จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 218
บทที่ 218: การล่าครั้งใหญ่!
“สําหรับผู้ที่ยังอยู่ ผมแสดงความต้อนรับพวกคุณเข้าสู่วิทยาเขตหลักของสถาบันเมิงจู่!” อธิการบดีเซียวกล่าวออกมาพร้อมน้ําเสียงที่เปลี่ยนจากเดิม
“เป็นไปได้อย่างไร พวกเรายืนอยู่ตรงนี้ต้องทําอะไรกันแน่? ไม่ใช่ว่าพวกเราต้องสอบงั้นเหรอ?”
“ใช่ ทําไมจึงไม่มีการสอบล่ะ?”
“พวกเรายังไม่ได้ทําการทดสอบใดๆเลยนะ? ถ้าหากมีใครบางคนที่อยู่ในระดับปฐมภูมิยังยืนอยู่ตรงนี้ด้วยล่ะ เช่นนั้นพวกเขาก็จะได้รับผลประโยชน์ในครั้งนี้ด้วยงั้นเหรอ?”
จํานวนคนที่ยังคงเหลืออยู่ในสถานที่แห่งนี้นั้นราวๆหนึ่งพันคน ซึ่งมันเป็นตัวเลขที่มากเกินจินตนาการอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อพวกเขาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ทําให้อดที่จะงุนงงไม่ได้ การเข้าสู่ระดับมัชฌิมกับการใช้พลังเวทระดับมัชฌิมได้นั้นเป็นคนละส่วนกันโดยสิ้นเชิง อาจสันนิษฐานได้ว่ามีบางคนในกลุ่มนักเรียนนี้ที่เข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้วแต่ยังไม่สามารถเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวลาได้
“ถ้าหากว่าไม่มีการสอบเช่นนี้ แล้วพวกเราจะค้นหาสิบอันดับแรกได้อย่างไรกัน? ฉันได้ยินมาว่าผู้ที่ได้อันดับหนึ่งจะได้รับเลือกให้เข้าสู่หอคอยสามชั้น! อันดับสองและสามจะได้รับอุปกรณ์เวทมนตร์! อันดับที่สี่ถึงสิบจะได้รับรางวัลอื่นๆ!” ใครบางคนกล่าวขึ้นมาอย่างเคร่งเครียด
ดูเหมือนว่าอธิการบดีเชียวกําลังรอให้ทุกคนพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่พอดี เขารอจนกระทั่งนักเรียนถกเถียงกันเสร็จสิ้น จากนั้นมือของเขาค่อยล้วงในกระเป๋าเสื้อพร้อมกับหยิบกระดาษที่ม้วนเอาไว้ออกมาอย่างเชื่องช้า
“ไม่กี่วันที่ผ่านมา พวกเราได้รับข้อมูลบางอย่าง อสูรเงาที่รัฐบาลใช้เพื่อฝึกฝนได้หลบหนีออกจากฐานทัพ แน่นอนว่าอสูรเงานั้นมีทักษะของธาตุเงา มันสามารถหลบซ่อนตัวได้อย่างยอดเยี่ยมในเวลากลางคืน ในเวลาเดียวกันก็ยังค้นหามันได้ยากยิ่งถ้าหากว่ามันหลบเข้าไปในเมื่องตอนกลางวันที่เต็มไปด้วยเงามากมาย ทว่าอสูรเงาตัวนี้นั้นได้รับการฝึกฝนมาอย่างยอดเยี่ยม มันจึงไม่ได้คิดที่จะโจมตีหรือสังหารหมู่มนุษย์แต่อย่างใด สภาพของมันในตอนนี้ไม่ต่างไปจากแมวซึ่งกําลังหลงทางอยู่ในนครเซี่ยงไฮ้ที่กว้างใหญ่”
“เช่นนี้สถาบันของเราจําเป็นจะต้องสนับสนุนรัฐบาลในการตามหามัน ถ้าหากว่าเรา พบร่องรอยของมันเราจะแจ้งให้พวกคุณทั้งหมดทราบทันที ในตอนนี้เราต้องการให้พวกคุณทุกคนออกไปค้นหามันและจับมันกลับมาให้กับรัฐบาลให้ได้”
“ภารกิจในครั้งนี้คือการสอบเข้าวิทยาเขตหลักของสถาบันเมิงจู่!”
หลังจากที่อธิการบดีเชียวกล่าวถึงภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว เสียงพูดคุยของนักเรียนกว่าพันคนได้แผดไปทั่วบริเวณอย่างบ้าคลั่ง
แต่เดิมพวกเขาคิดว่าการสอบเข้าสู่วิทยาเขตหลักจะเป็นการต่อสู้ขนาดใหญ่ภายในสถาบันซึ่ง มันเป็นการต่อสู้ระหว่างนักเรียนกับนักเรียนด้วยกัน อย่างไรก็ตามในตอนนี้ภารกิจครั้งนี้เกี่ยวข้อง กับทหาร!
“สิ่งที่ผมต้องการจะบอกกล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คืออสูรเงานี้ไม่มีเจตนาใดที่จะโจมตีม นุษย์และมันไม่คิดจะสังหารผู้ใดแน่นอน อย่างไรก็ตามถ้าหากว่ามันถูกโจมตีก่อน อารมณ์ของมันจะเปลี่ยนแปลงจากฟ้าเป็นเหวในทันที ความอันตรายของมันนั้นไม่น้อยไปกว่าอสูรเวทระดับปกติ นี่เป็นเหตุผลที่ว่าถ้าหากว่าพวกคุณได้พบเจอกับมันแล้วล่ะก็ควรจะวางแผนเพื่อจัดการมันอย่าง นิ่มนวลด้วย”
“นักเรียนคนใดหรือกลุ่มใดที่สามารถจับมันเพื่อส่งไปยังกรงอสูรภายในสถาบันได้จะได้รับรางวัล! ถ้าหากว่าทําสําเร็จด้วยตัวคนเดียว บุคคลผู้นั้นจะได้รับรางวัลเพียงคนเดียวสําหรับการรวมทีมแบบกลุ่มทางเราอนุญาตให้ได้เพียงห้าคนเท่านั้น รางวัลทั้งหมดจะถูกหารตามจํานวน บุคคลในทีมอย่างเท่าเทียม รางวัลในครั้งนี้คือการเข้าสู่หอคอยสามชั้น! อธิการบดี เซียวกล่าวออกมาชัดเจน
“หอคอยสามชั้น!”
“สวรรค์! รางวัลคือหอคอยสามชั้น!”
หลังจากที่คําพูดเหล่านั้นหลุดออกจากปากของอธิการบดีเซียวไป เหล่านักเรียนกว่าพันคนแทบจะกลายเป็นบ้าในทันที
แม้แต่นักเรียนที่อยู่ภายในวิทยาเขตหลักก็ยังต้องต่อสู้เพื่อแย่งชิงกันเข้าใช้หอคอยสามชั้นแต่ทว่าในคราวนี้อธิการบดีเชียวใจกว้างให้เข้าใช้มันถึงห้าคนด้วยกัน!
โม่ฝานนั้นได้เข้าใช้หอคอยสามชั้นมาแล้วเมื่อไม่นานนี้ เขาเข้าใจทุกสิ่งอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความเร็วในการฝึกฝนที่นักเวททุกคนต้องการ ภายในนั้นมีสิ่งที่ทุกคนต้องการอยู่!
ถ้าหากว่าพวกเขาเหล่านั้นพุ่งขึ้นไปสู่ชั้นที่สามตั้งแต่วันแรก ความเร็วในการฝึกฝนของพวก เขาจะรวดเร็วมากถึงสองร้อยเท่าจากของเดิม!
ถ้าหากว่าโม่ฝานได้อยู่ต่อภายในนั้นอีกวันหนึ่งสองวัน โม่ฝานมั่นใจอย่างมากว่าระดับของธาตุทั้งหมดของเขาจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อยหนึ่งระดับอย่างเท่าเทียมแน่นอน!
วันแรกหลังจากที่โม่ฝานได้ออกจากหอคอยสามชั้น เขาสัญญากับตัวเองว่าเขาจะกลับเข้าไปเหยียบที่นั่นอีกครั้งอย่างแน่นอน แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าความสุขนั้นจะหวนคืนสู่เขารวดเร็วเช่นนี้รางวัลแห่งการสอบเข้าวิทยาเขตหลักในคราวนี้คือการเข้าใช้งานหอคอยสามชั้น!
เยี่ยมเลย…. เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมเป็นบ้า
ปัจจุบันเขาสามารถเดินเข้าไปสู่ชั้นที่สามของหอคอยได้ ถ้าหากว่าเขาได้ใช้เวลาอยู่ ในนั้นสักเจ็ดวันธาตุเงาและธาตุอัญเชิญของโม่ฝานจะเข้าสู่ระดับมัชฌิมขั้นที่สองทันที!
นักเรียนที่อยู่ใกล้กับเวทีรีบตะโกนถามออกมาอย่างรวดเร็ว “ท่านอธิการบดีครับ แล้วมีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับพวกมันไหมครับ?”
อธิการบดีเซียวส่ายหัวพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า “พวกคุณจะต้องไปหาเบาะแสเหล่านั้นด้วยตัวเอง”
ทั้งความสุขและความตื่นเต้นปะปนกันอย่างล้นหลามในตอนนี้ แต่ทว่าภารกิจที่ยิ่งใหญ่นี้กลับมีอุปกรณ์ขนาดใหญ่ด้วยเช่นกัน ไม่มีเบาะแสใดๆเลยเกี่ยวกับมันแม้แต่น้อยนักเรียนนับพันกําลังมี นงงกับการทําภารกิจครั้งแรกของตนเอง
ถ้าหากว่าต้องเพิ่มเขตชานเมืองในการค้นหาไปด้วยจะยิ่งทําให้เรื่องราวทั้งหมดยุ่ง ยากเพิ่มขึ้นไปอีกเพียงแค่นครเซี่ยงไฮ้แห่งนี้ก็เต็มไปด้วยตรอกซอกซอยมากมายนับไม่ถ้วนแล้วอีกทั้งอสูรเงาตนนั้นยังมีความสามารถในการหลบซ่อนเป็นเลิศอีกด้วย ในขณะนี้พวกเขาไม่มีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับมันเลยแม้แต่น้อย การค้นหาอสูรเงาในเมืองขนาดใหญ่พร้อมทั้งมันยังหลบซ่อนได้ดีครั้งนี้ยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทรเสียอีก!
โม่ฝานต้องการที่จะเข้าใช้งานหอคอยสามชั้นอีกครั้ง
ถ้าหากว่าเขาจะได้เข้าไปที่ชั้นสามอีกครั้งล่ะก็ เขาจะมุ่งมั่นฝึกฝนแต่ธาตุไฟเท่านั้น ในตอนนี้เขาเริ่มสัมผัสได้ถึงประตูเวทขั้นที่สามแล้ว ถ้าหากว่าเขาได้ใช้เวลาในนั้นสักสองวันเนบิวลาธาตุไฟของเขาจะต้องไปถึงระดับที่สามอย่างแน่นอน!
ถ้าหากว่าโม่ฝานกลายเป็นนักเวทระดับสูงแล้ว เขาไม่จําเป็นจะต้องเกรงกลัวใครเลย!
นอกจากนี้ธาตุเงาของโม่ฝานนั้นเพิ่งจะเข้าสู่ระดับเนบิวลาได้ไม่นานนัก การควบคุมเนบิวลาธาตุเงาของเขาถูกฝึกฝนอยู่ภายในหอคอยสามชั้น เพียงระยะเวลาไม่นานเท่านั้นเขาสามารถควบคุมมันได้อย่างง่ายดาย ถ้าหากเขาจําเป็นจะต้องฝึกฝนมันอยู่ด้านนอกด้วยตนเอง แน่นอนว่าคงจะต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีจึงจะสามารถร่ายเวทหอกเงาทมิฬออกไปได้
ในส่วนของธาตุอัญเชิญนั้นไม่จําเป็นจะต้องกล่าวถึงมากนัก โม่ผ่านยังไม่สามารถจัดการนําพามันเข้าสู่ระดับมัชฌิมได้เลย
ในการเข้าใช้งานหอคอยสามชั้นในคราวที่แล้วนั้นเวลาของเขาถูกจํากัดมากเกินไป ไม่ฝานจึงมุ่งเน้นไปที่ธาตุไฟและธาตุสายฟ้าเสียมากกว่า
ในครั้งต่อไปถ้าหากว่าโม่ฝานมีโอกาสที่จะได้เข้าใช้หอคอยสามชั้นอีกครั้ง เขามีสองทาง ให้เลือกหนึ่งคือจัดการเพิ่มระดับให้กับธาตุไฟหรือเพิ่มระดับให้กับธาตุเงาและธาตุอัญเชิญ นี่เป็นสิ่งที่ช่วยให้คนที่ครอบครองธาตุมากมายเช่นโม่ฝานได้ร่นระยะเวลาในการฝึกฝนให้รวดเร็วยิ่งขึ้นด้วยการเข้าใช้งานหอคอยสามชั้น การเข้าใช้หนึ่งครั้งเรียกได้ว่ามันจะยกระดับพลังของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ!
“อสูรเงา… ถ้าหากมีหลิงหลิงอยู่ด้วยก็คงจะดีนะ เธอเป็นผู้เชี่ยวชาญในการไล่ล่าอสูรเวท ในคราวนั้นเธอยังสามารถค้นหาอสูรที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่อสูรเงาตัวเดียวคงจะไม่เป็นปัญหากับเธอแน่นอน!” โม่ผ่านกล่าวกับตนเองเบาๆ
เดิมที่โม่ผ่านนั้นคิดว่าตนเองเป็นนักล่าที่เก่งกาจพอสมควร แต่ทว่าเมื่อเจอโจทย์เช่นนี้แล้วเขารู้สึกอับจนหนทางอย่างแท้จริง เขาควรจะเริ่มที่ตรงไหนก่อนกันนะ
เมื่อกลับมาถึงที่พักของตนเอง โม่ฝานจัดการเปิดคอมพิวเตอร์ขึ้นมาทันทีเพื่อค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับอสูรเงา เขาพยายามจะค้นหาลักษณะหรือนิสัยเฉพาะของมันสักหน่อย
“โม่ฝาน โม่ฝาน เนื่องจากการสอบในคราวนี้อนุญาตให้จัดการเป็นทีมได้… ทําไมนายจึงไม่ เข้าร่วมทีมกับสาวสวยอย่างพวกเราล่ะ ดูสิมีฉันคนนี้ที่เต็มไปด้วยความรอบรู้มากมายอีกทั้งยังมีพี่ สาวมู่ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและฉลาดเฉลียวและยังมีอีกสองคนซึ่งเต็มไปด้วยพลังการต่อสู้ที่ดุร้ายและสามารถควบคุมสรรพสิ่งได้อย่างยอดเยี่ยม ทีมของเราจะต้องสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน!” อ้ายตูตู้พุ่งเข้ามาหาโม่ผ่านอย่างรวดเร็ว ท่าทีที่ตื่นเต้นของเธอทําให้กระต่ายขนาดใหญ่ที่อยู่บนร่างกายของเธอเด้งไปมาตรงหน้าของโม่ผ่าน
โม่ฝานจับจ้องไปที่อ้ายตูตู้ซึ่งสายตาเต็มไปด้วยความคาดหวังคําตอบจากเขา จากนั้นเขาหันไปที่มู่หนิวเจียวซึ่งกําลังเปลี่ยนรองเท้าอยู่ที่หน้าห้อง
“หาคนอื่นเถอะนะ” โม่ผ่านสายศีรษะช้าๆอย่างไม่สนใจ เขาไม่ได้วางแผนไว้ว่าจะเข้าร่วมทีมกับใครทั้งนั้น
“อย่าบอกนะว่านายต้องการจะทําภารกิจนี้ด้วยตัวคนเดียวนะ! ไอหย่า นายคิดเรื่องบ้านี้ได้ยังไง?! พวกเราสาวสวยทรงพลังกําลังเชื้อเชิญนายด้วยความจริงใจทั้งหมดที่มี! นายไม่รู้ตัวงั้นเหรอว่าชื่อเสียงในโรงเรียนของนายน่ะมันย่ําแย่มากแค่ไหน ไม่มีใครต้องการจะจับกลุ่มกับนายด้วยซ้ํา! มีแค่ฉันและพี่สาวมู่เท่านั้นที่เห็นความสําคัญของนาย แต่ก็ยังกล้าที่จะปฏิเสธพวกเรางั้นเหรอ! เฮอะ อวดดีมากเกินไปแล้ว ฉันจะกัดนายจนตาย!” อ้ายตูตู้พ่นคําออกมามากมายเพียงเพราะเธอโกรธจัดเมื่อถูกปฏิเสธ
“ตูตู้ หยุดสร้างปัญหาสักที” มู่หนิวเจียวรีบห้ามปรามเธอ
โม่ฝานรู้สึกว่าเขาไม่ต้องการจะอธิบายอะไรให้อ้ายตูตู้ฟังทั้งนั้น
แต่ความจริงก็คือโม่ฝานนั้นไม่ได้ต้องการที่จะไม่รวมกลุ่มกับใคร เพราะท้ายที่สุดแล้วจะหนึ่งคนหรือห้าคนก็ย่อมได้รับรางวัลเท่ากันอยู่ดี
โม่ฝานนั้นรู้ถึงสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเขาเป็นอย่างดี
บางทีการที่เขาอยู่ในสถาบันอาจจะเป็นสิ่งที่ทําให้กลุ่มศาสตร์มืดนั้นไม่กล้าผลีผลามทําอะไรแต่ในตอนนี้เขาจําเป็นจะต้องออกไปด้านนอกเพื่อทําภารกิจ โม่ฝานไม่ต้องการจะดึงเอาหญิงสาวสองคนเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องราวเช่นนี้ อีกทั้งกลุ่มศาสตร์มืดก็คงจะไม่ยอมปล่อยเธอทั้งสองคนไปเพียงเพราะพวกเธอเหล่านั้นสวยงามเกินมนุษย์ทั่วไปอย่างแน่นอน!