จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 229
บทที่ 229: จุดสนใจ!
โกดังแห่งนี้นั้นจําเป็นจะต้องได้รับการปรับปรุงในไม่ช้าอย่างแน่นอน ขนาดของมันใหญ่พอๆ กับห้องเรียนและด้านในเต็มไปด้วยเศษขยะมากมาย
ในขณะนี้ด้านในมีอากาศค่อนข้างเย็นเล็กน้อย นั่นเป็นเพราะว่าที่ศูนย์กลางของโกดังได้มีน้ำแข็งก้อนใหญ่แช่แข็งสัตว์ร้ายเอาไว้ มันคือสิ่งมีชีวิตรูปร่างคล้ายกับเสือดาว
ขนของมันยาวจนปิดดวงตาของตนเอง หางยาวของมันเรืองแสงเล็กน้อยดูสวยงามอย่างมากเมื่อมองมันในความมืด
“สวยงามจริงๆ ถ้าหากพระอาทิตย์ตกดินเมื่อไหร่ เราจะพามันไปส่งที่ปลายทางอย่างรวดเร็วที่สุด เช่นนี้ภารกิจล่าอสูรเงาก็จะสําเร็จลุล่วงไปโดยดี แน่นอนว่ามันต้องสําเร็จและเป็นชื่อเสียงให้กับทีมของเราเท่านั้น” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ
“ฉันเหนื่อยมาก เราเกือบจะไม่สามารถจับมันมาได้แล้ว เฮ้อ ตอนนี้ฉันแย่มาก ฉันต้องการจะออกไปพักสักหน่อย” หลัวซ่งลูบไล้ไขมันบนร่างกายของตนเองพร้อมกล่าวออกมาอย่างเหนื่อยล้า
“ พวกเราสามารถออกไปพักได้ โดยที่นี่มีคนเฝ้าสักสามคนก็เพียงพอ” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวกับอีกสามคน
ในการจับกุมอสูรเงาคราวนี้ เพิ่งหมิงเฉวียนและหลัวซึ่งได้ใช้ความพยายามอย่างหนักในภารกิจครั้งนี้ ซึ่งอีกสามคนที่เหลือไม่ได้ช่วยเหลืออะไรมากนัก รางวัลที่พวกเขาจะได้รับย่อมเป็นลาภลอยอย่างช่วยไม่ได้ ดังนั้นการดูแลอสูรเงาตัวนี้จึงจําเป็นจะต้องตกเป็นหน้าที่ของพวกเขาไปโดยปริยาย
ทั้งสามไม่ได้กล่าวอะไรทั้งสิ้น พวกเขานั่งลงในที่ต่างๆของโกดังเพื่อทําหน้าที่เป็นยามจนกว่าจะถึงเวลากลางคืน
หลัวซ่งและเงินหมิงเฉวียนพากันเดินไปที่ร้านอาหารเพื่อหาพลังงานเติมเต็มกระเพาะของตนในขณะที่พวกเขาเดินไปนั้นทั้งสองได้พูดคุยกันระหว่างทาง
“พี่ชายหลัวไม่ต้องกังวลไปเลย เมื่อเราได้เข้าสู่หอคอยสามชั้นแล้ว เราสามารถใช้พรรคพวกของฉันเพื่อจัดการกับบุคคลผู้นั้นดีไหม? แม้แต่เราจะจัดการกับมันเองก็ย่อมไม่เป็นปัญหาใด! เฮอะ เรื่องราวมันช่างน่าขัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉัน…เจินหมิงเฉวียนเข้าสถาบันแห่งนี้ช้าไปสักหน่อย ไอ้บ้านนอกนั้นไม่มีทางที่จะได้รับชื่อเสียงมากมายเช่นนั้นเป็นแน่แท้เ” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวออกมาพร้อมกับตบบ่าของหลัวซ่งเบาๆ
“แน่นอน! ในสถาบันเมิงจู่แห่งนี้พวกเราควรจะเป็นวายร้ายประจําสถาบันเท่านั้น! ถ้าหากว่าตระกูลของเราทั้งสองจับมือกันล่ะก็ แม้แต่ตระกูลไปและตระกูลมู่ก็ย่อมไม่คณามือของพวกเราหรอก จริงไหม?” หลัวซึ่งกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารจนอิ่มหนําแล้ว พวกเขาต้องการที่จะกลับไปนอนพักสักหน่อย แต่ใครจะคาดคิดว่าโทรศัพท์ของเขาจะดังขึ้นในเวลาเช่นนี้
เงินหมิงเฉวียนมองดูหน้าจอ มันคือพี่ชายของเขานามว่าเงินหลิน รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาพร้อมกับรับสายอย่างมีความสุข “สวัสดีพี่ใหญ่ พี่จะโทรมาถามว่าพวกฉันเป็นอย่างไรบ้างสินะ? ไม่ต้องกังวลไปหรอก แน่นอนว่าฉันย่อมไม่ทําให้พี่ผิดหวังอย่างแน่นอน ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของพี่ที่นําข้อมูลจากสมาพันธ์นักล่ามาให้ ฉันสามารถทําภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว พวกเราจับอสูรเงาได้แล้วล่ะ!”
“อย่างนั้นเหรอ? ทําไมฉันจึงได้รับข่าวล่ะว่ามีใครบางคนที่ชื่อโม่ผ่านกําลังจะลากอสูรเงาไปใส่กรงเหล็กด้วยตนเอง?” เฉินหลินกล่าวออกมาอย่างสุขุม
“จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน? ในตอนนี้อสูรเงาอยู่ภายใต้การควบคุมของพวกเรา มันพูดพล่อยแน่นอน” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างรังเกียจ
“ฉันจะลองโทรหาพวกเขาและถามเรื่องนี้ดู” หลัวซ่งนั้นเป็นกังวลเล็กน้อย เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อโทรหาทีมของตนเอง แต่ทว่ากลับไม่สามารถติดต่อพวกเขาได้
ทั้งสามคนที่ทําหน้าที่เฝ้าอสูรเงานั้นต่างหายเงียบและไม่มีใครรับสายสักคน เจินหมิงเฉวียน และหลัวซึ่งมองหน้ากันไปมาพร้อมกับคิดในใจอย่างตรงกันว่า “บัดซบ!”
ทั้งสองคนรีบพุ่งไปที่โกดังก่อนหน้านี้ทันที เขาพบว่าประตูโกดังถูกเปิดและอสูรเงาที่เคยอยู่ใจกลางโถงแห่งนี้ไม่มีแล้ว มีเพียงทีมของเขาทั้งสามคนนอนกองอยู่บนพื้นอย่างหมดสติ
“ไอ้สารเลว ไร้ยางอายเกินไปแล้ว! มันกล้าดียังไงมาปล้นสิ่งของของพวกเรา! ค้นหาเขาเตี้ยวนี้!” เฉินหมิงเฉวียนคํารามออกมาด้วยความโกรธ
ทั้งหมดล้วนแต่ใช้ความพยายามที่จะจัดการกับอสูรเงาตนนี้อย่างมาก แต่ทว่ากลับมีใครบางคนขโมยมันไปอย่างหน้าตาเฉย ความภูมิใจทั้งหมดของเฉินหมิงเฉวียนถูกทําลายย่อยยับเช่นนี้ เขาจะอดทนต่อไปได้อย่างไรกัน?!
หลัวซ่งเมื่อได้เห็นภาพตรงหน้ายิ่งโกรธจัดมากกว่าเดิม เป็นโม่ฝานอีกแล้วงั้นเหรอ?! นี่มันเป็นครั้งที่สามหรือสี่แล้วกับไอ้สารเลวคนนี้ คราวนี้เขาจะไม่ปล่อยมันไปอีกเป็นอันขาด!
กรงเหล็กของสถาบันเมิงจู่นั้นถูกใช้งานโดยนักเรียนธาตุอัญเชิญ มันมีไว้สาหรับป้องกันอสูรที่ถูกอัญเชิญมาแล้วหลบหนีในภายหลัง
สถานที่ที่กรงเหล็กตั้งอยู่นั้นค่อนข้างจะไกลจากผู้คนมาก มันอยู่ใกล้กับเนินเขาที่ท้ายของสถาบัน ในสถานที่แห่งนั้นไม่ค่อยมีผู้คนเดินผ่านมากนัก
เมื่อมีข่าวว่าโม่ผ่านสามารถจับอสูรเงาได้ นักเรียนทั้งหมดกําลังไปดักซุ่มโจมตีเขาอยู่ที่นั่น สายตาของทุกคนเปล่งประกายเต็มไปด้วยความหวังที่จะเอาชนะในภารกิจครั้งนี้
สิ่งที่น่าขบขันสําหรับเรื่องนี้ก็คือ ผู้คนจํานวนไม่น้อยเลยที่มีความคิดซุ่มโจมตีเช่นนี้ ภายในสถานที่กว้างใหญ่ในตอนแรกดูแคบทันทีเมื่อทุกคนเริ่มมารวมตัวกันเพื่อดักซุ่มโจมตี บางคนนั้นรู้จักกันอยู่แล้วก่อนหน้า เช่นนี้พวกเขาจึงเริ่มทักทายกันอย่างเคอะเขิน
“บ้าเอ้ย ฉันจะต้องจัดการไอ้วายร้ายตัวนี้ด้วยมือของฉันเอง! มันกล้ามากที่โทรบอกทุกคนแบบนี้!” เฉินหมิงเฉวียนกล่าวออกมาอย่างอุ่นเคืองใจจนแทบบ้า
อสูรเงาที่เขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดเพื่อจับกุมมันในตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่นักเรียนทุกคนล้วนแต่มาดักรอ! พวกโง่มากมายมาอยู่ในสถานที่แห่งนี้เพื่อรอรับส่วนแบ่งจากความเหน็ดเหนื่อยที่เขาลงทุน!
แม้ว่าเจินหมิงเฉวียนจะไม่ใช่คนไร้ฝีมือ แต่ทว่าเขาก็ไม่สามารถต่อสู้กับนักเรียนกว่าพันคนเหล่านี้ได้!
“ พี่สาวมู่ โม่ผ่านจับอสูรเงาได้จริงๆงั้นเหรอ?” อ้ายตูตูกระซิบกับพี่สาวของเธอที่ดาดฟ้า
“เธอไม่เห็นรูปงั้นเหรอ?” มู่หนิวเจียวกล่าวออกมา
“สมองของเขายังปกติดีอยู่ไหมนะ? แม้ว่าเขาจะจับอสูรเงาได้จริง แต่ทําไมเขาจะต้องถ่ายรูปเซลฟี่กับมันและส่งให้เพื่อนด้วยล่ะ?” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างสงสัย
อ้ายตูตู้เห็นข่าวนี้ในขณะที่กําลังถอดกางเกงในออกและกําลังจะไปอาบน้ําเพื่อเข้านอน ใครจะคาดคิดว่าในขณะที่เธอกําลังเล่นโซเชี่ยวอยู่นั้น เธอจะเห็นภาพเซลฟี่ของโม่ฝานนั่งอยู่บนหลังของหมาปาเวท ซึ่งกําลังคาบอสูรเงาเอาไว้
สวรรค์ ให้ตายเถอะ ผู้ชายคนนี้บ้าคลั่งเกินไปรึเปล่า? ใครก็ตามที่สามารถจับอสูรเงาได้ควรจะเหยียบเรื่องนี้ไว้ให้เงียบที่สุดไม่ใช่เหรอ? จากนั้นก็ค่อยแอบเอามันไปใส่ในกรงเหล็กเท่านั้น! แต่ทว่าโม่ผ่านคนนี้กลับต้องการให้สปอตไลท์สาดส่องมาที่เขาราวกับพระเจ้า? บ้าไปแล้ว!
“เขากําลังล้อเล่นกับทุกคนอยู่รึเปล่า?”
“เขาจะล้อเล่นหรือไม่ เดี๋ยวถึงเวลาเราก็ได้เห็นเองแหละ”
ทั้งสองเงียบเสียงลงเมื่อออกไปสํารวจกลุ่มคนหลายพื้นที่กําลังรอซุ่มโจมตีตามพื้นที่ต่างๆ
พวกเขาทั้งหมดได้รับข่าวและมาที่นี่จริงๆ
“หมาป่าเวท! ฉันเห็นหมาป่าเวทแล้ว!”
“อสูรเงาอยู่ในปากของหมาป่าเวทจริงๆ!”
“สวรรค์ ราชันปีศาจตัวจริงมาถึงแล้ว!”
ทันใดนั้นเอง วิทยาเขตที่เคยเสียงดังก่อนหน้าเงียบลงทันที แต่ทว่าในสมองของทุกคนเกิดคําถามมากมายดังขึ้น โม่ผ่านบ้าไปแล้วงั้นเหรอ? หรือว่าเขาจะเสียสติไปแล้วจริงๆ?
โม่ฝานเดินทางมาถึงที่นี่อย่างตรงต่อเวลา เขาเดินไปในถนนที่เต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลรายล้อมขาของหมาปาเวทยังคงก้าวต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง
มีต้นเมเปิ้ลอยู่ทั้งสองข้างถนน เขาเห็นนักเรียนมากมายกําลังใช้ความสามารถของตนเองเพื่อหลบซ่อนจากสายตาของเขา สายตาของทุกคนจับจ้องไปที่อสูรเงาตรงหน้าแต่ทว่ากลับไม่กล้าไปยื้อแย่งจากราชันปีศาจนี้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่เดินมาจนสุดทางแล้ว เขามาหยุดอยู่ที่น้ําพุแห่งหนึ่ง ใจกลางของน้ําพุมีรูปปั้นอสูรอัญเชิญอยู่ตรงกลาง รูปปั้นนี้เต็มไปด้วยตะไคร่น้ํามากมายราวกับว่ามันคงจะยืนอยู่ตรงนี้มานานหลายปีแล้ว..
ไปจ่านเฟิงและทีมของเขาหลบซ่อนตัวอยู่หลังรูปปั้นแห่งนี้ เมื่อโม่ผ่านกําลังเดินผ่านไป สายตาของพวกเขาล้วนแต่จับจ้องไปที่อสูรเงาอย่างไม่วางตา พวกเขาทั้งหมดหันมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทําอย่างไร
อีกด้านหนึ่งของน้ําพุคือเจียหวันเฉียนและฟูเตียนหมิง สายตาของทั้งสองเบิกกว้างขึ้นอย่างไม่เชื่อภาพตรงหน้า
โม่ฝานยังคงเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง ในขณะนี้มีสองสามคนที่เริ่มทนไม่ไหวและวิ่งเข้าไปล้อมรอบเขาอย่างกล้าหาญ
แน่นอนว่าก่อนหน้านี้ไม่มีใครสักคนที่กล้าจะเคลื่อนไหวก่อน
ทุกคนรู้ดีถึงชื่อเสียงของราชันปีศาจ ความแข็งแกร่งของเขานั้นมากเกินกว่าใครจะรับมือได้ไหว ทั้งหมดรู้ดีว่าถ้าหากใครกล้าที่จะเคลื่อนไหวออกไปในตอนนี้ คนกลุ่มนั้นจะต้องได้พบเจอกับความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!