จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 220
บทที่ 220: กับดักที่ผิดพลาด
ริมฝั่งแม่น้ำหวงผู่ มีแสงสว่างสาดส่องลงมาจากระยะไกล เมื่อกระทบกับผิวน้ำเกิดเป็นประกายระยิบระยับเคลื่อนไหวตามเกลียวคลื่นน้อยราวกับริบบิ้นหลากสีสันกําลังล่องลอยอยู่ท่ามกลางความมืดมิด
ทว่ากลับมีกลิ่นเหม็นเน่าราวกับซากศพปนมาในอากาศบริสุทธิ์นี้อย่างอุกอาจ กลิ่นที่เพิ่งจะเข้ามาเยือนในสถานที่แห่งนี้ทําลายความสวยงามทั้งหมดไปโดยสมบูรณ์ ร่างกายสีดํามืดค่อย ๆ โผล่ออกมาทีละตัวจนครบห้า เห็นได้ชัดว่ากลิ่นเหม็นเน่าเหล่านั้นมาจากพวกมันอย่างแน่นอน
ร่างของพวกเขาทั้งห้านั้นลอยข้ามแม่น้ำไปราวกับเศษขยะ เสียงหวีดหวิวที่ปะทะกับสายลมดังระงมไปทั่วบริเวณ
ทั้งห้านั้นกําลังรีบเร่งมาที่ริมแม่น้ำ พวกเขาทั้งหมดนัดหมายกันไว้ที่นี่เพื่อจุดประสงค์ใดสักอย่าง!
“ฮุยที่สี่นายอยู่ด้านนอก ถ้าหากว่านายพบเจอกับเป้าหมายก็รีบบอกฉันทันที” ชายหนุ่มสวมใส่เสื้อคลุมสีเทายาวพร้อมกับมีหน้ากากปกปิดใบหน้ากล่าวออกมาอย่างเย็นชา
ทั้งห้าคนล้วนแต่สวมใส่ชุดคลุมยาวสีเทาทั้งหมด กลิ่นเหม็นเน่าถูกปล่อยออกมาจากร่างกายของพวกเขาอย่างแม่นยํา ด้วยการมองผ่านเพียงครั้งเดียวก็สามารถรู้สึกได้ถึงความชั่วร้ายภายใต้ชุดเหล่านั้น พวกเขาไม่ใช่คนดี!
“ครับท่าน” ชายที่ถูกเรียกว่าฮุยที่สี่ยืนตรงพร้อมกับโค้งรับคําสั่งและยืนเฝ้าอยู่ที่ด้านนอกอย่างแน่วแน่
พวกเขาเดินเข้าไปในโรงงานเก่าๆ ดูเหมือนว่าโรงงานนี้จะมีเนื้อที่เน่าเหม็นกองอยู่เต็มไปหมด มันเต็มไปด้วยเนื้อคุณภาพต่ำ กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ภายในกองเนื้อเหล่านี้เต็มไปด้วยสิ่งแปลกปลอม ซึ่งกองเนื้อขนาดใหญ่ดูเหมือนจะเป็นอาหารสุนัขมากกว่าที่จะเป็นเนื้อชั้นดีซึ่งวางขายอยู่ในตลาด
ภายในโรงงานแห่งนี้มีเครื่องจักรอยู่ อย่างไรก็ตามไม่มีใครแม้สักคนที่อยู่ด้านในเลย ในระยะร้อยเมตรนี้ไม่มีแม้แต่มด!
“ทันทีที่เราเจอกับเป้าหมาย จงจําไว้เสมอว่าเขาจะต้องมีชีวิตอยู่ ห้ามผิดพลาดเด็ดขาด ถ้ามิฉะนั้นพวกแกคงจะรู้นะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาพูดกับอสูรตัวดําตรงหน้าอย่างเด็ดขาด ซึ่งพวกมันก็พยักหน้ารับอย่างเชื่อฟังคําสั่ง
ทั้งสามคนที่เหลือมองไปที่อสูรมืดตรงหน้า ความหวาดกลัวเกาะกินจิตใจของพวกเขาทันที ความเย็นวาบซึ่งไม่รู้ว่ามาจากที่ใดได้ปกคลุมจิตใจทั้งหมดไปแล้วโดยสมบูรณ์
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของกลุ่มศาสตร์มืดก็คือถ้าหากว่าเมื่อใดที่คุณทําผิดพลาด บทลงโทษที่คุณจะได้รับนั้นน่ากลัวเสียยิ่งกว่าความตาย!
ที่ด้านนอกโรงงานมีชายคนหนึ่งสวมใส่ชุดสีม่วงกําลังเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ ดวงตาของเขาเปล่งประกายเขร่งขรึมและยิ่งดูลึกลับอย่างมากในยามค่ำคืน
“ลูลู่ เธอรอตรงนี้ก่อน ฉันจะเป็นคนเข้าไปดูข้างในเอง!” ชายคนนั้นกล่าวออกมากับหญิงสาวผมม้าด้านข้าง
“ฉันว่าอย่าเข้าไปจะดีกว่า มันดูอันตรายเกินไปนะ ฉือจ้าวติง บอกหน่อยสิว่าทําไมนายถึงต้องคอยสะกดรอยตามคนพวกนี้ด้วย? พวกมันเป็นตัวอะไรก็ไม่รู้ ครึ่งมนุษย์? ครึ่งเดรัจฉาน? ตัวอะไรกัน!?” หญิงสาวที่ถูกเรียกว่าลูลู่กล่าวออกมา
ขณะที่ฉือจ้าวติงได้กลิ่นเหม็นเน่าเหล่านั้นที่สถาบัน แววตาและอารมทั้งหมดของชายหนุ่มตรงหน้าได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หญิงสาวเดินตามเขามาเรื่อย ๆ เพราะไม่เข้าใจสาเหตุที่เขาเปลี่ยนไป เธอไม่สามารถช่วยอะไรได้นอกจากตามเขามาแบบเงียบ ๆ
“อย่าถามมาก เธอต้องรอตรงนี้! ถ้าหากว่าภายในสิบนาทีแล้วฉันไม่กลับมา เธอจะต้องออกไปจากที่นี่ทันที จําเอาไว้ให้ดีว่าห้ามอยู่ที่นี่เด็ดขาด!” ฉือจ้าวติงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งเครียดอย่างมาก
แต่เดิมฉือจ้าวติงกับลูลู่นั้นกําลังค้นหาอสูรเงาด้วยกัน แต่ขณะที่พวกเขากําลังตามหาเบาะแสต่างๆภายในสนามเด็กเล่น ฉือจ้าวติงสามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นที่แปลกประหลาดซะก่อน
กลิ่นเหม็นสาปสุดขยะแขยงเช่นนี้เป็นสิ่งที่ฉือจ้าวติงจะไม่มีวันลืมเด็ดขาดตลอดชั่วชีวิตของเขา มันคือกลิ่นที่ออกมาจากร่างกายของอสูรมืด… อสูรที่โผล่ออกมาทําลายเมืองบ่อ!
เขาได้แต่ภาวนาให้สัมผัสรับรู้ของเขาเพี้ยนไปเท่านั้น แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเขาสะกดรอยตามมาเรื่อย ๆ จึงได้รู้ว่ามันคืออสูรมืดจริง ๆ !
กลุ่มศาสตร์มืด!
ผู้คนจากกลุ่มศาสตร์มืดงั้นเหรอ!
เหมือนว่าพวกมันกําลังวางแผนจะทําอะไรอีกครั้งล่ะสิ!
ในหัวใจของฉือจ้าวติงนั้นเกลียดชังกลุ่มศาสตร์มืดอย่างเปี่ยมล้น พวกมันทั้งหมดคือต้นเหตุที่ทําให้ครอบครัวของเขาทั้งหมดตายตกไป!
ใกล้บ้านของฉือจ้าวติงนั้นเป็นอุโมงค์ขนาดใหญ่ ซึ่งเอาไว้สําหรับหลบภัย เขาวิ่งไปรอบเมืองเพื่อจะค้นหาชื่อของครอบครัวด้วยจิตวิญญาณที่แตกสลาย สุดท้ายแล้วเขาก็ได้เห็นเพียงชื่อของพวกเขาอยู่บนกระดาษสีขาว… การจากไปที่ไม่มีวันกลับมาอีกแล้ว!
แม้ว่าเขาจะรอดชีวิตมาได้ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็อยู่บนโลกนี้ด้วยตนเอง ตัวคนเดียว
แน่นอนว่าฉือจ้าวติงพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อจะหักห้ามใจให้ลืมความโหดร้ายในคราวนั้นไปให้หมด เขาต้องการจะมีชีวิตใหม่อยู่ในสภาพแวดล้อมใหม่ ๆ ในตอนนี้เขามีหญิงสาวที่ยอดเยี่ยมคอยอยู่ข้างเขาเสมอ ซึ่งเธอเป็นคนที่ทําให้เขารู้สึกมีความสุขและคลายความเจ็บปวดลงไปมาก…
แต่อย่างไรก็ตาม… กลิ่นที่โหดร้ายวันนั้นได้กลับมาแตะจมูกของเขาอีกครั้ง
กลิ่นแบบนี้ถูกส่งออกมาจากร่างกายของนักเรียนในสถาบันเมิงจู่ แต่เมื่อเขาสะกดรอยตามคนผู้นั้นมากลับพบว่านักเรียนคนนี้คือสมาชิกของกลุ่มศาสตร์มืด!
เหมือนว่าโรงงานแห่งนี้จะเป็นรังของพวกมันล่ะสินะ….
เขาจะต้องเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นเพื่อยืนยันคําคอบ ถ้าหากว่าทุกอย่างเป็นเรื่องจริงเขาจะต้องรีบแจ้งให้กับศาลเวทมนตร์ทราบทันทีและพวกเขาจะต้องมาที่นี่
กลุ่มศาสตร์มืดที่ชั่วร้ายพวกนี้จะต้องถูกกําจัดออกไปจากโลกใบนี้ให้หมดสิ้น
ฉือจ้าวติงค่อย ๆ ย่องเข้าไปในภายโรงงานอย่างช้า ๆ ซึ่งโรงงานแห่งนี้มีขนาดใหญ่มากพอสมควร หลายที่เหมาะแก่การซ่อนตัวอย่างมาก อีกทั้งฉือจ้าวติงยังเชื่อมั่นในความสามารถของตนเองอย่างมาก
ลูลู่นั้นเฝ้ารออยู่ที่ด้านนอก เธอไม่มีถาคาเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่น้อย สิ่งที่เธอทําได้ในตอนนี้คือการรอและตั้งรับเท่านั้น
จิตใจของเธอเต็มไปด้วยความกังวลอย่างมาก ซึ่งเธอไม่รู้ว่าบุคคลที่อยู่ในโรงงานคือใคร อย่างไรก็ตามเธอสามารถรับรู้ได้ว่าพวกเขาเหล่านั้นโหดเหี้ยมเพียงใด ถ้าหากว่าฉือจ้าวติงได้เผชิญหน้ากับพวกเขาเหล่านั้นล่ะก็… เธอก็ไม่รู้เลยว่าเขาจะสามารถเอาชีวิตรอดได้ไหม
ฉือจ้าวติงนั้นปลุกพลังเวทครั้งที่สองขึ้นมาแล้ว ซึ่งธาตุที่เขาสามารถใช้งานได้คือธาตุลม
แน่นอนว่ามันเป็นสิ่งที่เหมาะสมกับเขามาก เขาต้องการเวทมนตร์ที่ทําให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว กล่าวก็คือเขานั้นมีความสามารถในด้านการโจมตีด้วยธาตุสายฟ้าที่แข็งแกร่ง แต่ทว่ากลับไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเองด้วยซ้ำ นี่คือสิ่งที่เขามาเติมเต็มความสามารถของเขาได้พอดิบพอดี
ฉือจ้าวติงปืนขึ้นไปบนหน้าต่างที่แตกหัก เขายืนอยู่บนไม้กางเขนขนาดใหญ่และมองเข้ามาในโรงงานที่กว้างขวางตรงหน้า
“พวกมันทั้งหมดอยู่ที่นี่สินะ หนึ่ง สอง สาม สี่ แปลก มันหายไปไหนหนึ่งล่ะ?” ฉือจ้าวติงเฝ้าดูบุคคลเหล่านั้นจากด้านบน ซึ่งเขานับดูแล้วพบว่ามีใครบางคนหายไป ดูเหมือนว่าในตอนนี้พวกมันทั้งหมดกําลังรอคอยใครสักคนอยู่
“กําลังมองหาฉันอยู่งั้นเหรอ?” เสียงที่เย็นเยือกเปล่งออกมาที่ด้านข้างของเขา
ฉือจ้าวติงสะดุ้งพร้อมกับหันหลังอย่างรวดเร็ว เขาพบว่าสิ่งที่เขากําลังมองหานั้นยืนอยู่ไม่ไกลจากเขานัก
ความงุนงและโง่เขลาเข้าปกคลุมจิตใจของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว
เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกมันกําลังสร้างกับดักเพื่อรอใครบางคนเข้ามาในโรงงานนี้จริง ๆ งั้นเหรอ?
เป็นไปไม่ได้! ฉันต่างหากที่เป็นคนสะกดรอยตามพวกมันมา แต่ทําไมพวกมันจึงสามารถค้นพบฉันได้ก่อนงั้นหล่ะ?!
“อสนีบาตพิโรธ!”
ฉือจ้าวติงเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว สายฟ้าสีม่วงที่เกรี้ยวกราดปรากฏขึ้นบนมือของเขาอย่างมันเหมาะ
อสรพิษสีม่วงเปล่งประกายอยู่รอบตัวของฉือจ้าวติงอย่างเกรี้ยวกราด เส้นทางดวงดาวทั้งหมดถูกวาดอย่างชํานาญทําให้คาถานี้สําเร็จได้ภายในพริบตาเท่านั้น
สายฟ้าเหล่านี้จะถูกโยนออกไปโดยฉือจ้าวติง แน่นอนว่าโอกาสน้อยมากที่เขาจะพลาดถ้าหากว่าได้ใช้คาถานี้ อสรพิษอันปราดเปรียวพุ่งพล่านไปด้านหน้าอย่างไม่หวั่นเกรง
“ธาตุสายฟ้างั้นเหรอ! เป้าหมายปรากฏตัวแล้ว! จับเขาไว้ให้ได้!” ฮุยที่สี่ผู้นําทีมได้คํารามออกมาทันทีหลังจากตรวจจับเวทมนตร์สายฟ้าได้
อีกสามคนที่เหลือได้จัดเตรียมกับดักเสร็จสิ้นแล้ว จากคําสั่งที่ได้รับทําให้ร่างวานรทมิฬโผล่ออกมาจากหน้าต่างทั้งหมด กลิ่นเหม็นเน่าคละคลุ้งไปทั่วบริเวณจนทําให้ใบหน้าบิดเบี้ยว
ฉือจ้าวติงหันมองไปรอบ ๆ พร้อมกับใบหน้าซีดเผือด เขาค้นพบว่าตนเองถูกล้อม!
จากด้านหน้าของเขานั้นมีพวกมันประมานสิบตัว บนคานเหล็กอีกเจ็ดตัว ที่ทางออกและหน้าต่างมีอีกประมานแปดตัว!
มีอสูรมืดทั้งหมดยี่สิบตัวในสถานที่แห่งนี้
ฉือจ้าวติงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าพวกมันจะวางกับดักในสถานที่แห่งนี้เพื่อจับกุมเขา
มันรู้ได้อย่างไรว่าฉันกําลังติดตามพวกมันอยู่? บ้าเอ๊ย!
“ฉันจะฆ่าพวกแกให้หมด!” ฉือจ้าวติงคํารามออกมาเสียงดังลั่น ใบหน้าของเขาแดงฉานจากความโกรธจัด!