบนี้นี่เอง สกิลนี่ก็เป็นสิ่งที่ไอ้พระเจ้าเตรียมไว้ให้รึเปล่าก็ไม่รู้สินะ
แต่คงเป็นไอ้สกิลนี้นี่แหล่ะที่ทำให้คุยกับคนต่างโลกรู้เรื่อง… แค่เรื่องนี้แหล่ะนะที่ไอ้แก่พระเจ้ามันยังรอบคอบอยู่ ไม่งั้นปวดหัวตายแน่…
ยังไงก็แล้วแต่ลองดูสกิลที่เหลือก่อนดีกว่า
『เรียกหน้าต่างสเตตัส』
《 คำอธิบาย : สามารถเรียกหน้าต่างสเตตัสพื้นฐานได้ 》
『ตรวจสอบขั้นต่ำ』
《 คำอธิบาย : สามารถใช้ตรวจสอบรายละเอียดไอเทมและมอนสเตอร์ที่มีความหายากต่ำกว่าระดับ C ได้แทบทั้งหมด *ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่สามารถตรวจสอบไอเทมที่ยังไม่รู้จักได้》
『ตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำ』
《 คำอธิบาย : สามารถใช้จัดตั้งปาร์ตี้ได้ *สมาชิกในปาร์ตี้นั้นมีได้สูงสุด 3 คน 》
อะไรฟะเนี่ย? สกิลเรียกหน้าต่างสเตตัสก็ว่าไปอย่าง แต่ไอ้สกิลตรวจสอบขั้นต่ำเนี่ยมันไร้ประโยชน์ชะมัดเลยเฟ้ย อย่างงี้ถ้าไปเจอของที่ไม่รู้จักจะไม่ซวยรึไงฟะ จะมีตรวจสอบไปทำเพื่อ!!!
ส่วนตั้งปาร์ตี้ขั้นต่ำเนี่ยก็ต่ำจริงจริ๊ง สมาชิกปาร์ตี้มีได้แค่ 3 คนเอง ขนาดในเกมยังตั้งได้ตั้ง 5 คนเชียวนะ… เออ ก็นั่นมันเกมนี่เนอะ
แต่จะว่าไปทำไมสุดยอดการประมวลผลของฉัน ถึงไม่ถูกจัดเข้าไปด้วยละเนี่ย… หรือเพราะเป็นความสามารถจากโลกเดิมรึเปล่าเลยไม่ได้นับรวม… ให้ตายสิ ไม่เข้าใจเลย…
เหอะ! คิดมากไปก็เท่านั้นแหละ แต่ตอนเริ่มแรก สกิลก็คงประมาณนี้กันหมดแหละมั้ง คนอื่นๆคงไม่ต่างกัน… เอาหล่ะๆดูหน้าต่างที่เหลืออีกอันดีกว่า
กรที่คิดแบบนั้นก็ต้องเสียใจในภายหลังมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม…….
อุปกรณ์
『บริเวณศีรษะ』
『แขน』 ดาบไม้มือเดียว
『ลำตัวท่อนบน』ชุดเซ็ทเกราะเบา
『ลำตัวท่อนล่าง』
『ขา』
หืม… ส่วนอุปกรณ์งั้นเหรอ ก็ปกติหล่ะนะ ไม่มีอะไรแปลกๆที่น่ากวนประสาท… ไม่สิ… ฉันไม่อยากยุ่งกับมันมากกว่านี้แล้วมากกว่า
งั้นเท่านี้… ก็ตรวจสอบหน้าต่างสเตตัสทั้งหมดแล้วสินะ
〝เป็นยังไงบ้างเหรอ กร? 〞รินเดินเข้ามาถามกรด้วยความเป็นห่วงเหมือนอย่างเคย
〝โอ๊ะ! ริน ก็… พอใช้ได้อยู่นา〜 ว่าไง? สนใจจะลองแลกกันดูไหมหล่ะ เอ้านี่ของฉัน 〞
〝อะ อืม 〞
รินรับสเตตัสของฉันไปดูแล้ว หุๆ ต้องตกใจกับสุดยอดสเตตัสที่มากกว่าคนปกติถึง 4 เท่าของฉันแหงมๆ
〝 เอ๋!!!!!! 〞
นั่นปะไร… พูดยังไม่ทันขาดคำเลย———
〝ทะ ทำไม… มันน้อยขนาดนี้เนี่ย? เกิดอะไรขึ้นกัน!!!〞
〝 ห๋า!!!!!! 〞
กรที่เป็นฝ่ายตกใจกับคำพูดของรินซะเองตะโกนออกมาด้วยเสียงที่ดังกว่ารินซะอีก แล้วกรก็ต้องรับความเป็นจริงอันแสนโหดร้ายหลังจากนั้น———
〝หนะ ไหนเอาของเธอมาให้ฉันดูหน่อย!!!!〞
〝ขะ ขะ ขะ เข้าใจแล้วจ๊ะ! จะ ใจเย็นๆก่อนเถอะ!!!〞
กรพูดแบบนั้นในขณะที่ เข้าไปจับไหล่ทั้งสองข้างของรินแล้วโยกไปโยกมา ทำให้รินเกิดอาการตาลายจนเห็นดาวหมุนวนอยู่บนศีรษะ รินก็เลยรีบเอาหน้าต่างของตัวเองให้ดู แล้วผลก็…….
ข้อมูลสเตตัส
『ไอริน ศิลปการสกุล 』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ จอมเวทย์ เลเวล 1
ฉายา 〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘จอมเวทย์ต้นกำเนิด〙
《พลังโจมตี》 250 《พลังป้องกัน》 230
《พลังเวทย์》 300 《ควมต้านทานเวทย์》 270
《ความว่องไว》 230 《พละกำลัง》 180
ห๋าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!!!!!!!!
นี่มันอะไรกันเนี่ย!? ฉายาแต่ละอันฟังดูสุดยอดทั้งนั้นเลย มันจะเกินไปแล้วนะเฟ้ย! ไม่เห็นมีอันที่ทำร้ายจิตใจแบบฉันเลย….
แล้วอีกอย่างทำไมสเตตัสมันโกงขนาดนี้ฟะ เฉลี่ยแล้ว 240 กว่าๆ เลยนะ มากกว่าคนทั่วไปของโลกนี้ตั้ง 24 เท่า แถมมากกว่าฉันตั้ง 6 เท่า! โกงสลัดเลย
พอกรเห็นหน้าต่างสเตตัสของรินแล้วก็ถึงกับนั่งคุกเข่าในท่า ORZ อย่างหดหู่เลยทีเดียว แล้วหลังจากนั้นโชต ชาญและอลิสก็เข้ามาหาทั้งสองคน
〝ทะ ทุกคน〞
〝อ๊ะ เป็นไงบ้าง ริน กร …..สเตตัสของพวกเราพอๆกันหมดทุกคนเลยหล่ะ เท่าที่ลองถามดูสกิลเองก็เหมือนกันหมดเลย ยกเว้นพวกสกิลโจมตีกับเวทย์มนต์หน่ะนะ〞
โชตที่ตอบกลับคำพูดที่ปนอาการตกใจของรินด้วยท่าทางสบายๆแบบนั้น ทำให้กรสะดุ้งขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว แล้วทำให้กรนึกถึงเรื่องที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ
จะ จริงสิ สกิล… ยังมีสกิลอยู่นี่นา!!!
หลังจากที่กรคิดแบบนั้นก็เลยรีบขอหน้าต่างสกิลของรินดู แล้วก็ต้องตกใจมากยิ่งกว่าเดิม
สกิล
『สกิลโจมตี』
『สกิลป้องกัน』ภูผาแกร่ง, ป้องกันขั้นสุดยอด
『เวทย์มนต์』เวทมนต์น้ำระดับกลาง, เวทมนต์ลมระดับกลาง, เวทมนต์ไฟระดับกลาง, เวทมนต์ดินระดับกลาง, เวทมนต์รักษาระดับกลาง
『สกิลเสริมพลัง』เพิ่มพลังเวทย์, ย่างก้าวแห่งสายลม
『สกิลติดตัว』 เรียกหน้าต่างสเตตัส, เข้าใจภาษาขั้นกลาง, เร่งการฟื้นฟูพลังเวทย์, เร่งการฟื้นฟูบาดแผล, เร่งอัตราการเจริญเติบโต
『สกิลสายผลิต』
『สกิลพิเศษ』ตรวจสอบขั้นกลาง, ตั้งปาร์ตี้ขั้นกลาง
อ๊ากกกกกกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!
อะไรกันฟะไอ้สกิลที่เหมือนกับใช้โปรพวกนี้ นี่พวกแกกดสูตรข้ามโลกมารึไงกันฟะ! มีแต่อันสุดยอดทั้งนั้นเลยไม่ใช่เหรออออ!!!!
สกิลที่เหมือนกับฉันทุกอย่างก็เป็นขั้นกลางหมดเลยด้วย มันจะสองมาตรฐานเกินไปแล้วโว้ยไอ้แก่พระเจ้านั่น!
หลังจากนั้นพวกเราก็แลกสเตตัสกันดู ส่วนสเตตัสของเจ้าพวกนี้เป็นยังไงหน่ะเหรอ…
ข้อมูลสเตตัส
『ทินโชติ อัชณโสภณ』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ ผู้ใช้หอก เลเวล 1
ฉายา 〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘ผู้ทะลวงพิภพ〙
《พลังโจมตี》 350 《พลังป้องกัน》 280
《พลังเวทย์》 240 《ควมต้านทานเวทย์》 270
《ความว่องไว》 340 《พละกำลัง》 300
ข้อมูลสเตตัส
『อลิชา ศิริกาลกุล』เพศ หญิง อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ นักดาบ เลเวล 1
ฉายา 〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘จอมดาบราชันย์〙
《พลังโจมตี》 350 《พลังป้องกัน》 330
《พลังเวทย์》 260 《ควมต้านทานเวทย์》 250
《ความว่องไว》 300 《พละกำลัง》 280
ข้อมูลสเตตัส
『วิเชียรชาญ รัตนไพศาล』เพศ ชาย อายุ 17 เผ่าพันธุ์ มนุษย์
อาชีพ ผู้ใช้ตำรา เลเวล 1
ฉายา 〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙, 〘ปํญญาแห่งพระเจ้า〙
《พลังโจมตี》 270 《พลังป้องกัน》 240
《พลังเวทย์》 330 《ควมต้านทานเวทย์》 220
《ความว่องไว》 200 《พละกำลัง》 200
เกินไปแล้วววว!!!! ฉายาของเจ้าพวกนี้มันอะไรกันฟะ แต่ละอันอ่านแล้วก็รู้ว่าสุดยอด แถมมี〘ผู้กล้าไร้พ่าย〙กันทุกคนอีก…
ส่วนฉัน นอกจากจะไม่มีแล้ว ยังมีแต่ไอ้〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙นั่นอีก แบบนี้มันเกินไปแล้ว…..
ส่วนสกิลของเจ้าพวกนี้ นอกจากสกิลโจมตีกับเวทย์มนต์ก็เหมือนกันหมด นี่มันอะไรกันฟะ!!! แล้วจากที่เจ้าพวกนี้เล่า ทุกคนมีสเตตัสกับสกิลแบบนี้กันหมดเลย มีแค่ฉันคนเดียวเหรอฟะที่กระจอกแบบนี้อยู่คนเดียว
เกินจะรับไหวแล้วเฟ้ย …อยากร้องไห้ชะมัดเลยอ่า!!!
หลังจากนั้นกรที่ลงไปนั่งคุกเข่าในท่า ORZ เหมือนเดิมก็บ่นพึมพำกับตัวเองอยู่ในใจ
〝เฮ้ยๆ ทุกคน ดูนี่สิ!!!! ไอ้โอตาคุบัดซบนี่ สเตตัสอย่างกากเลย ฮ่าฮ่าฮ่า〞
คนที่กำลังป่าวประกาศให้นักเรียนทุกคนในลานกว้าง ไปสนใจกรที่กำลังนั่งคุกเข่าหดหู่อยู่นั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็น『เสือ』นั่นเอง…
【ไหนๆ เฮ้ยกระจอกสุดๆเลยนี่หว่า!】
【อะไรฟะเนี่ย ตลกชะมัด สกิลเองก็โคตรกระจอกเลย】
【ฮ่าฮ่าฮ่า!!! ฉายาเป็น〘การใช้ชีวิตที่ผิดพลาด〙งั้นเหรอ? เข้าใจคิดนี่หว่า! 】
【ไอ้ขยะนี่ไม่รอดแหงๆ!!!!】
ไอ้คนพวกนี้ซ้ำเติมฉันกันใหญ่เชียวนะ แต่ไอ้พวกนี้ก็เกลียดขี้หน้าฉันเป็นทุนเดิมอยู่แล้วนี่ แต่เอาเถอะ จนป่านนี้แล้วฉันไม่คิดมากกับเรื่องนั้นแล้วหล่ะ
แล้วทำไมเจ้าพวกนี้ถึงได้รู้หน้าต่างสเตตัสของฉันได้กันเนี่ย?
แต่จะว่าไป… รู้สึกว่าทุกคนจะมี สกิลตรวจสอบอยู่ขั้นกลางกันสินะ คงเป็นไอ้สกิลตัวปัญหานั่นแหละ
ขณะที่กรกำลังคิดแบบนั้นเสือก็เดินเข้ามาทางกรทั้งที่ ยังคุกเข่าอยู่กรจึงเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย โดยที่รอบๆก็ยังมีเพื่อนสนิททั้ง 4 อยู่
〝นี่ๆ ที่นี่เป็นลานฝึกใช่ป่ะ …เพราะงั้นถึงจะลองใช้ดาบก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง〞
เมื่อกรได้ยินคำพูดนั้นก็เสียวสันหลังวาบในทันที ถึงเป็นดาบไม้ แต่ก็อาจทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน ถ้าเป็นเสือคงไม่ออมมือให้แน่ กรที่รู้แบบนั้นจึงรีบทำให้ร่างกายกลับสู่สภาพเตรียมพร้อมทันที หลังจากนั้นไอ้เสือก็กำลังจะเอามือไปคว้าด้ามดาบที่กลางหลัง แต่กรที่สัมผัสและคาดเดาเรื่องนั้นได้ก่อนจากการใช้สุดยอดการประมวลผลก็รีบลุกขึ้นจนอยู่ในท่านั่งยอง แล้วก็รีบดีดตัวไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็วพร้อมกับกำลังจะเตรียมชักดาบออกมาเช่นกัน
【เอาเลยๆ……อัดมันให้หมอบไปเลย!!!!】
【พยายามเข้าหล่ะไอ้กระจอกถึงจะเปล่าประโยชน์ก็เถอะ……..ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ】
ในขณะเดียวกับที่เสือพูดออกแบบนั้นออกไป เสียงรอบๆตัวของกรก็ดังขึ้น แต่ก็เหมือนเดิม ทั้งหมดเป็นเสียงสาปแช่งนินทาเขาทั้งสิ้น
〝พวกนาย! มันใช่เวลามาทำเรื่องแบบนี้เหรอ?〞
〝พะ พอเถอะนะ ทุกคน!〞
〝แบบนี้มันเกินไปแล้วนะ พอทีเถอะทุกคน!〞
โชต รินและอลิซเริ่มขอให้ทุกคนหยุดเรื่องที่กำลังจะกลายเป็นการวิวาทนี้ แต่โชคร้าย… นอกจากเพื่อนของกรทั้ง 4 คนและคนส่วนน้อยที่ไม่กล้าพูดขัด นักเรียนผู้กล้าส่วนใหญ่ไม่มีใครสนใจว่ากรจะเป็นตายร้ายดียังไงซักนิด กลับกันแล้วยังรุนแรงกว่าเดิมเพราะพวกรินออกตัวปกป้องกรอีก
ชาญที่ใจเย็นกว่าทั้ง 3 คนรู้เรื่องนั้นดีที่สุดจึงไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็เป็นอีกคนที่แสดงสีหน้าเจ็บปวดไม่แพ้อีก 3 คนในตอนที่กรถูกสายตารุนแรงจากรอบข้างโจมตี
ความริษยาของมนุษย์นี่มันน่ากลัวจริงๆแฮะ ให้ตายสิ…
ขอโทษด้วยนะทุกคน แต่แบบนั้นมันไม่ช่วยอะไรหรอก… ทั้งที่เคยเกิดเรื่องพรรค์นี้มาแล้วแท้ๆ…
แต่ฉันก็ดีใจนะที่พวกนายเป็นห่วง…
ในขณะที่กรคิดแบบนั้น เสือก็เริ่มตั้งท่าโจมตีใส่กร เพราะกรมีสุดยอดการประมวลผลอยู่เลยทำให้มองเห็นและสังเกตได้ทัน แตกต่างจากทั้ง 4 คนที่ถูกบรรยากาศโดยรอบกลืนกินและพยายามจะเปลี่ยนความคิดทุกคนอยู่เหมือนเคย ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ได้ผล หากจะได้ผลจริงๆมันคงได้ผลตั้งแต่อยู่ที่โลกเดิมไปแล้ว
เพราะแบบนั้นเสือเลยมีพื้นที่เข้าปะทะกับกรได้อย่างง่ายดาย
ไอ้เสือมันเริ่มแล้วแฮะ!
แต่ว่าตัวฉันหน่ะมีสุดยอดการประมวลผลอยู่… แถมการเคลื่อนไหวของมันฉันคนนี้ก็เห็นจนชินตาแล้วด้วย
ถ้าเร่งสัมผัสให้ถึงที่สุดก็คงพอจะทำอะไรได้บ้างแน่ ไม่คิดจะอยู่ในสภาพน่าสมเพชเหมือนที่โลกเดิมไปตลอดหรอกนะ!
กรคิดแบบนั้น แต่ว่า…. ความเป็นจริงมันไม่ได้ง่ายดายแบบนั้น…..
ท่าเตรียมพร้อมที่กรคิดไว้ในหัวและกำลังจะเคลื่อนไหวร่างกายไปตามนั้น คือ การย่อเข่าลงนิดหน่อยเพื่อที่จะเปลี่ยนท่าได้ทุกเมื่อ ยื่นมือซ้ายเอามาไว้ข้างหน้าเพื่อใช้รวมกับแรงเหวี่ยงเมื่อชักดาบจากฝักแล้ว ส่วนมือขวาก็กำลังกำด้ามดาบที่แขวนไว้ข้างหลังของตัวเอง เมื่อคิดได้เช่นนั้นเขาจึงเริ่มขยับเพื่อเปลี่ยนเป็นท่าเตรียมพร้อมดังกล่าวเพื่อเริ่มการโต้กลับ แต่ว่า….
ชั่วพริบตาเท่านั้น… กรยังขยับร่างกายได้ไม่ถึงครึ่งที่ตั้งใจไว้เลยด้วยซ้ำ แต่เสือก็มายืนอยู่ต่อหน้าของกรเสียแล้ว โดยระยะห่างระหว่างทั้งสองคนอยู่ในระยะดาบของเสือพอดี แล้วใบดาบที่ทำมาจากไม้ของเสือก็จ่ออยู่ที่ลำคอด้านขวาของกรเสียแล้ว
เห็นหมดแล้ว….. เห็นมันทั้งหมดนั่นแหละ ชัดเจนเลยด้วย การเคลื่อนไหวที่เหลือเชื่อนั่น…..
แต่ก็ขยับไม่ทันมันเลยซักนิดเดียว…..
กรเบิกตาโพลงด้วยความตกตะลึง พร้อมๆกับสายตาของทุกคนในลานประลองได้เปลี่ยนมามองภาพที่กรแพ้อย่างหมดท่านี้
〝อ้าวๆ ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่าไงวะ? ถ้ายั๊วนักละก็ ลองอัดฉันให้ได้ซักหมัดเซ่! 〞
หลังจากถูกกรมองด้วยสายตาที่เปลี่ยนเป็นดุดันแทน เสือก็ตอบกลับสายตานั้นด้วยคำพูดที่ตั้งใจยั่วโมโหกันอย่างชัดเจนเหมือนอย่างที่เคยเป็น แต่นั่นก็ทำให้กรถอดใจไปด้วยเหมือนกัน เพราะกู้คืนไม่ได้ทั้งผลลัพธ์ในการต่อสู้และบรรยากาศแสนกระอักกระอ่วนรอบตัว
เปล่าประโยชน์สิ้นดี… เพราะความต่างของสเตตัสสินะ…
แบบนี้ถึงมีสุดยอดการประมวลผลก็ไม่ช่วยอะไรเลย……
เวรเอ้ย! แบบนี้มันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนเลยไม่ใช่รึไง… น่าสมเพชชะมัด!
【ฮ่ะฮ่ะฮ่ะ….กระจอกชะมัดเลย!!!!】
【ยังไม่ทันได้ชักดาบเลยนี่หว่า!!!!】
【ไร้ประโยชน์ชะมัดเลย……สวะเอ๊ย!!!!】
〝 ห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะ!!!!!! 〞
.
〝 ห่ะห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะห่ะ!!!!!!!! 〞
.
.
.
〝 ห๊ะห่ะห๊ะห่ะห๊ะ!!!!!!!!!! 〞
ในขณะเดียวกับที่กรกำลังบ่นพึมพำอยู่ในใจอย่างสิ้นหวัง เสียงหัวเราะเยาะของเพื่อนๆในโรงเรียนก็ดังมากขึ้นเรื่อยๆ ราวกับจะตอกย้ำความคิดของเขา
〝โหดร้าย… 〞รินยกมือขึ้นป้องปากอย่างตกตะลึงและน้ำตาคลออย่างเจ็บปวด เพราะทำอะไรไม่ถูกกับสถานการณ์ตรงหน้าที่กรถูกประจานเช่นนี้
〝บัดซบ… 〞
〝เกินไปแล้วนะ… เจ้าพวกนี้… 〞
เป็นเวลาเดียวกับที่โชตและอลิซซึ่งน้ำตาคลอเช่นเดียวกับริน ทั้งสองคนพูดออกมาด้วยความโกรธสุดขีด และกำลังจะพุ่งพรวดเข้าไปตะโกนห้ามการประจานนี้
แต่ก็ถูกชาญจับมือห้ามไว้ทั้งสองคน ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะบอกว่า ปล่อยนะ! แล้วหันกลับไปมองชาญ อลิซและโชตกลับสัมผัสได้ถึงสายตาที่รุนแรงยิ่งกว่าของตน มาจากชาญที่โกรธพอๆกับพวกตนกำลังกำมือของพวกเขาแน่น… พร้อมกับบอกผ่านทางสายตาว่า พอเถอะ…
อย่างที่ทราบว่าเหตุผลที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้ากร เป็นเพราะเขาล้อมหน้าหลังไปด้วยสาวงามเช่นรินและอลิซ ซึ่งจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ มันก็คือ ความอิจฉาดีๆนี่เอง…
ในช่วงแรกที่มีการกลั่นแกล้งพวกเธอเองก็พยายามเข้าไปช่วยแล้ว… แล้วผลลัพธ์หน่ะเหรอ?
ในมุมมองของผู้ที่กำลังอิจฉาและโกรธเคืองกร การที่สาวเจ้าเข้ามาช่วยเหลือในยามที่กรตกต่ำเช่นนั้น มันคือการราดน้ำมันลงบนกองเพลิงเพื่อสุมไฟให้หนักขึ้นดีๆนี่เอง… การกลั่นแกล้งจึงได้หนักขึ้นๆ จนถึงในปัจจุบัน ด้วยเหตุฉะนั้นพวกรินจึงแทบจะไม่มีโอกาสเข้าไปช่วยเลยซักนิดแม้จะอยากช่วยมากแค่ไหนก็ตาม
เช่นนั้น จึงทำให้พวกรินจำต้องฝืนทนความโกรธและไม่พอใจนี้จนถึงกับต้องกำหมัดไว้แน่น โดยที่ไม่สามารถทำอะไรกับบรรยากาศแบบนี้ได้เลย แม้จะรู้ว่ามันจะแย่ลงแต่ถ้าเห็นเพื่อนคนสำคัญตกอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น ใครเล่าจะอดใจไม่เข้าไปช่วยไหว แม้ผลลัพธ์จะทำให้มันแย่ลงเหมือนตอนนี้ก็ตาม
และแม้การต่อสู้ ? ……จะจบลงแล้ว แต่ทั้งสองคนก็ยังคงยืนอยู่ในท่านั้นอยู่เลย
แพ้แล้ว…. อย่างหมดรูปเลยด้วย….
ไม่ได้เปลี่ยนไปซักนิด…
เป็นไอ้ขี้แพ้ยังไงก็เป็นอย่างงั้น…
จะโลกนี้หรือโลกก่อน น่าสมเพชที่สุด…
ฉันมัน… อ่อนแอ———
〝 โฮรก!!!!!! 〞
【เกิดอะไรขึ้น….】
【เมื่อกี้นี้มันเสียงอะไรหน่ะ!!!!】
นักเรียนทุกคนหันเหความสนใจไปยังเสียงที่เหมือนกับการขู่คำรามของพญาราชสีห์นั่น เสียงนั้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนสั่นไหวไปทั่วลานฝึกฝน เสียงนั้นดังมากพอที่จะดึงสติของกรที่กำลังตกลงสู่ความสิ้นหวังไร้ก้นบึ้งที่ถาโถมเข้ามาได้เลยทีเดียว หลังจากนั้นฮันซี่ที่เป็นต้นเหตุของเสียง ซึ่งน่าจะมาจากสกิลของเขา ก็เริ่มกล่าวว่าทุกคน
〝พวกเจ้าทุกคน ไม่มียางอายกันเลยรึยังไงกัน!!!! เหตุใดจึงได้ว่ากล่าวนินทา พวกพ้องที่ต้องร่วมเป็นร่วมตายในสนามรบของตัวเองเช่นนั้น หา!!!!!!!!!〞
เสียงของฮันซี่นั้นฟังดูน่าเกรงขามอย่างที่สุด หากฟังจากน้ำเสียงจะรู้เลยว่าเขาเดือดดาลขนาดไหน
คำพูดของฮันซี่ทำให้ทุกคนรู้สึกผิดจนเงียบไปได้เลย กับคำพูดที่แสดงให้เห็นว่าตัวเองทำเรื่องต่ำช้าขนาดไหนไป ทำให้ทุกคนพูดอะไรไม่ออกกันเลยทีเดียว
〝ให้ตายสิไม่ไหวเลย!!!! ข้าก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรมาก่อนหรอกหน่ะ แต่ว่าตอนนี้พวกเจ้าถูกส่งมาอยู่ต่างโลกด้วยกันแบบนี้ ก็ต้องสามัคคีกันไว้สิ!!! 〞
เฮ้อ—————
หลังจากพูดแบบนั้นฮันซี่ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างเงียบๆ
〝งั้นวันนี้ก็พอเท่านี้ก่อนแล้วกัน!!! ข้าให้พวกเจ้าไปพักตามสบาย พวกเจ้าทุกคนไปสงบสติอารมณ์กันซะ!!! แยกย้ายได้!!!!! 〞
หลังสิ้นเสียงฮันซี่ก็เดินออกไปจากลานฝึกพร้อมกับเหล่าทหารในกอง แต่ถึงแม้เขาจะออกไปแล้วแต่นักเรียนทุกคนก็ยังเงียบเสียงอยู่เหมือนเดิม หลังจากที่ฮันซี่เดินออกไป เสือที่ยืนอยู่หน้ากรก็เดาะลิ้น〝ชิ!!! 〞เสียงดัง แล้วก็เดินจากไปเหมือนทุกที หลังจากนั้นเพื่อนสนิททั้ง 4 ของกรก็วิ่งเข้ามาหาด้วยความรีบร้อน
〝กะ กร!!!!!!!〞
ชึบ———
รินและอลิซที่ตะโกนเรียกกรตั้งแต่อยู่ไกลๆ รีบวิ่งเขามาจับมือของกรคนละข้างแล้วประคองมันขึ้นมาราวกับจะเรียกสติของกร ส่วนโชตและชาญก็ตามมาพร้อมกันแต่เพราะรู้ว่าไม่ควรพูดอะไรในสถานการณ์แบบนี้จึงได้แต่เงียบไว้
〝………ทุกคน〞กรได้สติจากวังวนแห่งความคิดของตัวเองพูดขึ้นมาแล้วก็มองใบหน้าของเพื่อนๆ
〝อื้ม! ใช่แล้ว!〞 〝นี่พวกเราเองนะกร〞
อลิซและรินตอบกลับกรไปแบบนั้นเหมือนกับจะบอกว่า〝ไม่เป็นไร ….ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว〞ก็ทำให้กรมีสีหน้าดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็แน่นอนว่ายังไม่ได้หายหดหู่ดีนัก
〝ฉันเหนื่อยแล้วหล่ะ… พาฉันไปหาอะไรกินหน่อยสิ〞
กรตอบทุกคนกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ที่ฉีกยิ้มจนเห็นฟันแทบทุกซี่เพื่อกลบเกลื่อนความเจ็บปวดของตัวเองอย่างเห็นได้ชัด แต่พอกรทำแบบนั้นสีหน้าทุกคนก็ยิ่งดูหม่นหมองลงกว่าเดิม
แล้วหลังจากนั้นทั้ง 4 คนก็พากรที่อ่อนล้าเต็มทนเช่นเดียวกับตัวเองออกไปจากลานฝึกฝน โดยไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกเลยซักคำ…
❖❖❖❖❖