ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม? - ตอนที่ 146 ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่วาดรูปหัวใจดวงน้อย
- Home
- All Mangas
- ชายาผู้นี้ชอบทำสวน พวกเจ้าจะยุ่งทำไม?
- ตอนที่ 146 ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่วาดรูปหัวใจดวงน้อย
ตอนที่ 146 ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่วาดรูปหัวใจดวงน้อย
ตอนที่ 146 ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่วาดรูปหัวใจดวงน้อย
มู่ฉินเจินเข้าไปในกระโจม ถอดเสื้อคลุมออกโยนลงบนเก้าอี้ นั่งที่โต๊ะทันทีแล้วเปิดจดหมาย
จดหมายหนามาก สามแม่ลูกน่าจะเขียนถึงเขายาว ซองจดหมายชั้นนอกสุดถูกฉีกเปิดออก ข้างในมีซองจดหมายอีกชั้นหนึ่ง ที่มีรูปใบหน้าน่ารักสองหน้าและรูปหัวใจเล็ก ๆ วาดอยู่บนนั้น
เฉียวเยี่ยนเป็นคนวาดรูปนี้ ทุกครั้งที่ติดต่อกัน นางมักจะวาดลวดลายเล็ก ๆ น่ารักบนซองจดหมายเสมอ นางบอกว่าทุกครั้งที่เขาเห็นซองจดหมาย เขาจะได้รู้ว่าเป็นจดหมายที่นางเขียนถึงเขา
ครั้งแรกที่มู่ฉินเจินเห็นซองจดหมาย เขาก็เผลอยกยิ้มมุมปากทันที สัมผัสหน้าเล็ก ๆ น่ารักทั้งสองด้วยปลายนิ้ว มันเป็นรูปหน้าเด็กน่ารักสองคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง ตรงกลางเป็นรูปหัวใจเล็ก ๆ ที่น่าจะแสดงถึงความรักของนางที่มีต่อเขา
ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ยังไม่ทันอ่านเนื้อหาในจดหมาย เพียงมองที่ซองก็ทำให้เขารู้สึกหวานราวกับกินน้ำผึ้งแล้ว
เขาหยิบจดหมายออกมา ภายในมีจดหมายหลายฉบับพับเป็นปึกหนา ๆ ก่อนเปิดจดหมาย เขาก็รู้ว่าใครเป็นคนเขียน เพียงดูรอยประทับด้านหลังเท่านั้น
ลายมือผอมเท่าตีนยุงเขียนด้วยไม้เล็ก ๆ นางไม่ถนัดเขียนด้วยพู่กัน จึงใช้ปากกาแข็ง ๆ ที่เรียกว่าปากกาหมึกซึมเขียนแทน ลายมือจึงบางมาก แต่ก็งดงามเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง
เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เป็นคนเขียนตัวอักษรที่ประณีตและละเอียดอ่อนนั้น แม้เด็กน้อยจะยังเล็กนัก แต่เขาก็เขียนได้งดงามมาก ส่วนตัวหนังสือบนจดหมายกองสุดท้ายที่หนาที่สุดมีตัวอักษรที่เขียนด้วยหมึกดำขนาดเท่าหม้อแกง ซึ่งคนเขียนก็คือลูกสาวตัวน้อยของเขานั่นเอง
เด็กน้อยเขียนมันด้วยลายมือของตัวเอง บางคำแม้แต่พ่อของนางเองก็ไม่รู้ว่าเขียนว่าอะไร ตัวหนังสือทุกตัวใหญ่พอ ๆ กับกำปั้นเล็ก ๆ ของนางเอง ทำให้จดหมายทุกฉบับที่นางเขียนต้องใช้กระดาษหนาเป็นปึก
เขาเปิดจดหมายของเฉียวเยี่ยนก่อน เพียงแค่อ่านสองสามคำแรก มุมปากของเขาก็โค้งขึ้นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเขาก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ นางบอกว่านางคิดถึงเขา!
จดหมายของเฉียวเยี่ยนเขียนเล่าเรื่องครอบครัวตามปกติ นางเล่าเรื่องน่าสนใจที่เกิดขึ้นเมื่อเขาไม่อยู่ และบ่นถึงปัญหาที่นางเผชิญเหมือนเด็ก มู่ฉินเจินเพียงแค่อ่านก็สามารถจินตนาการได้ ว่านางแสดงสีหน้าท่าทางอย่างไรขณะเล่าเรื่องเหล่านี้
หลังจากอ่านจดหมายของเจ้าท่อนไม้แล้ว ท่านอ๋องก็เปิดจดหมายของเด็กทั้งสอง เสี่ยวฉวนเอ๋อร์เป็นคนไม่ค่อยพูด เนื้อหาในจดหมายก็สั้นมาก ส่วนใหญ่เป็นการเตือนให้เขาใส่ใจกับความปลอดภัย และดูแลสุขภาพให้ดี
จดหมายของเจ้าปลาอ้วนดูน่าสนใจมาก แต่ละอักษรใหญ่เท่ากำปั้นเล็ก ๆ ทำให้มู่ฉินเจินต้องปะติดปะต่อเพื่อทำความเข้าใจความหมายของข้อความทั้งหมด
เด็กน้อยแอบรายงานเขาว่าท่านแม่หักค่าขนมของนางอีกแล้ว น้ำเสียงที่เศร้าสร้อยน่าสงสารนั้น ทำให้มู่ฉินเจินอยากจะกลับไปลูบศีรษะน้อย ๆ ของนางทันที
หลังจากอ่านจดหมายแล้ว อารมณ์หดหู่ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาก็ดีขึ้นมาก เขาหยิบพู่กันและกระดาษมาเขียนตอบถึงสามแม่ลูกอย่างจริงจัง ทว่าเขาต้องเขียนจดหมายรายงานสถานการณ์ที่นี่ ให้ตาเฒ่าและเสด็จแม่ด้วย
เขายังเล่าเหตุการณ์ล่าสุดให้เฉียวเยี่ยนได้รับรู้ด้วย เมื่อก่อนเขาไม่เคยเปิดเผยเรื่องราชการใด ๆ กับนาง เพียงเพราะนางเป็นสตรี ทว่าทุกครั้งที่เขาพบปัญหาที่คิดไม่ตก นางก็มักจะมีความคิดเห็นและแนวคิดที่ไม่เหมือนใคร
ดังนั้นเขาจึงมักปรึกษานางเมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น และนางก็จะเล่าให้เขาฟังเมื่อนางมีเรื่องไม่สบายใจ ทั้งคู่ปรึกษาหารือกันทุกเรื่อง และช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตั้งแต่ตกลงปลงใจกันจนถึงตอนนี้ พวกเขาก็ไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันเลย
เขาหมกมุ่นอยู่กับการเขียนจดหมายมาก จนไม่ได้ยินเกาจัวหยวนมารายงานอยู่นอกกระโจมถึงสองครั้ง
เกาจัวหยวนไม่ได้ยินคำตอบของท่านอ๋อง แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากรีบวิ่งไปที่โต๊ะ สายตาของเขาจับจ้องไปยังรูปที่ท่านอ๋องวาดลงบนกระดาษ แล้วก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง
ท่านอ๋องกำลังวาดรูปหัวใจดวงน้อย!
ท่านอ๋องผู้เย็นชา แข็งแกร่ง และเย่อหยิ่งกำลังวาดรูปหัวใจดวงน้อยอยู่!
เขารู้สึกว่าความประทับใจก่อนหน้านี้ของเขา ที่มีต่อท่านอ๋องได้ถูกเปลี่ยนไปอีกครั้ง ภายใต้ภาพลักษณ์เย็นชาขององค์ชาย แท้จริงแล้วเป็นคนคลั่งรัก! จนถึงกับวาดหัวใจดวงเล็ก ๆ เช่นนี้!
มู่ฉินเจินรู้สึกเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหยิบหนังสือที่อยู่ด้านข้าง มาปิดรูปหัวใจเล็ก ๆ ที่เขาวาดบนซองจดหมาย แล้วทำเป็นถามอย่างใจเย็นว่า “มีอะไร?”
เกาจัวหยวนยังคงเขินอายอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะชี้ไปนอกกระโจม “หูเหวินไหลเจ้าเมืองเยวี่ยโจว… มา… มาเข้าเฝ้าพ่ะย่ะค่ะ”
มู่ฉินเจินพยักหน้าอย่างเย็นชา “เข้าใจแล้ว เจ้าออกไปได้”
เกาจัวหยวนมองท่านอ๋องราวกับกำลังมองของหายาก เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าท่านอ๋องของเขาสามารถบังคับตัวเองให้หน้าไม่แดง และหัวใจไม่เต้นแรงได้อย่างไร
แต่ทันทีที่เขาออกไป มู่ฉินเจินก็มองไปทางประตูอย่างระแวดระวัง ก่อนจะหยิบกระดาษที่อยู่ในซองจดหมายขึ้นมา และพบว่าหมึกที่เขาเพิ่งวาดรูปหัวใจนั้นเลอะไปหมดแล้ว!
ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่จ้องมองไปยังทางที่เกาจัวหยวนเดินจากไป ก่อนจะหยิบซองจดหมายอีกซองหนึ่งขึ้นมา แล้วดื่มด่ำกับการวาดรูปหัวใจแห่งรักดวงน้อยต่อไป เมื่อเขาพอใจกับภาพวาดแล้ว เขาก็หยิบมันขึ้นมาเป่าให้หมึกแห้ง จากนั้นครู่หนึ่งจึงลุกไปพบกับหูเหวินไหล
หูเหวินไหลเป็นชายชราที่มีอายุเกือบห้าสิบปีที่มีร่างผอมและมีหนวดเคราเล็ก ๆ ที่ถูกตัดแต่งอย่างเรียบร้อย ตาของเขาเรียวเล็ก แต่ดูฉลาดมีไหวพริบ
เมื่อเขาเห็นมู่ฉินเจินก็โค้งคำนับทำความเคารพ มู่ฉินเจินมองไปยังชายชราและทักทายเขาอย่างสุภาพ
หูเหวินไหลไม่ได้พูดอะไรที่สำคัญ เขาบอกว่าแค่ต้องการมาเยี่ยมองค์ชาย แต่มู่ฉินเจินรู้สึกว่าจุดประสงค์ของเขาไม่ได้ธรรมดาเช่นนั้น อีกฝ่ายอาจต้องการมาที่นี่เพื่อดูว่าเขามีข้อมูลมากเพียงใด
ทั้งสองหยั่งเชิงกันอยู่พักใหญ่ แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากฝ่ายตรงข้าม
มู่ฉินเจินเปิดประเด็นไปถึงจ้าวซุ่นเฉียน โดยพูดอย่างสบาย ๆ ว่า “ได้ยินมาว่าแม่ทัพจ้าวและใต้เท้าหูเป็นสหายคนสนิทกันมานมนาน เหตุใดค่ายทหารจึงวุ่นวายนัก ทว่าใต้เท้าหูกลับไม่ทราบ”
สีหน้าของหูเหวินไหลไม่เปลี่ยนแปลงเลย เขาตอบอย่างใจเย็นว่า “เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้นพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมกับขุนพลจ้าวเคยพบกันเพียงไม่กี่ครั้ง พวกเราจึงไม่อาจเรียกว่าเป็นสหายคนสนิทกันได้พ่ะย่ะค่ะ”
“ทว่าภายในขอบเขตอำนาจของกระหม่อม หากมีการทำผิดกฎอย่างโจ่งแจ้ง การฉ้อราษฎร์บังหลวง การทุจริตเกิดขึ้นจริง ก็นับว่าเป็นผลเสียที่เกิดจากการกำกับดูแลของกระหม่อม ท่านอ๋องโปรดลงโทษได้เลยพ่ะย่ะค่ะ!”
สิ่งที่เขาพูดฟังดูสูงส่งจนไม่มีใครจับผิดเขาได้ เขาเป็นข้าหลวงฝ่ายพลเรือน ส่วนจ้าวซุ่นเฉียนเป็นขุนพลที่รับผิดชอบด้านต่าง ๆ ต่อให้จะมีเหตุการณ์เลวร้ายเกิดขึ้นกับจ้าวซุ่นเฉียน เขาก็สามารถถูกตั้งข้อหาได้ว่ากำกับดูแลไม่มีประสิทธิภาพเท่านั้น
ทั้งสองเชือดเฉือนกันอีกหลายรอบ ขณะที่ยังรักษาสีหน้าให้สงบได้ ในที่สุดก็จบการสนทนาอัน “รื่นรมย์” หลังจากหูเหวินไหลจากไป มู่ฉินเจินก็เรียกเกาจัวหยวนมาทันที
“ตามเขาไป อย่าให้โดนจับได้ ถ้ามีปัญหาให้รายงานทันที”
วันนี้หูเหวินไหลผู้นี้กำลังทดสอบว่าเขาจับฆาตกรที่ฆ่าจ้าวซุ่นเฉียนได้แล้วหรือยัง อาจเป็นเพราะกลัวว่าจะมีเงื่อนงำบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ จึงเลือกมาดูลาดเลา
……
ห้าวันผ่านไปไวเหมือนโกหก เฉียวเยี่ยนก็ได้รับจดหมายตอบกลับของมู่ฉินเจิน นางอ่านรายละเอียดของคดีที่เขาอธิบายไว้ในจดหมาย ก่อนจะขมวดคิ้ว และรีบไปที่วังหลวงเพื่อหารือกับฮ่องเต้ชรา
ฮ่องเต้ชราก็ได้รับรายงานลับจากพระโอรสเช่นกัน และเมื่อเขาได้รับรู้ถึงสภาพที่เป็นอยู่ของค่ายทหารเยวี่ยโจวตามคำอธิบาย เขาก็กริ้วมากจนอยากจะขุดศพจ้าวซุ่นเฉียนขึ้นมาเฆี่ยน!
งบประมาณกองทัพจำนวนมากถูกส่งไปให้เขาทุกปี แต่เขากลับใช้มันไปกับการกิน ดื่ม มั่วโลกีย์และเล่นการพนัน!
โชคดีที่ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีสงครามทางตงหนาน หากพวกตงอิ๋ง*ที่เคยโจมตีเมื่อหลายร้อยปีก่อนกลับมาโจมตีอีกครั้ง สวรรค์จะไม่ล่มลงมาเพราะเขาหรอกหรือ!
(*东瀛 แปลว่ามหาสมุทรทางตะวันออก ชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งของหมู่เกาะญี่ปุ่น)
เมื่อเฉียวเยี่ยนเข้าไปในวังหลวง นางก็เห็นฮ่องเต้ชรากำลังกริ้วจัด จึงรีบเข้าไปปลอบโยน “เสด็จพ่อ ความโกรธนั้นทำร้ายตับ ดังนั้นพระองค์ควรรีบสงบสติอารมณ์โดยเร็วเพคะ”
เมื่อฮ่องเต้ชราเห็นพระสุณิสาเข้ามา เขาก็สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ถ้าเขาทำให้นางกลัว เห็นทีเจ้าเด็กบ้านั่นจะต้องสร้างปัญหาให้เขาแน่เมื่อกลับมา
เขาถอนหายใจ “เจ้าน่าจะรู้สถานการณ์ที่เยวี่ยโจวอยู่แล้ว ข้าคาดไม่ถึงเลย ว่าจะมีพวกฝูงมอดได้รับการเลี้ยงดูอย่างอิ่มหมีพีมัน ในยุคที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรือง เงินในคลังเป็นเงินที่เหล่าสามัญชนหามาอย่างยากลำบาก เป็นเวลาหนึ่งปี งบประมาณกองทัพถูกปันส่วนไปหลายแสนตำลึง แต่แท้จริงแล้วพวกเขา…”
ฮ่องเต้ชราไม่สามารถพูดต่อไปได้ เขาไม่เพียงแต่จะรู้สึกเสียดายงบประมาณกองทัพเท่านั้น แต่ยังรู้สึกละอายใจต่อพสกนิกรด้วย เงินในท้องพระคลังล้วนมาจากภาษีของประชาชน แต่เขากลับใช้เลือดและหยาดเหงื่อของประชาชนมาเลี้ยงฝูงมอด!
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บทจะคลั่งรักก็หวานจนน้ำตาลจืดเลยนะท่านอ๋อง
เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นแล้วสิ
ไหหม่า(海馬)