จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 235
บทที่ 235: ฆ่าลูกสมุน!
“พวกนายได้ยินเสียงอะไรไหม?” ซูเซียวพลันหยุดขาของตนเองลงพร้อมกับหันไปรอบๆ
“เสียงอะไร? ตอนนี้มันใช่เวลาที่เราควรจะมาสนใจเรื่องพวกนี้งั้นเหรอ!” ไปจ่านเฟิงตอบกลับ ใบหน้าของเขายังคงซีดขาวราวไข่ต้ม
“เหมือนว่าพวกมันจะไม่ได้ไล่ตามเรามานะ กลับไปดูกันเถอะ” ซูเซียวกล่าวออกมา
“กลับไปทําบ้าอะไร เธออยากจะตายงั้นเหรอ?”
ซ่เซียวรู้สึกไม่เข้าใจผู้ชายอกสามศอกขี้ขลาดพวกนี้อย่างมาก เช่นนี้เธอจึงหันหลังกลับโดยไม่ ได้กล่าวอะไรอีก
แท้จริงแล้วเธอรู้สึกได้ถึงเปลวไฟที่รุนแรงมากกว่าที่เธอมีเท่านั้น กลิ่นอายของมันเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดและทรงพลังอย่างมาก มันเป็นเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งอย่างที่เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อน
เธอก้าวขาและรีบเดินไปยังพื้นที่ที่เพิ่งจากมาเมื่อครู่ หลังจากที่เดินตามกําแพงสีดํามาเรื่อยๆ เธอได้พบกับเศษซากอสูรมีดจํานวนมากกองเรียงรายอยู่อย่างสะเปะสะปะ
ซากสีดําที่กลายเป็นก้อนตอตะโกจํานวนมากอยู่ตรงหน้าของเธอ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกมันตายตกไปจากการถูกเผาไหม้อย่างโหดเหี้ยม
มุมหนึ่งซูเซียวกําลังสับสนอย่างมาก ทําไมภายในค่ายกลเทพรัตติกาลจึงได้มีอสูรที่น่าขยะแขยงเช่นนี้โผล่ออกมา? แต่อีกมุมหนึ่งเธอก็อยากจะรู้ว่าใครกันที่สามารถสังหารอสูรร้ายเหล่านี้ได้จนหมดสิ้น อีกทั้งเธอเพิ่งออกจากสถานที่แห่งนี้ได้เพียงไม่นานนักอีกด้วย เขาสามารถจัดการพวกมันได้ง่ายดายขนาดนั้นเชียว!
“อัคคีประเภทนี้” ซูเซียวมองเปลวไฟที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในกองซากเหล่านี้อย่างพินิจพิจารณา
เธอคือนักเวทธาตุไฟจากตระกูลใหญ่ที่มีอิทธิพลอย่างมาก เหตุใดกันเล่าที่เธอจะไม่รู้จักชื่อของอัคคีตรงหน้านี้? มันไม่ใช่เปลวไฟธรรมดา แต่มันคือเปลวไฟจากเมล็ดพันธุ์อัคคีวิญญาณ!
เมื่อครู่จะต้องมีนักเวทธาตุไฟปรากฏตัวที่นี่ อีกทั้งพลังของเขายังน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาครอบครองเมล็ดพันธุ์อัคคีวิญญาณ!
อย่างไรก็ตาม ถ้าหากว่าคุณได้รู้จักกับทุกคนภายในวิทยาเขตรองแห่งนี้ คุณจะรู้ได้เลยว่าไม่มีนักเรียนคนใดครอบครองเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ ถ้าเช่นนั้นแล้วใครกันล่ะที่ใช้อัคคีชนิดนี้ได้? ความรุนแรงของพลังนี้ไม่ใช่น้อย มันสามารถจัดการกับอสูรกลุ่มใหญ่ได้ราบคาบเพียงแค่ใช้เวลาไม่กี่นาที!
“พวกมันตายหมดแล้ว… ตายหมดแล้วงั้นเหรอ?”
“เป็นไปได้ไหมว่าพวกมันวิ่งเข้าไปในเปลวไฟของซูเซียวหลังจากที่พวกเราหนีออกมาแล้ว?” จ้วงหลีเฟิงเริ่มคาดเดา
“มันจะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?! ถึงแม้ว่าแกจะโง่ แต่อสูรเวทเหล่านี้ไม่ได้โง่เหมือนกับแกสักหน่อย!”
“ตอนนี้เรื่องนี้ไม่สําคัญหรอก แต่เรื่องที่สําคัญกว่าก็คือในเวลานี้มีสิ่งที่แปลกประหลาดได้เกิดขึ้นที่นี่ พวกเราต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้และกระจายข่าวนี้ออกไปให้คนอื่นรับรู้ด้วย!” ซู่เซียวกล่าวออกมาอย่างจริงจัง
“อืม ในตอนนี้พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอสูรเงานั้นวิ่งหนีไปไหนแล้ว!” ไปจ่านเฟิงกล่าวออกมาอย่างอารมณ์เสีย
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก เรายังสามารถไล่ตามมันได้อยู่”
ภายในเขาวงกตทมิฬแห่งนี้ บุรุษสวมเสื้อคลุมสีเทากําลังเดินไปตามกําแพงยาว
อสูรเงาไม่ไกลจากเขานัก เขาค่อยๆขยับร่างกายเข้าไปใกล้มันมากขึ้น มากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าฮุยอีจะไม่ยอมปล่อยให้มันวิ่งหนีไปไหนได้อีก
เขาเลือกใช้เส้นทางอย่างรอบคอบและใช้อสูรมืดวิ่งเปิดเส้นทางหลบหนีให้กับเขาอย่างระมัดระวัง ในตอนนี้เขากําลังจะจับกุมมันและหลบหนีไปพร้อมกับอสูรเงาตัวนี้
เขาโบกมือออกคําสั่งให้กับอสูรมืดเพื่อให้มันล้อมรอบอสูรเงาเอาไว้
อสูรเงาตัวนี้หมดเรี่ยวแรงจากการวิ่งมาเนิ่นนาน มันถูกไล่ล่าจากทุกสารทิศ แน่นอนว่าเรี่ยวแรงของมันไม่หลงเหลืออีกแล้ว มันกําลังนั่งพักอย่างสงบและหลับไปในที่สุด มันไม่รู้ตัวเลยว่าในขณะนี้มันถูกล้อมไว้โดยอสูรมืดกว่าสิบตัว
ทันใดนั้นเอง เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านในของกําแพง “อยู่ที่นี่งั้นเหรอ! อยู่ตรงนี้นี่เอง! ฮ่าฮ่าฮ่า! พวกนายจะเจอสิ่งที่ตามหาได้อย่างไรถ้าหากไม่ลงมือทํามันอย่างเต็ม… บัดซบ ไอ้พวกบ้านี่มันคืออะไรกัน?”
อสูรเงาลืมตาตื่นขึ้นมาและพบว่าเสียงของกลุ่มคนเหล่านั้นไม่ได้อยู่ห่างจากมันมากนัก มันเริ่มมองไปรอบๆอย่างระมัดระวังพร้อมกับได้เห็นอสูรมืดกว่าสิบตัวกําลังเกาะอยู่ที่กําแพง ดวงตาสีเขียวจ้องเขม็งมาที่มันอย่างแน่นอน ฟันแหลมคมขาวขั้วกําลังอ้าออกอย่างดุร้าย!
อสูรเงาไม่คาดคิดมาก่อนว่าในตอนนี้ถึงเวลาที่จะต้องเริ่มวิ่งอีกครั้งแล้ว!
ภายใต้ค่ายกลเทพรัตติกาลแห่งนี้ ความเร็วของมันนั้นเพิ่มมากขึ้นเป็นสองถึงสามเท่า การเคลื่อนย้ายร่างกายของตนเองอย่างรวดเร็วเพื่อไปยังสุดขอบของวงกตทมิฬ ถ้าหากพวกเขาละสายตาเพียงเสี้ยววินาที พวกเขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันวิ่งไปทางไหน!
“บัดซบ ไอ้หัวเห็ด! แกกล้ามากที่มาทําลายความหวังทั้งหมดของฉัน!” ฮุยอีคํารามออกมาอย่างเดือดดาล เมื่อเห็นว่ากลุ่มนักเรียนตรงหน้าทําเสียแผน
“นั่นรุ่นพี่หลีต่งหนี ช่างบังเอิญจริงๆ! โอ้ รุ่นพี่ปลอดภัยงั้นเหรอ เยี่ยมเลย เมื่อครู่ฉันเห็นอสูรร้ายมีกรงแหลบคมปลาบเกาะอยู่ที่กําแพงเต็มเลย รุ่นพี่เห็นมันบ้างไหม? น่ากลัวมากเลยล่ะ!” หญิงสาวผมม้าสีแดงกล่าวทักทายทันทีเมื่อเห็นว่าฮุยอียืนอยู่ตรงหน้า
ชายตรงหน้ากําลังจดจ่อกับอสูรเงาที่หลบหนีไปเมื่อครู่ แน่นอนว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่ได้เห็นร่างกายของมันอย่างชัดเจน แม้ว่าอสูรเงาตัวนั้นจะวิ่งหายไปในพริบตา แต่เขาก็สามารถยืนยันได้ว่าเขาเห็นมันจริงๆ!
ฮุยอีระงับความโกรธของตนเองเอาไว้พร้อมกับออกคําสั่งให้อสูรมืดหลบซ่อนตัวอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาเผยรอยยิ้มออกมาและกล่าวว่า “โอ้ พวกเธอเองงั้นเหรอ… เอ่อ ไม่นะ พวกเธอกําลังกลัวอสูรเงาที่ฉันจะจับเมื่อครู่นี้ล่ะมั้ง”
“รุ่นพี่หลีต่ง ทําไมจึงไม่ร่วมมือกับทีมของเราล่ะ? ในตอนนี้ทีมของเราได้หายสาบสูญไป หนึ่งคนน่ะ” หญิงสาวเสนอออกมาอย่างจริงใจ
ฮุยอีพิจารณาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาหยักหน้าตกลง
ถ้าหากว่าเขาต้องการจะจับอสูรเงาล่ะก็…. แน่นอนว่าเขาต้องการความช่วยเหลือจากคนพวกนี้
ความแข็งแกร่งของทีมนี้ก็มิใช่ย่อย อีกอย่างเขายังมีนักเวทธาตุเงาร่วมทีมอยู่ด้วย
นักเวทธาตุเงานั้นเปรียบได้กับปลาที่ว่ายน้ําในบ่อเมื่อติดแหงกอยู่ในค่ายกลเทพรัตติกาล เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการไล่ล่าอสูรเงาจะง่ายดายขึ้นมา!
หลังจากนั้นไม่นานพวกเขาก็ได้พบกับอสูรเงาอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันนอนแผ่หราอยู่ แน่นอนว่ามันคงวิ่งจนหมดแรงแล้ว
“ฮ่าฮ่าฮ่า โอกาสที่จะได้เข้าใช้งานหอคอยสามชั้นเป็นของพวกเราแน่นอน!”
“ใช่แล้ว ใช่! อสูรเงาตัวนี้มันวิ่งไม่ออกแล้วล่ะ… โอ้ บ้าเอ้ย พวกนายได้กลิ่นอะไรไหม?”
“ฉันได้กลิ่นเหมือนกัน กลิ่นบ้าอะไรเนี่ย?!?”
ทั้งสี่คนเริ่มเอามือบีบจมูกของตัวเองไว้ กลิ่นเหม็นส่งผลทําให้พวกเขาเวียนหัวชวนอ้วกออกมา ซึ่งทั้งสี่คนไม่รู้เลยว่ากลิ่นเหม็นสาปเหล่านี้โชยมาจากที่ใด การหายใจของพวกเขาติดขัดในทันที
มุมปากของฮุยอียกยิ้มขึ้นอย่างเย็นชา เขายืนอยู่ด้านหลังของนักเรียนทั้งสี่
ถ้าหากจะต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเหล่านี้โดยตรง พวกเขาเหล่านี้เป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเกินไปสําหรับฮุยอี แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากว่าเป็นการซุ่มโจมตีล่ะก็… แม้ว่าทั้งสี่จะเป็นนักเวทระดับมัชฌิมก็ไม่อาจจะรับมือได้แน่นอน!
ถ้าหากเขาพาอสูรเงาตัวนี้กลับไปได้ เขาจะต้องได้รับรางวัลอย่างสาสม!
ฉับพลัน เสียงชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านในของกําแพง “ระวัง!”
ทุกคนที่ได้ยินเสียงรีบหันตามทิศทางทันที จากนั้นพวกเขาตระหนักได้ว่ามีใครบางคนกําลังออกมาจากกําแพงราวกับว่าเขาผ่านประตูเล็กๆมา เขาเดินออกจากประตูเงาอย่างง่ายดาย ซึ่งมันเป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างมาก
นักเรียนธาตุเงาคนนั้นรู้สึกประหลาดใจกับภาพตรงหน้าอย่างมาก ชายคนนี้สามารถใช้พลังธาตุเงาได้ยอดเยี่ยมกว่าเขาเสียอีก ถ้าหากว่าเขาไม่ตะโกนออกมา คงไม่มีทางที่จะได้เห็นร่างกายของเขาเลยแม้แต่น้อย การหลอมรวมร่างกายเข้ากับเงาของเขานั้นถือได้ว่าเป็นทักษะชั้นเลิศ
“นั่นมันราชันปีศาจไม่ใช่เหรอ?!?”
“เป็นเขา… แก… อย่าเข้ามานะ! ฉันเตือนแกไว้เลย ไม่ว่าอย่างไร เอ่อ พวกเราทั้งหมด ทั้งสี่คนนี้ เป็นคนชั้นสูงภายในสถาบันเมิงจู่แห่งนี้ ถ้าหาก… ถ้า ถ้าหากแกก้าวเข้ามาล่ะก็… บัดซบ แกกล้าที่จะเมินใส่ฉันแบบนี้งั้นเหรอ!?” หนึ่งในสี่ของนักเรียนกลุ่มนั้นร้องตะโกนออกมาอย่างติด
โม่ฝานไม่ได้สนใจคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย ทันทีที่เขาก้าวขาออกจากกําแพงมาได้ สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่รุ่นพี่ที่ถูกเรียกว่าหลีต่ง!
“นายคือโม่ฝานงั้นเหรอ อ่า คิดยังไงถึงกล้าจะมาขโมยมันไปจากพวกเราล่ะ?” หลีต่งปรับตัวอย่างรวดเร็ว เขารีบกดเก็บจิตสังหารเมื่อครู่อย่างฉับไวพร้อมกับแสดงท่าที่ปกติราวกับเป็นนักเรียนในสถาบันแห่งนี้อย่างแท้จริง
สายตาของโม่ฝานเย็นชาดาวกับคมดาบน้ําแข็งก่อนที่จะกล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “เลิกแสดงได้แล้ว… ดูอสูรมืดพวกนั้นของแกสิ”
คิ้วของหลีต่งขมวดเข้าหากันแน่นอย่างไม่เข้าใจ จากนั้นเขาหันหลังไปและพบว่าอสูรมืดที่แข็งแกร่งของเขากําลังถูกตรึงไว้บนกําแพง พวกมันทั้งหมดกําลังดิ้นรนออกจากบางสิ่งบางอย่างที่ยึดเหนี่ยวมันไว้อย่างสุดความสามารถ
ร่างกายที่บิดเบี้ยวของพวกมันกําลังดิ้นรนอย่างบ้าคลั่ง แต่ดูเหมือนว่าจะมีเล็บขนาดใหญ่จ้วงผ่านช่องท้องของพวกมันและตรึงมันไว้กับกําแพงอย่างไรอย่างนั้น สภาพของพวกมันทั้งหมดในตอนนี้ราวกับถูกเข็มตอกให้ติดกับกําแพงและไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้เลย!
ติดตามและร่วมพูดคุยกันได้ที่เพจเลยนะคะ