จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 257
บทที่ 257: อสูรสัญญา?
“แกมัวแต่ทาอะไรอยู่? ทําไมถึงไม่ใช้กรงเล็บเงาทมิฬเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของหญิงธาตุไฟคนนั้น?”เงินหมิงเฉวียนกล่าวกับเปียงเหลิงอย่างไม่สบอารมณ์
เปียงเหลิงรู้สึกมึนงงและไม่พอใจอย่างมาก ขณะที่เขากําลังก้าวลงจากเวทีสีหน้าของเขานั้นย่าแย่เต็มไปด้วยความโกรธเมื่อได้ยินประโยคที่เจินหมิงเฉวียนกล่าวออกมา ปากของเขารีบอ้และโต้กลับทันควัน “อะไรกัน? แกจะพูดว่าที่พวกเราแพ้น่ะเป็นความผิดของฉันงั้นเหรอ?”
ใบหน้าของเงินหมิงเฉวียนถอดสีทันที แต่ทว่าเขายังคงเต็มไปด้วยความหงุดหงิดเช่นกัน
เปียงเหลิงเผยรอยยิ้มเย็นชาออกมา แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการที่จะมีปากเสียงกับเงินหมิงเฉวียนแต่อย่างไรก็ตามในหัวของเขานั้นคิดว่าชายตรงหน้าคนนี้ไม่ได้มีความสามารถอะไรขนาดนั้นที่จะจู่โจมก่อน
ใบหน้าของหลัวซึ่งนั้นเลวร้ายกว่าใครเพื่อน ซื้อต้าหลงล้อเลียนเขาเล็กน้อยหลังจากจบการแข่งขันซึ่งสองคํานั้นทําให้เขาโกรธจัดจนการต่อสู้เกือบจะเริ่มขึ้นอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้มันยากเย็นเกินกว่าที่เขาจะเก็บงำไว้ได้
“เอาล่ะ พวกเธอทั้งหมดไปพักผ่อนได้แล้ว” ภู่ชั้นกล่าวออกมากับนักเรียนทั้งสี่คนซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขากําลังมีความขัดแย้งภายในเล็กน้อย
“อาจารย์อู่ฮั่นครับ! ให้ผมลงแข่งในการประลองรอบต่อไปเถอะ ผมยังไม่ได้ปลดปล่อยพลังออกไปด้วยซ้ํา!” เงินหมิงเฉวียนกล่าวกับคู่ฮันด้วยความรวดเร็ว
เจินหมิงเฉวียนนั้นไม่พอใจกับเรื่องราวทั้งหมดอย่างมาก นั่นเป็นเพราะเปียงเหลิงนักเวทธาตุเงาที่สุดแสนขี้ขลาดไม่กล้าใช้พลังอีกทั้งการต่อสู้ของจ้าวหม่าหยันยังคงอ่อนแอเกินไปรูปแบบการต่อสู้ของเขานั้นน่าเบื่อและชักช้า
แล้วสองคนนี้สามารถทําอะไรได้ล่ะในฐานะของนักเรียนแลกเปลี่ยน? พวกเขาทั้งสองคนนั้นไร้ความสามารถในด้านการต่อสู้โดยสิ้นเชิงทีมในรอบแรกนี้ราวกับมีนักสู้เพียงสองอย่างแท้จริงถ้าหากว่าพวกเขาไม่แพ้สิมันถึงจะเป็นเรื่องที่แปลกประหลาด
“ผู้ที่จะลงแข่งในรอบต่อไปนั้นได้รับการยืนยันแล้วคือโม่ผ่านมู่หนิวเจี้ยวซ่เซียวและจางปิงเฉียว”คู่ฮันตอบกลับเรียบๆ
“ผมว่าคุณควรจะให้ผมแทนที่ไม่ผ่านที่อวดดีคนนั้นมากกว่านะครับ แน่นอนว่าผมจะต้องเอาชนะในรอบต่อไปได้หรืออาจารย์คิดว่าผมจะแพ้ทั้งสองรอบเลยงั้นเหรอ?” เฉินหมิงเฉวียนนั้นเปิดเผยอารมณ์ทั้งหมดของตนเองออกมาอย่างไม่ปิดบังอีกต่อไป เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เต็มใจอย่างมากที่จะยอมแพ้ในคราวนี้
“เรื่องนั้น…” คู่ฮั่นเหลือบมองไปที่โม่ฝานเล็กน้อยพร้อมกับหันมามองเฉินหมิงเฉวียนที่มุ่งมั่นตรงหน้า
จากการต่อสู้เมื่อครู่ แน่นอนว่าเงินหมิงเฉวียนนั้นแข็งแกร่งที่สุดในนักเรียนทั้งสี่คน แต่อย่างไรก็ตามแพ้ก็คือแพ้อู่ฮั่นไม่มีเหตุผลอะไรที่จะถอดโม่ฝานออกจากทีม
“อู่ฮัน ความเข้ากันได้ของนักเรียนทั้งสี่นี้มีอยู่น้อยมาก เราต่างเห็นได้ชัดว่ามหาวิทยาลัยจักรพรรดินั้นเตรียมตัวมาอย่างยอดเยี่ยมไม่มีช่องว่างระหว่างนักเรียนเล็ดลอดออกมาให้เราเห็นเลยแม้แต่น้อยในแง่ของการทํางานเป็นทีมฝ่ายนั้นโดดเด่นกว่าเรามากจางปิงเฉียวกับโม่ผ่านนั้นแม้ว่าจะเป็นนักเวทธาตุอัญเชิญเหมือนกันแต่ไม่ ได้แปลว่าพวกเขาจะสามารถต่อสู้เข้าขากันได้ดีสักหน่อยอีกอย่างไม่ควรเอาอสูรเวทสองตัวมายืนอยู่ด้วยกันบนเวที”อาจารย์ลีจึงกล่าวออกมา
อาจารย์หญิงสาวคนนี้รับหน้าที่ในการประสานงานกับมหาวิทยาลัยจักรพรรดิ์ เธอเดินทางมาถึงที่นี่ก่อนที่ฮั่นกับเฉียวอวฮัวจะมาถึง อีกทั้งโม่ผ่านไม่ได้เข้าร่วมในช่วงเช้า เขาจึงไม่รู้ว่ามีอาจารย์คนอื่นคอยดูแลทีมเช่นนี้ด้วย
ดูเหมือนว่าอาจารย์หญิงสาวคนนี้จะเข้าข้างเงินหมิงเฉวียนอย่างมาก เธอรีบเดิมไฟลงไปในใจของคู่ฮั่นทันทีเมื่อเห็นว่ายังพอมีโอกาส
สิ่งสําคัญก็คือคู่ฮั่นนั้นคิดเหมือนกับลี่จึงเช่นกัน สองคนในส์จากกลุ่มที่สองนั้นมีนักเรียนธาตุอัญเชิญถึงสองคน ซึ่งเป็นธาตุหลักของพวกเขาอีกด้วย แน่นอนว่าเขาไม่ได้จะบอกว่าธาตุอัญเชิญแย่แต่ทว่าในด้านของการ ต่อสู้เช่นนี้นั้นไม่มีใครสามารถปกป้องพวกเขาได้ถ้าหากเป็นเช่นนั้นความพ่ายแพ้จะต้องมาเยือนอีกครั้งแน่นอน
ในเวลานั้นจางปิงเฉียวอ้าปากทันที“เป็นอย่างนั้นงั้นเหรอ เอาล่ะ งั้นก็ให้เงินหมิงเฉวียนแทนที่ผมได้เลย”
เงินหมิงเฉวียนลืมตากว้างอย่างตื่นเต้น แต่ความจริงแล้วเขาต้องการจะเอาโม่ฝานออกจากทีมไปเสียมากกว่าแต่อย่างไรก็ตามในเมื่อมีคนยอมเสียสละแล้ว เขาก็ถือว่ามันคือเรื่องราวดีๆ
“จางปิงเฉียว เธอแน่ใจงั้นเหรอว่าต้องการแบบนี้?” คู่ฮันถามออกมาด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องกังวลเลย ไม่เป็นอะไร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อชัยชนะของพวกเราทั้งสิ้น ในเมื่อเงินหมิงเฉวียนได้พูดแล้วว่าเขาจะนําพาชัยชนะมาให้ได้ผมก็จะยอมเสียสละเองในครั้งนี้” แท้จริงแล้วจางปิงเฉียวนั้นไม่ต้องการที่จะต่อสู้ในคราวนี้เขาจึงรีบใช้โอกาสนี้เพื่อถอนตัวอย่างรวดเร็ว
โม่ฝานและจางปิงเฉียวนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เมื่อนักเรียนที่เหลือทั้งหกคนจากธาตุอัญเชิญกล่าวถึงบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดก็คงมีเพียงแค่โม่ฝานกับเขาเท่านั้น ส่วนพวกคนอื่นๆนั้นทําได้เพียงแต่เดินตามกันและบูชาทั้งสองคนไปอย่างนี้
“ไปด้านหน้าเวทีซะ แล้วแสดงออกมาซะว่าในรอบนี้เธอจะไม่แพ้อีกครั้ง” เฉียวอวฮัวกล่าว
“ไม่ต้องกังวลเลย ผมจะไม่แพ้!” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
เฉินหมิงเฉวียนเตรียมตัวมากขึ้นและไม่ประมาท แต่ทว่าเมื่อสายตาของเขาสบเข้ากับโม่ฝาน ความบาดหมางในใจถึงการต่อสู้รอบแรกได้ผุดขึ้นมาทันที รอบแรกนั้นเปียงเหลิงเป็นอุปสรรคสําหรับการต่อสู้ทําให้ทีมต้องพ่ายแพ้เขาจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีกครั้งปากของเขาอ้าออกและเริ่มสั่งสอนโม่ฝานทันที “แกควรจะฟังคํ สั่งของฉันเท่านั้น อย่าได้สร้างปัญหาและใช้ความคิดของตนเองเป็นหลัก! ถ้าหากว่าพวกเราแพ้ แกคงไม่มีปัญญาที่จะชดเชยได้! ชัยชนะในครั้งนี้หมายถึงชื่อเสียงทั้งหมดของสถาบันเมิงจู่!!!”
“เมื่อก่อนฉันคิดว่าแกน่ะจะเย่อหยิ่งกว่านี้สักหน่อยนะ ใครจะไปรู้ว่าแกน่ะไร้ยางอายซะเต็มประดาถ้าหากว่าแกยังไม่แข็งแกร่งมากพอ ทําไมถึงไม่รีบนั่งรถกลับบ้านไปล่ะ ไม่มีใครรู้หรอกว่าแกทําแบบนั้นเฮอะถ้าท่าอย่างที่ฉันแนะนํามันจะดีกว่าที่แกพยายามจะกดดันให้คนอื่นยอมแพ้เพื่อแกนะไอ้ปัญญาอ่อน!” โม่ผ่านนั้นรู้ดีว่าเงินห มิงเฉวียนนั้นต่อต้านเขาอย่างมากเช่นนี้เขาจึงไม่คิดที่จะสุภาพกลับไปเช่นกัน
“เฮอะแล้วสวะอย่างแกน่ะมีความสามารถตรงไหนงั้นเหรอ? ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลยว่าสถาบันให้ความสําคัญอะไรกับแกนักหนาก็แค่ขยะชิ้นหนึ่งที่สวมมงกุฏเท่านั้นแต่กลับได้มายืนอยู่ในสถานะของนักเรียนแลกเปลี่ยน!”เงินหมิงเฉวียนเย้ยหยันออกมา
โม่ฝานเลิกให้ความสนใจกับเงินหมิงเฉวียนเขาเดินไปยืนอยู่เคียงข้างกับมู่หนิวเจียวอย่างไม่แยแส
ตอนแรกโม่ผ่านคิดว่าหลัวซึ่งเป็นคนที่น่ารําคาญมากที่สุด แต่ในตอนนี้กลับมีเงินหมิงเฉวียนโผล่มาอีกคนการยืนข้างกับหนิวเจียวจะทําให้บรรยากาศของเขาสดชื่นขึ้น การอยู่ใกล้กับสองคนนั้นมันทําให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
เฉินหมิงเฉวียนถูกโม่ฝานวางท่าที่เป็นเฉยใส่ อีกทั้งเขายังได้เห็นโม่ฝานและมู่หนิวเจียวพูดคุยพร้อมกับหัวเราะอย่างสนุกสนาน เช่นนี้ยิ่งทําให้ใบหน้าของเขามืดด่าอย่างน่าเกลียด
ทั้งสถาบันนั้นรู้ดีอย่างมากว่าเงินหมิงเฉวียนนั้นใฝ่ปองมู่หนิวเจียวที่สุด แต่ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลอะไรจึงทําให้ชายที่เขาเกลียดที่สุดอย่างโม่ฝานเป็นคนเดียวที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับหญิงสาวที่เขาหลงรักเช่นนี้!
เขาไม่เข้าใจเลยว่าทําไมบุคคลที่มีบุคลิคโดดเด่นอย่างเช่นมู่หนิวเจียวจะทําเรื่องเช่นนี้ทําไมเธอจึงยอมให้โม่ผ่านเข้าใกล้ได้โดยไม่อิดออด? มันจะต้องเป็นเพราะการที่เธอนั้นวางตัวราวกับเทพธิดาและไม่ต้องการให้ใครพูดถึงเธอในทางที่ไม่ดี เธอจึงยอมพักอาศัยอยู่กับนักเลงหัวไม้อย่างเช่นโม่ฝานแน่ๆ!
“เดี๋ยวเจียว ถ้าหากว่าเวลานั้นมาถึง ได้โปรดช่วยปกป้องฉันด้วยได้ไหม ถ้าหากว่าไม่สามารถใช้อุปกรณ์เวทมนตร์ได้ล่ะก็ ฉันก็ไม่มีความสามารถที่จะปกป้องตัวเองเลย” โม่ผ่านกล่าวกับมู่หนิวเจี้ยวซ้ําไปซ้ํามา
มู่หนิวเจียวเป็นเฉยต่อคําพูดของเขา
ความสัมพันธ์ของเธอกับเขานั้นยังไม่ใกล้ชิดมากถึงขนาดที่จะเรียกชื่อเล่นกันได้เช่นนี้ แต่อย่างไรก็ตามชายตรงหน้าเธอไม่มีความอายเลยแม้แต่น้อย เขายังคงเรียกเธอว่าเดี๋ยวเจียวต่อไปเมื่อได้ยินเช่นนี้ยิ่งทําให้เธอรู้สึกละอายใจอย่างมากที่ไม่ยอมลากอ้ายตูตู้ออกไปเมื่อครั้งที่ตัดสินใจเช่าบ้านพักด้วยกัน
“นายควรจะใช้ความแข็งแกร่งทั้งหมดที่นายมีกับการแข่งขันครั้งนี้ ถ้าหากว่าเราแพ้อีกครั้งเราจะไม่มีใบหน้ากลับไปที่สถาบันอย่างแน่นอน” มู่หนิวเจียวกระซิบกับโม่ฝานอย่างช่วยไม่ได้
มู่หนิวเจียวนั้นรู้ว่าโม่ผ่านครอบครองธาตุถึงสามด้วยกัน ด้วยความสามารถเช่นนี้เขาควรที่จะทุ่มเทให้กับการแข่งขันครั้งนี้อย่างถึงที่สุด
“ก็นะ แต่ฉันไม่อยากให้คนจํานวนมากรับรู้ถึงความอัจฉริยะของฉันน่ะ” โม่ผ่านกระซิบกลับแต่ทว่าน้ําเสียงที่ไร้ยางอายของเขาทําให้มู่หนิวเจียวรู้สึกหมดคําพูดโดยสมบูรณ์
“ฉันเชื่อว่าบุคคลที่เขาส่งออกไปรอบแรกนั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากหรอก ฉันไม่เชื่อว่ามหาวิทยาลัยจักรพรรดิจะทําได้แค่นี้แน่”ซูเซียวกล่าวออกมา
ค่าพูดเช่นนี้ยิ่งทําให้เงินหมิงเฉวียนรู้สึกอึดอัดอย่างมาก
“ฉันก็คิดอย่างนั้น” มู่หนิวเจียวพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย
“โม่ฝาน นายมีธาตุอัญเชิญกับธาตุสายฟ้าใช่ไหม?” ซ่เซียวถามออกมาพร้อมทั้งการแสดงออกของเธอได้กลายเป็นผู้นําไปโดยธรรมชาติ แม้ว่าเงินหมิงเฉวียนจะพยายามแสดงตัวแต่ทว่าเธอกลับไม่สนใจและรับดําแหน่งของหัวหน้าทีมทันทีเธอถามโม่ฝานต่อ“ตอนนี้ความแข็งแกร่งของอสูรอัญเชิญนายเป็นอย่างไรบ้าง?”
“อีกก้าวเดียวก็จะเข้าสู่ระดับนักรบแล้ว” โม่ผ่านตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“เฮอะ ไร้ประโยชน์สิ้นดี” เฉินหมิงเฉวียนอดไม่ได้ที่จะพูดจาประชดประชันใส่โม่ผ่าน
ซเซียวไม่สนใจอะไร สายตาของเธอเบิกกว้างและถามต่อ “นายทําพันธสัญญากับอสูรเวทแล้วหรือยัง?”
เมื่อนักเวทธาตุอัญเชิญเข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้ว เขาจะสามารถทําพันธสัญญากับอสูรเวทของตนเองได้ซึ่งสิ่งนี้จะเปลี่ยนให้อสูรเวทกลายเป็นอสูรสัญญา
“เอ่อ… เรื่องนั้น ฉันยังไม่เจอตัวอะไรที่เหมาะกับฉันน่ะ” โม่ผ่านตอบกลับไปอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก
ทุกคนที่ได้ยินประโยคนี้รู้สึกปวดหัวและคิ้วของพวกเขาผูกติดกันแน่น
นั่นหมายความว่าตั้งแต่การแข่งขันประลองเวทตอนเปิดภาคเรียน โม่ผ่านไม่ได้ปรับปรุงธาตุอัญเชิญของเขาเลยงั้นเหรอ?
นั่นหมายความว่าเขามีเวทมนตร์สายฟ้าระดับมัชฌิมเท่านั้นที่พอจะใช้งานได้!