จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 259
บทที่ 259: อาณาจักรเหมันต์
พวกเขาทั้งหมดรู้สึกใบหน้าแข็งเป็นหิน ในชีวิตของทุกคนล้วนแต่ไม่เคยเจอกับบุคคลที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน!
ขณะที่โม่ฝานกล่าวว่าหญิงสาวที่สวยงามราวกับเทพธิดาคนนี้คือภรรยาของเขา ทุกคนนั้นรู้สึกเหมือนกัน อย่างมิได้นัดหมายก็คือชายคนนี้ไร้ยางอายอย่างแท้จริง
“เอาล่ะ หยุดก่อน ฉันพาพวกเธอทั้งหมดมาเพื่อต่อสู้เป็นเกียรติให้กับสถาบันของเรา อย่าเพิ่งมาเสียเรื่อง เพียงเพราะต้องการแย่งชิงผู้หญิงและในตอนนี้หน้าที่ของพวกเธอคือการออกไปสู้และอย่าแพ้อีก!” คู่ฮั่นรีบดึงความสนใจจากนักเรียนทั้งสี่ทันที
“เดิมที่ฉันคิดว่าเรายังพอมีโอกาสที่จะเอาชนะได้อยู่ แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเราจะต้องพ่ายแพ้จนสูญเสียศักดิ์ศรีทั้งหมดที่เรามีซะแล้ว” จึงกล่าวออกมาพร้อมกับถอนหายใจยาว
เธอได้มาที่มหาวิทยาลัยจักรพรรดิก่อนหน้าคนอื่นๆ แน่นอนว่าเธอได้เห็นความสามารถของมู่หนิงเซียแล้ว ทุกสถานที่ที่หญิงสาวคนนี้ได้ผ่านพ้นไป ดูเหมือนว่าทุกคนนั้นจะยอมหลบทางให้กับเธออย่างง่ายดาย
“พวกเราได้เห็นความสามารถของพวกเขามามากพอแล้ว ในตอนนี้เราควรจะคิดกันว่าเราจะสามารถเอาชนะพวกเขาได้อย่างไรมากกว่า!” ซูเซี่ยวกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว
โม่ฝานกับเฉินหมิงเฉวียนมองหน้ากันด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายอย่างเจ้าเล่ห์ เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต้องการที่จะครอบครองกับมู่หนิงเซวีย เงินหมิงเฉวียนก็ไม่ยอมแพ่โม่ฝานด้วยเช่นกัน สายตาของเขากําลังบอกกับโม่ฝานว่า เขาจะต้องได้ดูแลหญิงสาวคนนี้เท่านั้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเขาไม่สนใจว่าโม่ฝานจะคิดยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้
มู่หนิวเจียวที่รู้สึกว่าไร้เรี่ยวแรงในก่อนหน้านี้ขี้เกียจจะสนใจชายสองคนที่กําลังฟาดฟันกันอย่างไร้สาระตรงหน้า เธอมองไปที่มู่หนิงเซวียอย่างระมัดระวัง หญิงสาวผมสีเงินคนนั้นจะต้องมีอะไรบางอย่างที่อันตรายอย่างแน่นอน
แต่เธอสามารถรู้สึกได้ถึงพลังออร่าที่แผ่กระจายออกมาจากร่างกายของเธอนั้นบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าเธอจะไม่ได้ตั้งใจปลดปล่อยมันออกมาโดยเจตนาแต่ทว่าบริเวณสนามประลองแห่งนี้ ล้วนแต่เต็มไปด้วยแรงกดอากาศที่เยือกเย็น ร่างกายของเธอราวกับว่าถูกห่อหุ้มไว้ด้วยจิตวิญญาณเหมันต์ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน ในทุกสถานที่ล้วนแต่เต็มไปด้วยบรรยากาศเย็นเยือกอยู่เสมอ
มู่หนิวเคี้ยวเคยได้ยินจากศิษย์พี่ของเธอเองว่ามีนักเวทบางคนได้เกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ และในตอนนี้เธอรู้สึกมั่นใจอย่างมากว่าหญิงสาวที่เป็นกัปตันของมหาวิทยาลัยจักรพรรดิคนนี้คือบุคคลที่โชคดีคนนั้น!
“แค่ระวังตัวให้ดี เธอเป็นนักเวทธาตุน้ําแข็ง เมื่อเราเข้าสู่การต่อสู้ ฉันจะทําให้ดีที่สุดเพื่อถ่วงเวลาเธอไว้ พวกคุณทั้งหมดเพียงแค่ทําหน้าที่ของตนเองด้วยการกําจัดคนอื่นออกไปให้เร็วที่สุด จากนั้นเราจะร่วมกันรับมือกับเธอในภายหลัง!” ซูเซียวออกคําสั่ง
ประสาทสัมผัสการรับรู้ของเธอนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่ามู่หนิวเฉียวเลย เธอรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังธาตุของมู่หนิงเซวียนั้นแข็งแกร่งและแตกต่างจากคนอื่นที่เคยได้พบเจออย่างมาก
ไฟและน้ําแข็งนั้นเป็นปฏิปักษ์กันมาอย่างยาวนาน ในฐานะที่ซูเซียวนั้นเป็นนักเวทธาตุไฟ แน่นอนว่าตําแหน่งของเธอจําเป็นจะต้องจัดการกับมู่หนิงเซวีย!
“เข้าใจแล้ว!” เจินหมิงเฉวียนและมู่หนิวเจียวตอบรับอย่างเข้าใจ
ส่วนโม่ฝานนั้นสายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่ภรรยาของตนเองอย่างไม่วางตา มู่หนิงเซวียนั้นยืนอยู่อีกฝั่ง….
ในคราวแรกโม่ฝานไม่เคยเข้าใจพรสวรรค์ที่ถือกําเนินมาพร้อมกับมู่หนิงเซวียเลยแม้แต่น้อย เมล็ดพันธุ์เหล่านั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยเข้าใจว่ามันคืออะไร ทําไมผู้คนในเมืองบ่อมากมายจะต้องชื่นชมเธอมากมายเช่นนั้น แต่ทว่าในขณะนี้เขาได้รู้ถึงความสําคัญของเมล็ดพันธุ์วิญญาณเหล่านั้นแล้ว มันล้ําค่าและช่างน่าเกรงขาม เขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขานั้นน่าเกรงกลัวมากแค่ไหน!
อีกทั้งความน่ากลัวของเธอนั้นมากมายยิ่งกว่านั้น เมล็ดพันธุ์วิญญาณที่เธอได้ครอบครองนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองจากธรรมชาติ! ในทุกย่างก้าวที่เธอเดินไป มันเต็มไปด้วยหยดน้ําและน้ําแข็งปรากฏขึ้น ทุกที่ที่ย่างก้าวผ่านล้วนแต่กลายเป็นน้ําแข็ง..
ในขณะนี้เธอยังไม่ได้ใช้เวทมนตร์ใดๆ ยังไม่ได้ร่ายเวทมนตร์ใดด้วยซ้ํา สิ่งที่เธอทําคือเพียงการขยับขาเท่านั้น ในทุกๆย่างก้าวของเธอราวกับว่าเธอคือจักรพรรดินีน้ําแข็ง ทุกที่กลายเป็นลานน้ําแข็งโดยสมบูรณ์
นักเวทที่ได้รับของขวัญตั้งแต่กําเนิดดั่งเช่นมู่หนิงเซวียนี้ไม่ใช่สิ่งที่โม่ฝานได้เห็นในสถาบันเมิงจู่….
“อยากให้ฉันสร้างค่ายกลไหม?” ลือเชิงเห่อถามกับมู่หนิงเซวียอย่างประจบประแจง เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามที่จะเอาใจเธอ
โม่ฝานพยักหน้าให้กับมู่หนิงเซวีย ดวงตาที่เกลี้ยงกลมใสคู่นั้นสบตากับโม่ฝานในขณะที่เธอกําลังคิดอะไรบางอย่างอยู่
เมื่อเห็นว่าโม่ฝานเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้วยเช่นกัน มู่หนิงเซวียรู้สึกตกใจเล็กน้อย เธอระลึกได้ถึงฉากที่น่าประทับใจเมื่อวันที่โม่ฝานเอาชนะหยู่อันได้ เธอไม่เคยรู้เลยว่าโม่ฝานหายไปไหนและไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะได้มาเจอเขาในฐานะนักเรียนของสถาบันเมิงจู่
เหนือสิ่งอื่นใดทั้งหมดคือเธอรู้ถึงความสามารถของเขา อีกทั้งเธอยังไม่ต้องการให้ทีมของตนเองพ่ายแพ้ต่อสถาบันเมิงจู่ แม้ว่าผลการแข่งขันจะออกมาว่าเสมอ นั่นก็ยังเป็นเรื่องที่น่าอับอายสําหรับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิอยู่ดี
“ลานเหมันต์!”
มู่หนิงเซวียถอยหลังกลับมาเล็กน้อย เกล็ดน้ําแข็งปรากฏขึ้นบนมือขาวนวลของเธออย่างรวดเร็ว
เพียงแค่เธอขยับริมฝีปากเบาๆนั้นก็ทําให้ผู้คนจํานวนมากรู้สึกตื่นเต้นอย่างระงับไม่ไหว
เกล็ดน้ําแข็งกระจัดกระจายไปทั่วสนามประลอง แรงกดอากาศที่หนาวเหน็บเริ่มปกคลุมทั่วบริเวณนี้ทั้งหมด
เดิมทีพื้นแห่งนี้นั้นมีเกล็ดน้ําแข็งอยู่แล้วบ้างนิดหน่อย แต่เมื่อเธอร่ายเวทมนตร์ของตนเองออกมานั้นทําให้สนามประลองนี้กลายเป็นพืชน้ําแข็งที่ราวกับว่ามีชีวิต พวกมันแพร่กระจายขยายอาณาเขตออกไปอย่างอิสระ…
สมรภูมิทรายก่อนหน้านี้ถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นน้ําแข็งจนหมดสิ้น แม้แต่กําแพงวารีที่อยู่รอบๆก็เช่นกัน พวกมันกลายเป็นน้ําแข็งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง!
การเปลี่ยนแปลงทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่ได้เห็นฉากเช่นนี้รู้สึกตื่นตระหนกอย่างมาก มันรวดเร็วเกินไป!
“มะ-มันคืออาณาจักรเหมันต์จริงๆเหรอ?” คู่ฮั่น ฮัวอวี่เฉียวและลี่จึงอดไม่ได้ที่จะกลั้นหายใจเมื่อได้เห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
พวกเขามีชื่ออยู่มาอย่างเนิ่นนานแต่ก็ไม่เคยได้ยินชื่อของนักเวทระดับสูงที่ครอบครอบเมล็ดพันธุ์วิญญาณที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาก่อน…
ความสามารถที่เปรียบได้กับอาณาจักรระดับสูงนั้นปรากฏในสายตาพวกเขาเสมอมา สิ่งที่พบเจอได้บ่อยครั้งที่สุดก็คือเทพรัตติกาลซึ่งเป็นเวทมนตร์ขั้นสูงสุดของธาตุเงา!
เทพรัตติกาลนั้นสามารถกดดันธาตุอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ มันจะสนับสนุนเพียงแค่พลังของธาตุเงาเท่านั้น นี่คือสิ่งที่โม่ฝานได้สัมผัสมันเป็นการส่วนตัวด้วย
แต่ทว่าธาตุอื่นๆนั้นก็มีเวทมนตร์ระดับสูงเป็นของตนเองด้วยเช่นกัน
แต่อย่างไรก็ตามธาตุอาณาจักรเหล่านี้นั้นควรจะมีได้หลังจากที่จัดการกับเมล็ดพันธุ์วิญญาณเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงจะได้รับเมล็ดพันธุ์อาณาจักรในระดับต่อไป แต่ทว่ามู่หนิงเซียนั้นอยู่ในระดับมัชฌิมไม่ใช่เหรอ? หรือนี่หมายความว่าในระดับมัชฌิมนี้ไม่มีผู้ใดสามารถทัดเทียมเธอได้เลย?!
“บัดซบ เวทมนตร์ของเธอสามารถระงับพลังเวทของฉันได้!” ซูเซี่ยวกล่าวออกมาด้วยใบหน้ามืดมน
เปลวไฟของเธอนั้นเป็นเพียงอัคคีระดับทั่วไป ซึ่งแน่นอนว่าเมื่อมันได้เผชิญหน้ากับเมล็ดพันธุ์เหมันต์วิญญาณเช่นนี้ มันย่อมไม่ออกไปต่อสู้แน่!
ใครเล่าจะคาดคิดว่าหญิงสาวตรงหน้าของเธอจะมาพร้อมกับเมล็ดพันธุ์วิญญาณที่น่าเกรงขามเช่นนี้! แน่นอนว่าไฟของเธอหมดสิทธิ์ที่จะต่อสู้ในการประลองครั้งนี้โดยสมบูรณ์
ซูเตี๋ยวรู้สึกไม่เต็มใจกับเหตุการณ์เช่นนี้อย่างมาก เธอพยายามกัดฟันและเริ่มเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาของตนเอง
การฝึกฝนของซูเซี่ยวธาตุไฟนั้นไม่ได้แข็งแกร่งด้อยกว่าโม่ฝานมากนัก อีกทั้งความเร็วในการร่ายเนบิวลาของเธอยังถือได้ว่าเร็วมากอีกด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเธอพยายามเชื่อมต่อเนบิวลามาจนถึงกลางทาง เธอรู้สึกได้ถึงความหนาวเหน็บที่กําลังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของเธอผ่านฝ่าเท้า กระดูกของเธอกําลังจะแหลกสลายทุกสิ่งกําลังถูกกลืนกินและสร้างความเจ็บปวดอย่างมาก
ล้มเหลว
การเชื่อมต่อเนบิวลาของเธอล้มเหลว!
ใบหน้าของซูเซี่ยวเปลี่ยนเป็นหน้าเกลียดอย่างยิ่ง เธอฝึกฝนเช่นนี้มามากกว่าพันครั้ง มันจะล้มเหลวได้อย่างไรกัน? นี่เป็นความอัปยศอย่างถึงที่สุด ซึ่งเธอไม่อยากจะยอมรับอย่างยิ่ง!
“พวกเราไม่ควรจะได้รับผลกระทบจากสิ่งนี้” นี่เป็นครั้งแรกที่เงินหมิงเฉวียนได้ต่อสู้กับคนที่มีพลังของเมล็ดอาณาจักร ซึ่งท่าทีของเขาจริงจังมากจนรู้สึกได้
มู่หนิวเงี่ยวขมวดคิ้วของเธอแน่น แน่นอนว่าธาตุลมและธาตุพืชของเธอไม่ได้ถูกระงับไปด้วย แต่ทว่าพลังโจมตีที่รุนแรงที่สุดของทีมได้ถูกกําจัดไปเสียแล้ว ตอนนี้ความรู้สึกของเธอราวกับว่าอยู่ในท่อระบายน้ําที่พร้อมจะแตกออกได้ทุกเมื่อ!
แต่การต่อสู้จะต้องดําเนินต่อไปไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น!
อาณาจักรเหมันต์สามารถกดดันได้เพียงแค่ธาตุไฟเท่านั้น แต่แผนเดิมก็คือให้ซูเซียวคอยถ่วงเวลาเธอเอาไว้ ในขณะที่คนอื่นๆนั้นต้องเร่งรีบจัดการกับฝ่ายตรงข้ามให้เร็วที่สุด จากนั้นพวกเขาจึงค่อยมากําจัดมู่หนิงเซียที่หลัง….
แต่อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดจําเป็นจะต้องร่วมมือกันเพื่อกําจัดเธอก่อน อีกทั้งอาณาจักรน้ําแข็งนี้สามารถกดดันได้เพียงธาตุไฟหรือไม่ เป็นสิ่งที่พวกเขาก็ยังรู้สึกไม่มั่นใจในคําตอบนั้นเช่นกัน…