จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 231
บทที่ 231: การต่อสู้ครั้งใหญ่ (2)
“จัดการไอ้หัวหน้าทีมหวางจีหลิงนั่นซะ บ้าเอ๊ย! ทําไมเขาจึงคิดว่าตนเองจะใช้เวทมนตร์ได้ยาวนานนักล่ะ!? เฮอะ อย่าบอกนะว่าเขาคิดว่าโครงกระดูกปีศาจของเขาน่ะอยู่ยงคงกระพัน?! เขาไม่รู้รึไงว่าในการสอบครั้งนี้มีนักเรียนชั้นปีที่สี่อยู่ด้วยน่ะ? ผู้ที่แข็งแกร่งในกลุ่มมือใหม่นั้นย่อมมีอยู่อย่างจํากัด แต่ทว่าตัวเลขของผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริงในหมู่ทหารผ่านศึกเหล่านี้ก็มิใช่สิ่งที่จะดูถูกได้หรอก!” ไอ้ต้าหูซึ่งเป็นนักเวทธาตุอัญเชิญสบถออกมา
ชางบังเฉียวพยักหน้ารับ “ถึงแม้ว่าเราจะไม่รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของโม่ฝานคืออะไร แต่แน่นอนว่าเขาย่อมมีเหตุผลอะไรสักอย่างในการยอมแพ้ที่จะทําภารกิจอสูรเงานี้แน่ ความต้องการที่พวกเขาจะครอบครองอสูรเงานั้นมีมหาศาล แต่ในตอนนี้หวางจี้หลิงนั้นได้เข้าร่วมกลุ่มกับคนอื่นไปแล้ว มันก็ไม่มีอะไรที่เราจําเป็นจะต้องสุภาพต่อเขา!”
“เราจะเคลื่อนไหวในตอนนี้งั้นเหรอ?” ไอ้ต้าหูถามออกมาพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ไม่ต้องรีบร้อนไปหรอก พวกเราคือนักเวทธาตุอัญเชิญ ซึ่งสามารถต่อสู้กับนักเวทระดับปฐมภูมิได้อย่างไร้กังวลอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามถ้าเมื่อไหร่ที่พวกเราต้องพบเจอกับระดับมัชฌิม คราวนั้นคงจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นสักหน่อย” ชางปิงเฉียวกล่าว
“โอ้”
หวางจี่หลิงและทีมของเขานั้นจําเป็นจะต้องถูกเรียกเก็บค่าใช้จ่ายจากความรูวามในครั้งนี้แน่นอน!
แม้ว่าโครงกระดูกปีศาจจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ทว่ามันก็ยังคงอ่อนแอเมื่อได้พบเจอกับนักเวทระดับมัชฌิมที่ยิงคาถาใส่มันโดยตรง
อีกทั้งในตอนนี้ยังมีคนมากมายที่เข้าร่วมในการโจมตีครั้งนี้ด้วย!
บางทีอัจฉริยะคนอื่นอาจจะไม่ได้สนใจที่จะมาดหมายเอาชีวิตของใคร แต่ทว่าบุคคลเช่นหวางจี่หลิงควรจะถูกกําจัดออกไปโดยเร็วที่สุด เขาคือนักเวทธาตุอัญเชิญที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง ถ้าหากว่าเขาเติบโตไปมากกว่านี้ย่อมจะเป็นอันตราย
เมื่อโครงกระดูกปีศาจถูกจับกุมไว้โดยนักเวทระดับมัชฌิม ซึ่งเป็นนักเรียนรุ่นใหญ่กว่า สายฟ้าที่รุนแรงฟาดฟันลงมาที่ร่างกายของโครงกระดูกปีศาจอย่างไร้ความปราณี
สายฟ้าระดับมัชฌิมถือได้ว่าเป็นธาตุที่มีพลังการโจมตีรุนแรงที่สุด โครงกระดูกปีศาจไม่สามารถหลบการโจมตีเมื่อครู่ได้เลย ความอ่อนแอได้ปรากฏขึ้นบนท่าทางของมันแล้ว ซึ่งความรุนแรงของสายฟ้าเมื่อครู่สามารถสับร่างของโครงกระดูกปีศาจออกเป็นชิ้นๆได้อย่างไม่ยากเย็น
เศษกระดูกและเศษเนื้อของมันปลิวว่อนในทุกหนแห่ง บวกกับเลือดและขนที่กระจัดกระจายออกไปเป็นวงกว้าง หวางจี่หลิงที่เห็นสถานการณ์เช่นนี้ ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงสลับขาวด้วยความตื่นตระหนก เขายืนตัวแข็งที่ออยู่ตรงนั้นราวกับว่าถูกฟ้าผ่าเข้าที่สมอง!
ทีมอีกสี่คนของหวางจีหลิงไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก หลังจากที่คลื่นพลังใหญ่หลวงได้ฟาดฟันลงมา ทั้งหมดทําได้เพียงดึงร่างไร้สติของหวางจี๋หลิงออกมาจากจุดเกิดเหตุเพื่อป้องกันอันตรายเท่านั้น
“เฮอะ เขาประเมินความสามารถของตัวเองสูงไปรึเปล่า! กล้าหาญมากที่มาต่อสู้กับพวกเราทีมหมวกอสนีของพวกเรานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าพวกแกทั้งหมดจะเข้าใจ ความสามารถที่แกได้เห็นตอนนี้น่ะมันก็แค่เศษเสี้ยวเท่านั้น… ฉันคิดว่าทุกคนคงรู้จักดีว่าฉันเป็นคนแบบไหน… ฉันกวนผู้ นี้ขอแนะนําพวกแกทั้งหมดว่าถ้าหากไม่อยากตายไปอย่างโดดเดี่ยวก็จงเชื่อฟังฉันซะจะดีกว่านะ! ในอนาคตถ้าหากว่าพวกแกทั้งหมดได้พบเจอกับการต่อสู้อันโหดร้ายจากโลกภายนอกสามารถ มาบอกฉันได้ แน่นอนว่าฉันจะต่อสู้เพื่อพวกแกทั้งหมดเพื่อเรียกร้องความยุติธรรมคืนกลับมาให้ อ่า ฉันก็ทําไปในฐานะเพื่อนร่วมสถาบันน่ะนะ!” กวนยกล่าวออกมาพร้อมกับสมาชิกทั้งสี่ที่ กําลังเดินไปหาอสูรเงาตรงหน้า
เขาขวางสายฟ้าที่ทําลายโครงกระดูกปีศาจเมื่อครู่ออกมาอีกครั้ง
แน่นอนว่าสายฟ้าของกวนยื่นั้นเต็มไปด้วยแรงกดดันและเขาเอามันออกมาเพื่อข่มเห งผู้คนรอบๆ บางคนจํานวนไม่น้อยรู้สึกตื้นตันจากสิ่งที่เขาพูด ทั้งหมดเปิดทางให้เขาอย่างง่ายดาย
ชื่อเสียงของกวนยื่นั้นไม่ใช่ว่าธรรมดาซะเมื่อไหร่ เขาเป็นนักเวทสายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดานักเรียนธาตุสายฟ้าของสถาบันและเป็นหนึ่งในบุคคลที่มีอิทธิพลในสถาบันแห่งนี้อีกด้วย!
ในตอนนี้ใครก็ต่างพูดกันว่าเขามีความสามารถที่จะเข้าสู่วิทยาเขตหลักแล้ว แต่เหตุผลเดียวที่ขัดขวางเขาไว้ก็คือเขายังไม่สามารถทะลุเข้าสู่ระดับมัชฌิมได้ เช่นนี้เขาชัดเจนกว่าใครเพื่อนถึงความต้องการที่จะเข้าสู่หอคอยสามชั้น!
ใครบางคนที่ยืนอยู่ในฝูงคนตะโกนขึ้นมาอย่างเดือดดาล “แกนี่มันทําเป็นเก่งเหลือเกิน! ฉันน่ะ รําคาญคนอย่างแกมาสักพักแล้วล่ะนะ! เฮ้ ทุกคน มาเถอะ! มาทําให้ไอ้บ้านหายหัวไปจากวิทยาเขตหลักดีกว่า มันต้องอยู่ในวิทยาเขตรองนี้ไปจนตายนั่นแหละ!”
เหมือนว่าเสียงนี้จะเป็นผู้ชายคนหนึ่ง เขากําลังทําให้ทุกคนคล้อยตามในประโยคนั้น!
“คลื่นวารี ขับไล่!”
ในขณะที่เขาคํารามออกมาเสียงดัง ฉับพลันพวกเขาทั้งหมดเห็นบุรุษคนหนึ่งผู้กล้าหาญดึงน้ําในสระทั้งหมดออกมาลอยอยู่กลางอากาศ!
น้ําแผ่กระจายออกราวกับม่านกําลังควบแน่น!
“นี่มันคลื่นวารี บ้าเอ๊ย หนีเร็ว!”
“ไอ้บ้านี่เป็นคนประเภทไหนกันนะ! การได้เชื่อมสัมพันธ์กับกวนยื่นั้นถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมราวกับได้อยู่ในครอบครัวใหญ่ด้วยซ้ํา!”
เกิดคําสาปแช่งมากมายในฝูงชน อย่างไรก็ตามแม้ว่าพวกเขาจะก่นด่าออกมาเท่าไหร่ แต่ทว่าคลื่นวารีนั้นก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะหยุดแต่อย่างใด คลื่นนี้รุนแรงเกินกว่าจะต้านทานได้อย่างแน่นอน!
บริเวณที่คลื่นวารีได้ครอบครองไปในตอนนี้นั้นมากเสียยิ่งกว่าการร่ายคาถาหมัดเพลิงเสียอีก มันดูเหมือนกับความแข็งแกร่งของแม่น้ําขนาดใหญ่ที่กําลังจะร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า มันพร้อมจะจัดการกับทุกคนที่ขวางทางไม่ว่าพวกเขาจะเป็นศัตรูหรือไม่!
ทุกคนกําลังรวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้อย่างหนาแน่น ซึ่งวิธีการโจมตีครั้งนี้คือสิ่งที่สามารถจัดการกับทุกคนได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุด จํานวนตัวเลขที่คลื่นวารีนี้จะสามารถโจมตีผู้คนจํานวนมากได้ราวกับอสูรร้าย!
“นักเรียนธาตุน้ําทุกคนจงร่วมมือกัน เร็วเข้า รีบจัดการมัน! ถ้าหากว่าเหลือผู้คนใน นี้น้อยลงล่ะก็ นั่นหมายความว่าพวกเราก็จะมีความหวังมากขึ้นเช่นกัน” ใครคนหนึ่งซึ่งอยู่ในสภาวะตีบตันเช่นกันได้ตะโกนออกมา
นักเวทธาตุน้ําระดับมัชฌิมนั้นสามารถเดินเหินบนน้ําได้อย่างอิสระ ทั้งหมดถอยร่นกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็วเมื่อสายฟ้าได้ปรากฏขึ้นมา แต่ทว่าในขณะที่ทุกคนได้เห็นคลื่นวารีรุนแรงปรากฏขึ้นมา สายตาของทั้งหมดเริ่มทอประกายอย่างมีความหวัง
ใช่แล้ว มันจะดีกว่าไหมถ้าหากว่าเวทมนตร์ของพวกเขาสามารถสร้างความโกลาหลในพื้นที่แห่งนี้ให้มากที่สุด? ฮ่า ใช้คลื่นวารีกําจัดคนหมู่มากออกไปเพื่อคัดกรองนักสู้ให้น้อยลงจะไม่ดีกว่าเหรอ?
ด้านข้างของต้นเมเปิ้ล มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่เธอตะโกนออกมาเสียงดัง “คลื่นวารี!”
“คลื่นวารี!!” ที่ด้านนอกของอาคารก็มีเสียงตะโกนออกมาเช่นกัน
“คลื่นวารีคลั่ง!”
ทั้งหมดนี้ไม่รู้เลยว่านักเวทธาตุน้ําคนไหนจะตะโกนออกมาเป็นคนสุดท้าย แต่ทว่าคลื่นวารีขนาดใหญ่ได้ก่อตัวไปทั่วทุกพื้นที่อย่างน่าหวั่นเกรง ทุกคนโดยรอบสามารถเห็นสภาพแวดล้อมที่ถูกปกคลุมไปด้วยน้ําอย่างชัดเจน นี่มันไม่ใช่แค่การถูกน้ําท่วมเท่านั้น แต่ทว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกคลื่นยักษ์ซัดจนกว่ากระดูกจะแตกสลาย!
นักเรียนธาตุน้ําที่น่ารังเกียจเหล่านั้นใช้คลื่นวารีเพื่อกําจัดคนออกไปมากกว่าร้อยคนได้สําเร็จความรุนแรงและโกลาหลที่พวกเขาได้ก่อขึ้นถือได้ว่าเสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์
แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่ายินดีอยู่บ้าง พวกเขาไม่ได้พลั้งมือปลดปล่อยพลังอย่างเต็มรูปแบบหรือมาดหมายจะเอาชีวิตของผู้ใด ทั้งหมดเพียงแค่หมดสติไปเท่านั้นไม่มีใครตายตกไปเพียงเพราะถูกคลื่นวารีคลั่งเหล่านี้!
ในหมู่ของนักเรียนที่รอดพ้นจากการโจมตีครั้งนี้ พวกเขายังคงมีกลุ่มคนที่เต็มไปด้วยจิตใจงดงาม พวกเธอสองสามคนกําลังหาทางที่จะช่วยเหลือเพื่อนร่วมสถาบันของตนเองออกมาจากวังวนคลื่นที่โหดร้ายตรงหน้าอย่างมุ่งมั่น
ซึ่งคลื่นวารีคลั่งนี้เป็นเวทมนตร์ที่ค่อนข้างรุนแรงมากพอสมควร ใครก็ตามที่ถูกดูดกลืนเข้าไปด้านในจะไม่สามารถออกมาเองได้และไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเหลือได้อีกด้วย ถ้าหากว่าคลื่นวารีสลายตัวไป มนุษย์ผู้นั้นก็เพียงแค่ร่วงหล่นลงมาตายเท่านั้น
โม่ผ่านกระโดดขึ้นหลังของหมาปาเวทพร้อมกับขึ้นไปยืนอยู่บนที่สุด เขากําลังเฝ้าดูเหตุการณ์ ทั้งหมดอย่างระมัดระวัง
ถ้าหากนักเวทธาตุเดียวกันรวมตัวกันเพื่อใช้เวทมนตร์ชนิดเดียวกัน พลังของมันสามารถทําลายล้างได้ทุกสรรพสิ่งแน่นอน แม้ว่าจะเป็นนักเวทระดับมัชฌิมเช่นเขาที่หยิ่งทะนงในความแข็งแกร่งของตนเอง ถ้าหากได้พบเจอกับการโจมตีเช่นนี้เข้าไปล่ะก็ เขาก็อาจจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ําแย่ได้ด้วยเช่นกัน!
นักเวทหลายคนนั้นมีพลังโจมตีที่รุนแรงและทรงพลังอย่างมาก แต่ทว่าพวกเขากลับมีพลังป้องกันที่น้อยนิดหรืออาจจะแค่ปานกลางเท่านั้น!
หลังจากที่คลื่นวารีคลั่งได้สลายตัวไปจนหมดสิ้นแล้ว พวกเขากําจัดคนออกไปได้จํานวนมากผู้คนที่ล้มลงไปมีจํานวนมากกว่าร้อย แต่บุคคลที่ปลอดภัยแต่ทว่าหมดกําลังใจที่จะต่อสู้นั้นมีมากกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดวิ่งหนีออกไปอย่างไม่คิดชีวิตพร้อมกับไปเฝ้ามองจากระยะไกล นี่คือสิ่งที่พวกเขาจะทําได้ในตอนนี้
การเข้าสู่ระดับมัชฌิมกับความสามารถในการเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาได้นั้นเป็นคนละส่วนกันโดยสิ้นเชิง สําหรับนักเวทระดับมัชฌิมคนใดที่ไม่สามารถเชื่อมต่อเนบิวลาได้ นั่นหมายความว่าพวกเขาหมดสิทธิ์ที่จะต่อสู้กับผู้อื่นโดยสมบูรณ์ อีกทั้งแม้ว่าพวกเขาจะอยู่ในระดับมัชฌิมก็ตาม แต่ทว่าความสามารถในการป้องกันของพวกเขานั้นต่ำต้อยเกินไป ถ้าหากมัวแต่ดื้อด้านอยู่ ในสถานที่แห่งนี้ต่อไปมีแต่จะยิ่งถูกทุบตีอย่างน่าสมเพชเท่านั้น! สถานการณ์ในตอนนี้นั้นเข้าสู่ความโกลาหลอย่างแท้จริง ไม่มีใครสามารถรับประกันได้ว่าพวกเขาจะกลายเป็นผู้ชนะหลังจากที่ ทําตัวเป็นกองโจรต่อสู้กันเองแบบนี้!