จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 263
บทที่ 263: โม่ผ่าน VS มู่หนิงเซวีย
“มู่หนิงเซวีย เธอพูดอะไรน่ะ? ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าเธอรู้จักเขา?” ลือเชิงเห่อถามออกมาด้วยใบหน้าที่งงงวย
นักเรียนที่กําลังชมการต่อสู้นี้อยู่ด้วยก็ต่างงุนงงเช่นกัน เขาติดอยู่ในกับดักเช่นนั้นนั่นหมายความว่าเขากําลังแอบซ่อนความแข็งแกร่งงั้นเหรอ?
“เป็นอย่างนั้นแน่นอน การประลองครั้งนี้น่ะจ…. เฮ้ย ทําไมฉันเห็นสีแดง เหมือนเลือดเลย?” หมิงกงตะโกนออกมาอย่างตื่นตระหนก
สีแดงคล้ายกับเลือด?!
น้ําแข็งที่กําลังห่อหุ้มร่างกายของโม่ฝานเอาไว้ถูกฉาบด้วยสีแดงสดจากข้างใน มันดูคล้ายกับเลือดเมื่อมองจากระยะไกล!แต่อย่างไรก็ตามอุณหภูมิของมันร้อนยิ่งกว่าเลือดเสียอีก!
แกรัก! แกร็ก!
โซ่ตรวนเริ่มปรากฏรอยแตก แสงสีแดงสว่างวาบสาดส่องออกมาจากด้านในอย่างช้าๆ รอยแตกทั้งหมดวิ่งกระจายไปทั่วร่างกายของโม่ผ่านอย่างรวดเร็ว
เพลัง!
โซ่ตรวนน้ําแข็งระเบิดออกอย่างฉับพลัน เสียงดังของมันบาดหูผู้คนทั้งหมดในสนามประลอง ตอนนี้มนุษย์ที่อยู่ด้านในได้รับการปลดปล่อยแล้ว!
ทันทีที่โซ่ตรวนน้ําแข็งแตกกระจายออก อัคคีกุหลาบแผ่กระจายรัศมีของตนเองอย่างเกรี้ยวกราดบนพื้นน้ํา แข็งอย่างมั่นคง! พวกมันแสดงความแข็งแกร่งของตนเองได้อย่างกล้าหาญในขณะที่ต้องทําลายโซ่ตรวนน้ํา แข็งเมื่อครู่
มนุษย์คนหนึ่งค่อยๆเดินออกมาจากกองเพลิงอย่างเชื่องช้า…
เขาเป็นชายที่ถูกคุมขังอยู่ในโซ่ตรวนน้ําแข็งเมื่อครู่ ในขณะนี้เมื่อเขาเดินออกมาจากโซ่ตรวนน้ําแข็งนั้นเปรียบได้กับราชันแห่งอัคคีที่เดินออกมาจากปล่องภูเขาไฟซึ่งเต็มไปด้วยแม็กมา!
เปลวไฟของเขายังไม่หยุดยั้งแต่เพียงเท่านั้น มันยังสําแดงเดชด้วยการแผ่กระจายออกไปรอบๆบริเวณเหล่านี้น้ําแข็งที่หนาเตอะในคราวแรกถูกหลอมละลายออกไปอย่างช่วยไม่ได้
บุคคลที่เดินออกมาจากกองไฟเมื่อครู่นี้ค่อยๆเปิดเผยใบหน้าของตนเองอย่างเชื่องช้า อย่างไรก็ตามผู้คนนับร้อยพันแทบจะไม่เชื่อในสิ่งที่พวกเขาได้เห็น!
“น่ะ-นั่นคือโม่ฝานงั้นเหรอ?” จ้าวหม่าหยัน จางปิงเฉียว คู่ฮั่นและเฉียวอวฮัวต่างเผยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า
แม้แต่นักเรียนจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิก็ยังคงไม่อาจเก็บกลั้นความประหลาดใจนี้ไว้ได้เช่นกัน
ถ้าหากว่าพวกเขาเข้าใจไม่ผิด ชายหนุ่มที่ชื่อโม่ผ่านคนนี้นั้นได้ใช้เวทมนตร์สายฟ้าไปแล้ว อีกทั้งเขายังเรียกอสูรอัญเชิญออกมาแล้วและในตอนนี้เขากลับใช้เวทมนตร์ธาตุไฟได้อีกด้วยดูเหมือนว่าเขาจะเป็นผู้เชี่ยว ชาญอีก!!!!
ซูเซียวนั้นเป็นนักเวทธาตุไฟด้วยเช่นกัน แต่เธอกลับไม่มีโอกาสได้แสดงความสามารถต่อหน้าอาณาจักรเหมันต์ของมู่หนิงเซวียเลยแม้แต่น้อย เปลวไฟของเธอนั้นไร้พลังอย่างแท้จริงแต่ในขณะเดียวกันเปลวไฟของ โม่ฝานกลับลุกโชนราวกับว่ามันไม่เคยสนใจน้ําแข็งที่รุนแรงของมู่หนิงเซวียด้วยซ้ํา…
เมล็ดพันธุ์อัคคีวิญญาณ!
“สะ…สาม…สามธาตุ โม่ฝานมีสามธาตุ!!!” ใครบางคนที่นั่งอยู่ในอัศจรรย์ตะโกนขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก
เกิดความโกลาหลอย่างไม่รู้จบในบริเวณสนามประลองแห่งนี้
มีเพียงนักเวทระดับสูงเท่านั้นที่สามารถควบคุมธาตุทั้งสามได้ เห็นได้ชัดว่าโม่ผ่านยังไม่ได้เข้าสู่ระดับสูงแต่อย่างใดแต่ท่วาเขากลับใช้ธาตุทั้งสามได้งั้นเหรอ? เป็นไปได้ไหมว่าเขาจะถือกําเนิดขึ้นมาพร้อมกับธาตุคู่ก่อนในอันดับแรก?
เขาจะมีธาตุคู่โดยกําเนิดงั้นเหรอ? นี่คือพรสวรรค์อย่างแท้จริง เป็นเรื่องที่น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!
เปลวไฟที่ดุร้ายกําลังแผ่กระจายไปทั่วพื้นที่อย่างไม่ยอมหยุดยั้ง โม่ฝานเดินออกจากกองเพลิงด้วยท่าทีที่สง่าผ่าเผยแม้ว่ามันจะไม่ใช่เรื่องที่น่าเชื่อถือสักเท่าไหร่ แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ปรากฏตรงหน้าของทุกคนในที่นี้อย่างชัดเจนแล้วพวกเขาต้องเชื่อเท่านั้น!
ภายใต้อัคคีวิญญาณที่ร้อนแรงของตนเอง สายตาของโม่ฝานจับจ้องไปที่เสียงหวานเมื่อครู่ด้วยสายตาคมปลาบ มู่หนิงเซียที่ยืนแข็งที่อราวกับน้ําแข็งและช่างสูงส่งคนนั้น… กําลังอยู่ในสายตาของเขา
“เธอคิดจริงๆงั้นเหรอว่าจะสามารถจัดการกับแฟนหนุ่มของตัวเองได้ง่ายดายอย่างนั้น? ฉันรู้สึกประหลาดใจนิดหน่อยนะที่เธอจริงจังขนาดนี้” โม่ผ่านกล่าวพร้อมกับปัดเกล็ดหิมะที่แหลมคมออกจากไหล่ด้วยท่าทีที่สบายๆ
มู่หนิงเซวียนั้นไม่ได้สนใจในค่อยคําไร้สาระของโม่ฝานักสักเท่าไหร่นัก เธอจึงไม่ได้คิดจะลบล้างคําพูดใดๆของเขาเลยในตอนนี้เธอรีบโยนน้ําแข็งของตนเองออกมาเพื่อดับเปลวอัคคีกุหลาบของโม่ฝานอย่างไม่รีรอ
เนื่องจากธาตุน้ําแข็งของเธอนั้นเป็นปฏิปักษ์กับธาตุไฟของโม่ฝานอย่างแท้จริง เช่นนี้ทําให้เธอรู้สึกกังวลขึ้นมาทันที
“ฟะฟะ-แฟนหนุ่มงั้นเหรอ?” ลือเชิงเห่อรู้สึกอกหักอย่างรุนแรงเมื่อได้ยินถ้อยคําเช่นนั้น
ประโยคเมื่อครู่นี้เป็นเรื่องที่รุนแรงสําหรับเขาอย่างมาก มีเพียงเขาเท่านั้นที่รู้ว่ามู่หนิงเซวียคนนี้เป็นแก้วตาดวงใจของเขามากเพียงใด
มู่หนิงเซวียนั้นไม่คิดจะอธิบายสถานการณ์ในตอนนี้แต่อย่างใด ในหัวของเธอคิดเพียงแต่ว่าต้องรีบจัดการกับเปลวไฟเกรี้ยวกราดของโม่ฝานให้เร็วที่สุด เปลวไฟวิญญาณนี้รุนแรงมากเกินไปถ้าหากเธอไม่ทําอะไรสักอย่างแน่นอนว่าเธอจะต้องได้รับผลกระทบจากมันอย่างแน่นอน
“ฉันน่ะนะ… รู้ดีอยู่แล้วว่าเธอต้องการจะทดสอบความแข็งแกร่งของฉัน อ่าอย่างที่ฉันได้บอกเธอได้ทํางานอย่างหนักแล้วสิในช่วงแรก แล้วเช่นนี้ฉันจะทําตัวอ่อนแอต่อไปได้อย่างไรกันล่ะใช่ไหม?ในเมื่อคุณขอให้ฉัน ใช้พลังที่แท้จริงฉันก็จะขอพูดไว้ตรงนี้เลยว่ายินดีอย่างยิ่ง!!!”โม่ผ่านกล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์ เปลวไฟของเขาลุกลามทั่วร่างกายอีกครั้งพร้อมกับกลืนกินใบหน้าของเขาไปหลงเหลือไว้ เพียงรอยยิ้มที่ชั่วร้าย!
คําพูดที่เขาเปล่งออกมาราวกับจักรพรรดิอัคคีออกคําสั่งแก่ทหารไฟของตน เปลวไฟที่เกรี้ยวกราดรีบกลับมารวมตัวที่ร่างกายของเขาพร้อมกับอัดแน่นเป็นกําไลข้อมือที่กระตุกเต้นราวกับจังหวะการบีบรัดของหัวใจอย่างเชื่อฟัง
แม้แต่ซูเซียวที่ยืนอยู่ด้านหลังของโม่ฝานยังรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งของอัคคีกุหลาบซึ่งเปลวไฟในร่างกายของเธอทั้งหมดนั้นแม้ไม่ได้เผยตัวตนออกมายังแอบยอมแพ้เขาอย่างเงียบๆ!!!
เปลวไฟของโม่ฝานนั้นสามารถรับมือได้กับสถานการณ์ตอนนี้โดยสมบูรณ์ พื้นที่ที่เขายืนอยู่นั้นถูกหลอมละลายหายไปจนหมดสิ้นแล้ว
“อัคคีกุหลาบ!”
“หมัดเพลิง!”
“ทลายปฐพี!”
การสวดคาถาของเขาทุกถ้อยคํานั้นเปล่งออกมาอย่างชัดเจนและหนักแน่น ทุกคําที่เขาปลดปล่อยออกมาล้วนแต่รวบรวมพลังทั้งหมดของเขาไว้อย่างมั่นคง โม่ผ่านปลดปล่อยพลังทั้งหมดลงสู่พื้นอย่างเกรี้ยวกราดและไม่มีความปรานีใดๆทั้งสิ้น
ฉับพลันพื้นน้ําแข็งทั้งหมดแตกกระจายและเต็มไปด้วยแม็กมาสุดแสนจะเกรี้ยวกราดปรากฏขึ้นมาแทนที่
เปลวไฟเริงระบําราวกับว่าต้องการแผดเผาโลกใบนี้ให้สิ้นซาก!
เสาไฟขนาดใหญ่ประทุขึ้นมาจากพื้นดินราวกับปล่องภูเขาไฟระเบิด มันร้อนมากพอที่จะทําลายทุกสิ่งด้านหน้าให้หายไปในพริบตา
ลาวาที่ประทุออกมาจากทลายปฐพีได้แผ่กระจายไปทั่วพื้นที่ สนามประลองทั้งหมดเต็มไปด้วยสีแดงฉานอย่างรุ่งโรจน์
นอกเหนือจากลือเชิงเห่อ นักเรียนจากทีมของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิถูกเปลวไฟห่อหุ้มร่างกายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
หมิงกงและเซียวเฟิงนั้นตื่นตระหนกกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก ทั้งสองไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าโม่ฝานจะสามารถหลุดพ้นจากโซ่ตรวนน้ําแข็งมากได้ ธาตุที่สองของเซียวเฟิงนั้นคือธาตุดินเขารีบร่ายคาถาป้องกันอย่างฉับพลัน
แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถตอบสนองเปลวไฟได้ทันเวลา ร่างกายของเขาถูกไฟเผาอย่างสมบูรณ์ก่อนที่เขาจะทันได้ร่ายเวทมนตร์ของตนเองด้วยซ้ํา!
เพื่อเอาชีวิตรอด ในคราวนี้เซียวเพิ่งจําเป็นจะต้องใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ป้องกันทันที!
ในทํานองเดียวกัน หมิงกงก็ไม่สามารถป้องกันตนเองจากการโจมตีในครั้งนี้ได้ หมัดเพลิงทลายปฐพี่นั้นรุนแรงมากพอที่จะพรากชีวิตของเขาได้มันมากพอที่จะเผาร่างกายของเขาให้กลายเป็นเถ้าถ่านเพียงพริบตา
แต่ความโชคดียังอยู่ข้างพวกเขา มีอาจารย์ที่คอยคุ้มกันนักเรียนจากการต่อสู้อยู่รอบๆ หมิงกงนั้นหมดสติทันทีเมื่อเผชิญกับเปลวไฟซึ่งอาจารย์ที่ทําหน้าที่ผู้พิทักษ์ได้เข้าช่วยเหลืออย่างรวดเร็วด้วยความรับผิดชอบทั้งหมดที่พวกเขาแบกเอาไว้
เปลวไฟที่รุนแรงนั้นจัดการกับมู่หนิงเซวียด้วยเช่นกัน! ลูหมิงที่เห็นถึงอันตรายที่มู่หนิงเซวียกําลังเผชิญขาของเขาขยับเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว มู่หนิงเซียนั้นมีปฏิกริยาที่รวดเร็วเช่นกันเธอใช้เคลื่อนไหววายุหลบหนีการโจมตีของหมัดเพลิงทลายปฐพีได้อย่างทันท่วงที
แม้ว่าความสามารถของเธอจะแข็งแกร่งอย่างมากแต่ด้วยเหตุการณ์เช่นนี้บ่งบอกได้อย่างดีว่าเธอไม่ควร ประมาทแม้แต่น้อย กําแพงเหมันต์ที่เธอได้สร้างไว้ก่อนหน้านี้ยังมีประโยชน์อยู่บ้าง มันช่วยชะลอความเร็วที่เปลวไฟผู้หิวโหยการสังหารให้มาถึงร่างกายของเธอได้ช้าขึ้นอีกสักวินาที… เช่นนี้เธอก็สามารถเอาชีวิตรอดจากวิกฤติครั้งนี้ได้แล้ว!