จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 230
บทที่ 230: การต่อสู้ครั้งใหญ่ (1)
“เขา…เขามาจริงๆ! พี่สาวมู่ ฉันคิดว่าพี่ควรจะพาเขาไปรักษาสักหน่อย ฉันพนันได้เลยว่าในทุกๆวันเขาจะต้องกินยาแต่ทว่าในวันนี้เขาต้องลืมกินยาแน่นอน!” อ้ายตูต้อุทานออกมาในขณะที่ยืนอยู่บนดาดฟ้า เธอมองเห็นโม่ผ่านกําลังเดินไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมกับอสูรเงา
มู่หนิวเจียวไม่คิดว่าทุกอย่างมันจะง่ายดาย อย่างไรก็ตามเธอก็ยังคงหาคําตอบไม่ได้ว่าทําไมโม่ฝานจึงทําเช่นนี้?
หอคอยสามชั้นนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนต่างใฝ่ฝันถึง แต่ทว่าเขามีเหตุผลอะไรที่จะยอมเสียสละโอกาสในการเข้าใช้หอคอยสามชั้นกันล่ะ?
ปกติแล้วโม่ฝานมักจะดูเจ้าเล่ห์และฉลาดหลักแหลม แต่ทว่าใบหน้าของเขาในวันนี้มืดมนและ เต็มไปด้วยความโกรธ แรงกดดันมากมายแผ่กระจายออกมาจากรอบๆตัวของเขาอย่างไม่น่าเชื่อสิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทําให้ทุกอย่างดูผิดเพี้ยนไปหมด
ออร่ามืดดําเช่นนี้เป็นสิ่งที่มู่หนิวเจียวไม่เคยเห็นมาก่อน เมื่อครั้งที่เธอร่ายเวทเถาวัลย์จองจําเหมือนว่าเธอจะได้เห็นออร่าเช่นนี้สักแว็บหนึ่ง
เขาสามารถเรียนรู้เวทมนตร์ดําด้วยงั้นเหรอ?
หรือว่าเขาครอบครองอุปกรณ์เวทมนตร์ดํา?
มู่หนิวเจี้ยวพยายามคิดอย่างรอบคอบและไตร่ตรองเรื่องนี้อย่างลึกซึ้งที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ไม่สามารถเข้าใจเหตุการณ์ตรงหน้าได้ เธอจึงสรุปได้ว่าโม่ฝานเป็นผู้ชายที่ลึกลับเกินกว่าเธอจะเข้าใจ
โม่ฝานยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มปรากฏขึ้นรอบตัวของเขามากขึ้น แต่ทว่ากลับยังไม่มีใครกล้าที่จะลงมือเป็นคนแรก
อสูรเงานั้นอยู่ในปากของหมาป่าเวทอย่างมั่นคง แน่นอนว่าหมาป่าเวทนั้นเหมือนกับเจ้านายของมัน ทั้งสองไม่แสดงความอ่อนแอออกมาเด็ดขาดเมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่น ใบหน้าของพวกเขามั่นคง และแน่วแน่ในขณะที่ขายังคงเดินต่อไปอย่างหยิ่งทะนง
สายตาของโม่ฝานกวาดไปรอบๆ ในหมู่คนทั้งหมดพันกว่าตรงนี้ ต้องมีสักคนที่ทําร้ายฉือจ้าวติงแน่นอน อย่างไรก็ตามเขาไม่รู้เลยว่ามันเป็นใคร!?
“ใครต้องการมันบ้าง?” โม่ผ่านถามออกมาพร้อมกับชี้ไปที่อสูรเงา
ใครต้องการมันบ้างงั้นเหรอ!?!
ทุกคนได้ยินประโยคนั้นเริ่มสาปแช่งในใจทันที ไอ้บ้านี่มันพูดเรื่องอะไรกัน? ในสถานที่แห่งนี้ มีใครบ้างที่ไม่ต้องการสิ่งนั้น?
“ฉันต้องการจะพูดอะไรสักหน่อย ในเมืองเก่าที่ฉันเคยอาศัยน่ะนะมีน้ําพุชนิดหนึ่งซึ่ง มันพิเศษอย่างมาก เดิมที่ฉันต้องการที่จะทําการแลกเปลี่ยนโดยใช้อสูรเงาตัวนี้ อย่างไรก็ตามฉันคนนี้ได้เผลอทําขวดน้ําพุศักดิ์สิทธิ์นั้นแตกใส่ปากของอสูรเงาตัวนี้ไปซะแล้ว ถ้าหากว่าพวกคุณต้องการอสูรเงาตัวนี้ สิ่งที่พวกคุณต้องมีก็คือขวดไว้สำหรับบรรจุน้ําศักดิ์สิทธิ์ เพราะน้ําพุนั่นอยู่ในท้องของมัน ฉันอยากได้น้ําพุคืน ส่วนพวกนายก็เอาสัตว์ประหลาดนี้ไปซะ”
โม่ผ่านกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ถูกต้องแล้ว! เขาต้องการจะบอกไอ้สารเลวจากกลุ่มศาสตร์มืดว่าเขามีน้ําพุศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือ! ตอนนี้เขาวางแผนมันเพื่อที่จะใช้มันเพื่อแลกเปลี่ยนกับหมา…เอ่อ เพื่อแลกเปลี่ยนกับอสูรเงา! อีกทั้งในตอนนี้เขามีความสามารถมากพอที่จะต่อสู้กับนักเรียนทั้งร้อยคนนี้ได้
“เจ้านี่…มันรู้ถึงเป้าหมายของเรา!”
“มันกําลังหลอกเรา!”
“แล้วถ้าเขาหลอกเราล่ะ? ทุกคนต้องการที่จะยื้อแย่งอสูรเงาตัวนั้น ถ้าหากเราสามารถขโมยมันมาได้นั่นหมายความว่าก็ไม่มีทางที่เราจะถูกค้นพบแล้ว!” ฟูเตียนหมิงกล่าวออกมาพร้อมกัดฟันเอาไว้
“ใช่ นี่เป็นโอกาสเดียวของเราแล้ว ฉันไม่ต้องการที่จะกลับไปพบกับนักบวชสีชาตพร้อมกับภารกิจที่ล้มเหลว”
“ครับท่าน เท่านั้นก็เพียงพอ!”
นักบวชที่ยืนอยู่ตรงนั้นแข็งที่อราวกับรูปปั้นเมื่อได้ฟังไม่ผ่านกล่าวออกมา สายตาของเขาราวกับไฟแผดเผา ความโกรธแค้นมองไปที่โม่ฝานอย่างไม่อาจเก็บซ่อนความเกลียดชังไว้ได้
ถ้าหากว่าการจ้องคราวนี้สามารถสังหารโม่ฝานได้ แน่นอนว่าเขาจะถูกแยกออกเป็นพันชิ้นหมื่นชิ้น!
ไอ้เด็กเจ้าเล่ห์ แกพยายามจะล่อลวงฉันงั้นเหรอ!
เอาล่ะ! ฉัน…หยู่อั๋นคนนี้ก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าแกจะมีความสามารถมากแค่ไหน! ในความโกลาหลนี้แกจะสามารถมองหมัดและเท้าของผู้คนมากมายได้อย่างไรกัน ถ้าหากมีความตายเกิดขึ้น แน่นอนว่ามันก็คงเป็นสิ่งที่สถาบันไม่อาจตรวจสอบได้แน่ ฉันจะสร้างความโกลาหลนี้ให้สา แก่ใจแล้วค่อยแย่งชิงน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ทีหลัง!
“ท่านครับ ผมได้ตรวจสอบแล้ว อสูรเงาตัวนั้นมีกลิ่นของน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ติดอยู่ในลมหายใจของมัน ผมคิดว่าน้ําพุศักดิ์สิทธิ์จะต้องอยู่ในท้องของอสูรเงาตัวนั้นอย่างแน่นอน”
“ท่านครับ เราได้รับการยืนยันแล้วว่าไม่มีเจ้าหน้าที่จากศาลเวทมนตร์อยู่บริเวณใกล้เคียงนี้ตราบใดที่เราสามารถตบตาสถาบันแห่งนี้ได้ จะไม่มีใครรู้ถึงความลับที่เราพยายามปกปิดอย่างแน่นอน” ฮุยอีกล่าวออกมา ซึ่งในตอนนี้เขาอยู่ในคราบของนักเรียนแห่งสถาบันเมิงจู่
หยู่อั๋นพยักหน้ารับอย่างพอใจ ดูเหมือนว่ามีใครบางคนในสถานที่แห่งนี้ต้องการจะตาย เขากําลังจะสงเคราะห์ให้กับมันผู้นั้นอย่างสาสม!
“อย่าใช้พลังของกลุ่มศาสตร์มืด เราจําเป็นจะต้องฉกฉวยอสูรเงามาให้ได้ก่อน!” หยู่อั๋นกล่าว
แม้ว่าเขาจะโกรธแค้นโม่ฝานถึงกระดูกดํา แต่สุดท้ายแล้วเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่สําคัญที่สุดในภารกิจครั้งนี้คือการแย่งชิงน้ําพุศักดิ์สิทธิ์ หลังจากที่ได้รับน้ําพุศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว เขา…หยู่อั๋น จะได้กลายเป็นนักบวชสีครามทันที! ในวันนั้นอํานาจจะล้นมือของเขาและเขาจะสามารถสังหารใครก็ย่อมได้!
“เข้าใจแล้วครับ แต่ปัญหาก็คือในวิทยาเขตรองแห่งนี้ก็เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญจํานวนหนึ่ง ผมคิดว่าคงจะไม่สามารถจัดการได้ง่ายดายนัก”
“เฮอะ ก็แค่ไอ้พวกขยะ!” หยู่อั๋นกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยัน
เขาจะไม่ขยับเคลื่อนไหวใดๆ ทั้งหมดนี้จะมีเพียงลูกสมุนของเขาเท่านั้นที่จะวิ่งเข้าไปเอาอสูรเงากลับมา
แม้ว่าบุคคลเหล่านี้จะถูกเปิดเผยหรือตายตกไป หยู่อั๋นก็ไม่ได้คิดเสียใจหรือคร่ําครวญใดๆทั้งสิ้นอยู่แล้ว
โม่ฝานมองไปรอบๆ เขาเข้าใจสถานการณ์ดีว่าเขาไม่อาจจะค้นหากลุ่มศาสตร์มืดได้ด้วยการชายตามองบุคคลเหล่านี้
ดวงตาของเขากวาดไปทั่วบริเวณพร้อมกับไปสะดุดที่ใบหน้าคนหนึ่งซึ่งคุ้นเคยเล็กน้อย
“ไปจ่านเฟิง…เป็นนาย! ฉันรู้สึกเสียใจอย่างมากที่ในวันแข่งขันประลองอสูรเวทนั้น… สายฟ้าของฉันได้ทําร้ายนายจนไม่เหลือคราบความเท่ใดๆ เอาล่ะในวันนี้ฉันจะมอบอสูรเงาให้กับนายเพื่อ เป็นการไถ่โทษในวันนั้น!” แม้ว่าไปจ่านเฟิงจะดูไม่พอใจในคําพูดนั้น แต่เมื่อโม่ฝานกล่าวจบประโยค ใบหน้าของเขาเผยรอยยิ้มยินดีออกมาทันที
ทันทีที่โม่ฝานกล่าวจบ เขาออกคําสั่งให้หมาปาเวทนําอสูรเงาไปมอบให้กับไปจ่านเฟิง
ไปจ่านเฟิงที่ยืนอยู่ตรงนั้นตกอยู่ในสภาวะโง่งมโดยสมบูรณ์
ไอ้บัดซบเอ๊ย! ถ้าหากว่าแกจริงใจที่จะมอบมันให้กับฉันจริงๆ แกควรจะมอบมันเป็นการส่วนตัว แล้วเช่นนั้นฉันถึงจะเรียกแกว่าพี่ชาย! แต่ในตอนนี้แกกําลังทําให้ฉันตกเป็นเป้าหมายจากทุกคนด้วยสิ่งที่แกกําลังจะโยนมาให้ฉัน!
หลังจากที่โม่ฝานบอกว่าจะมอบมันให้ เขาก็ไม่ได้สนใจอสูรเงาอีกแม้แต่น้อย หมาป่าเวทโยนอสูรเงาออกไปยังทิศทางของไปจ่านเฟิงทันทีอย่างรู้งาน
“ไป ไปเร็ว!”
“รีบเก็บมันมา รีบไปเก็บมันมาเร็ว!”
“ฉันจะต้องไปหอคอยสามชั้นให้ได้ต่อให้ฉันจะต้องตายก็ตาม ใครกล้าที่จะมาขโมยมันไปจากฉัน…ฉันจะสู้กับพวกมันทุกคน!”
นักเรียนทั้งหมดบ้าคลั่งทั้งที ทั้งหมดราวกับหมาป่าหิวโหยที่เพิ่งได้พบกับเนื้อชิ้นใหญ่ ความโกลาหลเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่ทุกคนต้องการที่จะฉกฉวยอสูรเงาตรงหน้า
คนแรกที่เคลื่อนไหวกับเรื่องนี้อย่างรวดเร็วนั้นสร้างความประหลาดใจให้กับทุกคนอย่างมากเขาคือหวางจี้หลิง แน่นอนว่าเขามาพร้อมกับโครงกระดูกปีศาจคู่ใจ!
โครงกระดูกปีศาจนั้นจัดการกับอสูรเงาไว้อย่างอยู่หมัด พร้อมกับลอยอยู่ในอากาศอย่างเหนือชั้น ทั้งสองกําลังต่อสู้เพื่อปกป้องอสูรเงาอย่างแข็งขัน!
เห็นได้ชัดเจนว่าโครงกระดูกปีศาจของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ในขณะที่มันบินวนไปรอบๆ ขนที่ราวกับมีดแหลมเรียวได้พุ่งกระจายไปรอบทิศทางอย่างบ้าคลั่งด้วยเช่นกัน
หวางจีหลิงนั้นเป็นบุคคลที่เต็มไปด้วยความรุนแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เช่นนี้เขาจึงสั่งให้โครงกระดูกปีศาจสะบัดขนจํานวนมากออกมา เช่นนี้จึงจํากัดพื้นที่จํานวนมากได้อย่างง่ายดาย หลายสิบคนที่ไม่สามารถร่ายเวทป้องกันได้ทันเวลา พวกเขาทั้งหมดล้มลงและพร้อมคร่ําครวญออกมาอย่างเจ็บปวดเพื่อต้องถูกโจมตีด้วยขนนกที่เลวร้าย
“พวกแกทุกคนควรจะตระหนักได้ว่าอสูรเวทอัญเชิญนั้นมีความสามารถแตกต่างออกไป ผู้อัญเชิญนั้นสามารถควบคุมพลังเวทได้เพื่อที่จะไม่ให้พวกแกตายตกไปเพียงเพราะพลังที่บ้าคลั่ง แต่ทว่าฉันไม่สามารถควบคุมโครงกระดูกปีศาจบ้าเลือดตัวนี้ได้เลย! มันกระหายการฆ่าอยู่ตลอดเวลา ถ้าหากว่าดวงตาของใครถูกเจาะหรือต้องตายตกไปในสถานที่แห่งนี้ก็จงอย่าได้ถือโทษกับฉันแล้วกัน! เพราะในตอนนี้ฉันมีอย่างอื่นที่ต้องเร่งรีบไปทําเสียก่อน!” หวางจี้หลิงกําลังถูกความโลภครอบงําอย่างไม่อาจหลุดพ้นได้แล้ว เขายืนขึ้นและเริ่มพูดจาข่มขู่นักเรียนรอบข้างอย่างทะนงตน
แน่นอนว่าหวางจี๋หลิงนั้นมีทีมเป็นของตนเอง ทั้งสี่คนยืนขึ้นข้างเขาอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน หนึ่งในนั้นพุ่งเข้าไปยืนอยู่ด้านข้างของอสูรเงาที่ไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ สายตาของเขากวาดไปรอบๆอย่างระมัดระวัง
คําพูดของหวางจีหลิงเมื่อครู่นั้นเยี่ยมจริงๆ นักเวทหลายคนที่ไม่มีความสามารถในการป้องกันได้ล่าถอยออกไปทันที ส่วนนักเวทที่ไม่สามารถร่ายเส้นทางแห่งเนบิวลาได้ก็รีบถอยด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งหมดย้ายกันของตนเองไปสู่พื้นที่ปลอดภัยอย่างรวดเร็ว
การต่อสู้ในครั้งนี้สําคัญอย่างมาก ถือได้ว่ามันก็คือบททดสอบอย่างหนึ่งเช่นนั้น ซึ่งมันใช้ชีวิตเป็นเดิมพันในการสอบผ่านหรือตก!
สถาบันนั้นได้ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าถ้าหากไม่มีหลักฐานใดที่สามารถบอกได้ว่าอีกฝ่ายจงใจจะสังหารคุณ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นล้วนแต่อยู่ในความรับผิดชอบของคุณทั้งสิ้น! ถ้าหากว่ารู้ตัวถึงความไม่ปลอดภัย คุณจําเป็นจะต้องล่าถอยเพื่อรักษาชีวิตของตนเองเอาไว้ มิฉะนั้นถ้าหากว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณทางสถาบันจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ต่อให้อีกเพียงหนึ่งเซ็นติเมตรคุณจะถูกส่งไปสู่ประตูแห่งความตายก็ตาม!
นักเวททั้งหมดภายในสถาบันแห่งนี้ล้วนแต่เป็นผู้ใหญ่ ทุกคนจําเป็นจะต้องรับผิดชอบต่อการกระทําของตนเอง!
นอกจากนี้อาจจะกล่าวได้อีกว่า…ไม่มีพื้นที่ใดที่ปลอดภัยสําหรับผู้ใช้เวทมนตร์!