จิ้งจอกจอมซ่าส์ กับหม่ามี้หมอเทวดาพลิกสวรรค์ - ตอนที่ 202
บทที่ 202 : นี่มันเกินมนุษย์แล้วนะ !
นี่นางคิดว่าการปรุงยาเม็ดขั้น 5 ได้สิบเม็ดในหม้อเดียวนี่เป็นเรื่องปกติธรรมดากระนั้นสิ
ผู้ชราอยากร้องไห้ในสภาวการณ์ที่ยอดเยี่ยมสุด ๆ เขาเองยังปรุงยาได้อย่างมากที่สุดก็สี่เม็ดในหม้อเดียว แต่หากเวลานั้นสถานการณ์ไม่ราบรื่น เขาก็ทำได้ไม่เกินสองเม็ดเท่านั้น
นี่มันเกินมนุษย์แล้วนะ!
”หากไม่มีสิ่งใดแล้วเจ้าก็ไปเตรียมสมุนไพรเหล่านั้นให้พร้อม จากนั้นค่อยกลับมาพบข้า”
ไป๋หยานเหยียดแขนออกอย่างเกียจคร้านครั้นเห็นว่าเวลานี้ก็ยังไม่ดึกเท่าใดนัก นางจึงวางแผนจะกลับไปพักผ่อนในห้องของตนเอง หากแต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงดังมาจากประตูบ้านข้าง ๆ
ดูเหมือนจะเป็นเสียงของหวังเสี่ยวผางใช่ไหมนั่น? … เด็กคนนั้นเป็นเพื่อนของเฉินเอ๋อนี่นา ?
นางคิดแล้วรีบเดินไปที่บ้านข้างๆ
”ผู้เฒ่ากู่”ไป๋จั่นเผิงมองตามหลังร่างของไป๋หยานที่เดินจากไป ริมฝีปากของเขาปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ “โลกนี้ ช่างเต็มไปด้วยเรื่องน่าประหลาดใจเสียจริง รวมถึงมีคนที่เกินความคาดหมายให้เราได้พบอีกด้วย ข้าคิดว่า อัจฉริยะในสำนักเวชโอสถทั้งหมดที่มีก็ไม่อาจเทียบกับไป๋หยานได้แม้แต่คนเดียว”
ผู้เฒ่ากู่รู้สึกละอายใจมากนี่เขาไม่ได้ออกมาสู่โลกภายนอกเสียนาน นานกระทั่งเขาไม่รู้เลยว่ามีอัจฉริยะระดับนี้ในโลก …
“นายน้อยเท่าที่ข้าตรวจสอบภูมิหลังของแม่นางไป๋หยาน ข้ารู้มาว่าคนตระกูลไป๋ต้องการขายนางให้ไปเป็นอนุของตาเฒ่าคนหนึ่งเพื่อแลกกับยาเม็ดจิตวิญญาณขั้นสามเท่านั้น ข้าไม่รู้ว่าหากพวกตระกูลไป๋รู้ความสามารถที่แท้จริงของนางว่าแข็งแกร่งเพียงใด พวกเขาจะเสียใจจนอกแตกตายหรือไม่นะ ?”
ไป๋จั่นเผิงลูบไล้ใบสั่งยาในมือและทันทีที่ได้ยินคำกล่าวของชายชรา สายตาที่อบอุ่นอ่อนโยนของเขาก็พลันเย็นชา
”บ้านสกุลไป๋กระนั้นรึ?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ตรวจสอบตระกูลนี้ให้ข้า ข้าอยากรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับแม่นางไป๋ ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับนางบ้างตอนที่นางอยู่ที่นั่น !”
”ขอรับนายน้อย”
ณ บ้านตระกูลหวัง
หวังตี้จวินกำลังอยู่ในห้องตำรา ทันทีที่เสียงกรีดร้องจากภายนอกดังเข้ามาเขย่าโสตประสาทของเขา เขาก็รีบพุ่งตัวออกจากห้องตำราไปยังลานหน้าบ้าน
ภายในลานบ้านหวังเสี่ยวผางถูกกลุ่มองครักษ์จับตัวไว้ เด็กน้อยกำลังร้องครวญราวกับหมู
ด้านหน้าหวังเสี่ยวผางมีอันธพาลน้อยซึ่งอ้วนกว่าเขายืนอยู่ เด็กชายคนนั้นยืนเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยอง ขณะออกคำสั่งให้ทหารนำตัวหวังเสี่ยวผางไป
หวังเสี่ยวถงยืนนิ่งด้วยความตื่นตระหนกเพียงชั่วครู่ เด็กหญิงก็เริ่มร้องไห้ นางพุ่งไปที่ร่างของหวังเสี่ยวผางผู้ซึ่งยามนี้ถูกรวบมือและเท้าไว้ จากนั้นนางก็พยายามปลดมือที่จับพี่ชายของตนเองออก
”หลีกไป!”
อันธพาลน้อยผลักหวังเสี่ยวถงพร้อมกับกล่าวว่า “หากเจ้ายังขืนเข้ามาอีก ข้าจะให้คนของข้าจับเจ้าไปด้วย จากนั้นก็จะให้เจ้าเป็นคนคอยอุ่นเตียงให้ข้า !”
หวังตี้จวินที่เพิ่งวิ่งมาถึงทันได้ยินประโยคนี้เข้าพอดีเขาโมโหจนลมแทบจับ กล้าดีอย่างไรมาข่มขู่ว่าจะเอาบุตรสาวของเขาไปอุ่นเตียง ? ถึงแม้ว่าพวกเราจะแยกตัวออกมาจากตระกูลใหญ่แล้ว หากแต่อย่าคิดนะว่าจะรังแกหวังตี้จวินได้ง่าย ๆ !”
“ท่านพ่อ!” หวังเสี่ยวผางเห็นหวังตี้จวิน ราวกับเห็นผู้ช่วยชีวิต เขาร้องไห้ฟูมฟายน้ำตาท่วม “ช่วยข้าด้วย ท่านพ่อ !”
”เด็กนรกปล่อยตัวบุตรชายข้าเดี๋ยวนี้นะ !”
นัยน์ตาของหวังตี้จวินแดงก่ำเขายกไม้ยาว ๆ กวัดแกว่งไปยังพวกองครักษ์ที่จับตัวบุตรชายของเขาไว้
องครักษ์หลายคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บกระดูกพวกเขาเกือบจะหักจากการถูกตี มือของพวกเขาอ่อนแรง กระทั่งปล่อยหวังเสี่ยวผางร่วงลงสู่พื้น
”ท่านพ่อ”
หวังเสี่ยวผางรีบคลานมาอยู่ข้างๆ บิดาของตน เขาร้องคร่ำครวญอย่างน่ารันทด “คนพวกนี้เกินไปจริง ๆ ไม่เพียงแต่รังแกเด็ก ยังขนคนหมู่มากมารังแกข้าอีกด้วย ! ท่านช่วยข้าให้บทเรียนคนพวกนี้ที !
“หลีกไป”หวังตี้จวินผลักบุตรชายไปไว้ด้านหลัง พลางกวัดแกว่งไม้ยาว ๆ ไปมาด้วยความโกรธ “ลูกของข้า มีแต่ข้าเท่านั้นที่สามารถตีเขาได้ พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาตีเขา ! วันนี้ข้าจะฆ่าพวกเจ้าให้ตาย ! ”
***จบบท นี่มันเกินมนุษย์แล้วนะ !***