ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 202 ดอกไม้ของใครงดงามกว่ากัน
ตอนที่ 202 ดอกไม้ของใครงดงามกว่ากัน
ตอนที่ 202 ดอกไม้ของใครงดงามกว่ากัน
วินาทีที่ม้าตะบึงผ่านศีรษะนางไป นางก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารบนตัวเขาเป็นครั้งแรก
เขามิเพียงไม่รับน้ำใจนาง แต่ยังคิดอยากสังหารนางด้วย!
เมื่อได้รับคำตอบเช่นนี้ นางก็ยากจะยอมรับ เกียรติยศความภาคภูมิใจของนางถูกเขาเหยียบย่ำลงกับพื้นจนแหลกสลายไปสิ้น!
เนิ่นนานที่นางยืนหยัดเชื่อมั่นมาตลอดว่าขอแค่ตนพยายามก็จะได้รับการยอมรับจากเขา ทว่านางคิดผิด คิดผิดแบบมหันต์!
อี้จื่อจิ้นพลันได้สติตื่นรู้ มองทั้งสองคนที่คลอเคลียกันอยู่ตรงหน้า ก็รู้สึกขัดหูขัดตาพิกล
นางมิอาจได้สติกลับมาอยู่เนิ่นนาน พลันก็มีเสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังขึ้นข้างหู ตามมาด้วยผ้าเช็ดหน้าขาวสะอาดผืนหนึ่งปรากฏอยู่ด้านหน้า
“ไฉนแม่นางจึงร้องไห้อย่างปวดใจเช่นนี้? หากไม่ถือสา ก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าของเปิ่นหวางซับน้ำตาเถิด”
อี้จื่อจิ้นหันไปมองอย่างมึนงง แต่สิ่งที่ตกสู่สายตากลับเป็นใบหน้าอันหล่อเหลาเย็นชาดุจหยกแฝงไปเสน่ห์
เขาแต่งกายด้วยชุดสีขาว เส้นผมดำขลับกลัดด้วยปิ่นหยก บุคลิกดูอ่อนโยน เหมือนดังคุณชายเดินสะโอดสะองออกมาจากในภาพวาด
และในเวลานี้ คุณชายสะโอดสะองผู้นี้กำลังยิ้มบางเบาให้นาง จนอี้จื่อจิ้นตะลึงไปครู่หนึ่ง จวบจนได้สติกลับมา ก็รับผ้าเช็ดหน้า และทำความเคารพชายชุดขาว
“ขอบคุณคุณชายเจ้าค่ะ”
แต่จู่ๆ นางก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครู่เขาเรียกตัวเองว่าเปิ่นหวาง จึงค้นหาความทรงจำในหัวเกี่ยวกับราชวงศ์ไม่หยุด
ฝ่าบาทองค์ปัจจุบันมีพระราชโอรสทั้งหมดสี่คน อ๋องคังพระราชโอรสองค์โตถูกจับขังคุก อ๋องซู่พระราชโอรสองค์ที่สี่กับองค์ชายหกนางล้วนรู้จัก เช่นนั้นคนตรงหน้าผู้นี้ก็น่าจะเป็นพระราชโอรสองค์รอง อ๋องรุ่ย!
เมื่อนึกมาถึงตรงนี้ นางก็รีบทำความเคารพอีกครั้ง และเอ่ยด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล “หม่อนฉันขอคารวะท่านอ๋องรุ่ย!”
มู่เจ๋อจิ่นยิ้มอ่อนโยน “แม่นางช่างเฉลียวฉลาดนัก เปิ่นหวางอยู่อย่างสันโดษมาหลายปี คาดไม่ถึงเลยว่าแม่นางจะเดาฐานะเปิ่นหวางออก”
เสียงของเขาแผ่วเบาและอบอุ่นเหมือนสายลมในฤดูใบไม้ผลิ ทำให้คนฟังต่างรู้สึกดีอย่างง่ายดาย
อี้จื่อจิ้นเองก็หน้าแดงปลั่งเพราะรอยยิ้มอ่อนโยนของเขาเช่นกัน จึงก้มหน้างุดอย่างมิกล้ามองสายตาทรงเสน่ห์ของเขาโดยตรง
แววเย็นเยือกฉายผ่านนัยน์ตามู่เจ๋อจิ่น แต่กระนั้นมันก็หายวับไป และกลับมามีภาพลักษณ์คุณชายสูงศักดิ์อ่อนโยนเช่นเดิม
“ไม่ทราบว่าเปิ่นหวางขอเชิญแม่นางไปร่วมชมทิวทัศน์อันงดงามบนเรือด้วยกันได้หรือไม่?”
เขาทั้งมีมารยาททั้งเกรงใจ อี้จื่อจิ้นจึงพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ตามเขาไปขึ้นเรือ
……
ความจริงแล้วเฉียวเยี่ยนจับตาดูการเคลื่อนไหวของอี้จื่อจิ้นตลอด แม้นางจะหันหลังให้อีกฝ่าย แต่ก็รู้การกระทำทุกอย่างของนาง เพราะนางมีระบบตัวน้อยที่เชี่ยวชาญในการรวบรวมข้อมูลอยู่
เมื่อครู่ระบบตัวน้อยทำหน้าที่รักษาการณ์อยู่ตลอด และรายงานบทสนทนาระหว่างมู่เจ๋อจิ่นกับอี้จื่อจิ้นให้นางฟัง
มู่ฉินเจินหูดี ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาเป็นส่วนใหญ่ แต่บางครั้งเสียงก็ค่อนข้างเบา ทำให้เขาฟังไม่ชัดเจนเช่นกัน
เฉียวเยี่ยนเล่าบทสนาของอีกฝ่ายเมื่อครู่ให้เขาฟังอีกครั้ง ก่อนเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ “เมื่อก่อนมู่เจ๋อจิ่นเก็บตัวเงียบมาตลอดมิใช่หรือ? เหตุใดถึงได้ปรากฏตัวออกมาแล้วล่ะ และข้ายังรู้สึกว่าเขาตั้งใจเข้าใกล้อี้จื่อจิ้นด้วย”
มู่ฉินเจินก็รู้สึกเหมือนเดียวกัน เขาเกิดความรู้สึกสังหรณ์ขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ มันเป็นความบังเอิญ หรือมีเจตนาอย่างอื่นกันแน่?
ดูเหมือน เขาต้องตรวจสอบพี่รองคนนี้ดูเสียหน่อยแล้ว!
ความสนุกสนานของสองสามีภรรยาไม่ได้รับผลกระทบจากเรื่องเมื่อครู่ มือกุมมือเดินเล่นอยู่ข้างทะเลสาบอย่างช้าๆ
ไม่นานเด็กทั้งสองก็วิ่งกลับมา ด้านหลังยังมีสหายตัวน้อยตามมาด้วยอีกหลายคน
ในมือของพวกเด็กๆ กำดอกไม้กันคนละช่อ และวิ่งไปทางเฉียวเยี่ยน
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์กับเสี่ยวฉวนเอ๋อร์วิ่งอยู่หน้าสุด ดอกไม้ป่าในมือโคลงเคลงไปมาจนเละตุ้มเป๊ะไปหมด ทั้งยังมีสองสามดอกที่ตกกระจัดกระจาย
“ท่านแม่ ข้าขอมอบเจ้าดอกไม้ให้ท่านเจ้าค่ะ!”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ถือดอกไม้ป่าช่อหนึ่งดุจสมบัติแสนรัก ก่อนเงยหน้าพร้อมยื่นดอกไม้ส่งให้เฉียวเยี่ยน
พวหหัวไชเท้าตัวน้อยที่ตามหลังมาก็ยื่นดอกไม้ในมือเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดล้วนมอบให้เฉียวเยี่ยน
เมื่อครู่เด็กทั้งสองบอกว่าจะเก็บดอกไม้มาให้มารดา ด้วยเหตุนี้พวกเด็กน้อยก็ตามไปเก็บด้วย
เฉียวเยี่ยนประหลาดใจระคนดีใจ กระนั้นก็กลืนไม่เข้าคายไม่ออก และรับดอกไม้ในมือพวกหัวไชเท้าตัวน้อย ก่อนเอ่ยอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณเด็กๆ มากนะ ข้าชอบมากเลย”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์ยิ้มจนตากลมโตหยีลง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เองก็มีความสุขจนคิ้วโค้งงอ ทว่าพวกหัวไชเท้าน้อยที่ปกติซนจนทำให้ผู้ใหญ่ปวดหัวกลับเขินอาย ก้มหน้างุด ดวงหน้าน้อยแต่ละคนล้วนแดงเปล่งปลั่ง
มารดาของฉวนเอ๋อร์กับอวี๋เอ๋อร์ทั้งงดงามทั้งอ่อนโยน ไม่เหมือนมารดาของพวกเขาที่บิดหูพวกเขาพลางด่าว่าเด็กบ้าทุกวัน
เฉียวเยี่ยนลูบศีรษะลูกทั้งสองของนาง ก่อนถามด้วยรอยยิ้ม “ไฉนพวกลูกถึงนึกจะมอบดอกไม้ให้แม่ล่ะ?”
เสี่ยวอวี๋เอ๋อร์มองไปทางบิดาอย่างใสซื่อ ก่อนเอ่ยด้วยเสียงเจื้อยแจ้ว “เพราะว่าท่านพ่อมอบดอกไม้ให้ท่านแม่บ่อยๆ นะสิ พวกเราเลยอยากมอบให้ท่านแม่ด้วย”
เฉียวเยี่ยนมองไปทางมู่ฉินเจินอย่างขบขัน และเห็นเพียงสีหน้าดูจนใจท่านอ๋อง ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นตัวอย่างให้พวกเด็กๆ ทำตาม
คลับคล้ายว่าเสี่ยวอวี๋เอ๋อร์จะนึกอะไรได้ จึงถามต่อ “เช่นนั้นท่านแม่คิดว่าดอกไม้ที่พวกเรามอบให้ หรือดอกไม้ที่ท่านพ่อมอบให้อันไหนสวยกว่ากันเจ้าคะ?”
เฉียวเยี่ยนแทบไม่ต้องคิด เปิดปากเอ่ยหยอกล้อกับพวกเด็กๆ “แน่นอนว่าดอกไม้ที่พวกลูกมอบให้ต้องสวยกว่าสิ”
เด็กๆ ต้องการคำชม ต้องให้กำลังใจมากๆ แบบนี้พวกเขาจะได้มีแรงผลักดันในการทำต่อไป
ตามคาด พวกหัวไชเท้าตัวน้อยได้ยินเช่นนี้ก็ยิ่งมีความสุข และแทบอยากจะไปเก็บดอกไม้ต่อไม่ไหว
เฉียวเยี่ยนห้ามพวกเขาเอาไว้ เพราะมีดอกไม้มากพอแล้ว หากเก็บมาอีก ทั้งผืนดินนี้คงโล้นหมด
นางแบ่งของว่างให้พวกเขาเล็กน้อย ให้พวกเขาได้กินไปด้วยเล่นไปด้วย
พวกผู้ใหญ่หลายครอบครัวที่อยู่ไม่ไกลนักเห็นเด็กซนของตัวเองเก็บดอกไม้มอบให้เฉียวเยี่ยน ก็รู้สึกทั้งอิจฉาทั้งโมโหอยู่ในใจ แต่กระนั้นก็ยังนับถือความสามารถในการสอนเด็กๆ ของซู่หวางเฟย
บรรพบุรุษตัวน้อยที่ซนจนอาจจะไปรื้อหลังคาของตัวเอง เมื่อมาถึงมือเฉียวเยี่ยนกลับเชื่อฟังเหมือนลูกแกะ
พวกเขาต่างรู้จักลูกทั้งสองของซู่หวางเฟย ลูกชายเชื่อฟังรู้ความ การเรียนก็ดีมากๆ ส่วนลูกสาวก็นุ่มนวลน่ารัก และปากหวานจนทำให้รู้สึกอยากแอบขโมยนางกลับไปซ่อนที่บ้าน
หลังจากพวกเด็กๆ ไปเล่นกันอีกครั้ง เฉียนเยี่ยนก็มองช่อดอกไม้แล้วหัวเราะขึ้นมาอย่างจนใจ ก่อนดึงหญ้าฟางมาหนึ่งกำมัดดอกไม้รวมไว้ด้วยกัน รอกลับไปบ้านค่อยนำไปเสียบไว้ในเจกัน
นางกำลังจะยกดอกไม้ให้ท่านอ๋องเชยชมเสียหน่อย แต่กลับเห็นชายข้างกายมีสีหน้าคร่ำเคร่ง ท่าทางนั้นแค่เห็นก็รู้ว่าอารมณ์เสียอีกแล้ว
เฉียวเยี่ยนไม่เข้าใจ เมื่อครู่นางก็ไม่ได้ทำอะไรนี่นะ? ไฉนพริบตาเดียวเขาก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมาอีกแล้วล่ะ?
นางยื่นนิ้วออกไปแหย่แขนมู่ฉินเจิน ก่อนเอียงศีรษะถามอย่างไม่เข้าใจ “ที่รัก เป็นอะไรอีกแล้วล่ะ? ข้าทำให้ท่านโกรธหรือ?”
มู่ฉินเจินเหลือบมองนางอย่างไม่พอใจ พลางเบือนหน้าหนีไม่พูด ท่าทางนั้นกำลังบ่งบอกว่าเจ้าจงคิดให้ดีก่อนแล้วค่อยพูด
เฉียวเยี่ยนหวนนึกถึงคำพูดที่ตัวเองพูดเมื่อครู่อีกครั้ง พลันตระหนักได้ว่าปัญหาเกิดที่ตรงไหน
นางรู้สึกเอือมระอา และเอ่ยอย่างจนใจ “พี่ชาย พวกเขาต่างก็เป็นเด็ก เราไม่ถึงกับต้องเอาความกับพวกเด็กๆ หรอกไหม?”
ทว่าท่านอ๋องบางคนยังเหลือบมองนางอย่างไม่พอใจ และเอ่ยเสมือนสามีขี้งอน “ก็เจ้าไม่ชอบดอกไม้ที่ข้ามอบให้!”
เฉียวเยี่ยนหมดคำพูด ก่อนจะเอ่ยง้อสหายตัวโตที่เพ้อเจ้อคนนี้ “ข้าหาได้ไม่ชอบดอกไม้ที่ท่านมอบให้ มันสวยมาก และข้าก็ชอบมากด้วย จริงๆ นะ!”
“ข้าแค่หยอกล้อกับเด็กๆ ถึงได้เอ่ยเช่นนั้นออกไป ผู้ใหญ่เช่นท่านไม่น่าจะต้องถือสาหาความพวกเด็กๆ หรอกใช่ไหม มันดูปัญญาอ่อนมากเลยนะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สังหรณ์ว่าอ๋องรุ่ยกับคุณหนูอี้จะร่วมมือกันเป็นปฏิปักษ์กับทางตำหนักอ๋องซู่ยังไงไม่รู้แฮะ
ท่านอ๋องซู่นี่ก็โบ้ยังไงก็โบ้อย่างนั้นจริงๆ เหมือนหมาไซฯที่งอนแล้วนั่งหันหลังให้เจ้าของอะ
ไหหม่า(海馬)