จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 244
บทที่ 244: แกอยากให้ฉันเจ็บปวดกับไฟชั้นต่ําแบบนั้นเหรอ?
อสูรต้องสาปโกรธจัดพร้อมกับใช้พลังทั้งหมดพุ่งเข้าหาโม่ฝานทันที
ความเร็วของอสูรต้องสาปตัวนี้นั้นไม่อาจประมาทมันได้เลย เพียงเสี้ยววินาทีมันพุ่งทะยานผ่านพ้นมาแล้วกว่าห้าสิบเมตร แน่นอนว่าส่วนที่เหลืออีกห้าสิบเมตรนี้ก็ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่า
สายตาคมปลาบของโม่ฝานจับจ้องไปที่อสูรร้ายตรงหน้า เขาไม่ได้คิดที่จะหลบหลีกการโจมตีนี้เลยแม้แต่น้อย มุมปากของเขาโค้งขึ้นอย่างเย้ยหยันราวกับกําลังบอกมันเป็นนัยๆว่า “ไหน ฉันขอดูพลังของแกหน่อยซิ!”
นิ้วของโม่ฝานขยับไปมาเล็กน้อยพร้อมกับมีเส้นด้ายเรียวเล็กที่ไม่สามารถมองเห็นได้ชัดเจนกําลังพันรอบนิ้วของเขาอยู่ ดูเหมือนว่าเขากําลังพยายามจะดึงอะไรบางอย่างออกมา
ในตอนนี้นิ้วของโม่ฝานกําลังควบคุมหอกเงาทมิฬอยู่ในเหตุการณ์ก่อนหน้านี้มันไม่ได้หายไปแม้แต่น้อย มันปรากฏออกมาแล้วและกําลังรอคอยคําสั่งของโม่ฝานอยู่ ซึ่งในตอนนี้โม่ฝานเพียงแค่กําลังรอคอยให้อสูรต้องสาปวิ่งเข้ามาภายในเป้าหมายซะก่อน!
หอกเงาทมิฬปรากฏขึ้นมาอย่างฉับพลันอีกครั้งอย่างองอาจ ยิ่งในคราวนี้มันมีกําลังเสริมอย่างค่ายกลเทพรัตติกาลร่วมช่วยให้พลังของมันแข็งแกร่งขึ้น รูปร่างที่เคยเป็นดาบแหลมเรียวคมได้เปลี่ยนไปกลายเป็นดาบคมปลาบหกเล่มด้วยกัน!
ดาบเงาเล่มแรกพุ่งไปที่ขาของอสูรต้องสาป!
อสูรต้องสาปนั้นกําลังอยู่ในจังหวะที่กําลังวิ่งด้วยความเร็วสูง เมื่อขาของมันถูกตรึงไว้อย่างนี้ การเคลื่อนไหวทั้งหมดหยุดลงทันที ส่วนอื่นๆของร่างกายมันราวกับว่ากําลังจะพยายามดิ้นรนแยกจากชิ้นส่วนที่ถูกตรึงไว้อย่างบ้าคลั่ง
ดาบเงาอีกเล่มปรากฏขึ้นมาตรงหน้าของมันอย่างไม่มีเสียงเตือนใดๆ พลันเจาะทะลุเข้าไปในกระโหลกของมันอย่างรวดเร็ว
บ!
ดาบเงาเล่มอื่นค่อยๆปรากฏเรียงรายตามกันมา มันเจาะทะลุช่องท้องของอสูรต้องสาป ขาขวาและข้อมือทั้งสองข้างอย่างโหดเหี้ยม!
โดยปกติแล้วเมื่อโม่ฝานร่ายคาถาหอกเงาทมิฬ เขาจะใช้เพียงแค่ตรึงศัตรูเอาไว้และอนุญาตให้ร่างกายส่วนอื่นของพวกมันเหล่านั้นสามารถขยับได้บ้าง
แต่ทว่าในเวลานี้หอกเงาทมิฬนั้นแข็งแกร่งขึ้นมากมันกลายเป็นดาบแหลมคมปลาบหกเล่มเมื่อได้รับพลังเสริมจากค่ายกลเทพรัตติกาล ดาบทั้งหกพุ่งออกไปอย่างดุเดือดพร้อมกับนักลงส่วนต่างๆของร่างกายศัตรูอย่างไร้ปราณี อสูรต้องสาปถูกตรึงไว้กับพื้นราวกับเป็นหนูทดลองในห้องผ่าตัด!
กุก!
เสี้ยววินาทีที่อสรต้องสาปพลันรู้ตัว มันเปลี่ยนความเจ็บปวดออกมาเป็นเสียงกรีดร้องที่โหยหวน
พลังงานมืดกําลังครอบคลุมทั่วร่างกายของมันอย่างเชื่องช้า ออร่าพลังของธาตุเงากําลังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายของมันอย่างอิสระ
กรงเล็บเงาเหล่านี้นั้นกําลังจิกเข้าไปในเนื้อหนังและพยายามจะแทรกซึมเข้าไปในจิตวิญญาณของศัตรู!
พลังของธาตุเงานั้นเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเกินกว่าจะเข้าใจได้ ก่อนหน้านี้หอกเงาทมิฬของโม่ฝานนั้นเต็มไปด้วยขีดจํากัดมากมายในการตรึงศัตรูและแทรกซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่ทว่าเมื่อมันอยู่ภายใต้ค่ายกลเทพรัตติกาลแห่งนี้มันกลับสามารถทะลุทะลวงเข้าสู่จิตวิญญาณของศัตรูได้อย่างง่ายดาย แม้ว่าอสูรต้องสาปจะเป็นสัตว์ประหลาดชั่วร้าย แต่ทว่ามันก็ยังคงมีจิตวิญญาณของความเป็นมนุษย์อยู่ เช่นนี้ความเจ็บปวดถาโถมไปทั่ว มันเจ็บปวดเสียยิ่งกว่าถูกฉีกร่างกายออกเป็นชิ้นๆ
อสูรร้ายเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนกระทั่งมันไม่สามารถต่อสู้อีกได้ไหว ความเจ็บปวดนี้ทําให้มันคลั่งและเสียสติไปในที่สุด
ในที่สุดสิ่งที่น่ารําคาญก็ได้ถูกจัดการไปแล้ว สายตาของโม่ฝานหันกลับมามองที่สองผู้ทรยศอย่างเกรี้ยวกราด… สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เจียเหวินนิ่งและฟูเตียนหมิง
“อย่าเพิ่งเกรี้ยวกราดมากนัก ลองชิมเวทมนตร์ธาตุลมของฉันก่อนสิ!” ฟูเตียนหมิงตะโกนออกมา
ฟูเตียนหมิงเป็นนักเวทธาตุลมอย่างแน่นอน เวทที่เขาจะใช้ต่อไปนี้คือวายุหมุนทอร์นาโด นี่คือพายุขนาดใหญ่ที่จะกลืนกินพื้นที่ในกรงเหล็กทั้งหมดนี้ เขาไม่เปิดโอกาสให้โม่ฝานหลบหนีไปไหนได้แน่นอน!
สายลมนั้นราวกับมีดสั้นมากมายที่ทิ่มแทงไปทั่วสารทิศ
แต่อย่างไรก็ตามธาตุลมนั้นเมื่อเทียบกับธาตุเงาแล้ว มันก็ยังคงด้อยกว่าอยู่ดี
ร่างกายของโม่ฝานค่อยๆจมลงไปในความมืด… เขาสามารถวิ่งไปที่ไหนก็ได้ในนี้อย่างอิสระ ใครจะสนใจว่าลมนั่นจะแข็งแกร่งเท่าไหร่? มันจะสามารถแตะต้องปลายเส้นผมของเขาได้ไหมก็ไม่
อีกด้าน เจียเหวินนิ่งนั้นกําลังร่ายเวทธาตุไฟในมืออย่างมั่นอกมั่นใจเช่นกัน พลังงานอัคคีกําลังลุกโชนล้อมรอบข้อมือของเขา
ใช่…. คาถาที่เขากําลังร่ายอยู่นั้นคือหมัดเพลิง!
หมัดเพลิงยิ่งใหญ่พุ่งเข้าหาเงาของโม่ฝานอย่างแม่นยํา แม้ว่าธาตุลมจะไม่สามารถแตะเนื้อต้องตัวโม่ฝานได้ แต่ทว่าธาตุไฟนั้นแตกต่างออกไป มันสามารถแผดเผาให้ชายคนนี้มอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่าน!
หมัดเพลิงระเบิดสวรรค์นั้นเป็นพลังที่โหดเหี้ยม พลังของมันแข็งแกร่งราวกับอุตกาบาตลูกหนึ่งที่พุ่งชนเข้ากับทุกสิ่งอย่างและจะทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูต่างหน้าอยู่เสมอ หลุมขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นอย่างแจ่มชัดในบริเวณที่มันเพิ่งไปเยี่ยมเยือนมา
เปลวไฟสีแดงร้อนแรงกําลังเผาไหม้เริงระบํา เจียเหวินฉงนั้นเชื่อว่าโม่ฝานจะไม่สามารถใช้เคลื่อนย้ายเงาได้อีกครั้งแน่นอน นอกจากนี้อัคคีของเขานั้นแข็งแกร่งมาก โม่ฝานไม่มีทางที่จะหลบหนีกับการโจมตีในครั้งนี้ได้!
พลังของอัคคีระเบิดสวรรค์นั้นรุนแรงอย่างมาก นักเรียนต่างๆที่อยู่บริเวณนี้ได้ยินเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว เสียงนี้เรียกความสนใจของพวกเขาได้เป็นอย่างดี
โชคดีอย่างมากที่มู่หนิวเจียวและอ้ายตูตู้ยืนอยู่ที่บริเวณบันไดด้านนอกอาคาร ทั้งสองได้ยินเสียงการต่อสู้และพลังที่รุนแรงแผ่กระจายออกมาเช่นนี้ ทั้งสองไม่รอช้าและวิ่งเข้ามาด้านในอย่างใคร่รู้ทันที
ใครกันจะคาดคิดว่าเมื่อเข้ามาในสถานที่แห่งนี้แล้ว ทั้งสองจะได้พบกับเจียเหวินนิ่งที่ปลดปล่อยหมัดเพลิงใส่โม่ฝานซึ่งกําลังหลบซ่อนตัวอยู่ในเงามืด
“เจียเหวินนิ่ง นายทําอะไรของนาย!?!” อ้ายตูตู้ตะโกนออกมาด้วยเสียงแหลมเล็กบาดหู
เจียเหวินนิ่งนั้นไม่ได้ผ่อนปรนพลังเมื่อครู่แม้แต่น้อย ถ้าหากว่านั่นคือมนุษย์ทั่วไปที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกันใดๆ แน่นอนว่าพวกเขาจะกลายเป็นเถ้าถ่านภายในเสี้ยววินาที!
มู่หนิวเจียวนั้นยังเป็นหญิงสาวที่เต็มไปด้วยเหตุและผล เธอเริ่มตรวจสอบบริเวณรอบๆและพยายามจะมองให้เห็นว่าภายในหมอกหนาเกิดอะไรขึ้น
ทันทีเธอเห็นสิ่งมีชีวิตที่สุดแสนจะน่าขยะแขยงถูกตรึงเอาไว้บนพื้นอย่างน่าสยดสยอง เธอรู้ได้ทันทีว่ามีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ ดังนั้นศีรษะของเธอหันกลับมาหาอ้ายตูตู้ที่กําลังก่นด่าชายตรงหน้าอย่างห้ามปราม
“พี่สาวมู่ อย่าห้ามฉัน! ฉันจะไปดูว่าราชันปีศาจของฉันตายหรือยัง!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างเจ็บปวด
“ไม่ต้องรีบร้อน!” มู่หนิวเจียวกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงเงียบสงบ
แน่นอนว่าหยู่อันนั้นรู้ถึงการมาเยือนของทั้งสองสาวเรียบร้อยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีเวลาที่จะไปสนใจแมลงวันเหล่านี้ได้ ในตอนนี้เขาจําเป็นจะต้องรีบเอาน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินกลับไปก่อนที่นักเรียนคนอื่นจะมาถึง!
“ถอยออกไปจากที่นี้ซะ พวกมันมาจากวาติกัน!”
ในขณะที่มู่หนิวเจียวและอ้ายตูตู้กําลังมีนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้า ชายคนหนึ่งปรากฏกายขึ้นมาพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกโชนทั่วทั้งร่างกายของเขาราวกับโกสไรเดอร์ เขาค่อยๆเดินออกมาจากกองไฟขนาดใหญ่เมื่อครู่นี้อย่างเชื่องช้าและมั่นคง
แม้แต่เสาภายในกรงเหล็กยังแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากความร้อนแรงของเปลวไฟนี้
อย่างไรก็ตามเปลวไฟที่กําลังปรากฏขึ้นอย่างดุเดือดนี้คืออัคคีกุหลาบ เขาเดินออกมาจากกองไฟที่เขาเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเอง แน่นอนว่ามันไม่เป็นอันตรายกับเขาและมันกําลังปกป้องเขา!
เปลวไฟอัคคีกุหลาบกําลังปกป้องเขาอยู่!
“เฮ้ ราชันปีศาจ นายยังไม่ตาย!” อ้ายตูตู้ตะโกนออกมาอย่างออกนอกหน้า
มู่หนิวเจียวที่เห็นโม่ฝานเดินออกมาในสภาพนั้น ใบหน้าของเธอซีดเซียวพร้อมกับเผยความประหลาดใจในแววตาด้วยเช่นกัน
ขณะนี้ไม่ผ่านเดินออกมาพร้อมกับเปลวไฟมากมายห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ เปลวไฟสีแดงฉานนั้นแยกออกจากไฟสีส้มอย่างชัดเจน
ปัญหาก็คือเขามีเปลวไฟพวกนี้ได้อย่างไร?
“แกต้องการจะให้ฉันเจ็บปวดกับไฟกระจอกพวกนี้งั้นเหรอ?” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเย็นชา วินาทีนั้นเองออร่าของพลังเปลวไฟของเขาได้ลุกโชนขึ้นมาอย่างเกรี้ยวกราด ราวกับมันกําลังจะแสดงพลังที่แท้จริงออกมา
ไฟเกรดต่ํายังไงก็เป็นไฟเกรดต่ําวันยังค่ํา แล้วมันมีสิทธิ์อะไรกันที่จะมาแสดงอํานาจเหนือกว่าอัคคีระดับวิญญาณล่ะ?
ขณะที่โม่ฝานใช้งานอัคคีกุหลาบออกมา เปลวไฟสีส้มทั้งหมดราวกับได้พบเจอกษัตริย์ของตนเอง พวกมันคุกเข่าและโค้งคํานับให้อย่างน้อบน้อมและไม่มีสิทธิ์ที่จะทําร้ายโม่ฝานอย่างสมบูรณ์
พลังของอัคคีกุหลาบนั้นแข็งแกร่งมาก มันสามารถกลืนกินพลังของเปลวไฟสีส้มของเจียเหวินฉิงได้อย่างง่ายดาย ทั้งหมดกลายเป็นพวกพ้องของโม่ฝานไปเสียแล้ว!
พวกมันทั้งหมดไม่มีท่าที่รุนแรงเกรี้ยวกราดราวกับเจ้าของมันเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดดูน่ารัก ราวกับทะเลอัคคีอันกว้างใหญ่ โม่ฝานยืนอยู่ท่ามกลางเปลวไฟราวนั้นราวกับราชันอัคคี สายตาของเขาเคร่งขรึมเต็มไปด้วยความสงบเยือกเย็นอย่างลุ่มลึก
“ฉันจะให้แกลิ้มรสในสิ่งที่เรียกว่าอัคคีที่แท้จริง!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างเรียบเฉยและสายตาที่แสดงออกถึงความรังเกียจอย่างท่วมท้นภายในจิตใจของเขา!