จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 266
บทที่ 266: เสริมความแข็งแกร่งหมาป่าวิญญาณ (1)
“เฮอะ ฉันจะสั่งสอนบทเรียนให้กับแกทีหลัง!” สายตาของลือเชิงเห่อจับจ้องไปที่โม่ฝานพร้อมกับบ่นถึงความคับแค้นในจิตใจของตน
“ไม่มีใครคาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะมีคนเก่งแบบอยู่ด้วยเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเราจะประเมินสถาบันเมิงจู่ต่ําเกินไป!” ลูยี่หมิงอุทานออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
“ฉันไม่รู้สึกสักนิดว่าเขาน่ะน่าประทับใจ!” ลือเชิงเห่อยังไม่ยอมหยุดปากของตน
“งั้นเหรอ นายกําลังจะบอกว่าการกําเนิดมาพร้อมกับสององค์ประกอบนั้นไม่ใช่เรื่องน่าประทับใจงั้นเหรอ? หรือนายจะบอกว่าสิ่งที่ควรค่าแก่การประทับใจคือบุคคลที่ใช้แต่พลังความแข็งแกร่งของหมาป่าทมิฬแต่เพียงผู้เดียวอย่างนายกันล่ะ?” เหล่าหมิงฉยวนใช้โอกาสนี้เพื่อถากถางถึงความภูมิใจหนึ่งเดียวของลือเชิงเห่อทันที
“พอได้แล้ว! ในการแข่งขันย่อมมีการแพ้ชนะเกิดขึ้นได้เสมอ อีกอย่างมันควรจะเป็นการแข่งขันเพื่อผูกมิตรเท่านั้น อย่าสร้างปัญหามากกว่าสร้างประสบการณ์!” ลูยี่หมิงเริ่มดพวกเขา
นักเรียนทุกคนนั้นมีโอกาสได้ฝึกฝนเพียงในสถาบันเท่านั้น แม้ว่าพวกเขาจะมีการประลองภายในกันอยู่เสมอ แต่มันก็เป็นเพียงแค่ในสถาบันเท่านั้น มีอีกหลายสิ่งที่พวกเขาทั้งหมดต้องเรียนรู้เพื่อที่จะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมั่นคง พวกเขาจําเป็นจะต้องได้เผชิญหน้ากับปีศาจที่แท้จริงด้วย!
นักเวทที่ทรงพลังนั้นไม่จําเป็นจะต้องมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้อื่น แต่มันสําคัญที่ว่าบุคคลผู้นั้นจะมีความสามารถมากพอที่จะอาศัยอยู่ในป่าใหญ่เดียวกันกับเหล่าปีศาจร้ายได้ไหม
การฝึกฝนในรั้วของมหาวิทยาลัยนั้นไม่อ่อนโยนดั่งเช่นการฝึกตอนสมัยมัธยม พวกเขาจะส่งนักเรียนของตนเองไปนอกเขตโดยที่ไม่มีอาจารย์คนใดตามไปคุ้มกันจากนักล่าที่ดุร้ายด้านนอก พวกเขาทั้งหมดจะต้องเผชิญหน้ากับปีศาจร้ายและจัดการพวกมันด้วยพลังของตนเอง…
ในการฝึกเช่นนี้นั้นไม่สามารถหลีกเลี่ยงความตายได้เลย แต่สําหรับนักเวทแล้วพวกเขาควรเตรียมใจยอมรับในชะตาชีวิตของตนเองนับตั้งแต่วันที่ได้ปลุกพลังเวทให้ตื่นขึ้นมา!
ข่าวของการแข่งขันในครั้งนี้แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่ผู้นําของสถาบันเมิงจู่ก็ยังไม่อยากจะเชื่อหูของตนเองว่าสถาบันเมิ่งจู่ได้รับชัยชนะ
อธิการบดีเซียวและโจวเจียงฮวารู้สึกตื่นเต้นและโล่งใจอย่างมากหลังจากที่ได้รับรายงานเรื่องราวทั้งหมดจากกู่ฮั่น พวกเขานั้นเลือกได้อย่างถูกต้องแล้วที่พยายามผลักดันส่งโม่ฝานไปที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิ เสาสี่ต้นขนาดใหญ่ถูกยกขึ้นอย่างรวดเร็วทันทีภายในสถาบัน!
สําหรับโม่ฝานที่ไม่ได้ปิดบังความสามารถของตนเองอีกต่อไป ข่าวที่เขาครอบครองธาตุคู่ตั้งแต่กําเนิดถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน
โม่ฝานกลายเป็นราชันปีศาจตัวจริงแห่งสถาบันเมิงจู่ไปโดยสมบูรณ์ ชื่อเสียงของเขากระจายไปทั่วประเทศด้วยความร้อนแรง ทุกคนล้วนแต่พูดถึงชื่อของเขาอย่างไม่หยุดหย่อนในทุกพื้นที่และในตอนนี้ทุกคนกําลังเริ่มการจัดอันดับความสามารถของนักเวทอัจฉริยะ!
การเป็นนักเวทเวทมนตร์นั้นไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการได้มีชื่ออยู่บนรายชื่อของนักเรียนอัจฉริยะอีกแล้ว
ทั้งมู่หนิงเซวียและโม่ฝานต่างก็มีรายชื่ออยู่บนสิ่งนี้ทั้งคู่ ความสามารถและความอัจฉริยะของพวกเขานั้นเป็นที่โดดเด่นสะดุดตาแก่สมาคมนักศึกษาอย่างมาก
โม่ฝานตรวจสอบตําแหน่งของเขาด้วยตัวเอง เขาซึ่งเป็นผู้ที่มีธาตุคู่นั้นอยู่ในตําแหน่งที่ห้า ส่วนมู่หนิงเซวียที่ถือกําเนิดขึ้นมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์นั้นอยู่ในตําแหน่งที่เก้า
“ไม่มีทาง ธาตุคู่ตั้งแต่กําเกิดนั้นจะอยู่ในตําแหน่งที่ห้างั้นเหรอ? เอามานี่ ฉันขอดูหน่อย! บ้าไปแล้ว ความสามารถเช่นนี้มันควรจะสูงกว่าตําแหน่งที่ห้าสิบัดซบเอ๊ย!” จ้าวหม่าหยันตะโกนออกมาทันทีขณะที่ถือโทรศัพท์ของตนเองเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
“โลกใบนี้น่ะกว้างใหญ่จะตาย แน่นอนว่าจะต้องเต็มไปด้วยผู้คนที่มีพรสวรรค์มากมาย” เปียงเหลิงกล่าวออกมาพร้อมกับหันมาหาโม่ฝาน “บ้าไปแล้ว นี่นายถูกจัดให้อยู่ในอันดับห้าจากสถาบันทั่วประเทศเชียวนะ ลองนึกภาพเหล่าอัจฉริยะต่างๆที่สถาบันมีสิ การได้เป็นหนึ่งในร้อยนั้นก็นับได้ว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมแล้ว แต่ทว่าในตอนนี้นายได้อยู่ในสิบอันดับแรกเชียวนะ!”
“พรสวรรค์นั้นเป็นสิ่งที่สวรรค์มอบให้กับนักเวทบางคนเท่านั้น ถ้าหากว่าได้รับมันมาแล้วแต่กลับปล่อยปะละเลยมันล่ะก็ สิ่งเหล่านั้นก็จะเป็นได้เพียงขยะเท่านั้น ฉันน่ะเคยเห็นนักเวทอายุน้อยมากมายที่มีความสามารถอย่างล้นเหลือ แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่ไปได้ถึงฝัน!” เฉียวอวี้ฮัวพูดเตือนสติ
กู่ฮั่นรู้สึกเห็นด้วยกับประโยคนี้อย่างมาก พรสวรรค์นั้นเป็นเพียงความสามารถที่จะช่วยให้บุคคลผู้นั้นสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น สิ่งที่สําคัญที่สุดคือการฝึกฝนอย่างหนักมากกว่า!
สําหรับบุคคลอย่างเช่นโม่ฝานที่เกิดมาพร้อมกับธาตุคู่ ถ้าหากว่าเขาไม่ฝึกฝนอย่างหนัก การครอบครอบธาตุทั้งสามเช่นนี้อาจกลับกลายเป็นภาระที่ฉุดรั้งไม่ให้เขาเข้าสู่ระดับสูงก็ย่อมได้
นักเวทที่ครอบครองธาตุถึงสามชนิดด้วยกันแต่ไม่สามารถเข้าสู่ระดับสูงได้… แล้วมันจะมีความหมายอะไรกัน?
ดังนั้นสําหรับผู้ที่เต็มไปด้วยประสบการณ์และพลังใจในการฝึกฝน พวกเขาเหล่านั้นไม่จําเป็นจะต้องพึ่งพาพรสวรรค์!
“เอาล่ะ ในตอนนี้พวกเธอทั้งหมดจะถูกส่งออกไปจากเขตปลอดภัย ในสถานที่แห่งนั้นพวกเราจะไม่รับประกันความปลอดภัยของพวกเธอ ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเธอได้ถ้าหากเกิดอันตราย!” ลี่จิงกล่าวกับพวกเขาอย่างเคร่งเครียด
“ไม่มีการปกป้องงั้นเหรอ?”
“เราจะมอบปากกาสัญญาณให้พวกเธอติดตัวไปคนละหนึ่งแท่ง ถ้าหากว่าพวกเธอทั้งหมดคิดว่ากําลังพบกับสถานการณ์ที่ยากลําบากหรือติดกับดักใดๆ พวกเราจะส่งกําลังเสริมไปช่วย มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวก็คือเธอจะต้องมีชีวิตรอดอยู่รอจนกว่าพวกเราจะไปถึง…”
“เรื่องนั้น…” นักเรียนทั้งหมดตกอยู่ในสภาวะอ้าปากค้างทันที
“ความตายและการบาดเจ็บสาหัสนั้นเป็นเรื่องธรรมดานับตั้งแต่มีการจัดโครงการนี้ขึ้นมา ดังนั้นฉันหวังหว่าทุกคนจะตื่นตัวและระมัดระวังอย่างมากเมื่อการฝึกฝนได้เริ่มต้นขึ้น อย่าทําอะไรที่เสี่ยงเด็ดขาด อาจมีบางครั้งที่พวกเธอคิดว่าเหล่าอสูรเวทนั้นสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย แต่ฉันจะบอกอะไรกับพวกเธอหนึ่งอย่างก็คือ… เรื่องราวทั้งหมดนี้มันไม่ง่าย!” กู่ฮั่นกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงจริงจัง
“แม้ว่าพวกเธอทั้งหมดจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับปีศาจอสูรเวทต่างๆที่อยู่ในโลกด้านนอกของเขตปลอดภัยมาบ้างแล้ว แต่ความจริงก็คืออาจารย์ทุกคนยังไม่เคยมีใครพาพวกเธอออกไปจากเขตปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากว่าพวกเธอคิดว่าสิ่งที่ได้เรียนรู้นั้นเพียงพอแล้วที่จะดูแลตนเอง ฉันขอเตือนไว้ตรงนี้เลยว่าพวกเธอทั้งหมดคิดผิด มันแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!”
“เอาล่ะ อย่างไรก็ตามฉันขอให้ทุกคนระมัดระวังตัวให้มากที่สุด ฉันต้องการจะเห็นพวกเธอทุกคนปลอดภัยกลับมา” เฉียนอวี้ฮัวกล่าวเสริม
อาจารย์ทั้งสามคนล้วนแต่อยู่ในสถาวะสงบอย่างมาก แต่นักเรียนที่มองหน้าพวกเขานั้นรู้ได้เลยว่าพวกเขากําลังจะต้องเผชิญกับสิ่งที่โหดร้ายและไม่ง่ายดาย
แม้ว่าในอดีตโม่ฝานจะเคยต่อสู้กับอสูรเวทมาบ้างแล้ว แต่ทว่าเขาก็เหมือนกับนักเรียนคนอื่นๆที่ไม่เคยออกจากเขตปลอดภัยเช่นกัน
นับตั้งแต่ที่เขาได้เกิดมาบนโลกใบนี้ เขาจําได้เพียงว่าโลกนอกเขตแดนมนุษย์คือพื้นที่ของเหล่าอสูรร้าย แม้แต่นักเวทผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดยังถูกบังคับให้เก็บซ่อนหางของตนเองให้มิดชิดที่สุด การเดินทางเข้าไปในพื้นที่ของพวกมันเหล่านั้นเราไม่รู้ว่าจะได้พบเจอกับฝูงอสูรเวทเมื่อไหร่ หรือเราอาจจะไปสะดุดกับกับดักที่พวกมันสร้างเอาไว้ตอนไหนก็ย่อมได้!
“พวกเธอทั้งหมดจะต้องฝึกฝนอย่างหนักก่อนที่การอบรมครั้งนี้จะเริ่มขึ้น เมื่อถึงเวลานั้นแล้วเราจะบอกอีกครั้ง ขณะนี้ทุกคนอยู่ที่นี่แล้วถ้าหากว่าพอจะมีเงินสักหน่อยฉันขอแนะนําให้ทุกคนซื้ออุปกรณ์เวทมนตร์ป้องกันสักชิ้น มันอาจจะช่วยชีวิตเธอได้ยามคับขัน”
นักเรียนส่วนใหญ่ที่ถูกส่งเข้าโครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนล้วนแต่มาจากตระกูลใหญ่ซะมาก พวกเขาควรจะมีเงินพอที่จะซื้ออุปกรณ์สักชิ้นเพื่อชีวิตของตนเอง
โม่ฝานนั้นรู้ดีว่าตนเองไม่มีเงินมากพอที่จะซื้ออุปกรณ์อะไรมากไปกว่านี้อีกแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คิดที่จะเดินไปหาร้านค้าใดๆเลย
ห้าวันก่อนการเดินทางครั้งใหญ่ โม่ฝานใช้เวลาทั้งหมดเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับอสูรอัญเชิญของตนเอง
ขณะนี้หมาป่าวิญญาณกําลังตกอยู่ในสถาการณ์ที่ค่อนข้างลําบาก
ในการแข่งขันกระชับมิตรที่ผ่านมานั้นหมาป่าวิญญาณได้พบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งและพลังของมันห่างกันมากเกินไป
แม้ว่ามันจะอยู่ในสายพันธุ์เดียวกัน แต่หมาป่าวิญญาณรู้สึกสูญเสียกําลังใจในการต่อสู้ไปมากจากความพ่ายแพ้ครั้งนี้
โม่ฝานตระหนักได้ถึงจิตวิญญาณของมันที่กําลังหดหู สภาพจิตใจของหมาป่าวิญญาณของเขาย่ําแย่อย่างมาก หลังจากที่ไตร่ตรองสักพักใหญ่เขาตัดสินใจที่จะช่วยยกระดับของมันให้เข้าสู่ระดับนักรบเสียที
ตอนนี้เวลาก็ผ่านมาเนิ่นนานกว่าหนึ่งปีแล้วสําหรับหมาป่าวิญญาณระดับสูง มันยังคงต่อสู้อยู่กับเขาและฝึกฝนตนเองเสมอมา ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่มันจะใช้ประสบการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาเพื่อทะลุผ่านเข้าสู่พลังขั้นต่อไป
หลังจากที่มันได้รับความอัปยศอย่างหนักจากหมาป่าทมิฬ หมาป่าวิญญาณตัวนี้ต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อให้หลุดพ้นจากสถานะผู้รับใช้ มันต้องการที่จะเป็นอสูรเวทที่แข็งแกร่งมากกว่านี้
แล้วโม่ฝานจะยินดีปล่อยให้หมาป่าน้อยผู้เต็มไปด้วยความทะเยอทะยานเช่นนี้จมอยู่ในความรู้สึกที่ต่ําต้อยต่อไปได้อย่างไรกัน?
อีกด้านหนึ่ง ชายที่ชื่อลือเชิงเห่อคนนั้นรู้สึกเย่อหยิ่งและแข็งแกร่งก็เพียงแค่ว่าเขาได้ครอบครองอสูรสัญญาระดับนักรบเท่านั้นเอง
โม่ฝานรู้สึกไม่ชอบใจกับชายคนนั้นอย่างมาก ความเกลียดตั้งแต่แรกพบนี่คืออะไรกัน? ชายคนนั้นช่างไร้ยางอาย เขาเสนอหน้าที่จะยืนอยู่ด้านข้างของมู่หนิงเซวียตลอดเวลาเช่นนั้นได้อย่างไร!
ถ้าหากหมาป่าวิญญาณของเขาก้าวเข้าสู่ระดับนักรบแล้ว มันก็จะถึงเวลาที่โม่ฝานจะทําลายความภูมิใจเดียวของลือเชิงเห่อลงให้สิ้นซาก!