จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 261
บทที่ 261: ประมาทเกินไป
“นี่มันแย่กว่าเดิมอีก” มู่หนิวเงี่ยวกล่าวออกมาด้วยใบหน้าดํามืด
เพียงแค่มู่หนิงเซวียคนเดียวก็เพียงพอให้พวกเขาทั้งหมดปวดหัวมาแล้ว แต่ทว่าในตอนนี้กลับมีอสูรสัญญาระดับนักรบออกมาร่วมตัวสู้ด้วยอีกงั้นเหรอ…
แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของอสูรเวทระดับนักรบเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง ถ้าหากว่าพวกเขาทั้งหมดไม่ระมัดระวังในการต่อสู้ครั้งนี้ ปัญหาใหญ่จะต้องเกิดขึ้นกับทีมแน่ โดยที่การต่อสู้ในคราวนี้ไม่ต้องพูดถึงเรื่องของการใช้อุปกรณ์เวทมนตร์เลย เพราะทุกสิ่งถูกระงับไว้ทั้งหมด
การต่อสู้กับอสูรเวทระดับนักรบโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันนั้นเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยซ้ํา!
“ฉันจะทําให้ดีที่สุดเพื่อถ่วงเวลามันเอาไว้ ส่วนพวกนายทั้งหมดช่วยกันคิดหาวิธีที่จะจัดการกับมันทีหลัง” มู่หนิวเจียวกล่าวออกมา
เธอเป็นนักเวทธาตุพืชที่มีความสมดุลมากที่สุดในทีม อีกทั้งความแข็งแกร่งของเธอยังไม่สามารถประมาทได้อีกด้วย แต่ทว่าเธอก็คงไม่สามารถตรึงมันไว้ได้นานนักเช่นกัน
มู่หนิวเงี่ยวเริ่มใช้ธาตุลมเข้ามาช่วยในเรื่องการเคลื่อนไหว แต่เธอกลับรู้สึกกังวลเล็กๆเมื่อต้องยืนอยู่บนพื้นน้ําแข็งขนาดใหญ่เหล่านี้ มันทําให้ทุกอย่างกลายเป็นติดขัดไปหมดสิ้น
อสูรเวทระดับนักรบเป็นสิ่งที่ยากเย็นยิ่งเกินกว่าที่จะจัดการลงได้อย่างง่ายดายและในตอนนี้ความเร็วของเธอก็ถูกจํากัดไว้อีกด้วย…
เป้าหมายแรกของหมาป่าทมิฬคือเงินหมิงเฉวียน ซึ่งเขาคือบุคคลที่อยู่ใกล้มันมากที่สุด เฉินหมิงเฉวียนนั้นทําผิดอย่างมหันต์ เขาบุกเข้าไปในเขตแดนของศัตรูอย่างเต็มตัวแล้ว เดิมที่เขาสามารถหลบหนีจากอันตราย ครั้งนี้ได้ถ้าหากใช้เส้นทางวายุได้ แต่ทว่าในตอนนี้ธาตุลมของเขานั้นมีปัญหา มันไม่เพียงพอที่จะหลบการโจมตีของหมาป่าทมิฬแสนเกรี้ยวกราดตัวนี้ได้ เฉินหมิงเฉวียนรู้สึกว่าเขาหมดปัญญาเมื่อต้องเผชิญหน้ากับอสูรเวทระดับนักรบอย่างสมบูรณ์
“กับดักเถาวัลย์!”
มู่หนิวเจียวสะบัดมือของเธอออกทันที เธอรู้สึกได้ถึงอันตรายที่เงินหมิงเฉวียนกําลังเผชิญอยู่ เธอรีบวางกับดักเถาวัลย์ขวางเส้นทางระหว่างเจินหมิงเฉวียนกับหมาป่าทมิฬไว้อย่างรวดเร็ว
เถาวัลย์นั้นรูปร่างไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก ถ้าหากไม่สังเกตดีๆคงจะไม่มีทางมองเห็นมันได้โดยง่ายนัก เมื่อหมาป่าทมิฬพุ่งมาถึงกับดัก เถาวัลย์แข็งแกร่งงอกเงยออกมาเพื่อดักจับอสูรร้ายที่เป็นเป้าหมายทันที
แต่ทว่าเมื่อเถาวัลย์กําลังจะทําหน้าที่ของมันในการจับกุมอุ้งเท้าของหมาป่าทมิฬเอาไว้ หมาป่านั้นไม่ได้โง่เขลา มันเพิ่มความเร็วของตนเองขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อให้รอดพ้นจากกับดักนี้อย่างชาญฉลาด
ใบหน้าของมู่หนิวเจียวมืดดําสนิท กับดักเถาวัลย์เมื่อครูของเธอนั้นไร้ประโยชน์อย่างสิ้นเชิง
ไม่มีทางเลือกอื่นเลยนอกจากว่าเธอจะใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมที่รุนแรงขึ้น แต่ถ้าหากว่าทําเช่นนั้นมันจะจับกุมทั้งเงินหมิงเฉวียนและหมาป่าทมิฬเข้าไปอยู่รวมกัน การทําเช่นนั้นมันก็ราวกับว่าเธอได้ส่งเจินหมิงเฉวียนเข้าสู่ปากของหมาป่าทมิฬด้วยตัวของเธอเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า! เหมือนแมวไล่จับหนูเลยนะ!” ลือเชิงเห่อระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในขณะที่เขากําลังยืนมองเฉินหมิงเฉวียนผู้ซึ่งกําลังวิ่งอย่างเอาเป็นเอาตายในการหลบหนีเอาชีวิตรอด
ในคราวแรกเขาคิดไว้ว่าชายที่แต่งตัวดูดีเช่นนี้ก็คงจะมีความสามารถอะไรซุกซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายแล้วนักเรียนที่มาจากสถาบันเมิงจู่นั้นกลับไม่ได้มีทักษะซ่อนเร้นใดๆเลย พวกเขาล้วนแต่มีเพียงทักษะการใช้ปากเท่านั้น ช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจอย่างมากที่นักเรียนเหล่านี้ถูกส่งมาเพื่อเป็นตัวแทนให้กับสถาบัน
“คลื่นพสุธา!” ชายหนุ่มที่ชื่อเซียวเฟิงตะโกนคาถาระดับปฐมภูมิออกมาดังลั่น
แน่นอนว่าเขารู้ดีถึงวิธีการโยนหินลงอย่างไรให้ลงบ่อน้ํา ตอนนี้เงินหมิงเฉวียนกําลังหลบหนีหมาป่าทมิฬอย่างยากลําบาก เขาเพียงแค่ช่วยเพิ่มความยากลําบากให้มากขึ้นเท่านั้นเอง คลื่นพสุธานั้นสวนทางกับเฉินหมิงเฉวียน ยิ่งเขาออกแรงวิ่งมากเท่าไหร่ ยิ่งมีแต่สูญเปล่าเช่นนี้ทําให้ความเร็วของเขานั้นช้าลงไปถึงสองเท่าข
แม้ว่าเงินหมิงเฉวียนจะยอมแพ้และไม่วิ่งอีกต่อไป เขาก็ไม่ได้ขยับไปไหน แต่ทว่าหมาป่าทมิฬจะค่อยๆย่นระยะห่างเข้ามาใกล้เข้ามาขึ้นเรื่อยๆ
ฉับพลันหมาป่าทมิฬิย่อขาหลังและพุ่งตัวขึ้นไปกลางอากาศ อักษรรูนสีฟ้าเปล่งประกายไปทั่วร่างกายของมันอย่างสว่างไสว
ขาทั้งสี่ของมันขยายใหญ่ออก ดูเหมือนว่าอักษรรูนนั้นจะเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับมันได้ ในตอนนี้ร่างกายของมันขยายใหญ่ขึ้นกลายเป็นอาวุธสังหารที่ทรงพลังอย่างมากเปรียบได้กับขวานยักษ์!
ปัง!
อุ้งเท้าทั้งสี่ของมันลงจอดที่บนพื้นอย่างหนักหน่วง พื้นน้ําแข็งที่แข็งแกร่งได้เกิดรอยแตกราวกับใยแมงมุม มากมายจนนับไม่ถ้วน
เงินหมิงเฉวียนพยายามอย่างหนักเพื่อหลบการโจมตีเมื่อครู่นี้ แต่ทว่าแรงกระแทกจากพื้นยังส่งผลกระทบกับเขาอย่างมาก ร่างกายของเขาถูกส่งให้ลอยขึ้นไปบนอากาศอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
ร่างกายของเฉินหมิงเฉวียนเสียสมดุลไปอย่างสิ้นเชิง เขาร่วงหล่นกระแทกเข้ากับพื้นและพ่นเลือดออกมาคําใหญ่ ร่างกายของเขานอนแผ่ราบพร้อมกับมีกําแพงวารีคอยห่อหุ้มเอาไว้
เป็นเรื่องที่โชคดีอย่างมากที่เงินหมิงเฉวียนนั้นมีธาตุน้ําเป็นธาตุรอง ดังนั้นเขาจึงรีบร่ายกําแพงวารีเพื่อปกป้องตนเองโดยเร็วที่สุด มิฉะนั้นสภาพของเขาในตอนนี้ก็คงจะเป็นตายเท่ากัน!
เงินหมิงเฉวียนใช้เวลาสักพักหนึ่งกว่าที่เขาจะพยุงตนเองให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันหมาป่าทมิฬนั้นไม่ยอมให้เงินหมิงเฉวียนได้หยุดพักหายใจอะไรทั้งนั้น แม้ว่าในตอนนี้มันจะอยู่ห่างจากเขาประมานห้าสิบเมตร แต่ทว่ามันกลับอ้าขากรรไกรของตนเองออกกว้างแล้วฟันที่แหลมคมก็พุ่งออกมาด้านหน้าอย่างกระทันหัน
แน่นอนว่านั่นคือเขี้ยวของมันอย่างแน่นอน เจินหมิงเฉวียนสังเกตได้อย่างรวดเร็วว่าสิ่งนี้คือฟันที่แหลมคมของหมาป่าทมิฬ ในตอนนี้เขารู้สึกว่าศีรษะของเขากําลังมีนงงโดยสมบูรณ์และไม่สามารถจัดการกับอาการปวดหัวตอนนี้ได้เลย
สิ่งที่กําลังพุ่งมาคือเขี้ยวของหมาป่าทมิฬผู้แสนเกรี้ยวกราด!
เจินหมิงเฉวียนกําลังสับสนและไม่เข้าใจการโจมตีระยะไกลเช่นนี้ มันจะสามารถกัดเขาได้อย่างไรในเมื่อมันอยู่ไกลจากเขามากขนาดนั้น?
“โล่ห์ศักดิ์สิทธิ์!” เมื่อเขี้ยวที่ดุร้ายเข้ามาใกล้เขามากยิ่งขึ้น เสียงของซูเซี่ยวดังขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดด้วยเช่นกัน
แสงสีทองเปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเฉินหมิงเฉวียนพร้อมกับกลายเป็นเกราะสีทองห่อหุ้มเขาเอาไว้อย่างฉับไว
ท้ายที่สุดเขี้ยวขนาดใหญ่ได้กระแทกเข้ากับโล่ห์ศักดิ์สิทธิ์เกิดเสียงดัง แกร๊ก!
โล่ห์ศักดิ์สิทธิ์สั่นสะท้านและแสงของมันเริ่มอ่อนลงอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันหมาป่าทมิฬนั้นดูเหมือนจะหงุดหงิดอย่างมากที่การโจมตีของมันไร้ประโยชน์ สายตาของมันพลันเหลือบมาหาซูเซี่ยวด้วยความไม่พอใจทันที
ในขณะนี้เงินหมิงเฉวียนนั้นปลอดภัยแล้ว แต่ทว่าซูเซี่ยวซึ่งเป็นผู้ช่วยชีวิตเขาเมื่อครู่นี้กลับตกเป็นเป้าหมายต่อไปของอสูรร้ายอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
มู่หนิวเงี่ยวก้าวไปด้านหน้าของซูเซี่ยวเพื่อขอเปลี่ยนตําแหน่ง เธอต้องการใช้ตัวเองเพื่อเป็นเป้าหมายหลอกล่อ เธอต้องการจะใช้ธาตุลมที่เธอมีเพื่อจะให้หมาป่าทมิฬวิ่งตามเธอแทน
“แค่นี้ดูเหมือนว่าพวกเขาจะตกอยู่ในที่นั่งลําบากพอแล้วหละ เอ่ ฉันควรจะทําอะไรต่อดีน้า? ฮ่าฮ่า” เซียวเฟงกล่าวออกมาอย่างสับสนปนหัวเราะ
“จบเรื่องนี้กันสักทีเถอะ!” หมิงกงกล่าวออกมาสั้นๆ
ทั้งหมดตระเตรียมเนบิวลาของตนเองในขณะที่ศัตรูกําลังสนใจอยู่กับหมาป่าทมิฬตรงหน้า
เนบิวลาสีม่วงและเนบิวลาสีฟ้าซึ่งเป็นธาตุสายฟ้าและธาตุลมกําลังค่อยๆก่อตัวขึ้นอย่างเชื่องช้า
ภายในพริบตาการร่ายของพวกเขาเสร็จสิ้นแล้ว ถ้าหากว่าพวกมันถูกปลดปล่อยออกไปล่ะก็ทั้งเจินหมิงเฉวียนและมู่หนิวเจียวจะไม่มีทางป้องกันตัวเองจากเวทมนตร์ระดับมัชฌิมได้เลย
เป้าหมายของเวทมนตร์สายฟ้าคือเงินหมิงเฉวียนและมู่หนิงเดี่ยว
โล่ห์ศักดิ์สิทธิ์ที่ปกป้องเขาเอาไว้เมื่อครู่นั้นเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆแล้ว เช่นนี้การทุบตีเขาจะไม่ใช่เรื่องที่ยากลําบากอีกต่อไป
อีกด้านหนึ่งก็คือวายุทอร์นาโดขนาดใหญ่นั้นกําหนดเป้าหมายชัดเจนแล้วคือโม่ฝานกับซูเซี่ยว
ซูเซียวนั้นใช้เวทมนตร์ธาตุแสงของเธอกับเฉินหมิงเฉวียน ดังนั้นในตอนนี้พลังเวทของเธอนั้นอยู่ในสถานการณ์ที่ค่อนข้างจะรัดกุม แต่สุดท้ายแล้วโม่ฝานใช้จังหวะที่ทุกคนกําลังชุลมุนเพื่อเรียกหมาป่าวิญญาณของตนเองออกมา และพาซูเซี่ยวขึ้นหลังมันพร้อมกับวิ่งหนีทอร์นาโดที่กําลังใกล้เข้ามาได้อย่างทันท่วงที
“สถานการณ์กําลังย่ําแย่ พวกเราประมาทมากเกินไป” ซูเซี่ยวกล่าวออกมาพร้อมกับกระโดดลงจากหลังของหมาป่าวิญญาณ จากนั้นสายตาของเธอจับจ้องไปที่นักเรียนจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิซึ่งยังคงยืนอยู่ที่เดิมตั้งแต่เริ่มต้นการต่อสู้
“เฉินหมิงเฉวียน แกยังมีชีวิตอยู่ไหม? ถ้าแกยังไม่ตายก็รีบลุกขึ้นมาซะ แล้วช่วยย้ายกันของแกมาช่วยทีมเร็วเข้า ส่วนเธอกับมู่หนิวเงี่ยวไปกับหมาป่าวิญญาณของฉันเพื่อจัดการกับหมาป่าทมิฬตัวนั้น!” โม่ฝานตะโกนออกมา พร้อมกับตะหวาดใส่เงินหมิงเฉวียนอย่างโหดร้าย
เขากล่าวออกมาโดยที่ไม่สนใจว่าเงินหมิงเฉวียนจะขยับตัวได้หรือไม่ แต่ความสามารถในการป้องกันของโล่ห์ศักดิ์สิทธิ์นั้นยอดเยี่ยมและไร้เทียมทานอยู่แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าเขาก็คงจะสั่นไหวสักหน่อยแต่ไม่ถึงตายอย่างแน่นอน เงินหมิงเฉวียนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ร่างกายของเขายังสามารถใช้งานได้แต่เมื่อนึกถึงภาพนั้นแล้วเขาก็รู้สึกสั่นไหวในหัวใจบ้างเล็กน้อย
“แกคิดว่าแกเป็นใครกัน..” เฉินหมิงเฉวียนสาปแช่งออกมาอย่างไม่พอใจและไม่ยอมรับคําสั่งของโม่ฝาน
“เลิกทําตัวไร้สาระในสถานการณ์เช่นนี้ได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ต้องทําคือฟังคําสั่งของโม่ฝาน!” ซูเซี่ยวตะคอกกลับอย่างหงุดหงิด
เจินหมิงเฉวียนนั้นไม่กล้าที่จะพูดจาอะไรให้มากความอีกต่อไป เพราะตอนนี้มู่หนิวเจียวสุดที่รักของเขาคงไม่สามารถจะอดทนกับการวิ่งหนีหมาป่าทมิฬตัวนั้นได้นานนัก…