จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 205
บทที่ 205 : หนุ่มน้อยเหวินหรู (1)
เมื่อถึงเวลานั้นเขาก็จะมีภาษีพอที่จะอ้าปากพูดอะไรได้บ้าง
”เจ้าลูกชายเจ้าต้องศึกษากลวิธีทางการค้าเหล่านี้ไว้ให้ดี เพราะต่อให้เจ้าไม่สามารถรับสืบทอดมรดกของตระกูลเราได้ เจ้าก็จะไม่อดตายอย่างแน่นอน”
หวังตี้จวินเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้าได้ (มีลูกไม่ได้ดังใจ) หากเด็กคนนี้ได้สักครึ่งของเสี่ยวเฉิน เขาคงจะสบายใจกว่านี้มาก
”ข้ารู้แล้วน่า”
หวังเสี่ยวผางตอบรับพอเป็นพิธี
ครั้นเห็นหวังตี้จวินเงื้อมือหมายจะตีเขาอีกครั้งเด็กอ้วนก็รีบเผ่นหนีดังฟิ้วก่อนบิดาของเขาจะทันลงมือ เขาไม่ลืมที่จะหันกลับมาแลบลิ้นปลิ้นตาใส่ ทำเอาหวังตี้จวินอดไม่ได้ที่จะม้วนแขนเสื้อขึ้น จากนั้นก็วิ่งไล่ตามหลังบุตรชายไป
”ไอ้เด็กเลวหยุดเดี๋ยวนี้นะ !”
ณ คฤหาสน์โบราณ
ภายในห้องรับรองไป๋หยานกำลังจิบชาระหว่างรอคอยอย่างเงียบ ๆ
เพียงไม่นานฮัวหลัวก็รีบรุดเดินเข้าประตูมานางคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น
“นายหญิงเรียกข้าน้อยมา ด้วยกิจอันใด”
”ข้าจะทำการค้ากับคนตระกูลหวังที่อยู่บ้านถัดไปให้มาม่าฉู่ไปเจรจาทำข้อตกลงกับพวกเขา”
”รับทราบนายหญิง” ฮัวหลัวกล่าวอย่างนอบน้อม
ไป๋หยานวางถ้วยชาในมือของนางลงพลางกล่าวเบาๆ ว่า “แล้วเรื่องการฝึกฝนหมอปรุงยาล่ะ ?”
ในโลกนี้อาจนับผู้ที่แข็งแกร่งกว่าเป็นใหญ่ก็จริง ทว่าหมอปรุงยาก็มีความสำคัญมากเช่นกัน
ตราบใดที่เป็นหมอปรุงยาผู้ทรงพลังแม้ว่าจะไม่เก่งกาจในเชิงยุทธ หากแต่คนผู้นั้นก็เหมือนมีเกราะทรงพลังคอยปกป้อง
เช่นนั้นเมื่อสามปีก่อนไป๋หยานจึงฝึกฝนหมอปรุงยาขึ้นอย่างลับ ๆ ทว่านางไม่มีเวลาว่างดูแลคนเหล่านั้นเลย นางจึงไม่เคยรู้ว่าพวกเขาฝึกฝนไปถึงขั้นใดกันแล้ว
“นายหญิงช่วงเวลาสามปีที่ผ่านมานี้ หมอปรุงยาทั้งหมดของเราฝึกได้ถึงขั้นสองเป็นอย่างน้อย ประมาณสามสิบคนก้าวถึงขั้นสาม และอีกเก้าคนอยู่ในขั้นที่สี่
“แล้วขั้นห้าล่ะ?” ไป๋หยานเอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว
”เว้นแต่เหวินหรู่แล้วยังไม่มีผู้ใดก้าวถึงขั้นห้าได้”
เหวินหรู่เป็นคนที่ไป๋หยานพบเมื่อสามปีก่อนช่วงเวลานั้นเหวินหรู่กำลังมีชื่อเสียงอีกทั้งหยิ่งยโสเป็นอย่างมาก และเพราะคนทั้งสองต่างก็พบสมุนไพรที่มีค่าพร้อม ๆ กัน พวกเขาจึงแข่งขันกันปรุงยา
หากแต่เหวินหรู่พ่ายแพ้และผลของความพ่ายแพ้นี้เขาจึงยอมศิโรราบให้แก่ไป๋หยาน
”เป็นเช่นที่ข้าคิดไม่มีผู้ใดสามารถก้าวถึงขั้นห้าได้ หากแต่คนที่สามารถไปถึงขั้นสี่ได้ก็น้อยเสียเหลือเกิน ในจำนวนหมอปรุงยาที่มีความสามารถสองร้อยคน มีเพียงเก้าคนเท่านั้นหรือที่ไปถึงขั้นสี่ได้ ?”
ใบหน้าไป๋หยานเริ่มดูไม่ได้นางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแช่มช้า
ฮัวหลัวมองสีหน้านายหญิงของนางอย่างระมัดระวัง”และในเก้าคนนั้นก็มีห้าคนที่เคยได้ขั้นสามมาก่อนหน้าแล้ว … ”
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือเวลาสามปีที่ผ่านมานั้น พวกเขาเลื่อนได้เพียงขั้นเดียวเท่านั้น
”ฮัวหลัวพาข้าไปดูหมอปรุงยาพวกนั้นทีสิ”
นางต้องหาหนทางช่วยพวกเขาให้ก้าวหน้าอย่างเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ภายในลานที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันมีเตาจำนวนมากวางเรียงราย ด้านหน้าเตาแต่ละเตามีคนซึ่งกำลังยืนปรุงยาอยู่อย่างตั้งอกตั้งใจ
ทันทีที่ไป๋หยานเข้ามาถึงลานปรุงยาร่าง ๆ นั้นก็พุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด ทำให้ไป๋หยานยกเท้าตวัดไปโดยไม่ลังเล
เตะถูกเขาดังตุ้บ!
ชายคนนั้นกลิ้งหลุนๆ ไปกับพื้น ใบหน้าขาว ๆ ที่หล่อเหลาของเขาเต็มไปด้วยความเศร้าใจ เขามองไป๋หยานอย่างน่าสงสาร
“เหตุใดข้าจึงรู้สึกว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าเมื่อสามปีก่อนอีกล่ะ? บอกหน่อยสิ เจ้าก้าวไปถึงขั้นใดแล้ว ? ไยข้าถึงไม่สังเกตเห็นเจ้าเลยในตอนแรก ?
เมื่อสามปีก่อนเขาพ่ายแพ้ให้กับนางเรื่องการปรุงยา ครานั้นเขาเองก็ไม่เต็มใจยอมรับ เช่นนั้นเขาจึงต่อสู้ด้านเชิงยุทธกับนาง แล้วผลก็คือโดนตียับ !
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเขาก็สามารถรับรู้ได้ถึงขั้นความแข่งแกร่งทางด้านเชิงยุทธของไป๋หยานทว่าตอนนี้ ไม่ว่าเขาจะพยายามเช่นไร เขาก็ไม่อาจรู้ได้ถึงระดับขั้นทางเชิงยุธของนาง ราวกับเขาถูกอำพรางด้วยม่านหมอกหนา ๆ
***จบบทหนุ่มน้อยเหวินหรู (1) ***