จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 216
บทที่ 216: คนต่างถิ่น?
สายตาของโม่ฝานจับจ้องไปที่ชายสองคนตรงหน้า พวกเขาสวมใส่สูทอย่างเป็นทางการและดูภูมิฐานอย่างมาก สายตาของทั้งสองกําลังจับจ้องมาที่โม่ฝานด้วยเช่นกัน พลังเวทถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของทั้งสองคนสร้างแรงกดดันไปทั่วบริเวณ
ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความระมัดระวังขณะที่กําลังจ้องมองโม่ฝาน ชายคนหนึ่งซึ่งจมูกโด่งกว่ามนุษย์ปกติได้ก้าวขาออกมาด้านหน้าพร้อมกล่าวว่า “เฮ้ จอมเวทน้อย… อย่ายุ่งเลยดีกว่า ผู้หญิงคนนี้ทําตัวไม่สุภาพกับองค์ชาย… เอิ่ม นายน้อยของพวกเราน่ะนะ อีกทั้งนายน้อยไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความยุ่งยากอะไรหรอก เพียงแค่ต้องการที่จะให้เธอขอโทษเท่านั้น”
“ฉันเคยเห็นการต่อสู้มามากมายนับไม่ถ้วน แล้วนายน้อยของพวกนายคืออะไรงั้นเหรอ? พวกนายมันก็แค่รุ่นที่สองเท่านั้นจริงๆ เก็บปากไว้กินข้าวดีไหมล่ะ!” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างดุเดือดพร้อมหลบที่หลังของโม่ฝาน
“ พวกเขาเป็นใครงั้นเหรอ?” โม่ฝานกระซิบถามเธอพร้อมกับสายตาที่ยังคงจับจ้องไปที่ชายตรงหน้าอย่างไม่วางตา พวกเขาคล้ายคลึงกับคนเอเชีย รูปร่าง ดวงตาและใบหน้าของพวกเขานั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนคนที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
“ฉันไม่รู้” อ้ายตูตู้กล่าวออกมาอย่างไร้เดียงสา
โม่ฝานรู้สึกหมดคํากล่าวกับหญิงสาวด้านหลังของเขาโดยสมบูรณ์ เธอกล้าที่จะยั่วยุคนอื่น แม้ว่าไม่รู้ภูมิหลังของบุคคลนั้นเลยงั้นเหรอ!
“พวกเราได้สุภาพมากพอแล้ว ถ้าหากว่าคุณไม่กระทําตามที่เราได้ร้องขอไป ก็อย่าได้หาว่าพวกเราหยาบคาย…” ชายอีกคนที่ยืนด้านข้างกล่าวออกมาอย่างชัดเจน
ในขณะที่พวกเขากล่าวจบ ออร่าพลังเวทที่แผ่กระจายออกมาเริ่มทวีความรุนแรงมากกว่าเดิมหลายเท่า อากาศทั่วบริเวณหนาวเหน็บจนขนลุกชูชัน
คนอื่นๆที่เป็นพรรคพวกของคนเหล่านั้นก็ได้ปลดปล่อยพลังออกมาด้วยเช่นกัน ดูท่าทางพวกเขานั้นไม่ได้อ่อนแอเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังไม่เกรงกลัวในการใช้เวทมนตร์ในพื้นที่สาธารณะนี้อีกด้วย
“อ้าว หนุ่มน้อยจากสมาพันธ์นิติบัญญัติหนิ ได้เจอกันอีกแล้วนะ เอ๊ะ ทําไมตรงนี้มีการปลดปล่อยพลังเวทล่ะ?” ในขณะที่อีกฝ่ายกําลังจะขยับตัวเพื่อจัดการกับโม่ฝาน มีชายวัยกลางคนปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับทักทายโม่ฝานด้วยรอยยิ้ม
โม่ฝานหันหลังกลับมาตามเสียงเรียกเมื่อครู่และพบว่าเป็นคนจากองค์กรเวทมนตร์ กัวลี่ยุ่น!
“เอะ ท่านผู้ทดสอบกัว คุณจําผมได้ด้วย” โม่ฝานกล่าวออกไปด้วยรอยยิ้มสุภาพ
โม่ฝานจําได้อย่างแม่นยําว่าเมื่อวันที่เขาเข้าไปปลุกพลังเวทครั้งที่สอง ชายผู้นี้แสดงความเย็นชาต่อเขาอย่างถึงที่สุด แต่ด้วยเหตุใดในวันนี้กลับอบอุ่นอย่างพิลึก?
“สมาพันธ์นิติบัญญัติงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มจมูกโด่งขมวดคิ้วแน่นเมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเขารีบหันไปที่ต้นตอของคําพูดทันที
ดูเหมือนว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเกรงกลัวศาลเวทมนตร์อย่างมาก คนที่เหลือหยุดพลังเวททั้งหมดพร้อมหันซ้ายและขวาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ทันที พวกเขาไม่กล่าวอะไรเพิ่มเติมและแสร้งทําเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สายตาของโม่ฝานหันกลับไปจ้องบุคคลแปลกหน้าอีกครั้งพร้อมกับพบว่าใบหน้าของพวกเขาซีดขาวและแปลกประหลาด พวกเขาทั้งหมดวิ่งออกไปคนละทางราวกับว่ากําลังเกรงกลัวอะไรบางอย่างเป็นไปได้ไหมว่าผู้คนเหล่านั้นเข้าประเทศมาอย่างผิดกฎหมาย? พวกเขาหนีกระเจิงทันทีเมื่อได้ยินคําว่าสมาพันธ์นิติบัญญัติเนี่ยนะ?
“มีอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ?” กัวลี่ยุ่นถามออกมา
“โอ้ เนื่องจากว่าพวกคุณทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อน เช่นนั้นก็เชิญพูดคุยกันต่อเลย ส่วนฉันขอตัวก่อน” ดวงตาของอ้ายตูตู้เปล่งประกายออกมาอย่างมีเล่ห์นัย จากนั้นเธอวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วทันทีที่กล่าวจบ
โม่ฝานรู้สึกมึนงงกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ใส่ใจมันมากพอที่จะถามอะไรออกไป ในตอนนี้ประเด็นต่างๆมากมายเกิดขึ้นจนทําให้เขารู้สึกปวดหัวอย่างมาก แล้วทําไมเขาจะต้องไปใส่ใจกับยัยกระต่ายนมโตนั่นด้วยล่ะ?
“ผมไม่ได้มาจากสมาพันธ์นิติบัญญัติหรอก คนที่แนะนําผมให้ไปหาคุณคืออาจารย์ของผมเอง” โม่ฝานอธิบายออกมาอย่างซื่อตรง
“โอ้ งั้นเหรอ เป็นอย่างนี้นี่เอง… อ่า ใช่แล้ว ฉันเห็นอาจารย์ของเธอน่ะ ถังหยู่ใช่ไหม เพิ่งพบเจอกันเมื่อสักครู่นี่เอง การฝึกฝนของเธอในตอนนี้ก้าวหน้ากว่าฉันไปมาก เฮ้อ การได้พบเธอนั้น ทําให้ฉันรู้สึกกลายเป็นชายชราอย่างแท้จริง” กัวลี่ยุ่นกล่าวออกมาพร้อมถอนหายใจยาว
“เธออยู่ในเซี่ยงไฮ้งั้นเหรอ?” โม่ฝานรีบถาม
“อ่า ใช่แล้ว เธอเพิ่งเรียกฉันไปหาเพื่อให้หาหยกอสรพิษไปให้ ซึ่งมันแปลกมากกับการที่เธอกําลังมองหาหยกชนิดที่สามารถเรียกอสรพิษมาหาได้ เหมือนว่าเธอกําลังต้องมีปัญหาอะไรกั เผ่าพันธุ์อสรพิษอย่างแน่นอน การถือหยกชนิดนั้นเอาไว้กับตัวนั้นค่อนข้างที่จะอันตรายอย่างมากเลยทีเดียว” กัวลี่ยุ่นกล่าวออกมา
โม่ฝานจดจําได้เป็นอย่างดีว่าถังหยู่บอกกล่าวกับเขาเอาไว้หากเธอมาที่นครเซี่ยงไฮ้เธอจะรีบติดต่อเขาทันที แล้วนี้คืออะไร?
เมื่อไม่นานมานี้โม่ฝานพยายามที่จะติดต่อเธอผ่านโทรศัพท์ด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตาม เขาก็ยังคงไม่สามารถติดต่อเธอได้ เช่นนี้จึงได้เพียงคิดว่าเธอคงกําลังติดภารกิจสําคัญอยู่
หยกอสรพิษ?
ภารกิจชนิดไหนกันนะที่ทําให้ถังหยู่จะต้องถือของแปลกๆเช่นนั้นติดตัวไว้ตลอดเวลา?
“ถ้าหากว่าครั้งหน้าต้องการจะปลุกพลังเวทอีกครั้งล่ะก็ มาหาฉันได้เลยนะ แน่นอนว่าฉันจะจัดวัสดุคุณภาพเยี่ยมไว้รอต้อนรับอย่างแน่นอน! โอ้ ถ้าหากว่ามาในคราวหน้าเธอก็จะเป็นนักเวทระดับสูงแล้วล่ะสิ ฮ่าฮ่า ความสามารถนั้นช่างไร้ขีดจํากัด เธอจะกลายเป็นนักเวทที่ยอดเยี่ยมแน่นอน!” กัวลี่ยุ่นกล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี
“โอ้ ขอบคุณครับ ผมขอบคุณล่วงหน้าไว้เลยแล้วกัน” โม่ฝานพยักหน้าพร้อมยิ้มรับอย่างสุภาพ
หลังจากที่เขาเดินออกมาจากร้านแห่งนั้น เขารู้สึกแปลกๆภายในจิตใจ นี่มันเรื่องประหลาดอะไรกัน? ประการแรกเขาได้รู้ว่าชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เหล่านั้นเกรงกลัวศาลเวทมนตร์ จากนั้นเขาก็ได้รับรู้อีกหนึ่งเรื่องว่าถังหยู่กําลังทําภารกิจที่แปลกประหลาดอยู่
เฮ้อ ลืมมันซะ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ฉันจะสามารถจัดการได้
หลังจากที่กลับมาถึงบ้านพักของตนเอง โม่ฝานเห็นว่ามู่หนิวเจี้ยวซึ่งไม่เคยมานั่งสมาธิในห้องนั่งเล่นเลย ซึ่งปกติแล้วเธอมักจะอยู่ในห้องนอนของตนเอง แต่ทว่าในวันนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไป
เขามองรูปร่างของเธอพร้อมกับคิดในใจว่า เธอคงจะเคยเล่นโยคะมาก่อนอย่างแน่นอน รูปร่างและท่านั่งของเธอนั้นสวยมาก ไล่มาตั้งแต่หน้าอกที่เป็นเนินชูชันได้รูป ยาวลงมาจนถึงสะโพกกลมผายได้สัดส่วน.. ทุกอย่างสมบูรณ์แบบจนแทบจะทําให้สติของโม่ฝานหลุดลอยไป
ในขณะที่มองเรียวขายาวที่ทั้งขาวและดูสะอาดสะอ้าน สิ่งเหล่านั้นควรจะอ่อนนุ่มราวกับปุยเมฆอย่างแน่นอน!
บัดซบ ฉันรู้สึกอยากจะนอนหนุนตักและลูบไล้ขาของเธอไปตลอดชีวิต!
แน่นอนว่ามู่หนิวเจียวจะต้องรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกําลังจ้องมองเธออยู่ อย่างไรก็ตามเธอกลับคิดว่าเป็นอ้ายตูตู้เท่านั้น ซึ่งเธอมองว่ามันไม่ได้สําคัญอะไรมากนัก เช่นนี้เธอจึงเมินเฉยใส่โม่ฝานโดยสมบูรณ์พร้อมกับแช่แข็งตัวเองไว้ในการฝึกฝนอย่างมุ่งมั่น
ทันใดนั้นเองโม่ฝานสังเกตุเห็นที่ข้อมือของมู่หนิวเจียว มันมีสร้อยข้อมือกําลังเปล่งแสงสว่างเป็นจังหวะอยู่ มันมืดและสว่างตามลมหายใจเข้าออกของเธอ
“อุปกรณ์เนบิวลางั้นเหรอ?” โม่ฝานโพล่งออกมาอย่างประหลาดใจ
เพียงแค่อุปกรณ์เวทละอองดาราก็มีราคาแพงอย่างเหลือเชื่อ ภายในเมืองบ่อนั้นมีเพียงมู่หนิงเซวียเท่านั้นที่มีอุปกรณ์ล้ำค่าเช่นนี้
แต่ทว่าบนข้อมือของมู่หนิวเจียวกลับมีอุปกรณ์ที่สามารถพัฒนาเนบิวลาได้ แม้ว่าเขาจะไม่สามารถระบุได้ว่ามันคือระดับไหน แต่ทว่าโม่ฝานตระหนักได้ถึงแสงที่มันเปล่งประกายออกมานั้นไม่ได้ด้อยพลังไปมากกว่าจี้น้อยทมิฬเลย
ตระกูลมู่นั้นร่ำรวยมากเพียงใดกัน? เหตุใดเขาจึงได้มอบสิ่งของล้ำค่าเช่นนี้ให้กับหญิงสาวอายุยี่สิบ!
ความจริงแล้วหลังจากที่เขาได้ผ่านพ้นวันหยุดฤดูหนาวไปแล้ว โม่ฝานรู้สึกได้ว่าการฝึกฝนของมู่หนิวเจี่ยวนั้นเพิ่มขึ้นอย่างมาก ก่อนหน้านี้เขาไม่กล้าที่จะตัดสินไปเองจากความคาดคะเน แต่ทว่าในตอนนี้โม่ฝานเข้าใจทุกอย่างชัดเจนแล้ว
“ทุกคนย่อมมีชะตากรรมที่แตกต่างสินะ” โม่ฝานถอนหายใจยาวออกมา
ตัวของเขาเองนั้นได้รับโอกาสได้เข้าสู่หอคอยสามชั้นซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนแสวงหา ความแข็งแกร่งของเขาสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับคนทั่วไป สําหรับมู่หนิวเจียวนั้นเธอเป็นศิษย์ของตระกูลใหญ่และร่ำรวยอย่างมาก แน่นอนว่าเธอย่อมได้รับทรัพยากรจากครอบครัวอยู่เสมอ แม้ว่าโม่ฝานจะสามารถกดดันเหล่านักเวทระดับเดียวกันให้ล่าถอยได้ แต่ทว่ามันกลับไม่ง่ายเลย เมื่อเขาจะต้องเผชิญหน้ากับบุตรหลานแห่งตระกูลใหญ่เหล่านี้ ผู้ซึ่งเต็มไปด้วยอิทธิพลและทรัพย์สิน พวกเขาเหล่านี้นั้นย่อมเลือกสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้กับบุตรหลานของตนเองแน่นอน การฝึกฝนของพวกเขาเหล่านั้นย่อมไม่เป็นสองรองใคร!
ดูเหมือนว่ามู่หนิวเจียวกําลังพยายามอย่างหนักในการสอบเข้าวิทยาเขตหลักในปลายการศึกษานี้ แน่นอนว่าการสอบครั้งนี้เธอจําเป็นจะต้องแสดงความสามารถที่โดดเด่นกว่าผู้อื่นออกมา
โม่ฝานตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน ศัตรูของเขามีมากมายเหลือเกิน เขาจะต้องได้พบเจอกับการสอบเข้าสู่วิทยาเขตหลักที่โหดเหี้ยมแน่นอน นอกจากนี้เขายังต้องเตรียมรับมือกับกลุ่มศาสตร์มืดที่ไม่รู้ว่าจะโผล่มาเมื่อไหร่อีกด้วย
เขาหยุดความคิดฟุ้งซ่านตรงหน้าพร้อมกับเดินออกไปที่ระเบียงและเข้าสู่สมาธิทันที
หลังจากที่เขาออกไปไม่นานนัก เปลือกตาคู่สวยของมู่หนิวเจียวเริ่มขยับเล็กน้อย มันค่อยๆ เปิดขึ้นราวกับเปิดเผยหยกล้ำค่าที่อยู่ด้านในอย่างเชื่องช้า
สายตาของเธอพลันเหลือบไปที่โม่ฝานซึ่งอยู่นอกระเบียง ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันแน่นพร้อมพึมพำ “ระดับการฝึกฝนของเขาเพิ่มขึ้นอย่างมาก เป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน?”
มู่หนิวเจี่ยวนั้นไม่ใช่คนยากได้อย่างไรเลย เธออยู่ในตระกูลที่เต็มไปด้วยทรัพยากรมากมาย อาจกล่าวได้ว่าหากเพียงเธอกระดิกนิ้วว่าต้องการสิ่งใดเพื่อช่วยเพิ่มระดับการฝึกฝนของตนให้มากขึ้น ครอบครัวของเธอก็จะรีบนํามันมาประเคนให้เธออย่างไม่บิดพลิ้วแน่นอน
แต่ทว่าโม่ฝานนั้นไม่มีสิ่งใดเลยแม้แต่น้อย แต่เหตุใดกันระดับการฝึกฝนของเขาจึงอยู่ในระดับเดียวกับเธอได้?
ในตอนนี้เนบิวลาธาตุสายฟ้าของเขานั้นอยู่ในระดับที่สองเช่นเดียวกับเธอแล้วแน่นอน
ธาตุอัญเชิญของเขาก็ควรที่จะอยู่ในระดับมัชฌิมแล้ว
ในตอนนี้เธอจําเป็นจะต้องใส่ความพยายามลงไปให้มากขึ้นกว่าเดิม ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะครอบครัวของเธอได้มอบทรัพยากรมากมายเหล่านี้ให้ เธอคงจะไม่มีวันจะเทียบเคียงเขาได้อย่างแน่นอน!
มู่หนิวเจียวปิดเปลือกตาสวยคู่นั้นลงอีกครั้งพร้อมสูดหายใจลึกและดิ่งเข้าสู่สมาธิอย่างรวดเร็ว