จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 248
บทที่ 248: ค่ําคืนแห่งการเก็บกวาด!
เมฆาดําลอยต่ําปกคลุมเมืองที่เต็มไปด้วยแสงสีอย่างหนาแน่น
เมืองใหญ่แห่งนี้นั้นรูปร่างราวกับยักษ์ ถนนที่เต็มไปด้วยแสงไฟนั้นเต็มไปด้วยการจราจรที่ห นาแน่นปกคลุมทั่วทั้งเมืองสีแดงของแสงไฟนั้นเปรียบได้กับเส้นเลือดใหญ่ที่กําลังลําเลียงไปทั่วเมืองแห่งนี้อย่างทั่วถึง
ขณะนี้แม้ว่าจะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว แต่ทว่าหัวใจของยักษ์ใหญ่ยังคงสูบฉีดเลือดหล่อเลี้ยงทั่วร่างกายอย่างไม่ยอมพักผ่อน
แต่ทว่ามีบางมุมภายในเมืองใหญ่แห่งนี้ที่หลบซ่อนอยู่ในความมืดมิด ราวกับปรสิตกําลังเกาะกินเมืองแห่งนี้อย่างไม่หยุดหย่อน มันกําลังสร้างตัวอ่อนมากมายพร้อมที่จะเติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคตอันใกล้ ช่างโชคร้ายที่ในคืนนี้เป็นคืนที่ทุกสิ่งอย่างในความมืดจะต้องถูกกวาดล้างจนหมด
สิ้น!
แม้ว่าในบางครั้งการทําลายเนื้อร้ายและกระดูกที่กําลังเติบโตนี้จะดูโหดร้ายไปบ้าง แต่ทุกคนนั้นรู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นเนื้อร้ายที่หลบซ่อนอยู่ภายในความมืดอย่างมิดชิด ซึ่งในอนาคตมันจะกลายเป็นก้อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ไม่อาจหยุดยั้งได้ เพื่อเป็นการปกป้องดูแลอวัยวะ ส่วนอื่นๆภายในเมืองแห่งนี้ พวกเขาจําเป็นจะต้องลงมือกําจัดเนื้อร้ายนี้ออกไปให้สิ้นซาก แน่นอน ว่าจะไม่มีการผ่อนปรนให้กับความชั่วอย่างแน่นอน!
โม่ผ่านกําลังนอนชมวิวอยู่ที่ระเบียงของตนเอง พื้นที่ถูกยกสูงขึ้นมาทําให้เขาสามารถมองทิวทัศน์ของเมืองได้อย่างง่ายดาย ภาพที่สวยงามปรากฏอยู่ในสายตาของเขาทําให้รู้สึกอิ่มเอมใจและผ่อนคลายอย่างมาก
เขาพยายามโทรหาถังเหย่วหลายครั้ง แต่ทว่ามีเพียงเสียงของการฝากข้อความไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตามภายในค่ําคืนมืดมิดเวลานี้ เหล่าผู้พิพากษาจากศาลเวทมนตร์กําลังต่อสู้กับเนื้อร้ายเหล่านั้นอยู่ แน่นอนว่าโม่ผ่านย่อมมองไม่เห็นการต่อสู้นั้นและนักเรียนที่กําลังถกเถียงกันถึงเรื่องอสูรเงาก็ไม่ได้รับรู้กับเรื่องราวเหล่านี้ด้วยเช่นกัน ผู้คนที่หลบใหลไปแล้วย่อมไม่รู้สึกถึงความอันตรายที่พวกเขากําลังจะได้เผชิญ แต่แม้ว่าไม่มีผู้ใดได้เห็นเหตุการณ์ นั่นย่อมไม่ได้หมายความว่ามันไม่ได้เกิดขึ้น!
ฉับพลันอ้ายตูตู้กระโดดเข้ามาขวางการมองทิวทัศน์ของโม่ฝาน “เฮ้ ทําไมนายถึงมานอนราวกับคนตายไปแล้วอยู่ตรงนี้ล่ะ? บอกพวกเรามาเลยนะว่ามันเกิดอะไรขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้น… เอิ่ม ไม่อย่างนั้นฉันจะ… เอ่อ ”
ทว่าสิ่งที่เขามาขวางสายตาของโม่ฝานไม่ใช่ใบหน้าสวยๆของเธอแต่อย่างใด มันคือไฟ หน้าขนาดใหญ่ที่หากได้มองก็ไม่อาจอดใจได้ไหว แล้วในขณะนี้เธอสวมใส่เสื้อกล้ามตัวจิ๋ว เขาจะต้านทานพลังรุนแรงตรงหน้านี้ได้อย่างไรกัน?
“มันไม่มีอะไร อีกอย่างมันก็เป็นเรื่องของฉัน มันจะดีกว่าถ้าเธอไม่รู้” โม่ผ่านนั้นรู้ดีว่าเขานั้นขี้เกียจจะมีปัญหาตามมาในภายหลัง ซึ่งในตอนนี้กระต่ายตัวใหญ่กําลังกระโดดไปมาล้อมรอบเขาอยู่ ยิ่งทําให้อารมณ์ของเขาเฉื่อยชาเช่นเดิม
“บ้าจริง! บอกมาสิว่าทําไมวาติกันถึงได้พุ่งเป้ามาที่นายล่ะ? แล้วอสูรต้องสาปตัวนั้นมันยอมสยบให้กับนายงั้นเหรอ? ฉันได้ยินมาว่าอสูรต้องสาปตัวนั้นอยู่ในระดับนักรบเชียวนะ! นายเป็นแค่นักเรียนจะมีพลังไปต่อสู้กับอสูรเวทระดับนักรบได้อย่างไรกันล่ะ? อีกอย่างแล้วเจียเหวินนิ่งกับฟูเตียนหมิงนั้นเป็นสมาชิกของวาติกันจริงๆนเหรอ? นายเป็นสายลับจากศาลเวทมนตร์ที่ถูกส่งเข้ามาสอดแนมภายในสถาบันใช่ไหม… โอ้ ใช่ มันต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ!” คําถามจํานวนมากออกมาจากปากของอ้ายตูตู้พร้อมกับกระแทกเข้ารูหูของโม่ฝานอย่างไร้ปราณี
“เธอนี่มันเพ้อเจ้อจริงๆ ฉันว่าเธอควรจะไปเขียนนิยายขายซะนะ!” โม่ผ่านกล่าวออกไปอย่างไร้เยื่อใย
“เอาล่ะ คําถามนี้สําคัญมาก ถ้าหากว่านายตอบคําถามนี้แล้วล่ะก็นายไม่จําเป็นจะต้องตอบคําถามอื่นก็ได้” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“ถามมา” โม่ฝานตอบกลับ
“นายเป็นนักเวทธาตุอะไรงั้นเหรอ?” อ้ายตูตู้จริงจังขึ้นมา
นี่เป็นคําถามที่มู่หนิวเจียวต้องการจะถามโม่ฝานด้วยเช่นกัน เมื่อเธอได้ยินว่าอ้ายตูตู้พูดประโยคนี้ออกไป สายตาที่เคยจับจ้องกับทีวีในคราวแรกได้เปลี่ยนทิศทางเป็นโม่ผ่านไปแล้วโดยสมบูรณ์
ในคราวแรกที่ได้พบกันกับโม่ฝานที่การประลองอสูรเวท เห็นได้ชัดว่าโม่ฝานเป็นเพียงนักเวทธาตุอัญเชิญเท่านั้น แต่ทว่าหมาป่าวิญญาณของเขานั้นเป็นอมตะและเป็นนักสู้อย่างแท้จริง
แต่หลังจากการต่อสู้ผ่านไปได้สักพักเขาได้แสดงตัวออกมาว่าตนเองเป็นนักเวทสายฟ้าระดับมัชฌิม ซึ่งเป็นไปได้ว่าธาตุสายฟ้าอาจจะเป็นธาตุหลักของเขาและในการปลุกพลังเวทครั้งที่สองนั้นเขาสามารถเรียกธาตุอัญเชิญขึ้นมาได้ นอกจากนี้เป็นธรรมดาที่นักเวทระดับมัชฌิมจะสามารถครอบครองสองธาตุได้
แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมู่หนิวเจียวเห็นโม่ฝานในการต่อสู้ต่างๆ โม่ฝานได้แสดงความสามารถอื่นๆออกมาอีกหลายธาตุ แม้ว่ามันจะไม่ค่อยชัดเจนนักแต่ทว่ากลับสร้างความงุนงงให้กับเธออย่างมาก
อีกทั้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในกรงเหล็กก่อนหน้านี้ ความสามารถของโม่ฝานยังเป็นที่น่าประทับใจด้วยเช่นกัน
เมื่อคราวที่เขาเดินออกมาจากเปลวไฟที่ดูเกรี้ยวกราดอย่างองอาจทําให้เขาดูทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ สิ่งที่เขาแสดงออกมานั้นเป็นที่ชัดเจนว่าเขาคือนักเวทธาตุไฟระดับมัชฌิมด้วยเช่นกัน!
พลังแห่งธาตุไฟที่รุนแรงของหมัดเพลิงทลายปฐพียังคงติดตรึงตราอยู่ในใจของมู่หนิวเจี้ยวอย่างไม่รู้ลืม!
เขาเป็นนักเวทธาตุไฟงั้นเหรอ?!
แต่เรื่องนั้นจะเป็นไปได้อย่างไรกันล่ะ? เขายังไม่ได้เข้าสู่ระดับสูงเลยด้วยซ้ํา เขาจะครอบครองธาตุทั้งสามเหล่านี้ได้อย่างไรกัน!
“นี่พวกเธอไม่เห็นงั้นเหรอถึงได้ถามอะไรโง่ๆแบบนี้น่ะ?” โม่ผ่านตอบกลับอย่างไม่ปฏิเสธด้วยเช่นกัน
ความจริงก็คือถ้าหากทั้งสองคนไปสืบเสาะจากคนที่มาจากเมืองบ่อ พวกเธอก็จะได้รู้ทุกอย่างโดยง่ายดาย ว่าเขานั้นครอบครองธาตุคู่ตั้งแต่อยู่ในระดับปฐมภูมิแล้ว แม้ว่าพวกเธอจะรู้เรื่องเหล่านี้ก็ไม่ทําให้อะไรเปลี่ยนไปมากนัก โม่ฝานจึงไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย
“นายครอบครองธาตุทั้งสามจริงๆงั้นเหรอ!???” ขณะนี้มู่หนิวเจียวไม่สามารถนั่งเฉยได้อีกต่อไป เธอลุกขึ้นพร้อมกับโก่งโค้งเข้าหาโม่ฝานอย่างตั้งใจ สายตาของเธอกําลังขวางกั้นทิวทัศน์ของโม่ฝานอย่างจงใจ…
ปากเล็กๆของอ้ายตูตู้นั้นอดไม่ได้ที่จะม้วนตุ้ยอย่างไม่พอใจ สายตาของเธอมองไปที่โม่ฝานอย่างไม่เชื่อถือ
“ราชันปีศาจนายนี่มันบ้าจริงๆ มีแค่ในตํานานเท่านั้นแหละที่จะได้ครอบครองธาตุคู่เ”
“ในตอนนี้นายไม่เพียงแค่ครอบครองพลังธาตุมากมาย” แต่ทว่านายกําลังฝึกฝนในสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทําได้อีกด้วย…” มู่หนิวเจียวกล่าวออกมาอย่างเข้าใจประเด็นสําคัญในทันที
ภาพที่เขาใช้พลังธาตุไฟยังคงชัดเจนอยู่ในหัวของเธอ มู่หนิวเจียวรู้สึกว่าพลังธาตุไฟของโม่ฝานนั้นแข็งแกร่งกว่าสายฟ้าและธาตุอัญเชิญอยู่มาก!
นอกจากนั้นชายคนนี้ยังไม่ได้ครอบครองอัคคีทั่วไปอีกด้วย เขามีพลังอัคคีระดับวิญญาณในครอบครอง!
“ราชันปีศาจ ถ้าเป็นอย่างนี้นั้นหมายความพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของนายไม่ใช่ธาตุสายฟ้า แต่คือพลังแห่งธาตุไฟ!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมา
“จะพูดแบบนั้นก็ได้”
อ้ายตูตู้คุกเข่าลงอย่างไร้แรงต้าน
มู่หนิวเจียวนั้นได้ชื่อว่าเป็นหญิงแกร่ง ซึ่งในคราวแรกเธอคิดว่าความแข็งแกร่งของเธอนั้นสามารถเทียบเท่ากับโม่ฝานได้แล้ว อย่างไรก็ตามในขณะนี้เธอได้รับรู้แล้วว่าเขามีธาตุในครอบครองมากมาย อีกทั้งธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดของเขายังไม่ใช่สายฟ้าอีกด้วย มันคือธาตุไฟ อีกทั้งธาตุอัญเชิญที่ดูจะอ่อนแอที่สุดยังสามารถจัดการคนกว่าร้อยได้อย่างไม่ยากเย็น… เมื่อได้รู้เช่นนี้แล้ว เสียงแห่งความพ่ายแพ้ได้เริ่มกระซิบข้างหูของเธออย่างเยือกเย็น
“นายมันบ้า!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาด้วยความไม่พอใจ
อ้ายตูตู้นั้นกําลังสนุกสนานกับการเล่นเกมในก่อนหน้านี้ ซึ่งตอนนี้เธอเสียสมาธิและเริ่มพ่ายแพ้ในหัวใจของเธอกําลังรู้สึกขัดแย้งอย่างไม่อาจหักห้าม
—
–
แต่มีสิ่งหนึ่งที่กําลังเกิดขึ้นในค่ําคืนมืดมิด ก้อนเนื้อร้ายกําลังจะถูกกวาดล้างให้หายไปจากหางโจว
ซึ่งข่าวกําลังนําเสนอเกี่ยวกับส่วนที่ได้หายไปจากนครเซี่ยงไฮ้เหล่านี้ ไม่เหลือแม้แต่หลักฐานใดๆให้สืบสวน นี่กลายเป็นเหตุการณ์แปลกประหลาดที่เกิดขึ้นภายในค่ําคืนเดียว แต่สุดท้ายแล้วมันก็ถูกลบเลือนหายไปจากสมองของผู้คนหลังจากที่มีข่าวอื่นมาแทนที่
โม่ผ่านกําลังฟังซินเซียพูดถึงข่าวเหล่านี้ผ่านโทรศัพท์ สิ่งนี้ทําให้โม่ฝานรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเมื่อเขานึกขึ้นได้ว่าถังเหย่วเคยบอกว่าเธอจําเป็นจะต้องไปจัดการอะไรบางอย่างที่หางโจว แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นในซีหูนั้นเต็มไปด้วยสิ่งสวยงาม ซึ่งความสวยงามเหล่านี้มีเพียงศาลเวทมนตร์และสมาชิกเท่านั้นที่จะได้รับรู้
หลังจากที่ผ่านพ้นการรุกรานของกลุ่มวาติกันไปแล้ว โม่ผ่านไปเยี่ยมซินเซียที่โรงเรียน
ซินเซียและหลิงหลิงนั้นดูสนิทสนมกันอย่างมาก ทั้งสองดูเหมือนกับเป็นพี่น้องกันจริงๆ
“ไม่มีใครมายุ่งกับซินเซียเลยงั้นเหรอ?” โม่ฝานถามหลิงหลิง
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก เธอสบายดี สบายมากด้วย หาวโจวน่ะเป็นเหมือนกับร้านกาแฟของศาลเวทมนตร์เชียวนะ พูดกันตามตรงว่ากลุ่มวาติกันไม่กล้าที่จะมาเหยียบเมืองนี้หรอกถ้าหากว่าพวกมันยังอยากมีชีวิตอยู่ อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฉันกําลังปกป้องแฟนสาวตัวน้อยของนายอยู่ ซึ่งฉันได้รู้อะไรบางอย่างที่นายอาจจะไม่รู้มาก่อนเลยก็ได้” หลงหลิงกล่าวอย่างมีลับลมคมใน
“อะไรกันล่ะ?” โม่ฝานถามออกไปด้วยท่าที่ที่สับสน
“ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนคอยปกป้องเธอคนนี้ตลอดเวลาอยู่แล้ว!” หลิงหลิงกล่าวออกมาอย่างชัดเจน