cat2auto | นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย PDF
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
Advanced
  • หน้าหลัก
  • อ่านมังงะ
  • เว็บอ่านมังงะ
  • นิยายวาย [Yaoi]
  • Nekopost
  • Niceoppai
  • รออัพเดท
  • มังงะ18+
  • แทงหวย24
  • manga
  • Romance
  • Comedy
  • Shoujo
  • Drama
  • School Life
  • Shounen
  • Action
  • MORE
    • Adult
    • Adventure
    • Anime
    • Comic
    • Cooking
    • Doujinshi
    • Ecchi
    • Fantasy
    • Gender Bender
    • Harem
    • Historical
    • Horror
    • Josei
    • Live action
    • Manga
    • Manhua
    • Manhwa
    • Martial Arts
    • Mature
    • Mecha
    • Mystery
    • One shot
    • Psychological
    • Sci-fi
    • Seinen
    • Shoujo Ai
    • Shounen Ai
    • Slice of Life
    • Smut
    • Soft Yaoi
    • Soft Yuri
    • Sports
    • Tragedy
    • Supernatural
    • Webtoon
    • Yaoi
    • Yuri
Prev
Next

จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ - ตอนที่ 17-18

  1. Home
  2. All Mangas
  3. จับพลัดจับผลูมาเป็น ‘ภรรยา’ ของศัตรูหัวใจ
  4. ตอนที่ 17-18
Prev
Next

Ch.9 – ตอนที่ 17-18 สมัยนี้น่ะ ผู้ชายคนไหนทำกับข้าวไม่ได้ก็ไม่ใช่ผู้ชายในฝันแล้ว!

Translator : Akanirawan / Author

 

ตอนที่ 17สมัยนี้น่ะ ผู้ชายคนไหนทำกับข้าวไม่ได้ก็ไม่ใช่ผู้ชายในฝันแล้ว! (1/2)

การนอนกลางวันแล้วตื่นขึ้นมานั้นให้ความรู้สึกสดชื่นอย่างมาก ซูเจี๋ยนมองดูหน้าจอโทรศัพท์ พบว่าเลยเวลาสี่โมงเย็นไปแล้ว

พอซูเจี๋ยนมาถึงห้องนั่งเล่น ก็เห็นอันอี่เจ๋อยืนอยู่ริมระเบียงด้านข้าง ดูเหมือนเพิ่งจะคุยโทรศัพท์เสร็จ

ซูเจี๋ยนทรุดกายลงนั่งบนโซฟา ยกขาข้างที่เจ็บขึ้นวางไว้บนโต๊ะเล็กตรงหน้า จากนั้นก็หันไปมองอันอี่เจ๋อ

อันอี่เจ๋อเดินกลับเข้ามาในห้อง พอเห็นซูเจี๋ยนนั่งอยู่ ชายหนุ่มก็ขยับขาเดินมาทางโซฟา : “นี่เธอเพิ่งตื่น?”

ซูเจี๋ยนมองเขาตาค้าง : “คุณรู้ได้ยังไง”

อันอี่เจ๋อชี้นิ้วบ่งบอก : “ผมเธอ”

ซูเจี๋ยนเอียงหน้าลงมอง ไม่นึกว่า เส้นผมยาวเหยียดของตัวเองจะพันกันยุ่งเหยิงขนาดนี้ คงเป็นเพราะตอนนอนกลิ้งตัวไปมาบนเตียงจึงทับเส้นผมจนเสียทรงไปหมด

ซูเจี๋ยนหัวเราะแห้งๆ ออกมาสองเสียง ยกนิ้วขึ้นสางเส้นผมของตัวเองแบบลวกๆ

อันอี่เจ๋อยื่นมือเข้ามา ช่วยสางเส้นผมให้อย่างอ่อนโยน

ชายหนุ่มเคลื่อนไหวได้อย่างเป็นธรรมชาติมาก ซูเจี๋ยนเองก็ไม่ได้ติดใจอะไร เพียงแค่บ่นงึมงำ : “ผมยาวๆ นี่ปัญหาเยอะชะมัด อยากจะโกนให้จบๆ ไปซะเลยจริงๆ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาหวี เสียเวลาสระ แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาจัดทรงอะไรวุ่นวาย!”

พูดจบหางตาก็เหลือบไปเห็นอันอี่เจ๋อกำลังพยายามเม้มมุมปากกลั้นหัวเราะ

นี่…คนอย่างอันอี่เจ๋อก็หัวเราะเป็นด้วย! ซูเจี๋ยนแอบตื่นตาตื่นใจอยู่เงียบๆ ทำทีชำเลืองมอง : “ตลกอะไรของคุณ”

อันอี่เจ๋อกล่าวตอบ : “ฉันนึกว่าผู้หญิงจะชอบผมยาวกันหมดซะอีก”

ซูเจี๋ยนได้แต่ตอบกลับเขาในใจ : ฉันเองก็ชอบผู้หญิงผมยาวเหมือนกันนั่นแหละ แต่ฉันแค่ไม่ชอบให้ผมยาวๆ แบบนั้นมางอกอยู่บนหัวกบาลตัวเอง!

ซูเจี๋ยนคลึงนิ้วเล่นปลายผมม้วนโค้งของตัวเอง กระแอมกระไอออกมาสองเสียงให้คอโล่ง จากนั้นก็กล่าว : “สัมมี~ หิวแล้วล่ะ”

น้ำเสียงของสาวน้อยซูนั้นเดิมทีก็ไพเราะนุ่มนวลอยู่แล้ว แถมยังเจือเสน่ห์ชวนฟังแฝงเร้นอยู่โดยไม่เจตนา พอผสมเข้ากับความอ่อนหวานออดอ้อนที่ซูเจี๋ยนจงใจใส่เพิ่มเติมลงไปอีก ย่อมกลายเป็นอาวุธทำลายล้างแสนทรงประสิทธิภาพอย่างไม่ต้องสงสัย สำหรับอันอี่เจ๋อนั้นจะถูกโจมตีสำเร็จหรือไม่ซูเจี๋ยนก็ไม่อาจทราบได้ แต่สำหรับซูเจี๋ยนเองนั้นถูกจู่โจมได้สำเร็จแน่นอน! ซูเจี๋ยนยังคิดๆ อยู่ว่า ถ้ามีสาวน้อยคนไหนมาใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับตนเข้าล่ะก็ ตนคงแขนขาอ่อนเปลี้ยจนแทบละลายไปทั้งร่าง ยอมทำทุกอย่างตามที่เธอขอให้ทำแน่นอน!

แน่นอนว่าอันอี่เจ๋อก็ยังเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ คนหนึ่ง หลังจากได้ฟังซูเจี๋ยนออดอ้อนแล้ว สีหน้าท่าทางก็กลายเป็นอ่อนโยนลงมาก

“เธอเหมือนจะหิวบ่อยขึ้นมากเลยนะช่วงนี้”

ซูเจี๋ยน : “……” เจ้าคนแซ่อัน นี่นายกำลังด่าอ้อมๆ ว่าฉันเหมือนหมูสินะ อย่านึกว่าฉันจะฟังไม่ออก!

ซูเจี๋ยนตอบกลับอย่างไม่พอใจ : “ร่างกายฉันกำลังฟื้นตัวนี่นา ก็ต้องกินเยอะเป็นธรรมดาแหละ!” จากนั้นก็จ้องเขม็งใส่อันอี่เจ๋อ : “มื้อเย็นฉันก็ไม่อยากกินของที่สั่งเข้ามาด้วย!”

“งั้นก็….”

“พวกอาหารสำเร็จรูปก็ไม่เอาเหมือนกัน!”

อันอี่เจ๋อได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างอับจนหนทาง

ซูเจี๋ยนพูดต่อ : “ถึงพวกเราจะไม่ใช่สามีภรรยากันจริงๆ แต่ก็ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมห้องกัน ตอนนี้ฉันก็เหมือนพิการไปครึ่งตัวชั่วคราวแล้ว ไม่ใช่ว่าคุณควรจะทำอะไรอร่อยๆ มาให้ฉันกินสักหน่อยเหรอ เพื่อให้ฉันฟื้นตัวได้เร็วขึ้นไงล่ะ”

อันอี่เจ๋อเงียบงันไปพักใหญ่ : “……ฉันทำอาหารไม่เก่ง”

ซูเจี๋ยนรีบตอบคำอย่างกระตือรือร้น : “ไม่เป็นไร ฉันเชื่อมั่นในตัวคุณ คุณน่ะนะ ขนาดตำแหน่งประธานกรรมการยังสามารถแบกรับไว้ได้ กะอีแค่เรื่องทำอาหารจะทำออกมาไม่ดีได้ยังไงกัน!” เฮอะ คนแซ่อัน ฉันไม่ปล่อยให้นายได้มีโอกาสวิ่งหนีไปง่ายๆ หรอก! จะได้เห็นเจ้าศัตรูหัวใจที่น่ารังเกียจนี่ต้องโค้งตัวคุกเข่าเอาอกเอาใจ ปรุงอาหารมาให้เหมือนภรรยาตัวน้อยๆ แบบนี้ แค่คิดก็ชวนให้รู้สึกดีสุดๆ แล้ว!

เห็นอันอี่เจ๋อยังไม่ยอมพูดอะไรออกมา ซูเจี๋ยนก็รีบยัดโทรศัพท์ใส่มือให้เขา : “ถ้าคุณไม่อยากไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาด ก็แค่โทรสั่งให้ทางร้านมาส่งให้ก็ใช้ได้แล้ว ไม่ว่าคุณต้องการอะไร เขาก็มาส่งให้คุณได้ทั้งนั้นแหละ!”

อันอี่เจ๋อยังเงียบงันไม่พูดไม่จา

ซูเจี๋ยนนึกย้อนถึงสีหน้าท่าทางของนักแสดงสาวสวยในหนังรักโรแมนติกบางฉากบางตอนขึ้นมาอย่างรีบร้อน จากนั้นก็ตัดใจลงมืออย่างเด็ดเดี่ยว ยื่นมือไปดึงแขนเสื้อของอันอี่เจ๋อแผ่วเบา บุ้ยริมฝีปากน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมอง กะพริบตาปริบๆ ใส่เขาอย่างเว้าวอน : “สัมมี~……” สองพยางค์นี้เอ่ยออกมาได้อย่างสะท้านสะเทือนไปถึงก้นบึ้งของจิตใจ ดุจจะผูกมัดใจชายด้วยเงื่อนตายเก้าห่วงสิบแปดปม

อันอี่เจ๋อได้แต่หัวเราะดัง ‘พรืด’ ออกมาเสียงหนึ่ง

ซูเจี๋ยนมีสีหน้าโง่งมไป เจ้าคนแซ่อันมีปฏิกิริยาตอบสนองแบบนี้มันหมายความว่าอะไรกัน? ป๊ะป๋าอุตส่าห์ทุ่มเทขนาดนี้ ยอมแสดงฉากโรแมนติกได้อย่างถึงบทบาทขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่ว่าเวลานี้นายควรจะรีบวิ่งแจ้นไปทำตามที่ป๊ะป๋าบอกได้แล้วรึไง ต่อให้ป๊ะป๋าถามเลขบัญชีของนาย นายก็ควรจะรีบบอกรหัสผ่านมาให้อย่างเต็มใจด้วยซ้ำ!

เห็นหน้าตาเซ่อซ่างุนงงของอีกฝ่ายแล้ว อันอี่เจ๋อก็ยื่นมือไปลูบศีรษะเล็กๆ นั้นเบาๆ อมยิ้มเอ่ยตอบ : “ก็ได้”

ซูเจี๋ยนครุ่นคิด เจ้าอันอี่เจ๋อคนนี้ เวลายิ้มแล้วช่าง…… ลามกโฉดชั่วชะมัด! ให้ตายก็ไม่ยอมรับเด็ดขาด ว่าเจ้าคนหน้าตาตายด้านคนนี้ เวลาแย้มยิ้มด้วยหัวคิ้วนัยน์ตาผ่อนคลายแบบนั้นแล้ว ช่างทำให้เจ้าตัวดูมีเสน่ห์ชวนมองอย่างที่สุด

หลังจากอันอี่เจ๋อรับปากแล้ว ซูเจี๋ยนก็อารมณ์ดีขึ้นมาก จึงนั่งไขว่ห้างดูทีวีอย่างสบายใจ ถึงขั้นที่ว่าขนาดเปิดดูช่องโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจด้านเกษตรกรรมแล้วยังสามารถรับชมรายการที่เสนอเรื่องวิธีทำฟาร์มหมูด้วยความสนอกสนใจอย่างยิ่ง

อันอี่เจ๋อดึงกระดาษออกจากม้วนมาแผ่นหนึ่ง ชำเลืองมองหน้าจอทีวี จากนั้นก็หันขวับมามองสาวน้อยร่างบางที่เอนกายเกียจคร้านอยู่บนโซฟาด้วยแววตาตื่นตกใจ

ซูเจี๋ยนรู้สึกถึงสายตาของอีกฝ่ายได้ทันที : “อะไร?”

อันอี่เจ๋อกล่าว : “ฉันแค่นึกไม่ถึงว่าเธอจะชอบดูรายการแบบนี้”

ซูเจี๋ยนรู้สึกว่าชายหนุ่มตรงหน้ากำลังดูถูกรสนิยมของตนอยู่ จึงรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาทันที : “รายการแบบนี้มันทำไมมิทราบ? ถ้าไม่มีการเลี้ยงหมู แล้วคุณจะไปเอาเนื้อหมูจากไหนมากิน”

อันอี่เจ๋อพยักหน้าหงึกๆ เป็นเชิงเห็นด้วย : “เธอพูดมาก็ถูก จะว่าไปแล้วการเลี้ยงดูหมูให้อาหารหมูนี่ก็สำคัญจริงๆ” กล่าวจบก็เดินตรงเข้าไปในครัว

ตอนแรกซูเจี๋ยนยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร นอนดูรายการต่อไปอีกพักใหญ่ๆ จู่ๆ ก็นึกขึ้นมาได้ เมื่อครู่เหมือนเจ้าหมอนั่นเพิ่งจะเปรียบเทียบว่าตนเป็นหมู?!

นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว! ซูเจี๋ยนกระโดดกระย่องกระแย่งไปที่ห้องครัวด้วยความเกรี้ยวกราด

เข้าไปแล้วก็เห็นอันอี่เจ๋อถือกระดาษหลายแผ่นเอาไว้ในมือ ซูเจี๋ยนจึงโพล่งถามออกไปด้วยความสงสัย : “คุณ…นั่นมันคืออะไร”

อันอี่เจ๋อ : “สูตรอาหารที่ปริ๊นท์ออกมา”

ซูเจี๋ยนรู้สึกเบิกบานขึ้นมาทันตา : “ดูเหมือนคุณจะเตรียมพร้อมไม่เบาเลยนี่นา!”

อันอี่เจ๋อ : “เธอกลับไปดูรายการเลี้ยงหมูของเธอต่อเถอะ”

ดวงตาของซูเจี๋ยนเปล่งประกายวาววับ : “ได้! ฉันจะกลับไปแล้ว คุณก็ค่อยๆ ทำไปเถอะ!” หลังจากกล่าวจบก็กระโดดหย็องแหย็งจากไป

ที่ด้านหลัง อันอี่เจ๋อมองร่างเล็กๆ ที่มีท่าทางร่าเริงเปี่ยมชีวิตชีวานั้นแล้ว มุมปากก็ค่อยๆ ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มน้อยๆ อย่างไม่ได้ตั้งใจ

……………………………….

ตอนที่ 18สมัยนี้น่ะ ผู้ชายคนไหนทำกับข้าวไม่ได้ก็ไม่ใช่ผู้ชายในฝันแล้ว! (2/2)

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป อาหารก็ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อย

ซูเจี๋ยนรีบมานั่งรอที่โต๊ะทานอาหารโดยอัตโนมัติ กวาดตาชื่นชมผลงานจากการลงมือลงแรงของอันอี่เจ๋อ

มีไข่ผัดมะเขือเทศจานหนึ่ง เนื้อเส้นผัดพริกเขียวจานหนึ่ง แล้วก็ยังมีต้มซี่โครงหมูใส่หัวมันอีกถ้วยหนึ่ง มองดูแวบแรก รูปลักษณ์ของอาหารทุกจานนั้นดูดีเอามากๆ

ซูเจี๋ยนบุ้ยปากอย่างผิดหวัง

อันอี่เจ๋อยื่นตะเกียบคู่หนึ่งส่งมาให้ : “เป็นอะไรไป”

เพราะไม่มีโอกาสได้เยาะเย้ยนาย ก็เลยไม่มีความสุขไงล่ะ!

ซูเจี๋ยนฝืนเค้นหัวเราะแห้งแล้งออกมา : “ไม่มีอะไร” จากนั้นก็ยื่นตะเกียบไปทางจานอาหารอย่างหงุดหงิด

หลังจากคีบไข่ผัดมะเขือเทศเข้าปากไปคำหนึ่ง ซูเจี๋ยนก็ดูตื่นเต้นมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที

“ไข่ผัดมะเขือเทศจานนี้ของคุณ….ใส่เกลือลงไปเยอะแค่ไหน”

อันอี่เจ๋ออึ้งงันไป : “ไม่ได้ใส่เกลือ ใส่น้ำตาลเป็นหลัก….. หรือว่า——”

ซูเจี๋ยนกระหยิ่มยิ้มย่อง ยินดีในคราวเคราะห์ของผู้อื่น : “เดาได้เลย คุณคงสับสนเกลือกับน้ำตาลล่ะสิท่า”

อันอี่เจ๋อ : “……”

จากนั้นซูเจี๋ยนก็หันปลายตะเกียบไปทางเนื้อเส้นผัดพริกเขียว แล้วก็มีสีหน้าครุ่นคิดซับซ้อน

อันอี่เจ๋อมองดูอีกฝ่ายเงียบๆ

ซูเจี๋ยนพลันเอ่ยขึ้นอย่างตื่นเต้น : “พริกเขียวยังไม่ค่อยสุก”

อันอี่เจ๋อยกถ้วยต้มซี่โครงหมูใส่หัวมันชามนั้นออกไปอย่างไร้สุ้มเสียง

ซูเจี๋ยนแปลกใจขึ้นมาทันที : “ทำอะไรของคุณ”

อันอี่เจ๋อตอบเสียงเรียบ : “ต้มถ้วยนี้ไม่ต้องลองชิมแล้ว”

ซูเจี๋ยนคิดในใจ : โอกาสดีที่จะได้เยาะเย้ยนายอยู่ตรงหน้าขนาดนี้แล้ว ฉันจะปล่อยไปได้ยังไง! คิดได้แบบนี้แล้วก็พลันยื่นมือไปแย่งถ้วยต้มซี่โครงหมูมา จ้วงช้อนตักใส่ปากซดเข้าไปคำหนึ่งอย่างรวดเร็ว

จากนั้นก็ได้แต่อมน้ำซุปช้อนนั้นไว้ในปาก จะกลืนก็กลืนไม่เข้า จะคายก็คายไม่ออก

สุดท้าย หลังจากฝืนกล้ำกลืนของเหลวในปากลงไปได้อย่างยากลำบาก ซูเจี๋ยนก็เอ่ยถามขึ้น : “นี่คุณใส่น้ำตาลลงไปในต้มซี่โครงหมูแทนเกลือเหรอเนี่ย”

อันอี่เจ๋อพยักหน้ารับอย่างเงียบงัน

ซูเจี๋ยนมีความสุขสุดๆ หากถามว่าเขาซูเจี๋ยนคนนี้ชอบทำอะไรเป็นที่สุดน่ะหรือ? ก็ย่อมต้องเป็นการโจมตีเจ้าศัตรูหัวใจอันอี่เจ๋อคนนี้น่ะสิ! เขาซูเจี๋ยนชอบมองดูอะไรเป็นที่สุดน่ะหรือ? ก็ย่อมต้องเป็นสีหน้าปั้นยากของเจ้าศัตรูหัวใจอันอี่เจ๋อหลังจากที่โดนโจมตีจนแตกพ่ายน่ะสิ!

อันอี่เจ๋อ ต่อให้นายสูง หล่อ รวย แล้วยังไงล่ะ? ต่อให้นายเป็นประธานกรรมการได้ตั้งแต่อายุสามสิบแล้วจะนับเป็นอะไร? ยุคนี้สมัยนี้ ผู้ชายคนไหนทำกับข้าวไม่ได้ก็ไม่ใช่ผู้ชายในฝันแล้ว!

ซูเจี๋ยนรู้สึกว่าในที่สุดตัวเองก็หาจุดอ่อนของอันอี่เจ๋อเจอแล้ว จึงตื่นเต้นดีใจไม่หยุด ฉีกยิ้มกว้างจนมุมปากแทบถึงใบหูอยู่รอมร่อ

อันอี่เจ๋อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำต้มซี่โครงหมูเสร็จก็แย้มยิ้มเต็มใบหน้า ดีอกดีใจขนานใหญ่ปานนี้ ก็อดงุนงงสงสัยไม่ได้ : “ดีใจอะไรขนาดนั้น”

“อ๋า?” ซูเจี๋ยนได้สติกลับมา มองเห็นอันอี่เจ๋อกำลังมองตนด้วยแววตาแปลกประหลาด แน่นอนว่าย่อมไม่กล้าบ่งบอกความคิดในสมองของตนออกไปตามตรง จึงได้แต่หาเหตุผลมากลบเกลื่อน : “ฉันคิดว่าต้มซี่โครงถ้วยนี้ก็ไม่เลวเลย ดื่มลงไปแล้วก็คล่องคอมาก”

อันอี่เจ๋อวางท่าเคร่งขรึมอีกครั้ง จากนั้นก็ผลักชามต้มซี่โครงหมูมาให้ : “ในเมื่อเธอชอบ งั้นก็ให้เธอหมดเลยแล้วกัน”

ซูเจี๋ยน : “……”

อันอี่เจ๋อผุดลุกขึ้นยืน กล่าวเสียงเรียบ : “ฉันสั่งอาหารจากข้างนอกเข้ามาดีกว่า”

ซูเจี๋ยนรีบหยุดเขาไว้ทันที : “ไม่ต้องไม่ต้อง! ในเมื่อทำมาแล้วก็กินกันเถอะ ไม่งั้นก็เสียดายของแย่!”

หลังจากอันอี่เจ๋อยอมวางโทรศัพท์แล้วทรุดกายลงนั่งแล้ว ซูเจี๋ยนก็สาละวนตักอาหารให้เขาอย่างกระตือรือร้น : “นี่ คนทำอาหารน่ะเหนื่อยที่สุด คุณต้องทานเข้าไปให้เยอะๆ ล่ะ!”

อันอี่เจ๋อมีท่าทางลังเล ลองชิมไปคำเล็กๆ จากนั้นก็วางตะเกียบลง ไม่กล่าววาจาออกมาแม้แต่คำเดียว

ที่ฝั่งตรงข้าม ซูเจี๋ยนแย้มยิ้มเบิกบานไปถึงหัวคิ้วนัยน์ตาแล้ว

อันอี่เจ๋อ : “นี่ดีใจขนาดนั้นเลยเหรอ”

ซูเจี๋ยนมีสีหน้าเหรอหราไปทันที : “อ๋า?”

อันอี่เจ๋อชี้ไปยังจานอาหารที่ตัวเองทำออกมา : “ฉันทำอาหารไม่สำเร็จ เธอก็ดีใจขนาดนี้เลย?”

ซูเจี๋ยนรีบส่ายหน้ารัวๆ แสดงท่าทางว่าตัวเองใสซื่อบริสุทธิ์ใจ

อันอี่เจ๋อกลับพ่นลมหายใจเบาๆ ออกมาอย่างดูแคลน : “เด็กน้อยจริงๆ”

ซูเจี๋ยนอยู่ไม่สุขขึ้นมาทันที : “ใครเป็นเด็กน้อยกัน!” ป๊ะป๋าคนนี้เป็นผู้ชายตัวโตๆ คนหนึ่ง อายุอานามก็เกือบสามสิบได้แล้วนะเฟ้ย นายแก่กว่าฉันก็แค่ปีเดียวเท่านั้น มีอะไรให้โอ้อวดมิทราบ

“ปีนี้เธอแค่ยี่สิบเอ็ดเองนะ” เสียงทุ้มของอันอี่เจ๋อกล่าวตอบ

เอ๋? ซูเจี๋ยนรู้สึกว่าเหนือความคาดหมายจึงตกตะลึงอยู่บ้าง สาวน้อยซูเป็นครูโรงเรียนมัธยม อย่างน้อยก็ต้องจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยแล้วสิ ต่อให้เพิ่งจบปีนี้พอดี แต่อายุยี่สิบเอ็ดนี่ก็จะเด็กเกินไปหน่อยแล้ว! หรือว่า เธอจะเป็นพวกเรียนข้ามชั้น?

ทันใดนั้นซูเจี๋ยนก็อัดอั้นตันใจขึ้นมาเล็กน้อย แม้การได้ย้อนวัยจะถือเป็นโชควาสนา แต่จู่ๆ ได้กลับมาย้อนวัยด้วยวิธีนี้ ก็ไม่อาจทำใจให้รู้สึกดีได้จริงๆ

อย่างไรก็ตาม ด้วยใบหน้าอ่อนเยาว์ของสาวน้อยซูคนนี้ ก็ไม่อาจบ่งบอกอายุแท้จริงได้แต่แรกแล้ว แม้ว่าตอนนี้จะอายุยี่สิบเอ็ดแล้ว แต่ก็ยังดูอ่อนกว่าวัยอยู่มาก ทั้งหัวคิ้วนัยน์ตายังมีความสดใสน่ารัก ต่อให้แกล้งปลอมตัวเป็นเด็กมัธยมปลายอายุสิบห้าสิบหก ก็ยังสามารถทำได้แบบไม่มีปัญหา!

พูดไปแล้ว แบบนี้ก็เท่ากับว่าอันอี่เจ๋อไปหาเด็กสาวที่อ่อนกว่าตัวเองตั้งเก้าปีมาแต่งงานด้วยไม่ใช่หรือไงกัน?

อันอี่เจ๋อเอ๊ยอันอี่เจ๋อ กลายเป็นว่านายชอบแบบนี้นี่เองสินะ…..เฮะๆๆๆๆ

ซูเจี๋ยนยกนิ้วกลางกับนิ้วชี้ขึ้นมาลูบไล้ปลายคาง ชำเลืองมองอันอี่เจ๋อแล้วหัวเราะอย่างมีเลศนัย : “นี่คุณชอบแบบพวกโลลิสินะ”

อันอี่เจ๋อมองตอบกลับมาด้วยแววตาว่างเปล่า

ซูเจี๋ยนแสดงสีหน้า ‘พี่ชาย ฉันเข้าใจดีหรอกน่า’ ออกมา ทั้งยังกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้าอกเข้าใจ : “ผู้ชายก็แบบนี้ล่ะนะ ตอนอายุสิบแปด ก็ชอบสาวอายุสิบแปด จนอายุยี่สิบแปด ก็ยังชอบสาวอายุสิบแปดอยู่นั่นเอง ต่อให้จะอายุสามสิบแปดหรือสี่สิบแปด หรือต่อให้ถึงหนึ่งร้อยแปด เด็กสาวอายุสิบแปดก็ยังเป็นที่รักใคร่ที่สุดตลอดกาล! ไม่เห็นมีอะไรต้องปิดๆ บังๆ นี่นา ถึงยังไงสาวน้อยโลลิก็มีข้อดีอยู่ตั้งสามอย่าง น่ารักขบเผาะ, เปราะบางนุ่มเนียน แถมยังผลักล้มได้ง่ายอีกต่างหาก ใครๆ ก็ชอบทั้งนั้นแหละ!”

อันอี่เจ๋ออับจนถ้อยคำ ผ่านไปครึ่งค่อนวันจึงค่อยเอ่ยปากขึ้นมาได้ : “หลังจากเธอเสียความทรงจำไปนี่ ดูเหมือนจะ…..เปิดเผยจริงใจขึ้นเยอะเลยนะ”

ซูเจี๋ยนรู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาวูบหนึ่ง หรือว่าเจ้านี่จะเกิดสงสัยอะไรขึ้นมาแล้ว?

ชั่วขณะนั้นจึงเลียบเคียงถามออกไปอย่างระมัดระวัง : “แล้ว…. ก่อนหน้านี้ฉันเป็นยังไงเหรอ”

อันอี่เจ๋อ : “ก่อนหน้านี้ เธออบอุ่นอ่อนโยนแล้วก็เรียบร้อยกว่านี้มาก”

ซูเจี๋ยนได้แต่ตอบกลับในใจ : นั่นก็เพราะคุณผู้หญิงคนก่อนหน้านี้เธอเป็นกุลสตรีโดยเนื้อแท้ทั้งร่างกายและจิตใจน่ะสิ ส่วนไอ้คนที่อยู่ตรงหน้าแกตอนนี้น่ะ กลับเป็นชายแท้ที่ต้องแกล้งทำเป็นผู้หญิง! ป๊ะป๋าคนนี้ก็เป็นผู้ชายอกสามศอกคนหนึ่งนะว้อย! จะให้ไปหาความอบอุ่นอ่อนโยนและเรียบร้อยจากที่ไหนมาให้แกมิทราบ?

ซูเจี๋ยนกระแอมกระไอ กล่าวว่า : “อันที่จริง นิสัยตอนนี้แหละถึงจะเป็นตัวตนจริงๆ ของฉัน ก่อนหน้านี้น่ะ เพราะว่าแม่ป่วย ในใจฉันก็ย่อมต้องกังวลจนไม่เป็นอันทำอะไร จะเปิดเผยจริงใจแบบนี้ได้ที่ไหนล่ะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนั้นก็ยังไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกับคุณด้วย เป็นธรรมดาที่ต้องสงวนท่าทีเอาไว้บ้าง ตอนนี้ฉันเสียความทรงจำไปหมดแล้ว ก็ต้องกลับเป็นตัวของตัวเองแบบนี้แหละ”

เห็นอันอี่เจ๋อยังครุ่นคิดไม่ยอมตอบคำ ในใจของซูเจี๋ยนก็รู้สึกหนักอึ้งเป็นกังวลขึ้นมา เกรงว่าตนจะเผลอเผยพิรุธออกไป ดังนั้นจึงรีบร้อนกล่าวเสริมไปอีก : “ที่จริงแล้วคุณน่ะไม่เข้าใจผู้หญิงเอาซะเลย ถ้าไม่ได้อยู่ต่อหน้ากลุ่มเพื่อนที่สนิทสนมคุ้นเคย ก็ย่อมต้องทำตัวแตกต่างเป็นธรรมดาอยู่แล้ว! ยังเคยมีผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวไว้ว่า : คนไม่รู้จักคิดว่าฉันเป็นสาวน้อยวัยใสธรรมดาๆ คนที่รู้จักคิดว่าฉันเป็นสาวน้อยเรียบร้อยมีการศึกษา มีแต่เพื่อนสนิทที่สุดเท่านั้น ที่จะรู้ว่า แท้จริงแล้วฉันก็เป็นแค่สาวน้อยเซ่อซ่าคนหนึ่ง!”

อันอี่เจ๋อยังครุ่นคิดอยู่อีกครู่หนึ่ง จากนั้นก็จ้องมองอีกฝ่าย : “งั้นตอนนี้ พวกเราก็นับว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดได้แล้วล่ะสิ?”

ซูเจี๋ยนส่งเสียงออกมาอย่างงงงัน : “หา?”

อันอี่เจ๋อพลันผุดลุกขึ้น โทรศัพท์สั่งอาหารจากข้างนอกเข้ามาทาน

คราวนี้ซูเจี๋ยนไม่ได้รั้งเขาไว้อีก เพราะถึงอย่างไร จุดประสงค์ที่จะเย้ยหยันกลั่นแกล้งอีกฝ่ายก็บรรลุเป้าหมายไปอย่างงดงามแล้ว ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงชีวิตฝืนกล้ำกลืนกินผลงานอันเหนื่อยยากของอันอี่เจ๋อลงไปในท้องอีก

หลังจากอมยิ้มร่าเริงนั่งฟังอันอี่เจ๋อโทรสั่งอาหารอยู่ครู่หนึ่ง ซูเจี๋ยนรู้สึกอารมณ์ดีปลอดโปร่งโล่งสบายอย่างมาก ชั่วขณะนั้นเอง ในสมองก็มีแสงสว่างจ้าวาบผ่าน เพิ่งจะทำความเข้าใจประโยคเมื่อครู่ของอันอี่เจ๋อได้กระจ่างแจ้งก็ตอนนี้เอง

——งั้นตอนนี้ พวกเราก็นับว่าเป็นเพื่อนสนิทที่สุดได้แล้วล่ะสิ?

กย๊าาา! อันอี่เจ๋อ! แกน่ะสิสาวน้อยเซ่อซ่า! บ้านแกเป็นสาวน้อยเซ่อซ่ากันหมดทั้งบ้าน!

Prev
Next
MY READING HISTORY
You don't have anything in histories
POPULAR MANGA
กระบี่จงมา
กระบี่จงมา
บทที่ 992.2 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 992.1 ดอกไม้แดงบนภูเขาเขียวดุจเพลิงลุกไหม้ 27 พฤศจิกายน 2024
323r
ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ
ตอนที่ 2138 จะทำลายพวกเจ้า 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2137 เทือกเขาแห่งความตาย 27 พฤศจิกายน 2024
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
เทพกระบี่มรณะ (chaotic sword god)
ตอนที่ 2528 - การตัดแขน 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 2527 - ชำระหนี้แค้น 27 พฤศจิกายน 2024
61d44445LSpjhqcZ
เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ
บทที่ 869 ที่หลบภัย 27 พฤศจิกายน 2024
บทที่ 868 ผมซับเหงื่อให้ครับ 27 พฤศจิกายน 2024
Full-time-Artist-ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิ
Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน
ตอนที่ 775 อาภรณ์หลวมโพรกมิเสียดาย เพื่อเจ้าข้าผ่ายผอมยอมอิดโรย 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 774 ผีเสื้อรักบุปผา 27 พฤศจิกายน 2024
นิยายแปล-~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย-~-ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว
ตอนที่ 53 - 030:แผนการฝึกนักบุญ⑦ ค้นหาศัตรู 27 พฤศจิกายน 2024
ตอนที่ 52 - 029:แผนการฝึกนักบุญ⑥ ก่อนการต่อสู้ 27 พฤศจิกายน 2024
Here for more Popular Manga

Comments for chapter "ตอนที่ 17-18"

MANGA DISCUSSION

ใส่ความเห็น ยกเลิกการตอบ

You must Register or Login to post a comment.

  • HOME
  • COOKIE POLICY

© 2025 Madara Inc. All rights reserved