จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 208
บทที่ 208: บอดี้การ์ดคนสวย!
สุสานโบราณตั้งอยู่ในดินแดนแห่งความตายงั้นเหรอ?
คำพูดนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูสู่โลกใบใหม่ให้กับโม่ฝาน…
ความจริงก็คือในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โม่ฝานจำเป็นจะต้องเก็บตัวและมุ่งมั่งกับการฝึกฝนของตนเองอย่างหนัก เขาอาศัยอยู่บนโลกใบนี้โดยที่ไม่เคยเข้าใจอารยะธรรมหรือโครงสร้างใดๆของมันเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เขาเข้าใจมาตลอดก็คือทุกสิ่งอย่างที่เขารู้จักล้วนแต่มีอยู่ในโลกใบนี้ด้วยเช่นกัน ประวัติความเป็นมาต่างๆของโลกใบนี้ก็เหมือนกับโลกก่อนหน้าของเขา แม้แต่ผู้คนก็ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก
อย่างไรก็ตามขณะนี้โม่ฝานได้พูดจาเยาะเย้ยคนขายแผนที่เมื่อครู่ เขาตระหนักได้ทันทีว่าตำนานที่เคยมีบนโลกใบเดิมของเขาได้หายไปแล้ว… มันไม่มีอยู่ในโลกใบนี้!
ความจริงที่เขาได้รับรู้เมื่อครู่ทำให้ความประหลาดใจก่อเกิดขึ้นมาอย่างท่วมท้น โลกทั้งสองใบนี้ราวกับโลกคู่ขนานกัน รายละเอียดยิบย่อยบางอย่างของมันคล้ายคลึงกันอย่างมาก ซึ่งไม่มีเหตุผลเลยที่จะทำให้ตำนานใหญ่ๆมากมายถูกเปลี่ยนแปลงได้ เว้นเสียแต่ว่า…
“สุสานโบราณนั้นมีประวัตศาสตร์ที่ยาวนานอย่างมาก ทางเข้าของมันนั้นถูกค้นพบโดยสมาคมนักล่าเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี่เอง ภายในดินแดนแห่งความตายเหล่านั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งและดุร้ายยิ่งกว่าอสูรเวทหลายสิบเท่า นักเวทโบราณหลายคนพยายามที่จะเข้าไปเสาะหาสมบัติล้ำค่าภายในสถานที่แห่งนั้น แต่ทว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องถอยร่นออกมาด้วยมือเปล่า เพราะดินแดนแห่งความตายนั้นถูกสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งมากอุทิศชีวิตทั้งหมดของมันเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนั้น มันโจมตีนักเวทที่เข้าไปอย่างสุดความสามารถและไร้ความปราณีใดๆ ทางรัฐบาลสูญเสียนักเวทฝีมือดีไปมากมาย ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงลงมติกันว่านั่นคือดินแดนแห่งความตายและปิดกั้นการเข้าออกทั้งหมด ไม่มีนักเวทหรือนักสำรวจคนใดได้รับอนุญาตให้เข้าไปในสถานที่แห่งนั้น” ซินเซียอธิบาย
“เป็นอย่างนี้นี่เอง ฉันค่อนข้างจะไม่เข้าใจเรื่องประวัติศาสตร์นักหรอก” โม่ฝานส่ายหัวออกมาอย่างงุนงง อาการเช่นนี้แสดงให้เห็นว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้
อย่างไรก็ตามคลื่นยักษ์แห่งความอยากรู้อยากเห็นได้ถาโถมซัดกันอยู่ภายในหัวของเขาอย่างรุนแรงแล้ว!
เมืองหลวงโบราณ ไม่ใช่ซีอานหรอกหรือ?! โม่ฝานรู้ได้ทันทีว่ามีหลุมศพจำนวนมากถูกตั้งไว้ใกล้กับเมืองซีอาน พวกมันถูกเก็บหลุมศพแห่งจักรพรรดิไว้มากมายที่นั่นหลังจากมันได้กลายเป็นเมืองหลวงโบราณ!
สิ่งที่โม่ฝานไม่เคยรู้มาก่อนก็คือดินแดนเหล่านี้ถูกพิทักษ์ไว้โดยสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่ง ทั้งสุสานโบราณและดินแดนแห่งความตายนั้นเต็มไปด้วยความน่าสะพรึงที่ไม่รู้จบ มันคือดินแดนที่ไม่ควรย่างกรายเข้าไปโดยเด็ดขาด!
สัตว์ประหลาดนั่นเหนือชั้นยิ่งกว่าอสูรเวทอย่างมาก ซึ่งสุสานขนาดใหญ่เช่นนั้นเป็นสวรรค์ชั้นยอดสำหรับพวกมันอย่างแท้จริง ทั้งอสูรเวทและสัตว์ประหลาดมากมายต่างอาศัยอยู่ที่นั่นและปกป้องทุกสิ่งด้วยชีวิตของมันเอง!
มันเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวมากเกินไป เพียงแค่มนุษย์นึกถึงเรื่องราวของมัน พวกเขาก็จะรีบถอยห่างออกมาอย่างรวดเร็ว
“กษัตริย์โบราณนั้นก็เป็นผู้ที่คอยพิทักษ์บ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินในเมืองเก่าของเราด้วยเช่นกัน ดังนั้นถ้าหากว่าพี่ต้องการจะรู้ลำดับเหตุการณ์ต่างๆ พี่ก็จำเป็นจะต้องไปที่สุสานโบรานและค้นหามันด้วยตนเอง อาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ของฉันนั้นเปิดรับสมัครนักเวทและนักสำรวจเพื่อตั้งทีมเข้าสู่สุสานโบราณแห่งนั้นด้วยเหมือนกัน ตอนนี้รัฐบาลไม่สามารถค้นหาสาเหตุที่กลุ่มศาสตร์มืดพุ่งเป้าเข้าทำลายเมืองบ่อได้ เช่นนี้อาจารย์ของฉันอาจจะสามารถขออนุญาตเพื่อเข้าไปสำรวจสถานที่แห่งนั้นได้สำเร็จก็ได้นะ ถ้าหากว่าเวลานั้นมาถึงแล้วเขาจะคัดเลือกนักเวทที่แข็งแกร่งสักสองหรือสามคนพร้อมด้วยนักสำรวจอีกสักหน่อยเพื่อเข้าสู่หลุ่มฝังศพของกษัตริย์โบราณ!” ซินเซียกล่าวถึงอาจารย์ของตนเองอย่างภูมิใจในตัวเขาอย่างมาก
“อาจารย์ของเธอน่ะกล้าหาญขนาดนั้นเชียวเหรอ? อย่างไรก็ตามเรื่องราวเหล่านั้นเกิดขึ้นมากว่าพันปีได้แล้ว มันไม่มีทางที่กลุ่มศาสตร์มืดจะเก็บงำความแค้นยาวนานเป็นพันปีเช่นนี้หรอก อีกอย่างที่ฉันได้ยินมาก็คือที่ตั้งรกรากของพวกมันน่ะอยู่ต่างประเทศด้วยซ้ำ” โม่ฝานกล่าวแย้งอย่างช่วยไม่ได้
“เรื่องนั้นฉันไม่รู้เหมือนกัน อาจารย์ของฉันพยายามศึกษาเรื่องเหล่านี้มาอย่างเนิ่นนาน อีกทั้งเมื่อเขาหมกหมุ่นอยู่กับประวัติศาสตร์มากขึ้น…” ซินเซียโพล่งออกมาอย่างอดไม่ได้
แน่นอนว่าซินเซียไม่เคยลืมว่าอาจารย์ของเธอนั้นทุ่มเทเวลาตลอดสัปดาห์ในการพูดคุยถึงเรื่องราวของเมืองบ่อ ทั้งอสูรผู้พิทักษ์และบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดิน…
โม่ฝานหยุดประเด็นการสนทนาที่ค่อนข้างจะหนักหนาเกินไปสำหรับเธอ ทั้งสองคนล้วนแต่เป็นผู้รอดชีวิตจากภัยพิบัติจากเมืองบ่อมา เช่นนี้จึงไม่ต้องการจะพูดอะไรมากนักเกี่ยวกับเรื่องราวเหล่านั้น
“พี่ฝานโทรหาใครงั้นเหรอ?”
“อ่า ถังหยู่น่ะ เธอพักอยู่แถวนี้ เรามาที่นี่ทั้งทีฉันเลยคิดว่าควรจะแวะหาเธอสักหน่อย แต่ดูเหมือนว่าเธอคงจะกำลังยุ่งล่ะมั้งถึงไม่รับโทรศัพท์เลย”
“โอ้… งั้นเหรอ”
“ลืมมันไปเถอะหน่าไม่สำคัญหรอก เรากลับไปที่เซี่ยงไฮ้เถอะ ฉันจะพาเธอไปดูที่พักใหม่ของฉัน แน่นอนว่าเธอต้องชอบมันมาก!”
“อื้อ!”
————
ห้องทดลองใต้ดิน ณ วัดหลิงอิ่น
บุรุษสิบคนท่าทีเคร่งขรึมพร้อมกับที่ลำคอถูกทาสีไว้โดยรอบเป็นรูปดาบศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งล้อมกันอยู่บนโต๊ะหินอย่างเคร่งเครียด การแสดงออกของทั้งหมดเต็มไปด้วยความตึงเครียดอย่างมาก
“พยัคฆ์ทรายถูกจัดการแล้ว”
“ฆาตกรจางเหว่ยถูกจับกุมแล้ว
“ตอนนี้เจี่ยยู่กวนกำลังตกอยู่ในอันตราย เราจำเป็นจะต้องส่งคนไปที่นั่นให้มากขึ้น”
“เผ่าพันธุ์อสรพิษที่อยู่ในทะเลสาปชิงเต่านั้นมีมากเกินไป พวกเราจำเป็นจะต้องส่งกองกำลังไปปราบปรามมันโดยเร็วที่สุด ในตอนนี้มีผู้คนได้หายสาปสูญไปแล้วกว่ายี่สิบคน”
“กระจกจันทราสามน้ำเริ่มสำแดงฤทธิ์งั้นเหรอ”
ทั้งหมดนี้เป็นผู้ที่เต็มไปด้วยความรอบคอบและรัดกุมในสถานการณ์อย่างมาก แม้ว่าการรายงานเหตุการณ์เล็กๆอย่างรวดเร็วนี้ ทั้งหมดก็ใส่ใจในทุกรายละเอียดอย่างถี่ถ้วน
ผู้ที่นั่งอยู่หัวโต๊ะนั้นเป็นอาวุโสเวทมนตร์ซึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีแดงและทอง เขาเป็นคนที่คอยมอบหมายงานให้กับนักเวทคนอื่นๆหลังจากจัดการกับสิ่งที่ถูกรายงานขึ้นมาเสร็จสิ้นแล้ว
“ถังหยู่!” อาวุโสเวทมนตร์ร้องเรียกออกมาในขณะที่เขาก้มหน้าลงต่ำ
“ค่ะ ท่านผู้พิพากษา!” ถังหยู่กำลังนั่งอยู่ในสถานที่แห่งนั้นพร้อมทั้งผมยาวสลวยของเธอถูกรวบตึงขึ้นเผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามได้รูปอย่างชัดเจน
การปรากฏตัวของเธอในวันนี้เต็มไปด้วยความเข้มแข็ง ไม่มีร่องรอยของหญิงสาวผู้อ่อนโยนหลงเหลือเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเธอตึงเครียดและจริงจังกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างมาก จิตวิญญาณที่เข้มแข็งถูกเผยออกมาจากร่างกายอย่างมุ่งมั่นด้วยเช่นกัน
“ในตอนนี้คุณจะต้องไปจัดการกับกระจกจันทราสามน้ำให้ได้ซะก่อน หยุดภารกิจทั้งหมดที่ได้รับมอบหมายก่อนหน้านี้ทั้งหมด เมื่อจัดการเสร็จสิ้นแล้วจงกลับมารายงานทันที” อาวุโสกล่าวออกมาอย่างหนักแน่น
“ท่านผู้พิพากษา ท่านต้องการให้ฉันปล่อยซาลังซึ่งมีความสัมพันธ์กับเฉาเห่อไปก่อนงั้นเหรอ?” ถังหยู่ถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“แน่นอนว่าผมจะมอบหมายให้คนอื่นติดตามเขาต่อไป ในตอนนี้เราสามารถมั่นใจได้แล้วว่าผู้ที่เป็นคนวางแผนและตัวบงการใหญ่ก็คือซาลัง เหมือนว่าเขาจะหมกหมุ่นอยู่กับการค้นหาบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ใต้ดินให้ได้ เมื่อไหร่ที่พื้นที่กระจกจันทราสามน้ำเข้าสู่ความสงบอีกครั้ง คุณจำเป็นจะต้องดูแลเด็กที่ปกป้องน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ให้ดี” อาวุโสกล่าวต่อ
“ซาลังยังไม่ยอมหยุดที่จะเคลื่อนไหวกับเขาอีกงั้นเหรอ? ด้วยความแข็งแกร่งของซาลังและลูกสมุนของเขา ฉันเกรงกว่า…” ถังหยู่กล่าวออกมาอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้น ซาลังและลูกน้องของมันทั้งหมดถูกพวกเราจับตาดูอย่างแน่นหนา เรื่องนี้ซาลังเองก็ย่อมเข้าใจด้วยเช่นกันถึงสถานการณ์ของตนเอง ถ้าหากว่าเขาสามารถส่งคนอื่นไปทำงานนี้แทนได้ มันก็ไม่น่าจะเป็นปัญหาสำหรับเด็กคนนั้นมากนักหรอก อย่างไรก็ตามถ้าหากซาลังส่งผู้เชี่ยวชาญไปเกาะแกะเด็กล่ะก็… เราจะตัดสินเด็ดขาดในทันที!” อาวุโสตอบ
“ตกลง ถ้าหากว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันจะกลับเซี่ยงไฮ้ทันที!” ถังหยู่ตอบรับคำสั่ง
“คุณไปได้แล้ว! ต่อไปลูจุนเหอ!”
“ครับ ผู้พิพากษา!”
“ส่วนคุณไปญี่ปุ่นสักพักหนึ่ง จงไปตรวจสอบว่าอสูรเวทที่เข้าโจมตีหมู่บ้านประมงนั้นเป็นอสูรเวทตามป่าหรือว่าอสูรอัญเชิญ”
“ครับ!”
“หลี่เจียง คุณไปจัดการกับเครือข่ายมนุษย์ เขาคือนักเวทระดับสูง… ฆ่าเขาซะ!”
“รับทราบครับ!”
———-
หลังจากที่ออกมาจากห้องประชุมใต้ดินของวัดหลิงอิ่นแล้ว ถังหยู่เปิดโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากที่เธอเปิดมันขึ้นมา มีข้อความเตือนถึงเธอว่าเธอพลาดหนึ่งสายที่ไม่ได้รับ… มันคือชื่อของวายร้ายน้อยโม่ฝานนั่นเอง!
ถังหยู่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ในตอนนี้เธอต้องการจะตามหาเขา แต่ทว่าเขากลับโทรหาเธอเองงั้นเหรอ?
“นายมีอะไรหรือเปล่าถึงโทรหาฉัน?” ถังหยู่กลับคืนสู่สีหน้าที่อ่อนโยนตามเดิมพร้อมกับโทรกลับหาเขาทันที
“ผมคิดถึงคุณน่ะ”
“ไอ้เด็กบ้า” ถังหยู่ตอบกลับด้วยอารมณ์ที่ย่ำแย่
เธอไม่เคยพบเจอกับนักเรียนที่ไร้ยางอายเช่นนี้มาก่อน เขาคิดว่าเขาจะทำอะไรหรือพูดอะไรกับเธอก็ได้เพียงเพราะเธอเคยพลาดท่ากับเขาหนึ่งครั้งงั้นเหรอ! ฝันไปเถอะ!
“อ่า เมื่อสักพักผมอยู่ที่กวางโจวน่ะ” โม่ฝานเลิกหยอกล้อเธอต่อไปพร้อมบอกความจริงกับเธอทันที
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“อยู่บนรถ กำลังกลับเซี่ยงไฮ้”
“อีกไม่นานฉันจะไปเซี่ยงไฮ้ ตอนนี้ฉันต้องเคลียร์งานที่นี่ให้เสร็จก่อนน่ะ” ถังหยู่ตอบกลับ
ถังหยู่คิดลังเลอยู่นานว่าเขาควรจะบอกโม่ฝานไหมเกี่ยวกับมีใครบางคนกำลังคิดร้ายต่อเขาอยู่ อย่างไรก็ตามเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วนแล้วมันไม่จำเป็นเลยกับการบอกเล่าเรื่องราวเหล่านี้ให้กับนักเรียนที่ยังไม่รู้ความนัก มันจะดีกว่าถ้าหากว่าเธอแอบตามดูเขาอยู่ห่างๆ เมื่อถึงเวลานั้นเธอจะเป็นคนจัดการกับกลุ่มศาสตร์มืดเหล่านั้นเอง
“บอกผมด้วยล่ะ ถ้าหากว่าคุณมาถึงเซี่ยงไฮ้แล้ว ผมจะพาคุณออกไปทานกั้งสไปซี่”
“แน่นอน!”
หลังจากที่ถังหยู่วางสายลง เธออดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตนเอง “ทำไมฉันจะต้องได้รับมอบหมายให้มาคอยคุ้มกันเจ้าวายร้ายน้อยนี้ด้วยนะ!”