ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 60 ขอแค่นางอยู่เคียงข้าง อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ (รีไรท์)
- Home
- All Mangas
- ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?
- ตอนที่ 60 ขอแค่นางอยู่เคียงข้าง อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ (รีไรท์)
ตอนที่ 60 ขอแค่นางอยู่เคียงข้าง อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ (รีไรท์)
ตอนที่ 60 ขอแค่นางอยู่เคียงข้าง อย่างอื่นไม่ต้องสนใจ (รีไรท์)
ขณะที่ฮ่องเต้รีบเสด็จไปที่อุทยานอวี้ฮวา มู่ฉินเจินก็ไปรับเด็ก ๆ ที่หน้าประตูสำนักศึกษา เมื่อวานได้หารือกับเฉียวเยี่ยนไว้แล้วว่านางต้องปรับสภาพพื้นที่อุทยาน ไม่มีเวลาว่าง จึงให้เขาไปรับพวกเด็ก ๆ มารับประทานอาหารที่ตำหนักฮองเฮา
ฮ่องเต้ทอดพระเนตรอุทยานอวี้ฮวาที่ถูกรื้อถอนจนกลายเป็นผืนดินโล่งกว้าง พลางลูบเคราพยักหน้าด้วยความพอใจ
ไม่เลว ๆ เข้าใกล้เรือนกระจกเข้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว
เหล่านางสนมเห็นฮ่องเต้เสด็จมาก็พากันโค้งคำนับอย่างอ่อนน้อม พระสนมเสียนเฟยรีบเพ็ดทูลฟ้องฝ่าบาทอย่างทนไม่ไหว ในเรื่องที่เฉียวเยี่ยนขุดแปลงดอกเบญจมาศของนางทิ้ง
ฮ่องเต้เพียงส่งสายพระเนตรให้นางเท่านั้น ‘ข้าเป็นคนสั่งให้ขุดเอง เจ้าไม่พอใจรึ?’
ท่ามกลางสายตาประหลาดใจของกลุ่มนางสนม ฮ่องเต้ก็เสด็จไปอยู่ข้าง ๆ ฮองเฮา และยังหาถุงพระหัตถ์มาสวม ก่อนประทับลงถอนหญ้าสรวลเสเฮฮาไปกับพระนาง
เหล่านางสนมมองดูอยู่พักหนึ่งก็มีความคิดยิ่งใหญ่ผุดขึ้นในหัว
โอกาสแย่งชิงความโปรดปรานของพวกนางมาถึงแล้ว!
ในเมื่อช่วงนี้ฮ่องเต้ทรงหลงใหลในการทำสวน เช่นนั้นพวกนางปลูกตามก็ได้แล้ว พวกนางยังสาว ไม่เชื่อหรอกว่าตนจะเทียบกับหญิงชราอย่างฮองเฮาไม่ได้!
ด้วยเหตุนี้ เหล่านางบำเรอต่างแย่งกันกลับไปผลัดผ้าในตำหนักตัวเอง เพราะอยากได้รับความประทับใจจากฮ่องเต้
เฉียวเยี่ยนเองก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าการที่นางแค่ขุดดินธรรมดา ๆ จะกลายเป็นการสร้างสงครามนางในขึ้นมาได้
หลังจากทำงานมาทั้งเช้า เฉียวเยี่ยนก็ปล่อยเหล่าขันทีนางข้าหลวงที่ช่วยขุดดินกลับไปกินข้าว แล้วตอนบ่ายก็มาขุดต่อ
มู่ฉินเจินไปรับเด็กทั้งสองกลับมาแล้ว และเดินตามหลังเฉียวเยี่ยนประหนึ่งเงาตามตัว พร้อมแบ่งปันเรื่องราวในสำนักศึกษาในเช้านี้กับนาง
อาหารกลางวันของวันนี้ทำโดยพ่อครัวจากห้องเครื่องหลวง เนื่องด้วยมู่ฉินเจิน เฉียวเยี่ยน และลูก ๆ อยู่ด้วย ฮองเฮาจึงสั่งให้พ่อครัวทำอาหารมากมายเป็นพิเศษ พวกเขานั่งล้อมโต๊ะเหมือนอย่างชาวบ้านทั่วไป ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย กินไปด้วยพูดคุยกันไปด้วย
เด็กทั้งสองเข้าเรียนมาตลอดทั้งเช้ารู้สึกหิวนานแล้ว จึงกินจนแก้มป่อง โดยเฉพาะเจ้าปลาอ้วนที่แทบจะฝังใบหน้าน้อย ๆ ของตัวเองลงในถ้วยข้าว
ฮองเฮาเห็นเช่นนั้นก็ทั้งปวดใจทั้งขบขัน “หลานรัก ค่อย ๆ กิน อีกเดี๋ยวย่าเตรียมขนมอบให้เจ้า เอาไว้กินในยามระหว่างเรียน แบบนี้ก็จะได้ไม่หิวแล้ว”
เฉียวเยี่ยนมองฮองเฮาด้วยสีหน้าไร้ทางเลือก จะว่าไปแล้ว การสอนเด็กให้กินของว่างตอนระหว่างเรียนนั้นดีจริงหรือ?
อาจารย์ได้รายงานเรื่องที่เจ้าปลาอ้วนหลับในระหว่างเรียนแล้ว หากกินของว่างอีก อาจารย์ไม่ไล่ออกจากสำนักศึกษาเลยหรือ?
เฉียวเยี่ยนปลงแล้วกับความสามารถในการเรียนรู้ของเจ้าปลาอ้วน เรียนไม่เก่งก็ช่าง ลูกสาวนาง นางเลี้ยงมา ขอแค่เด็กน้อยมีความสุขก็พอแล้ว
เด็กทุกคนล้วนมีจุดเด่นของตัวเอง แม้เจ้าปลาอ้วนของนางจะเรียนได้ไม่เอาไหน แต่ทางด้านทักษะวิทยายุทธ์เรียกได้ว่าเป็นพรสวรรค์ แถมยังทนต่อความยากลำบาก นางตัดสินแล้วว่าหากเด็กน้อยชื่นชอบ คอยให้โตกว่านี้อีกหน่อยก็ให้เริ่มเรียนวรยุทธ์อย่างเป็นทางการ
กำลังของนางและมู่ฉินเจินต่างไม่ได้แย่ ต้องสอนเด็กน้อยจนกลายเป็นจอมยุทธหญิงตัวน้อยได้แน่นอน
เด็กน้อยเห็นด้วยกับข้อเสนอของเสด็จย่า พลางกอดออดอ้อนเสด็จย่าเพื่อให้เสด็จย่าใส่ขนมอบในกระเป๋าหนังสือใบน้อยให้นางเยอะ ๆ นางจะเอาไปแบ่งให้เหล่าสหายด้วย ท่านแม่บอกว่ามีของดีต้องรู้จักแบ่งปัน ห้ามกินคนเดียว
ด้วยเหตุนี้บางวันอาจารย์ก็พบว่าเหล่าหัวไชเท้าน้อยห้องหนึ่งแอบกินขนมอบตอนเข้าเรียน และพอถามจึงได้รู้ว่าแกนนำคือเจ้าปลาอ้วนที่ทำให้เขาปวดหัวมากที่สุด
ตอนบ่าย การรื้อถอนพื้นที่ในพระราชวังยิ่งใหญ่เอิกเกริกมากขึ้น
ในระหว่างกินข้าว เหล่าขันทีและนางข้าหลวงที่ทำงานในตอนเช้าก็พูดคุยอย่างออกรสออกชาติกับเหล่าสหายคนอื่นที่ไม่ได้ไปทำงานด้วย โม้จนเกือบทำให้เฉียวเยี่ยนลอยขึ้นสวรรค์ ด้วยเหตุนี้ผู้คนเหล่านั้นจึงมาทำงานด้วย โดยเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้เต็มเปี่ยม
ฮ่องเต้เองก็ยากจะทานทนต่อความตื่นเต้น จนถึงกับทิ้งกองราชสาส์นที่ไม่อยากจัดการ แล้วเปลี่ยนอาภรณ์ แบกจอบ เตรียมที่จะเรียนขุดดินทันที
วันหน้าเขาก็ต้องเป็นคนปลูกผัก ยามนี้ต้องเรียนรู้การขุดดินให้ได้!
มู่ฉินเจินเองก็ไม่ได้ไปที่ค่ายทหาร เขาต้องอยู่ให้ความช่วยเหลือภรรยาอยู่ที่นี่ จะได้เข้าใกล้ความรู้สึกของเจ้าท่อนไม้ไปอีกนิด
ท่านอ๋องสวมชุดรัดรูปสีฟ้าอมเขียวแบกจอบยืนอยู่กับเฉียวเยี่ยน ทั้งสองดูไร้ที่ติดุจหยกงาม แม้แบกจอบได้อย่างเงอะงะ ทว่าดูเหมาะสมกันดีอย่างน่าประหลาด ผู้ใดได้เห็นเป็นต้องเอ่ยว่าคู่สวรรค์สร้าง
เฉียวเยี่ยนไปขุดตรงไหน มู่ฉินเจินก็ตามไปขุดตรงนั้น ระยะห่างไม่ใกล้ไม่ไกล เพียงแค่นางเอ่ยออกมา เขาต้องขานรับแน่นอน
แผนการทำงานแต่ละปีเริ่มจากต้นปี ผู้คนมากมายกำลังยุ่งอยู่กับการปลูกผักในฤดูใบไม้ผลิ แม้แต่ระบบตัวน้อยที่ไม่มีที่ให้ขุดดินก็ดาวน์โหลดเกมปลูกผักมาเล่น จิ้มนิ้วมือลงบนหน้าจอ รดน้ำให้ผัก
เฉียวเยี่ยนขุดดินไปได้สักพักก็เตรียมไปทำอาหารที่ห้องเครื่องหลวง ในตอนที่นางคุยกับเหล่าขันที นางข้าหลวงบางส่วนก็ได้ยินว่าพวกเขาอยากกินอาหารฝีมือนาง จึงเอ่ยรับปากทันที ขอเพียงพวกเขาตั้งใจทำงาน นางก็จะเติมเต็มความปรารถนาเล็กน้อยนี้ให้พวกเขา
เมื่อพูดออกไป ทุกคนต่างตกใจ ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าก็ไม่รู้สึกว่าร้อนแล้ว และทำงานเร็วขึ้นทันใด
เฉียวเยี่ยนไปที่ห้องเครื่องหลวงโดยมีลูกสมุนอันดับหนึ่งอย่างมู่ฉินเจินตามไปด้วย เจ้าท่อนไม้ทำกับข้าว เช่นนั้นเขาก็จะก่อไฟ เจ้าท่อนไม้หั่นผัก เขาก็จะช่วยล้างผัก สรุปคือต้องติดตามนาง
เฉียวเยี่ยนรู้สึกเคยชินที่เขามาอยู่เป็นเพื่อนตัวเองทำกับข้าวแล้ว และเต็มใจอย่างยิ่งที่จะให้เขาตามมา
ห้องเครื่องหลวงมีขนาดใหญ่มาก เตาไฟก็มีอยู่หลายเตา เฉียวเยี่ยนให้เหล่าพ่อครัวแบ่งเตาให้นางเตาหนึ่ง และเลือกแม่นมมาช่วยอีกสองสามคน
มู่ฉินเจินนั่งอยู่หน้าปากเตาอย่างชำนาญ และเริ่มก่อไฟด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ครั้นเหล่าแม่นมเห็นเช่นนี้ก็ตกใจ ท่านอ๋องมาก่อไฟรึ?
เป็นท่านอ๋องที่บ้าหรือพวกเขาที่บ้ากัน?
แต่เมื่อเห็นสีหน้าของซู่หวางเฟยที่ดูชินจนเรื่องปกติแล้ว พวกนางก็ฝืนสงบลง และแอบอุทานว่าซู่หวางเฟยมีวิธีควบคุมสวามีได้อย่างอยู่หมัด
วันนี้มีคนมาร่วมทำงานมากมาย รวมเหล่าเหนียงเหนียงแต่ละตำหนักแล้วก็ราว ๆ แปดสิบเก้าสิบคน
นางคนเดียวทำอาหารให้ทั้งแปดสิบเก้าสิบคนต้องเหนื่อยตายแน่ ดังนั้นของกินที่ทำง่ายที่สุดก็คือการห่อซาลาเปา จากนั้นก็นึ่งหมั่นโถวสองสามซึ้ง เท่านี้ก็เพียงพอให้พวกเขารับประทานแล้ว
นางไล่ให้แม่นมไปล้างผักและบดเนื้อ ส่วนเฉียวเยี่ยนนำอ่างขนาดใหญ่มานวดแป้ง
การนวดแป้งต้องใช้ยีสต์ นางสำรวจรอบ ๆ ด้วยอาการหลุกหลิก เมื่อแน่ใจว่าทุกคนกำลังทำงาน ไม่ได้สนใจนาง ก็รีบใช้คะแนนซื้อยีสต์กับระบบมาหลายห่อ
เฉียวเยี่ยนฉีกซองยีสต์เทลงในชาม และให้ระบบตัวน้อยยืนรักษาการณ์ “ระบบ ดูให้ดี ๆ นะ หากมีคนมองมา ให้รีบแจ้งทันที”
ระบบตัวน้อยตีหน้าขรึมจริงจัง เบิกตาโต ตั้งใจมองคนในห้องเครื่องหลวง
พี่มู่คนหล่อกำลังก่อไฟ แม่ครัวกำลังล้างผักบดเนื้อ พ่อครัวคนอื่น ๆ กำลังทำอาหาร ไม่มีใครสังเกตเห็นการเคลื่อนไหวของพวกนาง
[เรียนท่านโฮสต์ ขณะนี้ยังปลอดภัย!]
เฉียวเยี่ยนแกะถุงยีสต์เสร็จก็รีบยัดถุงไว้ในกระเป๋าเสื้อตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจ
นางรู้สึกว่าท่าทางตนเหมือนคนกำลังลอบวางยาเล็กน้อย โชคดีที่ไม่มีใครเห็น หากถูกจับได้ นางคงอธิบายไม่ออก
ทว่าความจริงแล้ว มู่ฉินเจินที่ดูเหมือนกำลังก่อไฟกลับมองนางอยู่ตลอด และเห็นนางเทผงอะไรบางอย่างลงในถ้วยทีละห่อ
เขาเชื่อใจนาง นางไม่มีทางวางยาทำร้ายผู้อื่น ผงเหล่านี้ต้องรับประทานได้เป็นแน่
เขานึกถึงรสชาติของซาลาเปาแสนอร่อยที่นางทำ นี่น่าจะเกี่ยวกับของที่นางเพิ่มลงไปในตอนนี้
เช่นเดียวกับตอนที่ทำต้มมะเขือเทศเชื่อมบ๊วย นางก็โยนของอะไรไม่รู้ลงไปเผาในเตา
สิ่งเหล่านี้เป็นความลับของนางรึ? มันเกี่ยวข้องกับบุคคลที่ชื่อระบบหรือไม่?
ท่านอ๋องฉลาดมาก เมื่อเชื่อมโยงเบาะแสเข้าด้วยกันก็พอรู้เรื่องคร่าว ๆ แล้ว แต่ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป และแสร้งทำเป็นมองไม่เห็น ขอแค่เฉียวเยี่ยนอยู่เคียงข้างเขา อย่างอื่นเขาล้วนไม่สนใจ
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ขนาดฮ่องเต้ยังลงมือขุดดินเอง ราชวงศ์นี้สิ้นแล้วค่ะ โดนเฉียวเยี่ยนขายตรงสำเร็จกันหมด
เฉียวเยี่ยนจะรับรู้ถึงความรู้สึกท่านอ๋องตอนไหนน้า ยอมเป็นไอ้โบ้ตัวหนึ่งรับใช้เธอขาถึงขนาดนี้แล้ว หรือว่าท่านอ๋องจะตกนรกปอยเปตหมื่นชาติแสนชาติเป็นโบ้ตลอดไปกันนะ? ถ้าอยากรู้ต้องเติมเหรียญติดตามเปย์ต่อไปแล้วล่ะค่ะ
ไหหม่า(海馬)