จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 219
บทที่ 219. สืบ
เวลาที่กลุ่มศาสตร์มืดต้องการทําอะไรบางอย่าง พวกเขามักจะใช้แผนชั่วร้ายเสมอ
ในตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆจากพวกมันเลยแม้แต่น้อย ซึ่งมันอาจเป็นไปได้ว่ากลุ่มศาสตร์มืดกําลังวางแผนชั่วเอาไว้เพื่อที่จะจัดการโม่ฝานให้จบภายในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
แน่นอนว่าโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการโจมตีโม่ผ่านนั้นคือการสอบเข้าวิทยาเขตหลักในคราว
อีกทั้งการสอบเข้าวิทยาเขตหลักนี้ไม่สามารถยกเลิกได้ ถ้าหากว่ามันไม่เกิดเรื่องขึ้น ความเสียหายขนาดใหญ่จะตามก้นของพวกเขามาทันที นอกจากนี้สถาบันเมิงจู่ยังไม่มีอํานาจที่จะสั่งการให้ยุติทุกสิ่งได้เพียงเพราะสงสัยว่ากลุ่มศาสตร์มืดกําลังเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆกับสถาบันแห่งนี้แน่นอน
ลืมมันไปก่อนดีกว่า ค่อยคิดเรื่องนี้ในภายหลัง ตอนนี้ฉันจะต้องจัดการตามหาเจ้าอสูรเงาก่อน!
“เฮ้ ลิงน้อย ตอนนี้แกอยู่ในกองทัพรึเปล่า?” โม่ฝานยกโทรศัพท์ของเขาโทรหาจางหู
“ใช่แล้วล่ะพี่ฝาน ฉันอยากจะบอกพี่จริงๆว่าตอนนี้น่ะความสามารถของฉันสุดยอดไปเลยนะ…” ทันทีที่จางหูได้เห็นว่าโม่ผ่านโทรหาเขา ความข็งขังที่เขาพยายามสร้างภาพมาตลอดในกองทัพได้หายไปจนหมดสิ้น ในตอนนี้เขากลายเป็นเพียงเด็กน้อยคนหนึ่งซึ่งพยายามจะโอ้อวดความสามารถของตนเอง
“นายสมัครเข้าร่วมกับกองทัพแล้วงั้นเหรอ?” โม่ฝานถามออกไปอย่างตื่นตระหนก
ดูเหมือนว่าจางหูนั้นจะเข้ากันได้ดีกับกองทัพอย่างมาก ทางกองทัพพยายามที่จะเลี้ยงดูเขาอ ย่างดี แม้ว่าเขาจะต้องไปเข้ารับการฝึกที่กองทัพกลางเป็นเวลาหนึ่งปีอย่างหนักแต่เมื่อทันทีที่จาง หูได้กลับมาเขาก็ได้เลื่อนตําแหน่งทันที
“ใช่แล้ว ฉันได้เรียนรู้อะไรมากมายจากที่นั่นเลยนะ อ้อ พี่ฝานโทรหาฉันมีอะไรด่วนงั้น เหรอ?” จางหูถามออกมา
หลังจากที่ผ่านพ้นโศกนาฏกรรมในเมืองบ่อไปแล้ว จางหูได้เลือกเส้นทางของเขาโดยการเดินเข้ากองทัพซึ่งมันเป็นทางเลือกที่นักเรียนส่วนใหญ่ไม่ค่อยสนใจนัก ส่วนโม่ฝานนั้นเลือกที่จะเข้าสู่นครเซี่ยงไฮ้เพื่อเรียนต่อในสถาบันยิ่งใหญ่ แม้ว่าเส้นทางของทั้งสองจะแตกต่างกันมากแต่ทว่ากลับไม่เป็นปัญหากับความสัมพันธ์ของพวกเขาเลยแม้แต่น้อย
“อ่าใช่ ฉันอยากจะรู้เกี่ยวกับอสูรเวทในกองทัพน่ะ มันชื่ออสูรเงา” โม่ผ่านกล่าวออกไป
“อ่า ฉันไม่ได้ดูแลตรงส่วนนั้นเลยน่ะสิ อย่างไรก็ตามฉันมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งซึ่งเขาดูแลอสูรเงาอยู่ ถ้าหากข้อมูลที่เป็นความลับมากๆอาจจะไม่ได้นะ แต่ส่วนข้อมูลธรรมดาทั่วไปฉันว่าคงไม่มีปัญหาอะไรหรอก” จางหูกล่าวออกมา
จรรยาบรรณของจางหูในการทํางานนั้นเรียกได้ว่าสูงมาก โม่ผ่านโทรหาเขาในตอนเช้า ของวันและในตอนบ่ายเขาได้รับคําตอบจากจางหูว่าส่งของที่เขาต้องการให้แล้วเรียบร้อย มันเกี่ยวของกับอสูรเงาที่ไม่ผ่านต้องการ
“พี่ฝาน ถ้าหากว่าพี่เข้ามาที่กองทัพหลวงล่ะก็… มาหาฉันบ้างนะ ฉันอยากเจอพี่ สุดๆเลยหละ!”
“แน่นอนอยู่แล้ว!”
“พี่ฝาน…. แล้วในตอนนี้พี่เป็นอย่างไรบ้าง ยอดเยี่ยมเลยใช่ไหม?”
“แน่นอน”
“พี่ฝาน พี่ยังเหมือนเดิมเลยนะ ไม่เคยถ่อมตัวสักนิด!”
สิ่งของที่จางหูส่งมานั้นช่วยเหลือโม่ฝานได้มากจริงๆ สิ่งที่ส่งมานั้นระบุว่าอสูรเงานั้นชื่นชอบเนื้ออย่างมาก มันจะต้องกินวัวอย่างน้อยครึ่งตัวต่อวันในทุกๆวัน ถ้าหากต้องการค้นหาอสูรเงาที่หลงทางง จะต้องเริ่มค้นหาจากโรงฆ่าสัตว์ต่างๆ หรือโรงงานแปรรูปเนื้อวัวในนครเซี่ยงไฮ้แห่งนี้
ตอนนี้ไม่ฝานไม่ได้รีบร้อนที่จะไปยังโรงงานแปรรูปเนื้อวัวแต่อย่างใด เซี่ยงไฮ้นั้นเป็นเมืองข นาดใหญ่ แน่นอนว่าโรงงานเหล่านี้คงมีมากเป็นหลักพัน ซึ่งถ้าหากนับรวมโรงงานขนาดใหญ่คงมีป ระมานแปดร้อย แต่การจะค้นหาอสูรเงาด้วยจํานวนเหล่านี้นั้นการพูดง่ายกว่าลงมือทําอย่างมาก!
ในตอนนี้ไม่ฝานเดินทางมาที่สถานีตํารวจ ระดับนักล่าของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าเจ้าหน้าที่ มากนัก โม่ฝานต้องการจะให้ตํารวจช่วยค้นหาเบาะแสของโจรขโมยเนื้อ
“คุณนักล่า สิ่งที่คุณต้องการนั้นเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย นี่คือรายงานทั้งหมดที่เราได้รับรา ยงานเข้ามา ส่วนใหญ่แล้วเมื่อเกิดเหตุเราจะส่งคนไปดูและตรวจสอบเท่านั้น การสอบสวนเต็มรูป แบบนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยเกี่ยวกับการขโมยเนื้อสัตว์” พนักงานหญิงกล่าวกับโม่ฝานอย่างสุภาพ
“อ้อ ขอบคุณมากครับ อีกอย่างหนึ่งที่ผมอยากจะขอก็คือหากมีการรายงานเข้ามาว่าเกิดการขโมยเนื้อในเมืองแห่งนี้อีกรบกวนแจ้งผมด้วยนะครับ นี่คือรายละเอียดการติดต่อของผม…” โม่ฝานบอกกล่าวกับพนักงานหญิงตรงหน้าอย่างสุภาพเช่นกัน
“ได้เลยค่ะ!” ดูเหมือนว่าพนักงานหญิงคนนี้จะเป็นเจ้าหน้าที่ที่มาใหม่ ซึ่งท่าทางของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นที่จะทํางานอย่างมาก
หลังจากที่ออกจากสถานีตํารวจแล้ว โม่ฝานรีบกลับมายังที่พักเพื่อดูเอกสารต่างๆของการขโมยเนื้อสัตว์
“ความถี่การขโมยเนื้อสัตว์ค่อนข้างสูงมากที่เขตผู่ตง เมื่อวานนี้ล่าสุดอยู่ที่บริ เวณถนนเชิงหว่านสถานที่แห่งนี้อยู่ใกล้กับท่าเรือ ซึ่งเนื้อสัตว์มากมายจะถูกเก็บไว้ที่นี่ก่อนที่จะถูกส่งข้ามเมือง” โม่ฝานเริ่มลําดับการเดินทางของเนื้ออย่างรวดเร็วจากข้อมูลที่เขาได้รับ
โม่ฝานออกมาที่ถนนเชิงหว่านอย่างรวดเร็ว ซึ่งมันอยู่ใกล้กับท่าเรือของเขตผู่ตง การมีระดับในสมาคมนักล่านั้นทําให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบาย ตราบใดที่เขาสืบคดีเกี่ยวกับอสูรเวททุกคนจะบอกทุกสิ่งอย่างที่พวกเขารู้อย่างไม่ปิดบังแน่นอน
เขามาถึงโกดังเนื้อจากนั้นเริ่มการสํารวจอย่างรวดเร็วทันที สายตาและประสาทสัมผัสทั้งหมดทํางานพร้อมกันอย่างระมัดระวัง
สิ่งที่จางหุ้มอบให้เขามานั้นบ่งบอกว่าห่างของอสูรเงานั้นมักจะหลุดร่วงอยู่เสมอ เส้นขนของมันเมื่อหลุดออกจากร่างกายแล้วสามารถเรืองแสงได้ ดังนั้นถ้าหากเขาต้องการจะค้นหาว่าอสูรเงาเคยมาที่นี่หรืออยู่บริเวณนี้ไหมจําเป็นจะต้องค้นหาขนของมันจากพื้นที่แถวๆนี้ก่อน
หลังจากที่ไม่ผ่านเข้าออกโกดังเก็บเนื้อวัวมากกว่ายี่สิบแห่ง ในที่สุดโม่ผ่านก็มาถึงโกดังที่ไม่ค่อยจะได้รับการดูแลสักเท่าไหร่ สภาพของมันตามมีตามเกิดและดูใช้งานได้เท่านั้นท้ายที่สุดมัน มีขนเรืองแสงตกอยู่!
“ขนที่หลุดร่วงออกมาจะเรืองแสงและกลายเป็นฝุ่นหลังจากนั้นเจ็ดวัน ขนเส้นนี้ก็แทบ จะกลายเป็นฝุ่นแล้วนะ…”
การค้นหาของเขายังคงไม่ได้เบาะแสอะไรเกี่ยวกับมันมากนัก แต่มันก็บอกได้ว่าอสูรเงาเคยมา ที่นี่แม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆก็ตาม
การจะอยู่ต่อไปในสถานที่แห่งนี้ไม่มีประโยชน์อะไร โม่ฝานจําเป็นจะต้องเดินทางไปโกดังแห่งอื่นเพื่อค้นหาเบาะแสใหม่ๆเท่านั้น
หลังจากที่ไม่ผ่านเดินออกไปไม่นานหนัก ที่มอื่นก็ได้เข้ามาที่โกดังแห่งนี้ พวกเขาเริ่มสํารวจเนื้อวัวที่ดูแตกต่างกันออกไปอย่างระมัดระวัง
“น้องชายมันคืออสูรเวทจริงๆงั้นเหรอ? ดูเหมือนว่าเมื่อครู่ก็มีคนเข้ามาสํารวจที่นี่ด้วยเช่นกันนะ” ชายหนุ่มคนงานกล่าวออกมาพร้อมกับแข้งขาที่สั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
“โอ้ งั้นเหรอ? มีใครบางคนมาที่นี่ก่อนเราด้วยเหรอ?” เฉินหมิงเฉวียนถามกลับด้วยความตกใจเล็กๆ
เงินหมิงเฉวียนก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีชื่อเสียงภายในโรงเรียนเช่นกัน เขาใช้ช่องทางที่เขามีความสัมพันธ์กับสมาคมนักล่าเพื่อเดินทางสืบตามถนนเส้นนี้เช่นกัน เขาคิดมาตลอดว่าเขาคือคนแรกที่ได้รับเบาะแสเหล่านี้ แต่ทว่ากลับมีคนอื่นมาที่นี่ก่อนเขา!
“ดูเหมือนว่าเราจะต้องเร็วกว่านี้สักหน่อย ถ้าหากว่ามีคนอื่นพบมันก่อนคงจะไม่ดีนัก” หลัวซึ่งกล่าวออกมา
“ไม่ต้องกังวลหรอก อสูรเงาตัวนั้นจะต้องเป็นของพวกเรา!” เฉินหมิงเฉวียนตอบกลับอย่างหนักแน่น
หลังจากที่โม่ฝานเดินออกมาจากโกดังเนื้อ เขามุ่งหน้าตรงไปสู่แม่น้ําหวงผู้
“สวัสดีครับ นั่นใครครับ?” ขณะที่โม่ผ่านกําลังจะเดินต่อไปยังพื้นที่ถัดไป โทรศัพท์ของเขาดัง ขึ้นอย่างฉับพลัน
“คุณนักล่า ฉันเอง! เมื่อครู่ฉันเพิ่งได้รับรายงานมาว่ามีเนื้อวัวจํานวนมากถูกขโมยออกไปแถวๆซูเจียง คุณอยากจะไปดูไหม?” พนักงานที่สถานีตํารวจกล่าวออกมาจากปลายสาย
“อ้อ ถ้างั้นฉันจะไปดูสักหน่อย ขอบคุณมากนะ ไว้มื้อหน้าฉันจะเลี้ยงเนื้อเป็นการตอบแทน”โม่ผ่านตอบกลับอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…”
ชายสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งพร้อมกับสวมหมวกปิดบังไว้ค่อยๆถอดหมวกออกมาเขายืนอยู่ข้างร้านสะดวกซื้อซึ่งเป็นลานจอดรถ สายตาและท่าทางของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชาและสุดซับซ้อน
สิ่งมีชีวิตสีดําสนิทยืนอยู่ข้างเขาอย่างน่าขยะแขยง กรงเล็บยาวของมันโอบรอบคอของพนักงานหญิงที่อยู่ในสถานีตํารวจเอาไว้ใบหน้าของเธอชุ่มเหงื่อและซีดขาว เพียงแค่อสูรมืดขยับกรงเล็บเพียงเล็กน้อย เลือดสดๆก็จะสาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณแห่งนี้อย่างแน่นอน
“ทําได้ดีมาก ฉันจะไม่ฆ่าแก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะไม่ฆ่าครอบครัวของแก มันจะดีมากถ้าหากแกยอมรับปากว่าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น…” ชายหนุ่มสวมหน้ากากกล่าวออกมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่า
ซึ่งความจริงก็คือเขาต้องการที่จะสังหารทุกคนที่ขวางทาง
ไม่ว่าเขาจะมองไปทางไหนก็พบว่าใบหน้าของพวกคนเหล่านั้นคือโม่ฝาน เช่นนี้เขาจึงต้องการที่จะสังหารทุกคนที่เขาได้พบเจอ
แต่อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้จัดการกับตํารวจหญิงคนนี้แต่อย่างใด
ถ้าหากว่าเธอตาย แน่นอนว่าคนจากสมาพันธ์นิติบัญญัติจะเริ่มออกตามล่าตัวเขาอย่างรวดเร็ว
ความสุขของกลุ่มศาสตร์มืดคือการสังหารผู้คน การฆ่าคนไม่จําเป็นจะต้องมีเหตุผลใดรองรับเลยเพียงแค่พวกมันได้เติมเต็มความสุขในจิตใจก็พอแต่ถ้าหากว่าการสังหาร ใครสักคนแล้วมันนําพาปัญหาใหญ่มาให้พวกมันก็จะพยายามละเว้นคนๆนั้น..