จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 240
บทที่ 240: อสูรต้องสาปลําดับที่สาม
หยู่กั้นทนไม่ได้อีกต่อไปที่จะหายใจร่วมกับโม่ฝานบนโลกนี้แม้แต่อ๊อกซิเจนเขาก็ไม่ต้องการที่จะใช้ร่วมกับชายตรงหน้าอีกต่อไปแล้ว!ปากของเขาเริ่มขยับพิมพ์คาถาแปลกๆอย่างเร่งรีบ
คาถานั้นโจ่งแจ้งอย่างมาก มันสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนในขณะที่พวกมันทั้งหมดแปรเปลี่ยนเป็นตัวอักษรสีเทาลึกลับลอยล้อมรอบร่างกายของหยู่กั้นเอาไว้
อักษรทั้งหมดกลายเป็นริ้บบิ้นยาวเหยียด พวกมันเริ่มหลอมรวมกันกลายเป็นประตูเวทมนตร์ที่ดูแข็งแกร่ง
ประตูสีเทาตรงหน้าค่อยๆเปิดออกอย่างเชื่องชาก จากนั้นเองแสงสีเขียวลึกลับได้พุ่งออกมาจากประตู เป้าหมายของมันก็คือโม่ฝานที่ติดอยู่ในกรงเหล็ก!
โม่ฝานสัมผัสได้ถึงดวงตาสีเขียวที่เต็มไปด้วยความเกลียดชัง ขณะที่สิ่งมีชีวิตตัวนั้นพุ่งออกมาจากประตูสีเทา โม่ผ่านก็เห็นได้ชัดเจนว่ามันคือตัวอะไร
ร่างกายทั้งหมดของมันมีสีเทาเข้ม ผิวหนังเหี่ยวย่นของมันเต็มไปด้วยบาดแผลมากมายขีดซ้ําไปมา อีกทั้งมันยังมีเหล็กรูปร่างประหลาดติดอยู่บนร่างกายของมันคล้ายกับกากบาท ทําให้มองดูเหมือนว่าบนร่างกายของมันเต็มไปด้วยตะขาบตัวเล็กที่กําลังคลานไปมาอย่างอิสระ
ถ้าหากพูดกันเกี่ยวกับร่างกายของมัน สิ่งนี้ไม่ได้แตกต่างจากอสูรมืดมากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อพูดเกี่ยวกับรายละเอียดแล้ว สิ่งมีชีวิตตัวนี้แตกต่างจากอสูรมืดโดยสิ้นเชิง ขณะที่โม่ผ่านพิจารณามันอย่างละเอียดรอบคอบแล้ว เขารู้สึกว่ากลิ่นที่สิ่งมีชีวิตตัวนี้ปลดปล่อยออกมันนั้นคล้ายคลึงกับกลิ่นของฉือจ้าวติง!
มันคือกลิ่นแห่งการต้องคําสาปและสุดแสนจะน่าขยะแขยง! แน่นอนว่าพลังของมันจะสูงกว่า อสูรมืดทั่วไปหลายเท่า!
“มันคืออสูรต้องสาป ก่อนที่พวกเราโยนมนุษย์ลงไปในบ่อเพื่อชําระล้าง เราจําเป็นจะต้องคาดโทษที่ทําให้มันผู้นั้นรู้สึกไม่พอใจและเคียดแค้นอย่างถึงที่สุดซะก่อน ยิ่งพวกมันโกรธแค้นมากเท่าไหร่ ความแข็งแกร่งของพวกมันก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากเท่านั้น แน่นอนว่าหลังจากนั้นพวกมันจะกลายเป็นอสูรต้องสาปที่แข็งแกร่งมาก… อ่า นี่คืออสูรต้องสาปตัวแรกของฉัน ฉือจ้าวติงน่ะเป็นตัวที่สอง… และแก! จะเป็นตัวที่สาม!” หยู่อั้นกล่าวออกมาพร้อมกับชี้ไปที่จมูกของโม่ฝานอย่างโกรธแค้น
หยู่อันนั้นรู้ดีว่าโม่ฝานเป็นนักเวทธาตุคู่ กล่าวกันก็คือเขาจะต้องโยนนักเวทลงในบ่อน้ําเพื่อจัดการปรับแต่งพวกเขา โอกาสที่ไม่ผ่านจะกลายเป็นอสูรต้องสาปที่แข็งแกร่งนั้นขึ้นอยู่กับธาตุในร่างกายของเขาด้วย เช่นนี้เมื่อเขาคือนักเวทธาตุคู่ความแข็งแกร่งของเขาก็มากกว่าอสูรต้องสาปตัวอื่นอย่างแน่นอน!
คิ้วของโม่ฝานผูกติดกันแน่นหนาในขณะที่จับจ้องไปที่อสูรต้องสาปตรงหน้า
ถ้าหากว่าเขาตัดสินมันจากออร่าที่มันปลดปล่อยออกมา อสูรต้องสาปตัวนี้นั้นอยู่ในระดับนักรบแล้ว เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าหยู่อันจะพัฒนาไปอย่างมากหลังจากสองปีที่พบกันครั้งสุดท้ายเขาเปลี่ยนจากชายหนุ่มตัวเล็กในองค์กรที่สามารถควบคุมอสูรมืดได้เป็นนักบวชที่สามารถสร้างอสูรต้องสาปด้วยตนเอง!
ในตอนนี้ไม่ฝานค่อนข้างที่จะเข้าใจถึงตําแหน่งภายในกลุ่มศาสตร์มืดบ้างแล้ว
เหล่าบุคคลที่อยู่ในสถานะต่ําที่สุดจะถูกเรียกว่าศิษย์ ซึ่งพวกเขาจะเหมือนกับมนุษย์ธรรมดาทั่วไปและสามารถควบคุมอสูรมีดได้ พวกเขาเหล่านี้จะมีอสูรมืดที่ได้รับจากกลุ่มศาสตร์มีดไว้ในครอบครองไว้เอาไว้สนองความต้องการของตนเองหรือในการทําภารกิจต่างๆ
ในระดับที่สูงขึ้นมาจะถูกเรียกว่านักบวช สถานะของหยู่อั้นในตอนนี้คือนักบวชชุดคลุมเทาอ ย่างแน่นอน เพราะกลุ่มศิษย์ที่อยู่ล่างสุดนั้นเต็มใจที่จะตายเพื่อเขา
สถานะที่สูงมากกว่านั้นก็คือดีคอน
ชื่อที่ถือจ้าวติงได้รับมานั้นคือดีคอนครามแห่งกลุ่มศาสตร์มืด ซึ่งเขาเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ทรงอํานาจในองค์กรนี้
หยู่อันคือนักบวชเทา แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถควบคุมอสูรต้องสาปได้อย่างง่ายดาย
แต่น่าเสียดายที่เมื่อฉือจ้าวติงกลายเป็นอสูรต้องสาป แต่ความรู้สึกนึกคิดของเขายังคงอยู่ครบถ้วนซึ่งมันเพียงพอที่จะให้เขาหนีไปได้ตลอดเวลา ยิ่งไปกว่านั้นหยู่อันนั้นรู้ดีกว่าไม่สามารถควบคุมฉือจ้าวติงได้โดยง่ายแน่นอน เช่นนี้เขาจึงยอมแพ้และปลดปล่อยฉือจ้าวติงไป
อสูรต้องสาปอัญเชิญตัวนี้มันมีความจงรักภักดีต่อหยู่อื่นอย่างมาก นั่นเป็นเพราะมันนั้นได้อยู่เคียงข้างหยู่อันมาเป็นเวลากว่าสิบปีแล้ว!
“แกรู้ไหมว่าไอ้ตัวนี้คือใคร?” หยู่อันชี้ไปที่อสูรต้องสาปด้านข้างของเขาซึ่งกําลังยืนอย่างเก้กังและน่ารังเกียจ
“ฉันไม่สนใจเรื่องไร้สาระ” โม่ฝานยืนอยู่ในกรงเหล็กขนาดใหญ่พร้อมกับพยายามถ่วงเวลาหยู่ลั่นเอาไว้สมองของเขาในตอนนี้กําลังคิดเรื่องการหลบหนีออกไปจากกรงนี้ให้เร็วที่สุด
หยู่อั้นไม่ได้กล่าวอะไรต่อพร้อมกับออกคําสั่งให้อสูรต้องสาปเข้าไปใกล้กรงเกล็กมากยิ่งขึ้น
ในโลกใบนี้คงจะไม่มีใครรู้เลยว่าอสูรต้องคําสาปตนนี้คือบิดาผู้ให้กําเนิดหยู่อั้น
เมื่อหยู่อันอายุได้เจ็ดขวบ เขาได้กลายเป็นสมาชิกของกลุ่มศาสตร์มืดโดยไม่ตั้งใจ อันดับแรกที่หยู่อั้นได้ทําก็คือเปลี่ยนพ่อของตนเองให้กลายเป็นอสูรมืด!
หลังจากนั้นไม่นานหงั้นก็ได้เข้าสู่ตระกูลมู่ ซึ่งเขาอาศัยอยู่ในตระกูลมู่นานกว่าสิบปีและไม่เคยคิดจะเปิดเผยอดีตและตัวตนที่แท้จริงแม้แต่น้อย นอกจากนั้นเขายังใช้ทรัพยากรส่วนมากของตระกูลเพื่อปรับแต่งอสูรมืดของตนเองตลอดเวลา
เป็นไปตามคาด สิ่งที่เขาได้ปรับแต่งอยู่เสมอมานั้นมีความสามารถที่โดดเด่นมากกว่าใครเพื่อนมันคือที่หนึ่งในบรรดาทาสทั้งหมดและได้กลายเป็นอสูรต้องสาปในเวลาถัดมาเพียงไม่นานนัก
เป็นเพราะอสูรต้องสาปตัวนี้ที่แข็งแกร่งเกินหน้าเกินตาพวกพ้องทําให้หยู่อั้นได้รับการเลื่อนระดับกลายเป็นนักบวชอย่างรวดเร็ว ซึ่งคําสั่งนี้ถูกสั่งตรงมาจากดีคอนคราม!
ถ้าหากในครั้งนี้เขาสามารถทําภารกิจตรงหน้าได้สําเร็จ การได้เป็นคนโปรดของราชาซาลังนั้นไม่ยากเย็นเลย รางวัลในคราวนี้คือเขาจะต้องได้เลื่อนขั้นเป็นดีคอนแน่นอน!
อย่างไรก็ตามไม่ว่าใครที่สร้างความขุ่นเคืองใจให้กับเขา มันผู้นั้นจะต้องได้รับการล้างแค้นที่เจ็บปวดอย่างสาหัส ความชั่วร้ายของจิตใจหยู่อันนั้นมากกว่าที่ใครจะคาดเดาได้ไหว เมื่อครั้งเจ็ดขวบเขาสามารถเปลี่ยนบิดาของตนเองให้กลายเป็นอสูรมืดได้อย่างไม่ลังเล ในตอนนี้เมื่อกล่าวถึงโม่ฝานคงไม่ต้องบอกว่าเขาจะสามารถโหดเหี้ยมได้มากขนาดไหน ชายหนุ่มตรงหน้านี้ทําให้ใบหน้าของเขาได้หายไปครึ่งหนึ่งซึ่งมันคือตราบาปที่สุดในชีวิตของเขา!
สิ่งที่เขาต้องการก็คือโม่ผ่านจะต้องได้รับความเจ็บปวดมากเสียยิ่งกว่าความตาย!
“ไป ไปถลกหนังมันออกมาก่อน!” หยู่อั้นออกคําสั่งอย่างเกรี้ยวกราดกับอสูรต้องสาปพร้อ มกับใช้แส้ในมือตวัดไปที่หลังของมันอย่างโหดเหี้ยม
อสูรต้องสาปดูเหมือนว่าจะเกรงกลัวหยู่อั้นอย่างมาก ร่างกายของมันสั่นสะท้านไปทั่วพร้อมกับรู้สึกโกรธโม่ฝานที่ทําให้มันต้องถูกทุบตีเช่นนี้ สายตาเกรี้ยวกราดของมันจับจ้องไปที่โม่ฝานผู้ที่ยืนอยู่ในกรงเหล็กอย่างดุร้าย
ออร่าต้องสาปถูกปล่อยออกมา มันคือแก๊สพิษที่ทําให้เกิดอาการหายใจติดขัด ในตอนนี้มันกําลังครอบคลุมบริเวณนอกกรงเหล็กทั้งหมดและค่อยๆไหลเข้ามาด้านในอย่างเชื่องช้า
โม่ฝานที่คราวแรกยืนอยู่ที่ขอบกรงเหล็กเริ่มถอยหลังทันทีเมื่อได้เห็นแก๊สพิษกําลังคุกคามเข้ามาด้านใน
สิ่งมีชีวิตนี้นั้นไม่แตกต่างจากร่างกายของมนุษย์ มันคงไม่มีทางเข้ามาได้หรอกใช่ไหม?”
ในขณะที่หัวใจของโม่ผ่านกําลังภาวนาอยู่ โม่ผ่านก็ตระหนักถึงบางอย่างว่าอสูรต้องสาปนั้นสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไขกระดูกของตนเองได้ ร่างกายของมันค่อยๆขยับและเริ่มเปลี่ยนแปลงรูปร่างจนบิดเบี้ยว หัวของมันค่อยๆกลายเป็นกระดูกอ่อนและเริ่มเปลี่ยนแปลงเป็นอันดับแรกช่างเป็นภาพที่ชวนสยดสยองอย่างยิ่ง
ขั้นตอนที่อสูรต้องสาปทําเพื่อที่จะเข้ามาด้านในกรงเหล็กนั้นเลวร้ายเสียยิ่งกว่าอะไรที่เคยได้พบเจอมาทั้งชีวิตความสยดสยองของมันสามารถทําให้มนุษย์ทั่วไปเป็นลมได้โดยง่ายดาย!
หยู่อั้นมองเห็นความหวาดกลัวบนใบหน้าของโม่ฝานเช่นนั้น มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นอย่างมีความสุขทันที
หยู่อั้นมองขั้นตอนทั้งหมดเหล่านี้ด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขเมื่อค่ายกลเทพรัตติกาลได้ถูกปิดการใช้ งาน ผู้คนจํานวนมากจะได้เห็นผิวหนังของโม่ฝานถูกฉีกและกองเอาไว้ภายในกรงเหล็กนี้อย่างถ้วนหน้า!
“หยู่กั้นถอยออกมาเดี๋ยวนี้!”ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของหยู่อั้น
หยู่กั้นแตะที่ใบหูของตนเองพร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงนอบน้อมอย่างถึงที่สุด “ผมกําลังจะได้สิ่งที่เราต้องการแล้วเท่านดีคอนทําไมจึงได้รีบร้อนเช่นนี้?”
“ฉันรู้สึกถึงลางร้าย”
“แต่ท่านดีคอน…. เด็กที่ถือครองน้ําพุศักดิ์สิทธิ์นั้นถูกผมจับกุมเอาไว้ในกรงเหล็ก ซึ่งผมสามารถนํามันกลับไปได้เร็วๆนี้ ได้โปรดให้เวลากับผมอีกสักหน่อย” หยู่อั้นกล่าวอย่างเร่งรีบ
การที่จะพาโม่ผ่านเข้าสู่กรงเหล็กแห่งนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วถ้าจะให้หยู่อันละทิ้งทุกอย่างไปอย่างง่ายดายนั้น เขาจะเต็มใจได้อย่างไรกัน?
“จริงหรือ?” ดีคอนเริ่มลังเลอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าหากว่าพวกเขากลับมามือเปล่า แน่นอนว่าจะต้องได้รับการลงโทษจากราชันซาลังแน่นอน
แต่ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ยอมที่จะถอยหลังกลับในตอนนี้ ก็คงจะไม่ทันการเช่นนั้น ดีคอนครามกําลังรู้สึกได้ถึงการมาเยือนของศาลเวทมนตร์ ซึ่งพวกเขาเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว!
“ท่านดีคอน เมื่อผมได้รับน้ําพุศักดิ์สิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ผมจะรีบนํามันไปมอบให้กับท่านโดยเร็วที่สุด” หยู่อันกล่าวออกมาอย่างชัดเจน แน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมละทิ้งโอกาสนี้ไปอีกครั้ง
“ถ้า… ถ้างั้น ฉันจะรออีกสักนิดก็ได้…” ดีคอนครามตอบกลับมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
ถ้าหากว่าเป็นเรื่องน้ําพุศักสิทธิ์ใต้ดินล่ะก็.. เขาเต็มใจที่จะเสี่ยง!