จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 228
บทที่ 228: ฉันจะแก้แค้นให้นายเอง!
แก้ไขชื่อ ถังหยู่ เป็น ถังเหย่ว*
“มีเพียงเทพีแห่งวิหารพาร์เธนอนที่จะสามารถช่วยเขาได้ แต่ทว่าเท่าที่ฉันรู้คือเทพีทั้งสิบสององค์นั้นได้ถูกสังหารไปแล้วจนหมดสิ้น ซึ่งในตอนนี้ตําแหน่งของเทพีแห่งวิหารยังคงว่างเปล่า” ถังเหย่วกล่าวตอบ
“เป็นเช่นนั้นเราจะไม่มีหวังใดเลยงั้นเหรอ?” แม้ว่าโม่ฝานจะไม่รู้ว่าถังเหย่วกําลังพูดเกี่ยวกับอะไร แต่ทว่าน้ําเสียงของเธอนั้นราวกับว่าเรื่องที่ถือจ้าวติงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นแสนจะยากเย็นเหลือเกินหรือแทบจะเป็นไปไม่ได้ด้วยซ้ํา!
ความโหดร้ายของกลุ่มศาสตร์มืดนั้นแทบจะทําให้เส้นผมทั้งหมดของเขาลุกตั้งด้วยความโกรธ
“ดูแลเขาให้ดี ตอนนี้ฉันมีบางอย่างต้องทําก่อน” ถังเหย่วตอบกลับ
“ครับ”
หลังจากที่วางสายจากเธอแล้ว โม่ฝานตระหนักได้ว่าฉือจ้าวติงกําลังเงยหน้าและมองมาที่เขาอย่างมุ่งหวัง
“กุกกะ” ฉือจ้าวติงพยายามจะกางกรงเล็บออกเพื่อแสดงท่าทางและพูดบางคํากับโม่ฝาน
“นายต้องการจะพูดอะไร?” โม่ฝานพยายามทําความเข้าใจ
“กุกกุ!” ฉือจ้าวติงชี้ไปที่อกข้างซ้ายของโม่ฝานและชี้ที่ตัวเอง
“นายต้องการให้ฉันจัดการจบชีวิตของนายงั้นเหรอ?” โม่ฝานตกตะลึกเมื่อเข้าใจความหมาย
ฉือจ้าวติงพยักหน้ารับอย่างเชื่องช้า
“ฉันจะพานายไปที่ศาลเวทมนตร์ก่อน ฉันต้องการที่จะให้นายอยู่ในความดูแลของพวกเขา และจากนั้นเราจะหาทางพานายกลับมา” โม่ฝานพูดออกมาอย่างจริงจัง
ฉือจ้าวติงสายศีรษะอย่างหมดเรี่ยวแรง ในตอนนี้ลูลู่ได้จากโลกใบนี้ไปโดยสมบูรณ์แล้ว สารรูปของเขาก็กลายเป็นสัตว์ประหลาด ถ้าหากต้องเป็นเช่นนี้ต่อไปเขาจะกลายเป็นทาสของหยู่อัน เขาจะต้องได้ทําร้ายผู้คนอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้เลวร้ายเสียยิ่งกว่าตายซะอีก
ฉือจ้าวติงนั้นไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ วิญญาณของเขาถูกผูกมัดไว้จึงไม่สามารถปลิดชีพตนเองได้เลย…. เช่นนี้เขาจึงต้องร้องขอให้โม่ฝานกระทํามันแทนเขา!
ความตายเป็นทางเดียวที่เขาจะได้ปลดปล่อยตนเองออกไปจากความทุกข์ทรมานที่กลุ่มศาสตร์มืดได้ก่อเอาไว้
โม่ฝานยังคงนิ่งเฉย เขาจะลงมือฆ่าสหายของตัวเองได้อย่างไร?
ฉือจ้าวติงเห็นว่าโม่ฝานยังไม่เคลื่อนไหวใดๆ เขาคุกเข่าลงกับพื้นเพราะกับใช้ศีรษะของตัวเองทุบลงกับพื้นอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่อง!
เขากําลังขอร้องโม่ฝาน การใช้ชีวิตต่อไปเช่นนี้มีแต่จะทรมานหัวใจของเขาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาไม่ต้องการที่จะถูกบังคับให้สังหารผู้ใดอีกแล้ว ถ้าหากว่าเขาจะต้องฆ่าใครบางคนอีก ความเจ็บปวดภายในวันนี้จะต้องกัดกินหัวใจของเขาซ้ําแล้วซ้ําเล่า เขาต้องการจะเป็นอิสระจากทุกสิ่ง บางทีลูลู่อาจจะยืนรอเขาอยู่ที่ทางช้างเผือกก็เป็นได้
โม่ฝานหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพร้อมกับโทรหาถังเหย่วอีกครั้ง เขาอยากรู้ว่ามันพอจะมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้อีกไหม
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ถังเหย่วได้ตอบกลับมานั้นมีเพียงความสิ้นหวังเท่านั้น
“ทําในสิ่งที่เขาต้องการส่งเขาไปสู่สุคติชะ” น้ําเสียงของถังเหย่วนิ่งสงบ
“ผม” โม่ฝานมองไปที่ถือจ้าวติงผู้ซึ่งกําลังเอาศีรษะของตนเองทุบกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง หัวใจของเขากําลังถูกแผดเผาจากภาพตรงหน้าอย่างเจ็บปวด
ท้ายที่สุดโม่ฝานพยักหน้ารับ เขายินยอมทําตามคําที่ถือจ้าวติงร้องขอ
เปลวไฟอัคคีกุหลาบควบแน่นอยู่ในมือของโม่ฝาน มันกําลังค่อยๆเผาไหม้ไปรอบบริเวณนี้ แสงไฟที่ร้อนแรงเผยให้เห็นสีหน้าที่แน่วแน่ของโม่ฝานและเผยให้เห็นเลือดสีดําที่กําลังไหลท่วมใบหน้าของฉือจ้าวติง
โม่ฝานมองใบหน้าของฉือจ้าวติง เขาอดคิดถึงในวันที่โรงเรียนมัธยมปลายทําพิธีปลุกพลังเวทครั้งแรกไม่ได้…. ตรงหน้าของเขาคือนักเรียนธาตุสายฟ้าที่แย่งความโดดเด่นจากนักเรียนทั้งหมดไปอย่างง่ายดาย ในช่วงเวลานั้นเขาทั้งโดดเด่นอย่างไม่มีใครเทียบ เมื่อใดก็ตามที่โม่ฝานเผลอไปสบตาชายคนนี้เต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งและทะนงตนอย่างถึงที่สุด หลังจากวันนั้นเขากลายเป็นนักเรียนธาตุสายฟ้าเพียงคนเดียวในโรงเรียนมัธยมเทียนหลาน… อนาคตของเขาสวยงาม นี่คือสิ่งที่โม่ฝานคิด
“นายสามารถไปอย่างสงบและไม่ต้องเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น!” โม่ฝานสูดหายใจลึก ขณะนี้ราวกับเข็มแหลมนับพันกําลังทิ่มแทงที่ลําคอของเขา
ในที่สุดเปลวไฟอัคคีกุหลาบได้ถูกหย่อนลงที่ศีรษะของฉือจ้าวติง มันราวกับหยดน้ําศักดิ์สิทธิ์ที่กําลังจะชําระล้างบาป
อุณหภูมิของเปลวไฟนี้ร้อนแรงมาก ในขณะที่เปลวไฟกําลังเผาไหม้ร่างกายของเขาอย่างอิสระ แขนที่อ้อนแอ้นของเขาก็พยายามที่จะเหยียดไปหาร่างกายของลูลู่ที่อยู่ด้านข้างของเขาด้วย
ร่างกายของฉือจ้าวติงถูกเปลวไฟปกคลุมไว้จนหมดสิ้น ในอ้อมแขนของเขาคือลูลู่ที่เขากอดไว้ จนลมหายใจสุดท้าย เปลวไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็วที่สุดเพราะโม่ฝานไม่ต้องการให้ถือจ้าวติงทรมานนานนัก เขาเร่งเปลวไฟให้ร้อนแรงจนถึงขีดสุดเพื่อที่เพื่อนของเขาจะได้จากไปโดยไม่เจ็บปวดมากกว่านี้
ราวกับว่าพิธีเผาศพในคราวนี้นั้นเต็มไปด้วยศักดิ์สิทธิ์และถูกทําให้จบลงอย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาร่างกายของฉือจ้าวติงและลูลู่กลายเป็นเถ้าถ่านสีดําลอยเป็นผุยผงในอากาศอย่างอิสระ
ในขั้นตอนทั้งหมดนี้ ไม่ฝานได้หันหลังให้กับพวกเขาทั้งสองโดยสมบูรณ์
ในค่ําคืนที่หนาวเหนีบมีเพียงแสงจันทราส่องลงมาบนหลังคาที่มีเพียงเขายืนอยู่ผู้เดียว เปลวไฟนั้นค่อยๆหายลับไปจากสายตาเหลือทิ้งไว้เพียงเงาลางๆ ด้านหลังของเขา
กําปั้นของโม่ฝานขยับเข้าหากันแน่นอย่างเจ็บปวด!
การเผาศพของฉือจ้าวติงและลูลู่ในครั้งนี้ทําให้ความโกรธาสุมอยู่ที่อกของเขาราวกับมันจะ ระเบิดออกมา อากาศโดยรอบถูกกดดันไปด้วยจิตสังหารที่แข็งแกร่งและมุ่งหวังจะแก้แค้น!
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความแข็งกร้าวและเดือดดาล มือที่แข็งที่อยกหูโทรศัพท์ขึ้นอีกครั้ง พร้อมกล่าวออกไปอย่างเคร่งครีม “ถังเหย่ว… ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าผู้ที่บงการเรื่องนี้ซ่อนตัวอยู่ในสถาบันเมิงจู่ใช่ไหม?”
“ใช่ น่าเสียดายที่พวกเราไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไร ถ้าหากว่าเราไม่ได้ข้อมูลนี้จากฉือจ้าวติงล่ะก็ คงต้องรอให้เขาเปิดเผยตัวเองออกมานั้นแหละนะ”
“แล้วถ้าผมเปิดโอกาสให้พวกมันเข้าถึงตัวของผมง่ายกว่านี้ล่ะ?” โม่ฝานถามออกไป
“ถ้าหากว่าน้ําพุศักดิ์สิทธิ์นั้นอยู่ในมือของนายจริง ไม่ว่าอย่างไรพวกมันก็จะต้องเคลื่อนไหวอย่างแน่นอนไม่ว่าจะเสี่ยงมากแค่ไหน” ถังเหย่วกล่าว
“อย่างนั้นก็ดี ผมจะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าใกล้ผมสักหน่อย”
“นายคิดจะทําอะไร?”
“ตอนนี้คุณรีบไปหาตําแหน่งของนักบวชสีครามเถอะ ส่วนคนที่อยู่ในสถาบันเมิงจู่ผมจะดูแลเขาเอง” โม่ฝานกล่าวห้วนๆ
หลังจากที่กล่าวจบ โม่ฝานตัดสายทันที
แม้ว่าเปลวไฟที่ด้านหลังของเขาจะมอดไหม้ไปจนหมดสิ้นแล้ว แต่ทว่าโม่ฝานก็ยังคงไม่ค่อยเต็มใจที่จะหันหลังกลับไปดู
เขาเห็นกองกระดูกของทั้งสองปะปนกัน ในนาทีสุดท้ายพวกเขาก็ยังคงกอดกันไว้อย่างแนบแน่น สายตาของโม่ฝานยิ่งแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชามากขึ้น
“พวกคุณทั้งสองคน สามารถจากไปอย่างไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น…”
“ฉัน… โม่ฝาน! จะแก้แค้นเรื่องทั้งหมดนี้แทนพวกคุณเอง!”
“หลิงหลิง เธอสามารถหาตําแหน่งของอสูรเงาได้ไหม?” โม่ฝานถาม
“ทําไมฉันรู้สึกว่ากําลังกลายเป็นคนรับใช้ของนายอยู่นะ? แม้ว่าฉันจะอยู่ในหางโจวแต่ทว่าฉันก็สามารถหาเบาะแสภายในนครเซี่ยงไฮ้ให้นายได้อยู่แหละนะ… เอาล่ะ เอาล่ะ มันจะเป็นการยุ่งยากสักหน่อยที่ฉันจะหาตําแหน่งของอสูรเงา แต่อย่างไรก็ตามการค้นหาว่าใครสามารถจับมันได้แล้วนั้นไม่เป็นปัญหามากนัก ตอนนี้อสูรเงาได้อยู่ในมือของใครบางคนที่ชื่อว่าเฉินหมิงเฉวียน” หลิงหลิงตอบกลับ
“ช่วยฉันหาตําแหน่งของพวกเขาที่”
“ไม่มีปัญหา” หลิงหลิงรู้สึกถึงน้ําเสียงของโม่ฝาน เธอรู้สึกได้ว่าความโกรธทั่งต่างกําลังจะระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา!
สําคัญกับเขาอย่างไร แต่ทว่าถ้าหากเธอสามาร
แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจว่าการค้นหาช่วยเขาได้ เธอก็จะทํามันอย่างแน่นอน!
“ฉันหาพวกเขาเจอแล้ว ในตอนนี้พวกเขาอยู่ในโกดังจัดส่งสินค้าแบบเร่งด่วนทางใต้ของสถาบันเมิงจู่” ความสามารถในการค้นหาของหลิงหลิงนั้นไม่ธรรมดาเลย เธอเป็นมากกว่านักล่าที่เชี่ยวชาญการค้นหาตําแหน่งและสามารถติดตามภารกิจที่เต็มไปด้วยเงื่อนงําความซับซ้อนได้อย่างยอดเยี่ยม เธอนั้นสุดยอดยิ่งกว่าใครทั้งหมด!
“เยี่ยม ในอีกสองชั่วโมงช่วยกระจายข้อความนี้ให้ฉันที ข้อความคือ โม่ฝานจะนําอสูรเงาไปเข้ากรงที่สถาบันในเวลาเช้าตรู่ ฉันต้องการให้ทุกคนมาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานในการสอบครั้งนี้!” โม่ฝานกล่าวอย่างหนักแน่น
“นายกําลังจะทําอะไร?”
“ฉันกําลังจะล่อเสือออกจากถ้ําน่ะ”
โม่ฝานกําลังจะค้นหาไอ้วายร้ายที่มันเป็นตัวการทําให้ฉือจ้าวติงและลูลู่ต้องตาย!
ในตอนนี้โม่ฝานจําเป็นจะต้องเปิดช่องโหว่ของตัวเองให้มากที่สุด เพราะศัตรูไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวตนออกมาก่อนอย่างแน่นอน
ถ้าหากว่าอสูรเงาอยู่ในมือของเขาแล้ว จากนั้นนักเรียนทุกคนก็จะเคลื่อนไหวมาหาเขาอย่างแน่นอน รวมถึงกลุ่มคนจากกลุ่มศาสตร์มืดด้วยเช่นกัน พวกเขาจะต้องใช้เหตุผลการแย่งชิงอสูรเงา มาเป็นข้ออ้างในการโจมตีครั้งนี้อย่างแน่นอน!
ศึกคราวนี้โม่ฝานจะต้องจับตัวการให้ได้
แน่นอนว่าเขาจะไม่มีวันปล่อยให้มันหลบหนีไปได้ ไม่มีวันอย่างแน่นอน!!!