ชีวิตที่อยู่ร่วมห้องกับสาวๆ 18+ - บทที่ 201 ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป
หลังจากกินข้าวเสร็จ ตอนแรกผมอยากจะช่วยลู่หย่าฉีเก็บโต๊ะ แต่ว่าถูกอยู่เสี้ยงเฉียนตะโกนเรียกที่ประตู ให้เข้าไปภายใน
เขาจุดบุหรี่ จากนั้นผมก็จุดบุหรี่ แม้ว่าบุหรี่ของเขาจะดี แต่ว่าจะต้องชินกับมันก่อน
“ถึงแม้ว่าผังบายีจะไม่ได้ถึงกับบ้า แต่ว่าก็ต้องระวังไว้หน่อยก็ดี หวูเจิ่นดงเคยเป็นทหารมาก่อนใช่ไหม?”
ผมเข้าใจความหมายของอยู่เสี้ยงเฉียน ผมเลยพยักหน้า: “ใช่แล้ว ลุงหยู่หยิบรูปโมเดลจากที่นี่ตามสบายก็ได้แล้ว จากนั้นผมจะโทรศัพท์หาเขา ให้ไปเป็นคนขับรถให้ถิงถิง”
บนใบหน้าของอยู่เสี้ยงเฉียนนั้นปรากฏรอยยิ้มบาง มองไปทางดงป๋อชวนทันที “เห็นหรือยัง นี่มันเป็นคนฉลาด จากนี้ไปป้องกันเขาไว้หน่อย ไอ้เด็กนี่มันฉลาดเกินไป ระวังจะทำให้เขาขายพวกเราอีก”
“ดูลุงหยู่พูดเข้าสิ ผมไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย พูดอีกทีก็คือ ผมยังหวังว่าต่อคุณจะมาเป็นพ่อตาของผม!”
อยู่เสี้ยงเฉียนตีมาที่ไหล่ของผม “ต้องแบบนี้สิ ค่อยน่าฟังหน่อย!”
ผมตอบรับอย่างกระตือรือร้น หลังจากพูดคุยอีกสักพัก ผมก็ขอตัวลาออกมา
ระหว่างทางที่ขับรถไป ผมโทรศัพท์หาหวูเจิ่นดง บอกเขาว่าช่วงนี้จะจัดการให้เขาไปขับรถให้กับหยู่ถิง สามารถพกปืนได้
หวูเจิ่นดงเข้าใจความหมายอย่างแน่นอน แต่ยังคงเห็นด้วย และตอบตกลงอย่างดีใจ ถึงขั้นลึกๆแล้วดูมีความสุขเลยทีเดียว นี่สิเป็นสิ่งที่ผมกังวล
ผมกับอยู่เสี้ยงเฉียนถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน แต่หวูเจิ่นดง……ดูแล้วน่าจะชอบชีวิตแบบนี้
“ดงจี่ ระวังด้วย ไม่ว่าจะเป็นดงป๋อชวนหรืออยู่เสี้ยงเฉียน จับตาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วน อย่าให้เลือดเปื้อนมาบนมือได้ เลือดที่เปื้อนนั้นถ้าเหลือไว้ให้คนอื่นจัดการแล้วละก็ ตลอดชั่วชีวิตนี้จะต้องอยู่ในกำมือของคนอื่น”
คำพูดนั้นคนที่ปลายสายอย่างหวูเจิ่นดงพูดว่าเขาเข้าใจ จากนั้นก็ถามกลับมาว่าจะอธิบายให้กับจางหงหวู่ว่าอย่างไรดี
“ทางจางหงหวู่นั้นฉันจะเป็นคนอธิบายเอง เรื่องนี้คุณไม่ต้องเป็นห่าง รอจนผมจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วคุณก็ค่อยโทรศัพท์ไปหาเธออีกครั้งก็ใช้ได้แล้ว”
หลังจากกำชับหวูเจิ่นดงเรียบร้อยแล้ว ผมก็วางสาย จากนั้นโทรศัพท์ของจางหงหวู่ก็โทรเข้ามา เธออยากจะให้ผมไปที่ดี้เล่สิงซิงสักรอบ
เดิมทีก็อยากจะไปหาเธออยู่แล้ว เลยขับรถแล่นตรงไปที่ดี้เล่สิงซิง
หลังจากเข้าไปห้องทำงาน ผมก็เห็นจางหงวู่ที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนเก้าอี้สำนักงาน
มองออกว่า ใบหน้าของเธอนั้นมีความกังวลไม่สบายใจ
“สามีที่รัก อยู่เสี้ยงเฉียนกับผังเจี้ยนจวินเริ่มปะทะกันแล้ว ผังเจี้ยนจวินตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาลเป็นตายยังไงไม่รู้ เรื่องนี้คุณรู้หรือเปล่า?”
“รู้ ผมเป็นคนทำ……”
ทันใดนั้นเอง ผมก็เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้กับจางหงหวู่ได้รู้ แม้กระทั่งเรื่องที่เพิ่งไปกินข้าวที่บ้านของอยู่เสี้ยงเฉียนก็ไม่ตกหล่นไป เล่นให้เธอฟังทั้งหมด
“สามีที่รักของฉัน ยิ่งนับวันยิ่งร้ายกาจ ผังบายีเกือบจะตายด้วยน้ำมือของคุณหลายต่อหลายครั้ง ก็ยังนึกไม่ถึงเลยว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ร้ายตัวจริง”
จางหงหวู่ฟังแล้วก็เหมือนกับว่ากำลังชมผมอยู่ ดูก็เหมือนว่ากำลังชมผมอยู่เหมือนกัน แต่ว่าบนใบหน้านั้นไม่มีแม้แต่รอยยิ้มเลยสักนิดเดียว
“ผมไม่รู้ว่าคุณกังวลเรื่องอะไร บนทางสายนี้ผมเองก็คิดอยู่หลายครั้งมาก”
ดึงจางหงหวู่มาที่บนโซฟา จากนั้นก็โอบกอดเธอไว้ในอ้อมกอด สูดดมกลิ่นหอมของเส้นผมของเธอ ลมหายใจที่สม่ำเสมอมั่นคงของเธอทำให้จิตใจของผมค่อยๆสงบ
“ผมเตรียมการเรื่องนี้ไม่กี่วัน กับคนที่อยู่ด้วยกันกับเฉินหลินก็ถูกเขาจัดการเรียบร้อยไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาสนใจฉันอยู่ และไอ้เสือตัวใหญ่ตัวนี้บอกว่าเฉินหลินนั้นจะไม่สามารถปรากฏตัวออกมาอีก ความหมายของไม่สามารถปรากฏตัวออกมาอีกนั้นก็คือตายไปแล้วหรือหายตัวไป แล้วในอนาคตเวลาใดเวลาหนึ่งจะอยู่ดีๆออกมาแว้งกัดผมได้อย่างไรกัน?”
“และเฉินหลิน ถึงแม้ว่าเธอจะไม่มีบันทึกเสียงแน่นอน ตอนที่เธอพูดเรื่องพวกนี้นั้นผมกำลังปีนอยู่บนเธอที่โป๊เปลือยบนเตียง ถึงแม้ว่าถ้าอยู่เสี้ยงเฉียนเตรียมคนไว้ล่วงหน้า ในมือของเขาจะถือบันทึกเสียงของผมไว้อย่างนั้นหรือ? เรื่องพวกนี้ก่อนหน้าจะไปเจออยู่เสี้ยงเฉียนครั้งนี้ผมไม่ได้คิดมาก่อน แต่พอตอนนี้ลองคิดดูเหมือนว่าจะสายไปแล้ว”
จางหงหวู่จูบผมหนึ่งที จากนั้นปีนมาที่ข้างหูของผมอย่างรักใคร่สนิทสนม
“รู้อยู่แล้วว่าสามีที่รักนั้นฉลาดที่สุดแล้ว ไม่ถูกอยู่เสี้ยงเฉียนใช้เป็นปืนได้ง่ายๆ”
“ไม่ว่าจะลงมือกระทำก่อนหรือถูกกระทำ ยังไงซะตอนนี้ก็ถูกอยู่เสี้ยงเฉียนใช้เป็นปืนเรียบร้อยแล้ว”
จางหงหวู่หัวเราะแล้วพูด: “ใช้ให้เป็นปืนเองก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลย ก็ยังมีวิธีแก้ไขอยู่”
ผมพยักหน้า “ใช่ เรื่องนี้ผมเองก็คิดมาก่อน และก็ไม่อยากที่จะคิดเหมือนกัน เรื่องนี้พอคิดในทางกลับกันแล้วก็ได้อยู่นะ คิดว่าถ้าอยู่เสี้ยงเฉียนอยากจะใช้ประโยชน์จากผมจริงๆแล้วละก็ ผมมีอะไรที่มีค่าพอที่จะใช้ประโยชน์ได้ก็ใช้ได้แล้ว”
“ครั้งนี้ เขาใช้ประโยชน์จากการที่ผมเคลื่อนไหวเป็นการเตือนผังบายี แล้วครั้งหน้าละ เขาจะใช้ประโยชน์จากผมฆ่าผังเจี้ยนจวินหรือเปล่า จากนั้นก็ช่วยคนอื่นให้มาฆ่าผมอีก นี่เป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่เกี่ยวข้องกับการตายของผังบายีจริงๆนะเหรอ? นี่มีโอกาสน่าจะเป็นไปได้”
“ดังนั้นวิธีแก้ไขที่คุณพูดนั้นผมลองคิดไว้บ้างแล้ว ผังบายีจำเป็นจะต้องตาย และเขาจะต้องตายผ่านมือของผม พูดง่ายๆก็คือผมสะดวกที่จะเอาโถขี้นี้ไปรัดไว้บนหัวของคนอื่นก่อน ไม่ใช่ให้อยู่เสี้ยงเฉียนเอาโถขี้มารัดไว้ที่หัวของผม!”
จางหงหวู่เงยหน้าขึ้นมา มือทั้งคู่จับหน้าของผม สายตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“สามีที่รัก คุณเติบโตรวดเร็วมาก เหลือเชื่อมากจริงๆ ความคิดของคุณตอนนี้นั้นเหมือนกับฉันทั้งหมด ถึงขั้นที่มีบางเรื่องเหมือนว่าคุณจะมองออกชัดเจนกว่าฉันเสียอีก พูดตามตรง คุณเมื่อก่อนที่ซื่อสัตย์ไร้เดียงสานั้น คุณแกล้งแสดงทั้งหมดใช่หรือเปล่า จงใจที่จะหลอกฉันใช่ไหม?”
“ผมหลอกอะไรคุณละ หลอกร่างกายของคุณแล้วหรือว่าหลอกเงินของคุณแล้ว?”
“คุณหลอกฉันคนนี้นี่แหละ”
จางหงหวู่พูดจบก็ใช้ปากเล็กได้รูปของเธอตรงเข้ามาประกบปากของผม ยื่นลิ้นหอมหวานเข้ามาทันที เปิดศึกสงครามกับผม
เวลาสักพักใหญ่ ความพ่ายแพ้ของผมก็เป็นอันสิ้นสุด แต่ว่าเธอเองนั้นก็หายใจหอบสั่นอย่างต่อเนื่อง และยังคงประสบความสำเร็จเล็กน้อย
“สามีที่รักนับวันคุณยิ่งร้ายกาจขึ้นเรื่อยๆ ฉันมีความต้องการคุณขึ้นมาบ้างแล้ว จะทำอย่างไรดี?”
“พยายามยืนหยัดอดทนอีกหน่อยไหม? รอจนกว่าผังบายีจะตายก่อน ผมจะทำกับคุณหนึ่งอาทิตย์เลย ดีไหม?”
“ไม่ดี ฉันต้องการเดี๋ยวนี้!”
พูดจบ จางหงหวู่ก็ถอดเสื้อคลุมออก เปิดซิปกางเกงของผมออกมาทันที
ชั่วพริบตา ภายในห้องทำงานนั้นปรากฏเสียงร้องครวญครางที่น่าดึงดูดเย้ายวน มีเสน่ห์เหมือนบทกวีอันสวยงาม……
หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ผมก็ออกจากห้องทำงานของจางหงหวู่
……
วันเวลาผ่านไปในแต่ละวัน ผมจ้องมองศึกสงครามระหว่างอยู่เสี้ยงเฉียนกับผังเจี้ยนจวินอย่างระมัดระวังรอบคอบ ผ่านไปไม่นาน ตั่นโก๋ซูนใช้ช่วงเวลาฉุกละหุกนั้นแทงเข้าด้านหลัง ผังบายีตายแล้ว ผังเจี้ยนจวินเองก็ตายแล้ว
อิทธิพลของผังเจี้ยนจวินนั้นเดิมทีถูกอยู่เสี้ยงเฉียนกลืนกินเข้าไปแล้วครึ่งหนึ่ง ดังนั้นอีกครึ่งที่เหลือนั้น ก็ถูกพี่ชายที่แสนแข็งแกร่งราวเหล็กกล้าของผมหวูเจิ่นดงกลืนกินเข้าไป กำลังลูกน้องแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างมาก
แน่นอน ส่งผลกระทบกับผมเพียงเล็กน้อยจนกระทั่งไม่จำเป็นที่จะต้องเอ่ยถึง คนกลางที่โดนห้อมล้อมไปด้วยสาวงามมากมาย เหมือนกับว่าประสบความสำเร็จตามกับเขาไปด้วย
……
ช่วงเย็นวันนี้ ผมโทรไปหาหยู่ถิง
“ยังไม่ตายอยู่บนร่างของจางหงหวู่เหรอ?” โทรศัพท์เพิ่งจะโทรติด ผมก็ได้ยินเสียงตำหนิอย่างไม่พอใจของหยู่ถิง
ผมไม่ได้ตอบคำพูดของหยู่ถิง และพูดออกไป: “หยู่ถิง ผมคิดถึงคุณแล้ว!”
พอได้ยินผมพูดออกไปแบบนี้ จิตใจของหยู่ถิงนั้นก็อ่อนไหวขึ้นมาทันที “คืนนี้มาที่บ้านฉันละกัน ฉันเองก็คิดถึงคุณ”
รอจนวางสายไป ผมมองไปที่ท้องฟ้าสีแดงยามเย็นของอาทิตย์ยามอัสดง ช่างเหมือนกับว่าได้เห็นใบหน้ายามค่ำคืนของหยู่ถิงที่เปื้อนไปด้วยสีแดง ภายในหัวใจนั้นกระเพื่อมหวาบหวามฉับพลัน
สีแดงยามเย็นเบื้องหน้านั้นเหมือนว่าไม่ได้หยุดปรากฏเพียงใบหน้าของหยู่ถิงเท่านั้น ตอนนี้ยังตามด้วยจางหงหวู่ ลู่หย่าฉี ลู่ปู้หนาน……อื่นๆ
หยุดจินตนาการเพ้อฝันภายในจิตใจ ผมตั้งตารอคอยศึกใหญ่ของคนทั้งคู่ที่เร่าร้อนรุนแรงไปด้วยอารมณ์คุกรุ่นวาบหวามทางเพศ ขับรถตรงไปบ้านของหยู่ถิง
แสดงไฟนีออนของตัวเมืองค่อยๆสว่างขึ้น ผมเองก็ขับรถตรงเข้าไปในบริเวณที่รถราวิ่งกันขวักไขว่ไปมาอย่างวุ่นวาย……
……
ชีวิตยังคงต้องดำเนินต่อไป เรื่องราวที่ยอดเยี่ยมของผมนั้นก็ยังต้องดำเนินต่อไปเช่นกัน ภาพฉากโคมไฟสีแดงแห่งความเมามาย ลุ่มหลงในความฟุ้งเฟ้อ บุรุษที่ห้อมล้อมไปด้วยบุปผางาม….