จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 222
บทที่ 222: อสนีบาตทมิฬสีคราม!
สายฟ้าเกรี้ยวกราดปรากฎออกมารอบกายของโม่ผ่าน
เส้นทางเนบิวลาที่สึกเหิมเผยความสวยงามอยู่ที่ใต้เท้าของเขาอย่างดุดัน
ลูลู่จับจ้องการเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาของโม่ผ่านอย่างไม่กระพริบตา เธอตระหนักได้ว่าโม่ฝานนั้นสามารถควบคุมสายฟ้าได้ดีกว่าฉือจ้าวติงมาก ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาหรือว่าการควบคุมพลังของมัน ทุกอย่างลื่นไหลไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
“หืม สายฟ้าอีกงั้นเหรอ? อ้อ นักเวทระดับมัชฌิมด้วยเหรอเนี่ย! อย่างมากแกก็คงจะสามารถสังหารอสูรมีดได้สักตัวแหละนะ จากจํานวนของพวกเราทั้งหมดแล้ว ลืมเรื่องการสังหารหมู่พวกฉันไปได้เลย ต่อให้แกร่ายเวทมนตร์จนพลังเวทหมดสิ้นก็ไม่อาจทําอะไรพวกฉันได้!” ฮุยซานกล่าวออกมาพร้อมกับแสดงสีหน้าเย้ยหยันเมื่อเห็นว่าโม่ผ่านกําลังทําแบบเดียวกับฉือจ้าวติงในก่อนหน้านี้
ธาตุสายฟ้านั้นเป็นพลังที่ค่อนข้างน่าประทับใจ ความแข็งแกร่งของมันยากยิ่งที่จะป้องกันได้โดยง่าย
แต่ทว่าทั้งหมดนี้ล้วนแต่มาจากกลุ่มศาสตร์มืดทั้งสิ้น ในหนึ่งคนนั้นสามารถควบคุมอสูรมืดได้ถึงห้าตัวพร้อมกัน! สายฟ้าที่น่าเกรงขามนี้อย่างมากก็สามารถสังหารอสูรมืดหรือมนุษย์ได้เพียงหนึ่งคนเท่านั้น แม้ว่าพลังของมันจะเหี้ยมโหดแต่ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็ยังคงไร้ประโยชน์
โม่ฝานที่ได้ฟังคําเยาะเย้ยจากศิษย์ของกลุ่มศาสตร์มืด มุมปากของเขายกยิ้มขึ้นอย่างมีเล่ห์นัยเช่นกัน
“ฉันน่ะนะไม่เหมือนกับพวกหมาข้างถนนที่พวกแกได้พบเจอหรอก แกคิดว่านักเวทระดับมัชฌิมนั้นร่ายสายฟ้าออกมาเหมือนกันงั้นเหรอ? ไอ้โง่!”
“อสนีบาต!!”
เขาชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉับพลันเสียงคํารามดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับสายฟ้าแล่นไปมาอย่างเกรี้ยวกราด
ทั้งหมดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีแสงจ้ากระพริบพร้อมกับพุ่งลงมาจากด้านบนด้วยความเร็วแสง!
สายฟ้าสีม่วงราวกับอสรพิษเกรี้ยวกราดพร้อมพุ่งเข้าหาศัตรูอย่างไม่หวั่นเกรง อากาศโดยรอบเต็มไปด้วยแรงกดดันของพลังมหาศาล พลังทําลายล้างของมันราวกับว่าจะบดขยี้โลกใบนี้ให้แหลกเป็นผุยผง
โม่ผ่านกําลังพยายามควบคุมอสนีบาตของตนเองอย่างมุ่งมั่น ในขณะที่เขาร่ายเวทมาถึงครึ่งทางแล้ว โม่ฝานตะโกนออกมาอีกครั้ง “อสนีบาตทมิหสีคราม!”
สายฟ้าสีครามเข้มได้พุ่งทะยานลงมาด้านล่าง ขณะที่พวกมันกําลังจะถึงพื้นดินทั้งหมดได้แตก แขนงออกเป็นสิบ ๆ เส้นทาง
อสนีบาตทั้งหมดแตกกระจายออกจากกัน!
สายฟ้าแยกออกเป็นห้าสาย พวกมันพุ่งเป้าไปที่อสูรมีดทั้งห้าตรงหน้าอย่างไม่สนใจสิ่งใด ดูเหมือนว่าความเกรี้ยวกราดของมันจะไม่ลดลงเลยในขณะที่ต้องแยกออกเป็นห้าเส้นทาง!
ก่อนหน้านี้อสูรมีดวิ่งไปมาอย่างดุเดือดอยู่บนพื้น แต่ทว่าเมื่อพวกมันเห็นสายฟ้าที่รวดเร็วราวกับแสงกําลังพุ่งทะยานเข้ามา ขาของพวกมันทั้งหมดพลันหยุดลงและจ้องมองด้วยความหวาดกลัว ไม่มีแม้แต่เสี้ยววินาทีให้พวกมันได้เจ็บปวด เศษชิ้นเนื้อกระเด็นไปทั่วบริเวณอย่างสยดสยอง!
หยดเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วพื้นที่ เศษซากชิ้นเนื้อกลายเป็นเศษเล็กเศษน้อยปลิวว่อนไปทั่วบริเวณ สุดท้ายแล้วทุกสัดส่วนของร่างกายอสูรมีดถูกเผาไหม้จนกลายเป็นเถ้าถ่านและกลายเป็นฝุ่นปลิวไปในอากาศ!
อสนีบาตทมิฬสีครามนั้นเป็นเวทมนตร์ที่ร้ายกาจอย่างมาก ความเร็วของมันทําให้อสูรมืดทั้งห้าไม่อาจหลบหนีได้ทันเวลา ทุกสิ่งอย่างเหลือไว้เพียงรอยเลือดและเถ้าถ่านที่ลอยคละคลุ้ง
ลําแสงเจิดจ้าที่ผ่าลงมาทําให้ลูลุ่มองไม่เห็นเหตุการณ์ถนัดนัก แต่เมื่อทัศนวิสัยทั้งหมดกลับมาเป็นปกติ เธอได้ตระหนักว่าอสูรมืดทั้งห้าตัวนั้นได้หายไปเหลือไว้เพียงรอยเลือดให้ดูต่างหน้าเท่านั้น พวกมันทั้งหมดถูกฟ้าผ่าอย่างไร้ความปราณี
นี่…นี่คือเวทมนตร์ขั้นที่สองของนักเวทสายฟ้าระดับมัชฌิม!
ในตอนนี้ไม่ฝานสามารถฝึกฝนและมาถึงเวทมนตร์สายฟ้าขั้นที่สองของระดับมัชฌิมแล้ว!
เขาสามารถสังหารอสูรมีดห้าตัวได้อย่างง่ายดายภายในเสี้ยววินาที ฮุยนี่ผู้ซึ่งได้แสดงใบหน้าเหยียดหยามโม่ฝานไว้ก่อนหน้า บัดนี้ดวงตาและร่างกายของเขาแข็งค้างจากฉากที่ได้พบเห็นเมื่อครู่
เป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขานั้นแข็งแกร่งกว่าเด็กธาตุสายฟ้าก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาหรือแม้แต่พลังเวทมนตร์ของเขา ทุกสิ่งอย่างล้วนแตกต่างราวฟ้ากับเหว!
“เร็วเข้า บุกเข้าไปเลย! ในจังหวะที่เวทมนตร์ของเขากําลังลดระดับลง” ฮุยเออร์ออกคําสั่งอย่างเคร่งเครียด
อสูรมีดทั้งหมดไม่แม้แต่จะลังเลเมื่อได้ยินคําสั่งนั้น พวกมันทั้งหมดพุ่งทะยานเข้าหาโม่ฝานอย่างไม่รักชีวิต ไม่ว่าอย่างไรเหล่าอสูรมีดเหล่านี้ยังคงเป็นพลทหารที่ยอดเยี่ยมสําหรับกลุ่มศาสตร์มืดอยู่เสมอ แม้ว่าการพุ่งเข้าไปในคราวนี้จะหมายถึงชีวิตของพวกมันทั้งหมด แต่ทว่ากลุ่มศาสตร์มืดนั้นไม่สนใจสิ่งใดทั้งนั้นนอกจากทําภารกิจให้สําเร็จ จะต้องมีอสูรมืดตายตกไปกี่ตัวก็ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะต้องสนใจ!
ตอนนี้ในสายตาของโม่ฝานไม่ปรากฏความกลัวแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรมืดนับสิบตัวที่กําลังพุ่งเข้ามาก็ตาม
สายฟ้าขนาดเท่าลูกบอลปรากฏขึ้นบนมือของโม่ฝาน การร่ายเวทสายฟ้าระดับแรกนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายมากสําหรับเขาในตอนนี้ เขาไม่จําเป็นจะต้องขยับร่างกายใดๆเลยด้วยซ้ำในการเคลื่อนไหวกับคาถาง่ายๆเหล่านี้
ฟรึ่บ!
กรงเล็บแหลมขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาโม่ฝาน เป้าหมายของพวกมันคือเส้นเลือดใหญ่ที่ลําคออย่างชัดเจน ถ้าหากว่าโม่ฝานไม่สามารถหลบการโจมตีในครั้งนี้ได้ เส้นทางสุดท้ายของเขาก็คือประตูสู่สวรรค์อย่างแน่นอน!
โม่ฝานมองเห็นการเคลื่อนไหวของอสูรมืดตรงหน้านี้แล้ว เขาค่อยๆขยับขาไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อตั้งหลัก
แสงจันทราค่อยๆเลือนหายไปเพียงเพราะก้อนเมฆบดบัง ร่างกายของโม่ฝานค่อยๆดํามืดลงไปตามเงาของจันทรา ขณะที่สัตว์เดรัจฉานพุ่งมาใกล้ จู่ๆร่างกายของเขาก็เลือนหายไปในเงามืด…
อสูรมีดพุ่งมาคว้าได้เพียงอากาศ มันโกรธจัดและพยายามมองหาร่องรอยของโม่ฝานผ่านเงามืดอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าน่าเสียดายที่โม่ฝานนั้นได้ย้ายตําแหน่งไปไกลกว่าสิบเมตรในอีกฝั่งหนึ่งแล้ว
“อสนีบาตทมิฬ พิโรธ!”
ในคราวนี้สายฟ้าของเขาไม่ใช่สีม่วงอีกต่อไป!
มันคืออสนีบาตสีครามทมิฬที่เข้มข้นมากกว่าเดิมหลายเท่า สายฟ้าที่สดสวยเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราดราวอสรพิษยักษ์ นี่คือสายฟ้าแห่งสงครามอย่างแท้จริง!
บัซซซซซ!
อสนีบาตพิโรธนั้นไม่อาจแข็งแกร่งมากเท่าไหร่นัก แต่ในตอนนี้มันหลอมรวมเข้ากับอสนีบาตทมิฬ แน่นอนว่าความเข้มข้นของพลังนั้นมากมายมหาศาล! ในคราวแรกที่มันโจมตีจะทําให้กล้ามเนื้อทุกส่วนกลายเป็นอัมพาตอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง เมื่อบวกกับความเกรี้ยวกราดของอสนีบาตทมิฬ กล้ามเนื้อทุกสัดส่วนจะถูกฉีกออกอย่างกันอย่างเหี้ยมโหด!
อสนีบาตพิโรธกระจายไปทั่วร่างกายของอสูรมืดอย่างอิสระ เมื่ออสูรมีดสัมผัสกับสายฟ้าเกรี้ยวกราดเหล่านี้ มันไม่มีสิทธิ์ที่จะขยับหรือเคลื่อนไหวใดๆทั้งสิ้น ความรุนแรงที่มันได้รับทําให้กล้ามเนื้อทุกก้อนของมันกระตุกอย่างรุนแรงอยู่หลายครั้ง!
ราวกับทั้งหมดถูกพันธนาการด้วยโซ่ตรวนที่แข็งแกร่ง ร่างกายของพวกมันเต็มไปด้วยบาดแผลบาดลึกลงไปจนเนื้อเหวอะ สุดท้ายแล้วกล้ามเนื้อที่กระตุกอยู่หลายครั้งก็ระเบิดออกกลายเป็นเนื้อสับอย่างไม่อาจขัดขืน!
กลิ่นเหม็นเน่าลอยคละคลุ้งไปทั่วบริเวณอย่างฉุนจมูก เนื้อสับเหล่านั้นกระเด็นกระดอนไปทั่ว มันร่วงหล่นลงตรงหน้าของลูลู่ไม่ถึงสิบเมตรด้วยซ้ำ บรรยากาศโดยรอบเต็มไปด้วยแรงกดดันมหาศาล แม้แต่หัวใจดวงน้อยของลูลู่ก็ยังไม่อาจเก็บกั้นความหวาดกลัวเอาไว้ได้เลย…
น่ะ… นี่คือเวทมนตร์สายฟ้าระดับปฐมภูมิไม่ใช่เหรอ? มันคืออสนีบาตพิโรธใช่ไหม?
อสนีบาตระดับปฐมภูมิขั้นที่สาม ก็คงจะสามารถสร้างความเสียหายให้กับอสูรมืดได้มากพอสมควร นักเวทส่วนใหญ่จําเป็นจะต้องใช้มันหลายครั้งเพื่อให้อสูรมืดกลายเป็นอัมพาต จากนั้นค่อยใช้เวทมนตร์ของธาตุอื่นเข้ามาช่วยเหลือในการระเบิดพวกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
อย่างไรก็ตามสายฟ้าที่โม่ฝานได้ใช้นั้นแตกต่างจากนักเรียนธาตุสายฟ้าคนอื่นๆอย่างมาก แม้แต่ฉือจ้าวติงก็ไม่อาจเทียบเคียงเขาได้เลย!
สายฟ้าของโม่ฝานเป็นสีน้ำเงินทมิฬ!
พลังของเขาสามารถสั่นสะเทือนได้แม้กระทั่งอากาศโดยรอบ แรงกดดันมหาศาลนี้นั่นแทบไม่น่าเชื่อถ้าหากไม่ได้สัมผัสมันด้วยตนเอง ในตอนแรกมันเป็นเพียงสายฟ้าธรรมดาเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วมันกลายเป็นตรวนขนาดใหญ่ที่ล่ามอสูรมีดเอาไว้ได้อยู่หมัดและระเบิดพวกมันออกเป็นชิ้นๆ!
เขาพูดมันออกมาในขณะที่ใช้เวทมนตร์นั้น
สายฟ้าของเขานั้นไม่เหมือนกับนักเวทสายฟ้าทั่วไปงั้นเหรอ?
แข็งแกร่ง!
ราชันปีศาจแห่งสถาบันเมิงจู่ผู้ที่มีชื่อเสียงยอดแย่ที่สุดในการแข่งขันประลองอสูรเวท เขาแข็งแกร่งจริงๆ! อสูรเวทที่น่ากลัวทั้งหลายเป็นได้เพียงเด็กน้อยในสายตาของเขา อีกทั้งอสูรเวทของเขาก็ยังแข็งแกร่งอย่างเหลือเชื่อและด้วยตัวของเขาเองก็สามารถบดขยี้นักเรียนคนอื่นได้เพียงแค่ยกนิ้วชี้เท่านั้น!
“อสนีบาตทมิฬ”
ในขณะที่หัวใจของลูลู่กําลังสั่นไหวและคิดไตร่ตรอง โม่ฝานได้เชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาสายฟ้าขึ้นมาอีกครั้ง
ความเร็วในการเชื่อมต่อของเขานั้นไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย มันไม่สะดุดเลยสักนิด แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับอสูรมืดนับสิบที่กําลังรายล้อมเข้ามาก็ตาม
เสียงนี้เปรียบเสมือนกับคําสาปที่เลวร้าย โม่ผ่านใช้เมล็ดอสนีวิญญาณในการร่ายเวทมนตร์ระดับมัชฌิมอีกครั้ง
แม้แต่การใช้เมล็ดอสนีวิญญาณในเวทมนตร์ระดับปฐมภูมิก็ยังสามารถสังหารอสูรมีดได้อย่างง่ายดาย แล้วถ้าหากว่าเขาใช้มันในเวทมนตร์ระดับมัชฌิมล่ะ? ความเกรี้ยวกราดของมันจะทรงพลังมากขนาดไหนกัน?
อสนีบาต!
ทมิฬ!
สีคราม!
เนบิวลาสีครามทมิฬได้ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ
อสนีบาตสีครามเข้มได้พุ่งลงมาบนพื้นดินเป็นสาย พวกมันแตกระแหงออกจากกันแต่ทว่าพลังทําลายล้างไม่ได้ลดหย่อนตามไปเลยแม้แต่น้อย
จากสถานที่ที่ไม่ไกลมากนัก ผู้คนที่ยืนอยู่ริมแม่น้ำหวงผู่จะได้เห็นกับแสงประกายระยิบระยับที่สุดแสนจะเกรี้ยวกราด พลังทําลายล้างของมันสําแดงเดชไปทั่วบริเวณอย่างองอาจ นั่นคือพลังแห่งอสนีบาตทมิฬสีคราม! สายฟ้าที่เกรี้ยวกราดเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม รัศมีแห่งความตายกําลังปกคลุมไปทั่วพื้นที่แห่งนี้