จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 238
บทที่ 238: ทุกทิศทาง!
ความแข็งแกร่งของหมาป่าเวทนั้นเพิ่มมากขึ้นทุกวันไม่ฝานได้กล่าวไว้ในตอนต้นว่าอสูรมีดทั้งหมดเป็นสิ่งที่มันจะต้องจัดการ แล้วในตอนจบร่างกายของมันเต็มไปด้วยบาดแผลหลายที่บนร่างกายไร้ขนและเนื้อถูกเฉือนออกเผยให้เห็นถึงกระดูกข้างใน ในตอนนี้ภารกิจของมันเสร็จสิ้นแล้ว
หมาป่าเวทเดินมาหาโม่ฝานอย่างอ่อนโยน ลิ้นของมันเลียเข้าที่ร่างกายของโม่ฝานพร้อมทั้งเอาหัวมาถูไถราวกับเด็ก การกระทําของมันนั้นช่างแตกต่างจากสภาพร่างกายในตอนนี้อย่างมาก
“เยี่ยมมาก กลับไปพักผ่อนเถอะ” โม่ฝานเผยรอยยิ้มพร้อมกล่าวกับหมาป่าเวท เขาหยุดการใช้คาถามิติอัญเชิญ ในขณะนั้นเองเขาจําเป็นจะต้องใช้พลังบางส่วนเพื่อเป็นอาหารให้กับมันอีกด้วย
พลังเวทธาตุอัญเชิญของโม่ฝานนั้นล้นเหลืออย่างมากในตอนนี้ โม่ผ่านสามารถแจกจ่ายพลังเวทให้กับหมาปาเวทได้อย่างสบายๆจนกว่ามันจะวิวัฒนาการอีกครั้ง
โลหิตอสูรที่สามารถวิวัฒนาการหมาป่าเวทให้กลายเป็นอสูรระดับนักรบที่อธิการบดีเซียวได้มอบให้กับเขายังคงอยู่ หลังจากที่หมาป่าเวทนั้นมีสิทธิ์ตายตกไปจากการพื้นที่จะวิวัฒนาการโม่ฝานก็ไม่เคยกล้าที่จะใช้มันกับหมาป่าเวทเลย…
ฮุยอีถูกเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน โม่ฝานหันหลังกลับอย่างไร้เยื่อใย
การมองดูมนุษย์ถูกเผาไหม้จนตายนั้นเป็นสิ่งที่น่าสยดสยองเกินไป ในวันสองวันนี้โม่ผ่านคงจะกินอะไรไม่ลงไปสักพักหนึ่ง
แต่ถ้าหากเขามีโอกาสย้อนเวลากลับไปได้ เขาก็จะทํามันอีกครั้งอยู่ดี เพียงแต่ความสยดสยองและน่าขยะแขยงของภาพตรงหน้านี้ยังไม่เท่ากับความเจ็บปวดที่เพื่อนของเขาได้รับแม้แต่น้อย มัน ไม่สามารถเทียบเท่ากันได้เลย
โม่ฝานเริ่มออกตามหาอสูรเงาอีกครั้ง หลังจากที่อสูรเงาได้พักผ่อนสักครู่หนึ่งความกระฉับ กระเฉงของมันก็กลับคืนมาร่างกายของมันหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับควัณบุหรี่ที่จางหายไปอย่างรวดเร็ว โม่ผ่านใช้เวลากว่าครึ่งวันก่อนที่จะได้เจอกับมันอีกครั้ง
“นี่มันดูเหมือนสิ่งก่อสร้างเลย… บ้าเอ้ย อย่าบอกนะว่าไอ้อสูรเงาโง่เขลาตัวนั้นมันวิ่งเข้ากรงเหล็กเองน่ะ?” แม้ว่าจะอยู่ในค่ายกลเทพรัตติกาล แต่โม่ฝานก็ยังคงมองเห็นทุกอย่างใครเล่าจะคาดคิดว่าอสูรเงาตัวนี้จะวิ่งเข้าหากับดักด้วยตัวเองมันเอง!?
โม่ฝานยังไม่รู้ว่าผู้นําตัวจริงของกลุ่มศาสตร์มืดคือใครเขาจะไม่ยอมให้การล่านี้จบลงง่ายๆแน่นอนเพราะถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าจะต้องสูญเสียกันไปอีกสักเท่าไหร่ถ้าหากกลุ่มศาสตร์ มืดออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง
หลังจากที่เดินมาอยู่ตรงหน้าของสิ่งปลูกสร้างโม่ผ่านตั้งใจที่จะพาอสูรเงาตัวนี้ออกไปข้างนอกก่อนแต่ฉับพลันเขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างกําลังเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังของเขา
โม่ฝานหันไปมองกับทั้งห้าคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า ผู้นําของทีมสองคนนั้นยืนอยู่ตรงกลางมุมปาก ของเขายกยิ้มอย่างชั่วร้ายราวกับสิ่งที่มุ่งหวังเอาไว้ได้ติดกับดักแล้ว
“โม่ฝาน ฉันอยากรู้จริงๆว่าในสถานการณ์อย่างนี้แกจะวิ่งได้ไหม!” รอยยิ้มของหลัวซ่งขยายกว้างเมื่อได้พบกับศัตรูคู่ใจ
ส่วนใบหน้าของเฉินหมิงเฉวียนยังคงเงียบขรึมและสงวนท่าที่รอยยิ้มเล็กน้อยผุดขึ้นมาบนใบหน้าของเขา อย่างไรก็ตามเขาเริ่มร่ายเวทมนตร์อย่างรวดเร็วและเริ่มโคจรพลังของตนเองอย่างต่อเนื่อง
“แกน่ะมีความสามารถจริงๆ ไม่เพียงแต่ขโมยอสูรเงามาจากพวกเราแต่แกยังเริ่มต้นงานเลี้ยง บ้าๆในครั้งนี้ได้อย่างยอดเยี่ยมแกคิดจริงๆงั้นเหรอว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะหยุดแกได้จริงๆน่ะ?! เฮอะ” เฉินหมิงเฉวียนตะโกนออกมาอย่างอดกลั้น
โม่ฝานขมวดคิ้วพร้อมกับจ้องมองกลุ่มคนทั้งห้าตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจเขาไม่ต้องการต่อสู้อย่างไร้ประโยชน์อะไรนอกเสียจากว่าในคนพวกนี้มีกลุ่มศาสตร์มืดปะปนอยู่ด้วย
ในสายตาของเขานั้น นักเรียนทั้งห้านี้เป็นนักเรียนทั่วไปที่มาจากตระกูลร่ํารวยเท่านั้น ซึ่งคนที่มาจากกลุ่มศาตร์มืดนั้นไม่มีความต้องการใดเลยที่จะจับอสูรเงาตัวนี้
“อย่ามายุ่งกับฉันจะดีกว่า” โม่ฝานอารมณ์ไม่ดีนักเขากล่าวออกไปด้วยน้ําเสียงที่เย็นชา
“โอ้ ยิ่งใหญ่เหลือเกินนะ ฉันอยากจะเห็นความสามารถที่แท้จริงของแกจัง…”เฉินหมิงเฉ วียนนั้นแข็งแกร่งเช่นกันอีกทั้งโม่ฝานนั้นไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย นักเรียนคนนี้เป็นเพียงไอ้บ้านนอกสําหรับเขาเท่านั้น
ในขณะที่พวกเขาทั้งหมดกําลังเดินหน้าเพื่อเข้ามาหาโม่ฝานแต่ฉับพลันมีคนสองคนโผล่ออกมาจากหมอกดํา!
เจินหมิงเฉวียนและหลัวซ่งมองไปที่สองคนนั้นพร้อมกับเห็นว่าพวกเขาคงเป็นทีมที่อยู่ใกล้ๆบริเวณนี้
คนส่วนใหญ่นั้นมาซุ่มรอที่ทางเข้าของกรงเหล็กแห่งนี้พวกเขาเพียงแค่รอให้บุคคลที่จับอสูรเงาได้มาถึงและค่อยขโมยมันในคราวเดียว!
“เฮ้ นั่นไม่ใช่ฟูเตียนหมิงหรอกเหรอน่ะ! ฮ่าฮ่าฮ่านายมาได้ตรงเวลาพอดีพวกเรากําลังจะสอนบทเรียนให้กับโม่ผ่านน่ะ”ในขณะที่หลัวซึ่งได้เห็นว่าคนที่เข้ามาใหม่คือฟูเตียนหมิงรอยยิ้มของเขากว้างมากพร้อมกล่าวอย่างสดใส
ถ้าหากว่าเป็นช่วงเวลาก่อนหน้านี้คงจะไม่มีใครรู้จักฟูเทียนหมิงมากนักแต่ทว่าข่าวลือที่ราชันปีศาจเกือบจะสังหารเขาตายตกไปนั้นแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทุกคนจึงได้รู้เรื่องราวและรู้จักฟูเตียนหมิงไปโดยปริยายเพราะเขาคือคนที่เกือบถูกสังหารโดยไม่ผ่าน!
ข่าวลือนั้นแพร่กระจายออกไปว่าเขาและเจียเหวินฉิงต้องการที่จะสั่งสอนบทเรียนให้กับโม่ฝานสักเล็กน้อยแต่ทว่าทั้งสองกลับโดนโม่ฝานเล่นงานจนราบคาบ!
แม้ว่าเจียเหวินนิ่งจะรู้สึกสั่นไหวบ้างเล็กน้อยเมื่อเห็นหน้าโม่ผ่านแต่เขาก็จดจําเหตุกา รณ์ในวันนั้นได้เป็นอย่างดี ใบหน้าของโม่ฝานเป็นสิ่งที่เขาไม่มีวันจะลืมรอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นมาอย่างไม่อาจกักเก็บไว้ได้ไหว
โม่ฝาน! แกทําสิ่งที่เลวร้ายมามากพอแล้ว ในวันนี้แหละทุกความชั่วของแกจะต้องถูกหยุดในที่นี่! ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามฉันจะถลกหนังของแกออกมาเช็ดเท้าให้ได้!”
“เฉินหมิงเฉวียน หลัวซ่ง ทําไมเราไม่ตกลงกันสักหน่อยล่ะ?”ฟูเตียนหมิงยังคงรักษาท่าทีความสงบเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเชื่องช้า
“ตกลงอะไร?” เฉินหมิงเฉวียนถามกลับ
“พวกเราไม่ได้สนใจหอคอยสามชั้น แต่แน่นอนว่าเราสนใจอสูรเงาตัวนี้พวกเรามาร่วมมือกันจัดการกับโม่ฝานดีไหมสิ่งที่พวกนายต้องทําก็คือยินยอมให้เราดึงขวดออกมาจากท้องของมันก่อนที่จะนําไปมอบให้กับสถาบันน่ะ”ฟูเตียนหมิงกล่าว
ทั้งเจินหมิงเฉวียนและหลัวซึ่งต่างพากันสับสนพวกเขาไม่รู้ว่าฟูเตียนหมิงกําลังคิดอะไรอยู่ภายในใจนั้น
ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ตามพวกเขาก็ยังคงจะได้รับผลประโยชน์จากการแลกเปลี่ยนในคราวนี้อย่างแน่นอนไม่เพียงแต่พวกเขาจะต้องจัดการกับโม่ฝานแต่นี่หมายถึงการสอบผ่านอีกด้วย! นี่คงเป็นมิตรไมตรีที่พวกเขาจะได้เข้าสู่วิทยาเขตหลักเป็นแน่แท้
หลัวซ่งจ้องมองไปที่ฟูเตียนหมิงและกลุ่มของเขาภายในหัวใจของเขาสั่นไหวแปลกๆพร้อมกับอดไม่ได้ที่จะกระซิบออกมา“คนพวกนี้ท่าทางแปลกๆ ทําไมพวกมันถึงไม่ต้องการอสูรเงาล่ะ?พวกเขากลับต้องการสิ่งที่อยู่ในท้องของอสูรเงาแทนอย่างนั้นเหรอ? อ่าฉันจําได้ว่าโม่ฝานจะบอกเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าอสูรเงาตัวนี้กลืนน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ในบ้านเกิดของมันลงไปสินะ…”
“หลัวซ่ง เราสองคนยังมีเวลาสะสางความแค้นกันอีกมากอย่างไรก็ตามในตอนนี้มันจะดีกว่าถ้าหากว่าแกยอมที่จะถอยออกไปก่อนกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกสมุนของกลุ่มศาสตร์มืด!” โม่ผ่านกล่าวออกมาอย่างเย็นชาพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปยังฟูเตียนหมิงและเจียเหวินเฉิง
“กลุ่มศาสตร์มืดงั้นเหรอ?” หลัวซงตะลึงไปชั่วขณะสายตาคมปลาบของเขาจ้องมองไปที่ฟูเตียนหมิงและเจียเหวินเฉิงอย่างไม่วางตา
“ไร้สาระ! เรื่องไร้สาระชัดๆ! โม่ฝาน แกรู้จักด้วยงั้นเหรอว่าความกลัวคืออะไรเมื่อคราวก่อนแกเกือบที่จะฆ่าฉันตายแล้วฉันคนนี้ไม่สามารถที่จะโกรธแค้นแกได้เลยงั้นเหรอ? แกเลยพูดเรื่องไร้สาระออกมาเพื่อไม่ให้พวกเราร่วมมือกันสินะ?” ฟูเตียนหมิงกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยามด้วยน้ําเสียงที่เหมือนกับเรื่องของโม่ฝานนั้นไร้สาระจริงๆ
หลัวซ่งและเงินหมิงเฉวียนนั้นมีความขุ่นเคืองต่อโม่ฝานอย่างแน่นอนนอกจากนี้ทั้งข่าวลือต่างๆที่ฟูเตียนหมิงได้พบเจอกับคราวเคราะห์รอบที่แล้วนั้นสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสถาบันทุกคนล้วนแต่รู้ถึงความจริงที่โม่ฝานเกือบจะสังหารเขา ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับกลุ่มศาสตร์มืดเลยแม้แต่น้อย สายตาของทั้งสองคนเผยให้เห็นถึงความไร้สาระในสิ่งที่ไม่ผ่านได้พยายามพูดออกมา
โม่ฝานรู้ดีว่าทั้งหลัวซ่งและเจินหมิงเฉวียนนั้นไม่ได้เชื่อเขาเลยเช่นนี้เขาจึงเตรียมพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับทุกคน
คู่ต่อสู้ของเขาเยอะเกินไป ดูเหมือนว่าจะมีประมานสิบคนและทุกคนสามารถใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมได้
อย่าเพิ่งพูดถึงนักเวทระดับมัชฌิมหลายคนรวมตัวกันโจมตีโม่ผ่านเลย แม้แต่นักเวทระดับปฐมภูมิสิบคนที่ใช้เพียงเวทธรรมดาทั่วไป โม่ผ่านก็ไม่มีความสามารถที่จะต่อกรกับพวกเขาแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเขายังคงปลาบปลื้มใจเล็กน้อยที่ฟูเตียนหมิงยอมเผยธาตุแท้ออกมาในที่สุด
ครั้งสุดท้ายที่ได้เจอกัน เขาไม่ได้เตะชายคนนี้จนตาย แต่ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะต้องเปิดกะโหลกของมันออกมาดูสักหน่อย!
ถ้าหากว่าเขาเดาไม่ผิด ฟูเตียนหมิงคนนี้คือคนที่พาฉือจ้าวติงไปในคืนนั้นแน่นอน!
การโจมตีจากทุกทิศทางเช่นนี้ไม่สามารถทําให้โม่ฝานสับสนได้
ถ้าหากว่าเป็นในอดีต แน่นอนว่าเขาจะไม่ต่อสู้กับนักเวทระดับมัชฌิมทั้งสิบคนตรงหน้านี้อย่างไรก็ตามในขณะนี้เขาอยู่ในค่ายกลเทพรัตติกาล อีกทั้งเขายังครอบครองธาตุเงาซึ่งเป็นธาตุหลักของค่ายกลนี้ และเขาก็ยังคงมีพลังของธาตุอื่นๆคอยเสริมพละกําลังอยู่ด้วย ท้ายที่สุดในทางกลับกันพลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นจะถูกลดทอนลงไปกว่าครึ่งภายใต้ค่ายกลแห่งนี้!
แม้ว่าเขาจะไม่คู่ควรที่จะต่อสู้กับทั้งสิบคนนี้ แต่ทว่าการต่อสู้ภายใต้วงกตทมิฬนี้ โอกาสที่เขาจะสามารถคว้าชัยชนะนั้นยังคงมีอยู่สูงมาก!