จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 246
บทที่ 246: เทพธิดามาโปรด
“เฮอะ แม้แต่แกก็ยังมีวันที่ต้องพ่ายแพ้ด้วยงั้นเหรอ ถ้าหากว่าในคราวนี้แกไม่ตายก็ถือว่าโชคดีมากเกินไปหน่อยแล้วหละ!” เฉินหมิงเฉวียนและหลัวซ่งยืนอยู่ด้านนอกกรงเหล็กพร้อมด้วยสายตาเย็นชาจับจ้องมาที่โม่ฝานผู้ที่กําลังหายใจหอบหนัก เพราะเสียเลือดจากบาดแผลฉกรรจ์ขนาดใหญ่
ไปจ่านเฟิงและซู๋เซียวยืนอยู่ที่ด้านนอกกรงเหล็กพร้อมกับมองโม่ฝานผู้บาดเจ็บสาหัสด้วยเช่นกัน
สายตาของไปจ่านเฟิงอดไม่ได้ที่จะแสดงถึงความยินดีปรีดาออกมา ส่วนหลัวซ่งนั้นเขากําลังงุนงงกับอสูรต้องสาปที่ถูกตรึงไว้ตรงหน้า
อสูรต้องสาปลูกหอกเงาทมิฬตรึงไว้จนหมดเรี่ยวแรง มันไม่สามารถแม้แต่ขยับนิ้วของตนเองได้ สิ่งมีชีวิตที่น่าขยะแขยงได้ปรากฏต่อสายตาของนักเรียนหมู่มาก แน่นอนว่าในตอนนี้ทุกคนกําลังพูดคุยเกี่ยวกับสัตว์ประหลาดตัวนี้อยู่
“ทําไมนายบาดเจ็บสาหัสแบบนี้อีกแล้วหละ?” หญิงสาวรูปร่างบอบบางคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบเชียบพร้อมกับวิ่งมาหาโม่ฝานด้วยความตื่นตระหนก เธอนั่งอยู่ข้างกรงเหล็กข้างๆโม่ฝานพร้อมถามไถ่ออกมาอย่างเร่งรีบ
โม่ฝานหันกลับมาพร้อมกับรู้สึกคุ้นใบหน้าของเธออย่างมากแต่ทว่าเขาไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร เช่นนี้เขาจึงมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆตอบกลับเท่านั้น
“ให้ฉันรักษานายก่อนแล้วกัน อย่าเพิ่งขยับ” หญิงสาวคนนั้นกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับยืนขึ้นข้างกรงเหล็กและเริ่มเชื่อมต่อเส้นทางดวงดาวของตนเองอย่างรวดเร็ว
“เฮอะ ถึงถึง เธอจะไปช่วยมันทําไม? ไม่เห็นรึไงว่าคนส่วนใหญ่ตรงนี้ไม่อยากจะยุ่งกับมันด้วยซ้ํา? การที่เธอเสนอตัวเข้าไปช่วยปีศาจตัวนี้มันกําลังจะบอกว่าเธอพร้อมที่จะให้นักเรียนทั้งหมดในสถาบันเกลียดเธอไปด้วยนะรู้ไหม?” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านข้างเธอกล่าวขึ้นมาอย่างเกลียดชัง
หญิงสาวที่ถิงถิงไม่ได้สนใจสายตาของทุกคนที่จับจ้องมาแต่อย่างใด เธอยังคงจดจ่อกับการร่ายเวทของตนเองอยู่เช่นเดิม
“ฉันถูกเล่นงานจากคําสาป มันมีผลกับร่างกายของฉันน่ะ เธอไม่สามารถรักษาฉันได้หรอก” โม่ฝานเริ่มพูดอะไรบางอย่าง
“ฉันไม่ใช่นักเวทระดับปฐมภูมิเหมือนในอดีตแล้วล่ะ” ถิงถิงกล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม ฉับพลันปรากฏเส้นทางเนบิวลาขึ้นที่ใต้เท้าของเธออย่างงดงาม
มันไม่ใช่เส้นทางดวงดาวแบบปกติทั่วไป พวกมันพันเกลียวคล้ายกับริบบิ้นและหมุนวนรอบกายของหญิงสาวที่ชื่อถิงถิง ภาพตรงหน้ายิ่งทําให้เธอดูบริสุทธิ์สดใสมากยิ่งขึ้น
แผนภาพของมันนั้นปรากฏออกมาอย่างช้าๆ แน่นอนว่ามันแตกต่างจากเวทมนตร์ระดับปฐมภูมิโดยสิ้นเชิง นักเวทธาตุการรักษาในระดับมัชฌิมนั้นแข็งแกร่งและบริสุทธิ์ราวกับผีเสื้อวิญญาณ ในทุกบาดแผลนั้นมันจะสามารถดึงพิษต่างๆออกไปได้ราวกับผึ้งดูดกลืนน้ําหวานจากเกษรดอกไม้ ด้วยกลิ่นของคําสาปและกลิ่นเลือดที่ปะปนกันไปทั่วบริเวณ ผีเสื้อวิญญาณเริ่มทําหน้าที่ของมันอย่างรวดเร็ว เนื้อเยื่อที่เน่าเปื่อยของโม่ฝานเริ่มได้รับการดูแลจากพวกมันอย่างทันท่วงที
เดิมที่ยาที่โม่ฝานมีนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย แต่ในตอนนี้ผีเสื้อวิญญาณเพียงแค่มันบินผ่านบาดแผลเท่านั้น เนื้อเยื่อของเขากลายเป็นตกสะเก็ดพร้อมกับเลือดเริ่มหยุดไหล
รอยฉีกขาดบนหน้าอกของโม่ฝานนั้นมีขนาดใหญ่มาก มีอยู่หนึ่งรอยซึ่งเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจ เนื้อด้านบนสุดเน่าเปื่อยกลายเป็นสีดํา ซึ่งหากมองมาจะเห็นกระดูกสีขาวด้านในอย่างชัดเจน ผีเสื้อวิญญาณบินว่อนไปมาอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่มันจะกําจัดคําสาปออกไปจากบาดแผลของโม่ฝานได้ ท้ายที่สุดมันเริ่มทําการเย็บเพื่อให้ผิวหนังทั้งหมดสมานเข้าหากัน ซึ่งขั้นตอนทั้งหมดนี้โม่ฝานเพียงแค่รู้สึกคันเล็กน้อยเท่านั้น เขาไม่ได้เจ็บปวดใดๆเลย
ผิวหนังที่ซีดขาวของเขาค่อยๆกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง โม่ฝานซึ่งก่อนหน้านี้นอนจมกองเลือดของตนเองอยู่ บัดนี้เขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าอย่างมากพร้อมทั้งพยายามที่จะลุกขึ้นยืน แต่ทว่า เขาถูกถิงถิงดุอย่างรวดเร็ว “นั่งลงก่อน นายเสียเลือดมากเกินไป การรักษาของผีเสื้อวิญญาณจะช่วยให้นายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นน่ะ”
โม่ฝานรีบนั่งลงอย่างเชื่อฟัง เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ก่อนหน้า ผีเสื้อวิญญาณกําลังโปรยผงบางอย่างลงสู่ผิวหนังของเขา โม่ฝานรู้สึกว่าโลหิตของเขาเริ่มไหลเวียนไปทั่วร่างกายอย่างตื่นตัว อาการมึนหัวก่อนหน้านี้ค่อยๆจางหายไปด้วยเช่นกัน
อ้ายตูตู้ที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้ แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาเบาๆ “ราชันปีศาจตัวนี้นี่นะ… ทําไมนักเวทระดับมัชฌิมธาตุการรักษาถึงต้องมาช่วยเขาด้วยล่ะ?”
นักเรียนทั้งหมดที่อยู่โดยรอบต่างพากันไม่เข้าใจเมื่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้า
ทําไมกัน???
ธาตุการรักษานั้นหาได้ยากยิ่งมากกว่าธาตุอัญเชิญเสียอีก ดังนั้นหญิงสาวที่เป็นนักเวทธาตุรักษาทั้งหมดภายในสถาบันนั้นได้รับการยกย่องจากนักเรียนทุกคนว่าเป็นเทพธิดา
นักเวทผู้แข็งแกร่งมากมายนั้นบางครั้งจะต้องเผชิญกับการบาดเจ็บสาหัสได้เช่นกัน มีพวกเขาจํานวนมากที่ต้องตายตกไปเพียงเพราะไม่สามารถจัดการกับบาดแผลของตนเองได้ ถ้าหากว่านักเวทผู้ใดที่รู้จักกับนักเวทธาตุรักษาแล้วล่ะก็ ทุกปัญหาที่ต้องเผชิญนั้นจะได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธีแน่นอน
นักเวทธาตุการรักษานั้นมักจะได้รับการปกป้องจากธาตุอื่นๆอยู่เสมอ ผู้คนที่มักจะสนใจนักเวทเหล่านี้ส่วนมากจะเป็นผู้ทรงอิทธิพล แต่ทว่าภายใต้การแข่งขันที่น่าเหลือเชื่อและเดิมพัน ด้วยชีวิตเช่นนี้ น้อยมากที่นักเวทธาตุรักษาจะลงมือให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
ในการแข่งขันประลองอสุรเวทคราวก่อน โม่ฝานนั้นสร้างความบาดหมางให้กับนักเวทธาตุการรักษาด้วยเช่นกัน แล้วทําไมนักเวทระดับมัชฌิมคนนี้จะต้องออกมาช่วยเหลือเขาด้วยล่ะ? ดูแลเขาอย่างดีด้วยงั้นเหรอ? สิ่งนี้สร้างความอิจฉาสุมเต็มอกให้กับนักเรียนที่กําลังรับชมฉากนี้อย่างท่วมท้น
นี่อาจจะเป็นครั้งแรกของหลายๆคนที่ได้พบเจอกับการรักษาที่แท้จริงจากนักเวทอัจฉริยะ ซึ่งบาดแผลที่สามารถทําให้เขาตายตกไปได้กลับหายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายในเวลาไม่กี่นาที!
ในสถาบันเมิงจู่แห่งนี้มันจะเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดถ้าหากว่าคุณได้รู้จักหรือสานสัมพันธ์กับเทพธิดาเหล่านี้!
“เอาล่ะ นายไม่เป็นไรแล้ว” ถิงถิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับว่าเธอไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลยแม้แต่น้อย
สิ่งนี้ทําให้โม่ฝานคิดถึงซินเซียขึ้นมาอย่างไม่ทันรู้ตัว หญิงสาวที่สามารถปลุกพลังเวทธาตุการรักษาขึ้นมาได้นั้นมีหัวใจที่งดงามเช่นนี้ทุกคนเลยงั้นเหรอ?
“ขอบคุณนะ” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างซื่อตรง
“คนที่ควรจะขอบคุณคือฉันมากกว่า อ่า ฉันชื่อไปถิงถิง” เธอกล่าวออกมาพร้อมฉีกยิ้มกว้า งอย่างสดใส
“โอ้ ฉันชื่อ…”
“ฉันรู้ว่านายเป็นใคร วันนั้นนายช่วยชีวิตฉันจากอสูรกายเกล็ดหนา ชื่อเสียงต่างๆของนายน่ะฉันรู้ดีอยู่แล้วแหละ” ไปถึงถึงกล่าวออกมาพร้อมกับมุมปากโค้งได้รูปอย่างอ่อนหวานอีกครั้ง
“เธอหมายถึงเรื่องไม่ดีของเขางั้นเหรอ ฮ่าฮ่าฮ่า!” ในขณะที่ทั้งสองกําลังพูดคุยกันอยู่นั้น มีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เกรี้ยวกราด
ชายคนนี้คือไปจ่านเฟิงอย่างแน่นอน เมื่อเขาเห็นว่าญาติของตนเองช่วยเหลือเด็กเหลือขออย่างโม่ฝาน ใบหน้าของเขาแสดงถึงความไม่พอใจอย่างล้นหลาม
“ถึงถึง ทําไมเธอต้องช่วยมันด้วยล่ะ? ฉันรู้ว่าเธอน่ะชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่เธอต้องรู้ด้วยว่าไอ้บัดซบนี่มันสร้างวีรกรรมอะไรไว้บ้างในสถาบันของเรา! ถ้าหากว่าเธอช่วยมัน มันหมายความว่า เธอกําลังทําลายชื่อเสียงของตระกูลไปอยู่นะ!?” ไปจ่านเฟิงกล่าวออกมาอย่างโกรธจัดและพูดเรื่องในครอบครัวทันที
จะไม่ให้ไปจ่านเฟิงโกรธจัดได้อย่างไรกันล่ะ? เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาบาดเจ็บ หญิงสาวที่ชื่อถิงถิงคนนี้ไม่เคยเหลียวแลเขาเลยสักหน แต่ทว่าในตอนนี้เธอกลับใช้พลังเวทเพื่อรักษาราชันปีศาจผู้มีแต่ชื่อเสียในสถาบัน อีกทั้งเธอยังทํามันต่อหน้าผู้คนจํานวนมากอย่างไม่สนใจอะไรอีกด้วย!!
“ทําไมนายดูสนใจเรื่องของฉันจังเลยล่ะ?” ไปถึงถึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับกล่าวออกกับไปจ่านเฟิงอย่างเย็นชา ใบหน้าและน้ําเสียงของเธอเปลี่ยนไปราวกับคนละคนจากเมื่อครู่อย่างชัดเจน
ไปจ่านเฟิงรู้สึกว่าตนเองหมดคําพูดโดยสมบูรณ์ สายตาที่โกรธแค้นของเขาจับจ้องไปที่โม่ฝานอย่างไม่ยอมแพ้
“อ่า ใครรู้เรื่องเกี่ยวกับกรงเหล็กนี้บ้าง? ใครสามารถพาฉันออกจากตรงนี้ได้?” โม่ฝานตะโกนออกมา
“เดี๋ยวฉันไปถามให้” ไปถึงถึงรีบเสนอตัวอย่างรวดเร็ว
เป็นไปตามที่คิดไว้ เมื่อเทพธิดาเอ่ยปากออกมา ทุกอย่างนั้นดูง่ายขึ้นอย่างมาก นักเรียนที่อาวุโสในสถาบันแห่งนี้เริ่มอธิบายถึงการเปิดประตูกรงเหล็กอย่างรวดเร็วทันที ท้ายที่สุดโม่ฝานก็ได้กลับออกมาด้านนอกอย่างปลอดภัย
“อย่าเพิ่งไป! ศพและสัตว์ประหลาดนั่นแกจะต้องอธิบาย!” เฉินหมิงเฉวียนเอื้อมมือไปคว้าแขนของโม่ฝานและตะโกนออกมาทันที
“ใช่ ถ้าฉันเดาไม่ผิด สองศพนั้นคือฟูเตียนหมิงและเจียเหวินนิ่ง! แกฆ่าพวกเขางั้นเหรอ!?”
โม่ฝานมองไปที่ศพทั้งสองอย่างเย็นชา พร้อมกับพูดออกมาด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “อืม ฉันฆ่าพวกมันเอง!”