จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 260
บทที่ 260: อสูรสัญญาระดับนักรบ
“บัดซบ ความเร็วในการร่ายเวทของฉันก็ช้ลงเหมือนกัน!” เฉินหมิงเฉวียนสาปแช่งออกมา
ธาตุหลักของเฉินหมิงเฉวียนคือธาตุลม โดยปกติแล้วเมื่อเขาเริ่มต้นเชื่อมต่อเส้นทางดวงดาวนั้นทุกสิ่งจะดําเนินการไปอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วินาทีเขาก็สามารถปลดปล่อยสายลมออกไปได้ แน่นอนว่าความเร็วของเขาแทบจะทิ้งฝุ่นจากศัตรูได้อย่างง่ายดาย แต่อย่างไรก็ตามน้ําแข็งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขานั้นเป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวอย่างมาก ทุกสิ่งกลายเป็นสิ่งที่ยากเย็นไปซะหมดจากเกล็ดหิมะที่หนาเตอะเหล่านี้
ความเร็วของเส้นทางวายุเคลื่อนย้ายเงาที่เขามีนั้นใช้เวลาเพียงสองวินาทีเท่านั้นสําหรับการเคลื่อนไหวไปที่ใดๆ ถ้าหากว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นมีนักเวทธาตุลมอยู่ด้วยและเขาคนนั้นไม่ได้ถูกจํากัดจากอาณาจักรเหมันต์นี้ แน่นอนว่าเจินหมิงเฉวียนจะต้องถูกจับได้ในที่สุดจากความยืดยาดที่เขาได้ประสบในขณะนี้!
“อสนีบาตพิโรธ!”
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดกําลังถูกจํากัดความสามารถภายใต้อาณาจักรเหมันต์ นักเรียนจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิเริ่มโจมตีทันที พวกเขาย่อมไม่ปล่อยให้ช่วงเวลานี้สูญเปล่า
เวทมนตร์สายฟ้าสีม่วงสุดแสนเกรี้ยวกราดปรากฏขึ้นมาบนพื้นน้ําแข็ง พวกมันเริ่มขยับเคลื่อนไหวบนพื้นแห่งนี้อย่างอิสระและเพียงชั่วพริบตาเดียวใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาเต็มไปด้วยเถาวัลย์น้ําแข็ง ซึ่งปรากฏขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัวเลยแม้แต่น้อย
เถาวัลย์น้ําแข็งเหล่านี้ก็ยังคงรัดข้อเท้าของพวกเขาไว้อย่างมั่นเหมาะ ถ้าหากว่าสายฟ้าพิโรธจู่โจมมาถึงแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่งสําหรับนักเรียนจากสถาบันเมิงจู่ พวกเขาไม่สามารถหลบหนีได้อย่างทันเวลาแน่นอน
“ไม่ต้องตื่นตระหนก ให้ฉันจัดการพวกเขาเอง!” โม่ฝานตะโกนออกมาในขณะที่เห็นว่าทุกคนกําลังตื่นกลัว
ขณะนั้นเอง ซูเซี่ยว มู่หนิวเจียวและเจินหมิงเฉวียนนั้นจดจําได้ทันทีว่าโม่ฝานคือนักเวทธาตุสายฟ้าแน่นอน ว่าสายฟ้าสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระบนพื้นน้ําแข็งเหล่านี้
โม่ฝานยืดอกของเขาขึ้นพร้อมกับยืนเผชิญหน้ากับสายฟ้าที่กําลังแล่นเข้ามา
สายฟ้าสีม่วงแสนเกรี้ยวกราดของเขาได้ปรากฏขึ้นมารอบกาย ซึ่งมันกําลังดึงดูดให้สายฟ้าทั้งหมดที่กําลังจู่โจมนั้นพุ่งเข้าหาโม่ฝานเพียงคนเดียว
อสนีบาตพันปีของโม่ฝานนั้นรูปร่างราวกับอสรพิษ เมื่อมันเห็นว่าร่างกายของโม่ฝานมีสายฟ้าปรากฏออกมา พวกมันทั้งหมดตื่นเต้นราวกับว่าได้พบกับอาหารชิ้นโต ทั้งหมดพุ่งเข้ามาหาโม่ฝานอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดร่างกายของโม่ฝานเต็มไปด้วยสายฟ้ารายล้อม
อย่างไรก็ตามอสนีบาตนั้นมีความสามารถในการทําให้ศัตรูเป็นอัมพาต แต่ทว่าโม่ฝานนั้นกลับไม่รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
โม่ฝานใช้มือของเขาจับสายฟ้าของตนเองเอาไว้ ซึ่งในตอนนี้มันกําลังแผ่กระจายอํานาจของพลังระดับมัชฌิมออกมาเพื่อข่มขู่สายฟ้าที่พุ่งเข้ามาทําร้ายโม่ฝาน
“ถึงตาฉันบ้างล่ะ! อสนีบาตฟาด!”
โม่ฝานจัดการเปลี่ยนสายฟ้าทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาให้กลายเป็นพลังของตัวเขาเอง จากนั้นเมฆดําลอยต่ําปรากฏขึ้นทั่วท้องฟ้าของสนามประลองอย่างรวดเร็ว
ตามคําสั่งของโม่ฝาน อสนีบาตที่มีพลังรุนแรงถึงสองเท่าได้ฟาดฟันลงมาที่ศัตรูของเขาทันที เป้าหมายของมันก็คือนักเรียนจากมหาวิทยาลัยจักรพรรดิทั้งสี่คน…
“มั่นใจมากงั้นเหรอ เฮอะ!” หมิงกงซึ่งเป็นนักเวทธาตุแสงเย้ยหยันออกมา “โล่ห์ศักดิ์สิทธิ์!!!”
*มิงค่อก แก้ไขเป็นหมิงกง
หมิงกงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมออกมา ถ้าหากว่าสายฟ้านี้สามารถทะลวงมาถึงร่างกายของพวกเขาได้มันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สําหรับทีมทันที
การโต้ตอบด้วยการดูดซับพลังสายฟ้าของฝ่ายตรงข้าม สิ่งนี้คุณจะสามารถทํามันได้ก็ต่อเมื่อการฝึกฝนของคุณอยู่ในระดับที่สูงกว่าฝ่ายตรงข้าม อีกทั้งคุณยังต้องมีความมั่นใจอย่างมากที่จะจับต้องสายฟ้าของศัตรู และท้ายที่สุดซึ่งสําคัญอย่างมากคือคุณจะต้องเชื่อมต่อเนบิวลาให้เสร็จสิ้นทันเวลาก่อนที่สายฟ้าของศัตรูจะมาถึง!
ถ้าหากว่าไม่สามารถนําสายฟ้าของตนเองออกมาได้อย่างทันท่วงที่ล่ะก็ ผลกระทบที่จะตามมาทีหลังนั้นเลวร้ายเกินกว่าจะคาดเดาได้
โม่ฝานนั้นดูการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามอยู่ตลอดเวลา เขาเริ่มร่ายเวทมนตร์ของตนเองทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเริ่มขยับ ถ้าหากว่าในครั้งนี้เกิดความผิดพลาดขึ้นแม้แต่นิดเดียวล่ะก็ โม่ฝานจําเป็นจะต้องใช้เนื้อหนังของเขาเพื่อรับแรงกระแทกจากสายฟ้าที่โหดเหี้ยมนั้นแทนอย่างแน่นอน!
“เยี่ยม!” ซูเซี่ยวอุทานออกมาอย่างชื่นชม
ดวงตาของมู่หนิวเจียวนั้นเริ่มเปล่งประกายออกมาอย่างเห็นได้ชัด ราชันปีศาจแห่งสถาบันเมิงจู่ตนนี้ช่างเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองอย่างล้นเหลือ เขาสามารถใช้พลังของฝ่ายตรงข้ามให้กลายเป็นพลังเวทของตนเองได้ ทําให้พลังงานที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามกลายเป็นรุนแรงเพิ่มมากขึ้นถึงสองเท่า นี่คือการบีบบังคับให้ฝ่ายตรงข้าม ใช้การป้องกันระดับมัชฌิมออกมา!
ทุกคนล้วนแต่มีพลังเวทที่จํากัด พลังเวทระดับมัชฌิมไม่ใช่สิ่งที่นักเวททุกคนสามารถใช้ได้โดยพร่ําเพื่อ ทุกครั้งที่พวกเขาใช้มัน มันจะสูบพลังเวทออกไปเยอะมาก ดังนั้นถ้าหากว่าพวกเขาเพียงใช้การโจมตีระดับปฐมภูมิ แต่กลับสามารถบังคับให้อีกฝ่ายใช้พลังเวทระดับมัชฌิมออกมาได้เช่นนี้นั่นคือกําไรของสงครามอย่างแท้จริง
“วิธีการนี้ยังเด็กน้อยมากเกินไป มานี่ ให้ฉันจัดการกับพวกมันดีกว่า” ลือเชิงเห่อกล่าวออกมาพร้อมกับก้าวขาออกมายืนด้านหน้าทุกคนอย่างเย่อหยิ่ง
ชายหนุ่มคนนี้ยืนอยู่ด้านหลังของทีมมาโดยตลอด นั่นไม่ใช่เพราะว่าเขาเกรงกลัวใครหรืออะไรก็ตาม แต่นั่นเป็นเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาสามารถเรียกอสูรอัญเชิญของตนเองออกมาได้ อีกฝ่ายจะพ่ายแพ์โดยที่พวกเขาจะยังไม่ทันได้สนุกเลยน่ะสิ
การเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาสําหรับเรียกอสูรอัญเชิญนั้นจําเป็นจะต้องใช้พลังเวทอย่างมาก ถ้าหากจะเปรียบเทียบก็คือมันเทียบเท่ากับการใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมประมานสามครั้ง! อีกทั้งนักเวทอัญเชิญระดับมัชฌิมยังต้องร่ายเวทที่ยาวนานกว่าธาตุอื่นๆสองถึงสามเท่าด้วย
เพื่อให้การยิ้มอย่างเย่อหยิ่งของเขาในคราวนี้ไม่ผิดพลาด ลือเชิงเห่อนั้นเตรียมการอย่างยอดเยี่ยมในการร่ายเวทของตนเอง
ขณะนี้เวทมนตร์ของเขาเสร็จไปแล้วสามในสี่ส่วน ลือเชิงเห่อไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากยกยิ้มอย่างมีความสุขออกมา นักเรียนจากสถาบันเพิ่งจู่นั้นโง่เง่าเสียเต็มประดา พวกเขานั้นไม่รู้เลยว่าเขาคนนี้กําลังร่ายเวทอัญเชิญอย่างลับๆจนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในอีกไม่ช้าแล้ว
“แกคิดว่าแกจะสามารถอัญเชิญหมาของแกออกมาได้อย่างปลอดภัยงั้นเหรอ?” ขณะที่ลือเชิงเห่อกําลังเผยรอยยิ้มน่าเกลียดบนใบหน้า เสียงหนึ่งดังขึ้น ซึ่งมันลอยมาตามสายลมจากด้านข้าง
ลือเชิงเห่อมองไปด้านข้างอย่างฉับไว เขาตระหนักได้ว่าชายหนุ่มที่ชื่อเจินหมิงเฉวียนนั้นใช้เคลื่อนที่วายุโผล่มาอยู่ด้านข้างของเขาแล้ว
“ยี่สี่ แกคิดว่าแกจะสามารถหยุดยั้งฉันได้จริงๆงั้นเหรอ?” ลือเชิงเห่อรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด
เส้นทางเนบิวลาของเขานั้นไม่ได้หยุดลงแต่อย่างใด เพียงแต่เขาทําพลาดในการเชื่อมต่อเส้นทางดวงดาวเส้นสุดท้ายเท่านั้นเอง
เจินหมิงเฉวียนนั้นเกลียดชังบุคคลที่ดูถูกเขาอย่างมาก เขาใช้เวลานี้ที่ลือเชิงเห่อกําลังสนใจในตัวของเขาเพื่อสร้างพายุหมุนที่รุนแรงขึ้นด้านหลัง พายุก่อตัวขึ้นและกวาดเอาเศษไม่ใบหญ้าทั้งหมดติดมาด้วย มันกําลังพุ่งไปหาลือเชิงเห่ออย่างบ้าคลั่ง
เงินหมิงเฉวียนนั้นเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็ว ความโกลาหลที่เขาได้สร้างขึ้นกลายเป็นกระแสลมขนาดใหญ่และเป้าหมายของเขาในครั้งนี้คือการโจมตีลือเชิงเห่อ!
แต่ทว่าใบหน้าของลือเจิงเห่อเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเขาไม่ได้ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่พายุกําลังทะยานเข้ามาหาเขา หยดน้ํามากมายไม่รู้ว่าโผล่ออกมาจากแห่งหนใดได้ปรากฏขึ้นล้อมรอบร่างกายของลือเชิงเห่อเอาไว้
มันรวมตัวกันอย่างรวดเร็วและกลายเป็นกําแพงวารีที่แข็งแกร่ง สิ่งนี้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของลือเชิงเห่อ จากนั้นมันช่วยปกป้องเขาจากพายุที่โหดร้ายได้อย่างไม่ยากเย็นนัก…
ท้ายที่สุดกําแพงวารีได้สลายหายไปและลือเชิงเห่อนั้นไม่ได้รับอันตรายใดๆแม้แต่น้อยจากพายุหมุนที่กรรโชกเมื่อครู่อสูร
“ถึงเวลาตายของแกแล้ว!” ใบหน้าของลือเชิงเห่อเต็มไปด้วยความเย้ยหยันพร้อมกับคํารามดังสนั้น สัญญา หมาป่าทมิฬ!”
ลวดลายบนพื้นปรากฏขึ้นพร้อมกับแสงจันทราปรากฏออกมา ลือเชิงเห่อถอยหลังออกไปเพียงไม่กี่ก้าวเท่า นั้นและวงกลมบนพื้นก็ขยายกว้างออกราวกับภาพวาดในยุคน้ําแข็งโบราณ ซึ่งมันเต็มไปด้วยความลึกลับและเป็นพลังงานที่โลกใบนี้ไม่รู้จัก
แสงจันทราสว่างวาบจนถึงที่สุดก็ได้ปรากฎหลุมดําขนาดใหญ่ขึ้นแทนที่ หมาป่าตัวใหญ่ที่ลักษณะดุร้ายค่อยๆย่างกรายออกมาจากหลุมนั้นอย่างดุดัน…
ร่างกายของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับช้างและพื้นน้ําแข็งแตกออกทันทีเมื่ออุ้งเท้าของมันสัมผัสลงบนพื้น หน้าตาที่ดุร้ายเต็มไปด้วยจิตสังหารกําลังแผ่กระจายออกมาอย่างอวดดี
สิ่งที่ทําให้ฝูงชนทั้งหมดรู้สึกบ้าคลั่งอย่างมากก็คือรอยบากมากมายตั้งแต่หัวจรดหาง ซึ่งมันคล้ายกับคําสาปมากมายประทับอยู่บนร่างกายของมัน ดูเหมือนว่ามันกําลังถูกจองจําเอาไว้ เมื่อพิจารณาดูดีๆแล้วมันคือตราประทับที่ใช้ควบคุมพลังทั้งหมดของอสูรเวทตัวนี้นั่นเอง
“พระเจ้า อสูรสัญญาระดับนักรบ!” นักเรียนคนหนึ่งซึ่งนั่งอยู่ข้างเวทีตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัวระดับนักรบ!