จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 225
บทที่ 225: อสูรมืดต้องสาป
“เฮ้ อาหารเช้าน่ะ! พี่สาวมู่ช่างเป็นคนดีจริงๆ เธอซื้อมาเผื่อนายด้วยนะ รีบมาแสดงความขอบคุณเธอสักหน่อยสิ!” เช้าตรู่วันนี้ อ้ายตูตู้มองเห็นโม่ฝานที่เดินงงงวยออกมาจากห้องของตนเอง เธอตะโกนเรียกเขาและพูดถึงอาหารเช้ากลิ่นหอมตรงหน้าทันที
โม่ฝานไม่เกรงใจอะไรแม้แต่น้อย เขาหยิบและเริ่มกินมันอย่างเฉยเมย
“นายนี่มันไร้มารยาทจริงๆ!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“การสืบหาเบาะแสของอสูรเงาของพวกเธอไปถึงไหนกันแล้วเหรอ?” โม่ฝานถามออกมาอย่างไม่ได้คิดอะไร
“แน่นอนว่าฉันจะไม่บอกนาย อย่าได้คิดขโมยผลงานของพวกเราเด็ดขาดล่ะ ด้วยวิธีของพวกฉันน่ะนะ แน่นอนว่าอสูรเงาจะไม่สามารถหลบหนีไปได้ มันจะต้องกลายเป็นของพวกฉันแน่นอน!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาพร้อมกับตบหน้าอกตุ้มของเธออย่างขึงขัง
“ที่จริงแล้ว” มู่หนิวเจี่ยวกล่าวออกมาเล็กน้อยก่อนใคร่ครวญอยู่สักพักหนึ่ง เธอจึงกล่าวต่ออย่างซื่อตรง “ที่จริงแล้วฉันคิดว่าการสอบในครั้งนี้นั้นไม่ง่ายเลย การค้นหาอสูรเงานั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะยากเย็นเกินไป”
“เธอหมายความว่าอะไร?” โม่ฝานถามกลับ
ตามสถานการณ์ในตอนนี้โม่ฝานไม่มีอารมณ์ที่จะค้นหาอสูรเงาอีกต่อไป กลุ่มศาสตร์มืดกําลังเคลื่อนไหวกับเขาอยู่ อีกทั้งในตอนนี้พวกมันยังจับฉือจ้าวติงไปด้วย!
ไม่มีใครรู้ว่าฉือจ้าวติงยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ นี่คือสิ่งที่ไม่ผ่านกังวลมากที่สุดในตอนนี้
“อธิการบดีเซียวกล่าวไว้ว่า เมื่อพวกคุณสามารถนําอสูรเงากลับไปยังที่ของมันได้ เช่นนั้นภารกิจของพวกคุณจึงจะเสร็จสมบูรณ์ นี่หมายความว่าแม้ว่าพวกเราจะสามารถค้นพบอสูรเงาแล้วก็ไม่ได้แปลว่าภารกิจจะสําเร็จ เรื่องราวมันยากเย็นมากกว่านั้น” มู่หนิวเจี่ยวกล่าวออกมา
“พี่สาวมู่ พี่กําลังจะบอกว่าสถาบันนั้นไม่ได้สนใจว่าเราจะค้นหาอสูรเงาเจอหรือไม่งั้นเหรอ? เขาไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนจับมันได้งั้นเหรอ? สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือใครก็ได้ที่สามารถพามันกลับเข้ากรงสินะ… ถ้าอย่างนั้นใครก็ตามที่จับอสูรเงาตัวนั้นได้ เขาก็คงจะกลายเป็นลูกฟุตบอลในทันที ทุกคนย่อมตามล่าเขาแน่นอน!” อ้ายตูตู้อุทานออกมา
“อืม นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทําไมเราจึงต้องพิจารณาทุกสิ่งให้รอบคอบก่อนที่จะจับอสูรเงาตัวนั้น” มู่หนิวเงี่ยวกล่าว
“ท้ายที่สุดแล้วนักเรียนทุกคนจะต่อสู้แย่งชิงอสูรเงาตัวนั้น!” อ้ายตูตู้โพล่งออกมา
การวิเคราะห์อย่างลึกซึ้งของมู่หนิวเจี่ยวทําให้โม่ผ่านเข้าใจทุกอย่างทันที
สิ่งที่เขาจะต้องทําในตอนนี้คือการเฝ้ารอที่จะขโมยมันแทนงั้นเหรอ? แล้วอะไรกันที่พาให้เขาไปเสียเวลาออกตามล่ามันขนาดนั้นกันล่ะ?
หลังจากที่รับประทานอาหารเช้าเสร็จสิ้นแล้ว โม่ฝานมุ่งหน้าไปยังโรงพยาบาลที่ลูลู่ได้พักรักษาตัว
สภาพร่างกายของลูลู่นั้นดีขึ้นอย่างมาก นักเวทรักษาได้จัดการกับเธออย่างยอดเยี่ยม บาดแผลบนร่างกายที่ไม่ค่อยลึกมากได้สมานติดกันเรียบร้อยแล้ว
แต่อย่างไรก็ตามเห็นได้อย่างชัดเจนว่าสภาพจิตใจของเธอไม่ค่อยจะดีนัก ดวงตาของเธอแดง…ซึ่งแน่นอนว่าเธอกําลังกังวลเกี่ยวกับฉือจ้าวติงอยู่
โม่ผ่านพาเธอออกจากโรงพยาบาลพร้อมกับไปส่งเธอที่บ้าน เขาพยายามสอบถามถึงเหตุผลว่าทําไมเธอจึงไปอยู่ในสถานที่แห่งนั้น
“เดิมที่เราทั้งสองกําลังมองหานักเรียนจากธาตุอื่นๆเพื่อที่จะรวมทีมกันเพื่อค้นหาอสูรเงานะ แต่หลังจากที่ถือจ้าวติงได้พบกับใครบางคนในห้องน้ำ สีหน้าและท่าทางทั้งหมดของเขาเปลี่ยนไปทันที จากนั้นเราทั้งสองคนได้สะกดรอยตามนักเรียนคนนั้นไป หลังจากที่เราพยายามตามเขาอยู่สักพักหนึ่ง พวกเราได้เห็นอสูรสีดําเดินอยู่ข้างกายของนักเรียนคนนั้น ในเวลานั้นเองฉันต้องการให้เขาละทิ้งกลุ่มคนพวกนั้นซะ แต่ทว่าเขาไม่ยอมฟังฉันเลยสักนิดและยังคงดื้อด้านที่จะสะกดรอยตามคนพวกนั้นต่อไป” ลูลู่กล่าว
“นักเรียนนั้นเหรอ?” โม่ฝานถามออกมาพร้อมขมวดคิ้วแน่น
กลุ่มศาสตร์มืดนั้นได้เข้าสู่สถาบันเมิงจู่แล้วงั้นเหรอ? หรือว่าพวกมันมีหมากไว้สําหรับเดินไปมาในสถาบันเมิงจู่แห่งนี้อยู่แล้วกันล่ะ? เตรียมพร้อมสําหรับภารกิจตลอดเวลางั้นเหรอ? หรือว่ามีบุคคลระดับสูงแทรกซึมอยู่ในสถาบัน?
โม่ฝานเชื่อว่าเหตุผลหลังสุดนั้นมีน้ำหนักอย่างมาก สถาบันเมิงจู่นั้นเต็มไปด้วยความเข้มงวด ไม่มีทางที่พวกเขาจะปล่อยให้กลุ่มศาสตร์มืดแทรกซึมเข้ามาได้โดยง่ายดายแน่นอน
“โอ้ ดูเหมือนว่าพวกมันต้องการจะจัดการกับนายนะ อย่างไรก็ตามมันเกรงกลัวสถาบันและศาลเวทมนตร์มาก เช่นนี้พวกมันจึงใช้วิธีแบบหลบซ่อนได้เท่านั้นน่ะ ฉันได้ยินพวกมันพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้” ลูลู่กล่าว
“วิธีที่จะไม่เปิดเผยตัวตนอย่างง่ายดายงั้นเหรอ…” โม่ผ่านเริ่มไตร่ตรองในขณะที่เขาก้มหน้าลง
“แต่ฉันก็ไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับรายละเอียดพวกนี้นักหรอก” ลูลู่ตอบ
“เธอไปพักผ่อนเถอะ ฉันคิดว่าฉันจําเป็นจะต้องสืบหาเบาะแสที่อยู่ของฉือจ้าวติงซะก่อน” โม่ฝานกล่าวออกมา
“เราควรจะบอกเรื่องนี้กับศาลเวทมนตร์นะ..” ลูลู่เผยน้ำเสียงและสีหน้ากังวลใจ
มีเพียงศาลเวทมนตร์เท่านั้นที่จะสามารถจัดการกับกลุ่มศาสตร์มืดได้ บุคคลธรรมดาทั่วไปไม่แข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับพวกมันเหล่านั้น อสูรมืดเป็นลูกสมุนที่น่ากลัวเกินไป
“เรายังไม่สามารถบอกพวกเขาได้ในตอนนี้ ถ้าหากว่าศาลเวทมนตร์เคลื่อนไหว ฉันคิดว่ากลุ่มศาสตร์มืดจะต้องหยุดและล่าถอยไปในที่สุด… แล้วถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้นลืมเรื่องการได้พบกับฉือจ้าวติงอีกครั้งได้เลย” โม่ผ่านกล่าวอย่างตรงไปตรงมา
ใบหน้าของลูลู่ก้มต่ำ เธอไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไรหรือทําอย่างไรต่อไป
เมื่อลูลู่หลับใหล โม่ฝานเดินออกจากบ้านของเธออย่างเชื่องช้า
ดวงตาของเธอไม่สามารถปิดลงได้อย่างสนิทใจ เมื่อไหร่ก็ตามที่เธอหลับตาลง ภาพที่น่าหวาดกลัวของอสูรมืดที่โหดร้ายเหล่านั้นจะเข้ามาแทนที่ในหัวของเธออย่างบ้าคลั่ง มันจะตามเธอไปในทุกความฝัน
จากที่ลูลู่ได้พบเจอมาชั่วชีวิต นี่เป็นสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดและน่าขยะแขยงที่สุดที่เธอเคยได้พบมา กลิ่นสาปเหม็นเน่าของร่างกายพวกมันยังคงติดจมูกของเธอราวกับว่าพวกมันยังคงอยู่แถวนี้ไม่ได้หายไปไหน
ดวงตาของเธอเบิกโพลงขึ้นพร้อมกับจ้องมองไปรอบๆอย่างว่างเปล่า
ภายในห้องนี้มืดสนิท มีเพียงผ้าม่านที่ถูกเปิดไว้ครึ่งหนึ่ง โคมไฟสว่างอยู่ที่หัวเตียง ทุกอย่างในห้องเงียบ… สงัด
กลิ่นมาจากไหน?
เธอสะดุ้งตัวขึ้นมานั่งอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าความเจ็บปวดถาโถมเข้ามาราวกับว่ามีใครสาดน้ำเย็นจัดลงบนร่างกายของเธอ
สวรรค์ ทําไมในห้องของเธอจึงมีกลิ่นเหม็นเน่าอะไรพวกนี้ด้วยล่ะ!?!
ในคราวแรกมันเป็นเพียงความคิดไปเองของเธอ แต่ทว่าเมื่อเธอลืมตาขึ้นมาและตรวจสอบ เธอพบว่ากลิ่นเหล่านี้อยู่ในห้องของเธอจริงๆ
ครืน!
เสียงของมีคมขูดกับพื้นดังขึ้นบริเวณทางเดินนอกห้อง
ลูลู่หวาดกลัวจนเสียสติ เธอกระโดดออกจากเตียงของตนเองและพุ่งออกไปด้านนอกด้วยเท้าเปล่า ในตอนนี้ร่างกายของเธอกําลังอยู่บนหลังคา
กลิ่นเหม็นเน่าเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ มันมาพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ค่อยๆใกล้เข้ามา ลูลู่วิ่งไปที่บันไดหนีไฟและเธอได้พบเห็นกับกลุ่มเงาแปลกๆกําลังคืบคลานเข้ามา
ไอ้สารเลวพวกนั้น!
ขณะที่เธอเห็นเช่นนั้น เธอไม่ลังเลเลยที่จะวิ่งขึ้นไปบนหลังคาของอาคารอีกครั้ง
สิ่งที่ชัดเจนมากในตอนนี้ก็คือถ้าหากว่าเธอยังคงอยู่ที่ห้องของตนเอง สถานที่สุดท้ายที่เธอจะได้ไปก็คือโลกหน้า! ถ้าหากว่าเธอหนีออกทางหลังคา เธอจะสามารถกระโดดไปยังหลังคาใกล้เคียงเพื่อหลบหนีได้
ในขณะที่เธอวิ่งไปบนหลังคา ไม่มีใครสักคนที่จะมองเห็นเธอได้ในค่ำคืนนี้ แต่หลังคานี้คือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเธอตอนนี้!
ประตูที่เชื่อมต่อกับดาดฟ้าได้ถูกทําลายลงไปอย่างง่ายดาย
ในเวลานั้นเองอสูรมืดสามถึงสี่ตัวได้พุ่งออกจากประตูนั้น ดวงตาสีเขียวที่ลุกโชนพร้อมกับกรงเล็บแหลมยาวได้ปรากฏขึ้นที่ดาดฟ้า กลิ่นสาปเหม็นเน่าส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ
ฮุฮุฮุฮุฮุ!
ลูลู่กระโดดไปที่ดาดฟ้าของตึกข้างๆ แต่ทว่าสุดท้ายแล้วเธอกลับพบอสูรมีดโผล่ออกมาอย่างฉับพลัน
อสูรมีดรูปร่างน่าเกลียดได้ปรากฏตัวขึ้นในทุกหนแห่ง ใบหน้าและกรงเล็บของมัน เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ซึ่งเหมือนกับว่ามันเพิ่งผ่านการสังหารมนุษย์มาไม่นานนัก
ความหวาดกลัวถาโถมเข้าเกาะกุมจิตใจของเธอเป็นล้นพ้น ในตอนนี้เธอไม่สามารถหลบหนีไปที่ไหนได้อีก
ฮุฮุฮุฮุฮุ! กลุ่มอสูรมีดเหล่านั้นไม่ได้พุ่งตรงเข้าไปทําร้ายเธอในทันที พวกมันเพียงแค่ล้อมเธอไว้และปลดปล่อยออร่าของตนเองออกมาเท่านั้น
ดวงตาแดงฉานของพวกมันจับจ้องไปที่ลูลู่พร้อมกับสลับมองไปที่กลุ่มอสูรมีดตรงหน้าปากของพวกมันยังคงส่งเสียงร้องออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
เป้าหมายของกลุ่มอสูรมืดต้องสาปเล็กๆนี้ไม่ใช่ลูลู่ แต่ทว่าเป็นกลุ่มอสูรมืดอีกด้านต่างหาก!
ในขณะนี้ความสับสนเกิดขึ้นในจิตใจของลูลู่เสียแล้ว
เธอมองไปที่กลุ่มอสูรมืดต้องสาปที่กําลังส่งสายตาเคียดแค้นไปให้อสูรมืดอีกฝั่งอย่างไม่เข้าใจ
พวกแกไม่ได้มาด้วยกันงั้นเหรอ?