จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 202
บทที่ 202: ร่ำรวย!
มีหลายสิ่งที่โม่ฝานนั้นไม่เคยได้ยินมาก่อนในการประมูลครั้งนี้ แต่ช่างโชคดีที่จ้าวหม่าหยันคอยอธิบายสิ่งต่างๆเพิ่มเติมให้กับเขาอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งโม่ฝานให้ความสนใจกับอุปกรณ์เวทมนตร์หลายอย่างตรงหน้า อย่างเช่นอุปกรณ์เวทมนตร์วิญญาณที่มีความสามารถเฉพาะบางอย่าง
แน่นอนว่าอุปกรณ์เวทมนตร์วิญญาณกับอุปกรณ์เวทมนตร์ทั่วไปนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
อุปกรณ์เวทมนตร์วิญญาณนั้นจะเชื่อมจิตวิญญาณของมันเข้ากับนักเวทผู้นั้น ซึ่งการจะใช้มันจำเป็นจะต้องเรียกใช้งานผ่านสัมผัสวิญญาณ แต่ในขณะที่อุปกรณ์เวทมนตร์ทั่วไปนั้นเพียงแค่สวมใส่มัน เมื่อถึงเวลาต่อสู้มันจะเปิดใช้งานตนเองโดยอัตโนมัติ
อย่างเช่นสินค้าชิ้นหนึ่งในงานประมูลซึ่งถูกเรียกว่าแหวนพิษอัคคี
มันเป็นเพียงอุปกรณ์วิเศษทั่วไปเท่านั้น ความสามารถก็คือเพิ่มพิษเข้าไปในพลังของธาตุไฟ ซึ่งจะทำให้พลังนั้นแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ทว่าน่าเสียดายที่แหวนวงนี้ราคาแพงเสียยิ่งกว่าเมล็ดอัคคีวิญญาณ โม่ฝานไม่สามารถจ่ายออกไปเพื่อครอบครองมันได้
“มาถึงรายการต่อไป… มันเป็นสิ่งของที่มีผู้คนมากมายให้ความสนใจอย่างมาก นั่นก็คือไข่ของนกยักษ์ขนปุยสีคราม มันได้ผ่านการตรวจสอบมาแล้วว่ามีโอกาสฟักตัวแน่นอนหนึ่งร้อยเปอร์เซ็น! นักเวทธาตุอัญเชิญนั้นควรจะที่ประมูลเพื่อมันสักหน่อยนะ…. โอ้ ฉันลืมบอกบางอย่างไปสนิทว่านกยักษ์ขนปุยสีครามนี้มีสายเลือดแห่งนกยักษ์ขนปุย ถ้าหากว่ามันฟักออกมาและเลี้ยงดูจนมันโตเต็มวัย ความแข็งแกร่งของมันจะไม่แพ้อสูรเวทระดับนักรบ!”
“นกยักษ์ขนปุยสีครามนี้มีความสามารถในการบินที่น่าทึ่งและพลังทำลายล้างของมันสามารถพังทลายภูเขาหนึ่งลูกได้สบายๆ ราคาประมูลเริ่มต้นที่เจ็ดสิบล้านหยวน… ขอให้ทุกท่านเริ่มการประมูลได้!” พิธีกรกล่าวออกมาอย่างน่าตื่นเต้นพร้อมกับสายตาที่จับจ้องไปผู้คนที่นั่งอยู่อย่างใจจดจ่อ
ทันทีที่การประกาศถึงนกยักษ์ขนปุยสีครามสั่งสนั่นออกไป ทั่วทั้งห้องโถงแห่งนี้เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
แม้ว่าราคาของมันจะเริ่มต้นที่เจ็ดสิบล้านหยวน แต่ผู้คนมากมายก็เริ่มที่จะประมูลเพื่อแย่งชิงมัน!
โม่ฝานรู้สึกหวั่นเกรงต่อการใช้เงินของผู้มีอิทธิพลเหล่านี้อย่างมาก ในโลกก่อนหน้านี้นั้นการจะใช้จ่ายหนึ่งร้อยล้านหยวนนั้นเป็นไปได้ยากมาก แต่ทว่ากับการประมูลนกยักษ์ขนปุยสีครามนี้เริ่มต้นที่เจ็ดสิบล้านหยวนเป็นราคาที่ต่ำที่สุด! ทุกคนกลับเริ่มประมูลกันอย่างดุเดือดโดยไม่มีใครยอมใคร!!!
“นายก็เป็นนักเวทธาตุอัญเชิญไม่ใช่เหรอ? ไม่คิดจะพาเด็กๆเหล่านี้ไปเลี้ยงดูหน่อยล่ะ?” จ้าวหม่าหยันหันมาถามโม่ฝานที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างโจ่งแจ้ง
“เฮอะ นายคิดว่าคนอย่างฉันจะมีปัญญาจ่ายงั้นเหรอ?” โม่ฝานเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมาทันที
มีนักเวทเพียงสองประเภทเท่านั้นที่สามารถจะควบคุมอสูรเวทได้ หนึ่งก็คือนักเวทสายจิตวิญญาณและอีกหนึ่งก็คือนักเวทธาตุอัญเชิญ
ซึ่งนักเวทธาตุอัญเชิญเมื่อเข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้วจะได้รับคาถาเชื่อมวิญญาณ!
การใช้คาถาเชื่อมวิญญาณกับมิติอัญเชิญนั้นแตกต่างกันอย่างมาก ภายในมิติอัญเชิญนั้นเต็มไปด้วยอสูรเวทมากมายที่กลาดเกลื่อน ซึ่งถ้าหากจับกุมมันได้ มันจะถวายชีวิตในการต่อสู้เพื่อผู้เป็นนาย แต่ทว่าขีดจำกัดของมันยังมีอยู่มาก ซึ่งผู้เป็นนายจะไม่มีทางรู้ได้เลยว่าภายในมิติลึกลับนั้นอสูรอัญเชิญของเขาจะตายตกไปเมื่อใดหรือในบางครั้งมันอาจจะดื้อรั้นและไม่ยอมที่จะออกมาร่วมต่อสู้ก็ย่อมได้
ซึ่งคาถาเชื่อมวิญญาณนั้นคือคาถาที่แท้จริงของนักเวทธาตุอัญเชิญ
ซึ่งนักเวทธาตุอัญเชิญมีหน้าที่เข้าไปค้นหามันในป่าใหญ่และทำสัญญาร่วมกับมันอย่างแท้จริง เมื่อการเชื่อมวิญญาณเสร็จสิ้นแล้ว อสูรเวทตนนั้นจะเชื่อมต่อกับผู้เป็นนายโดยสมบูรณ์ มันจะหดตัวเล็กลงและยืนอยู่ข้างกายของผู้เป็นนายตลอดเวลา
ถ้าจะกล่าวให้ถูกก็คือการใช้คาถามิติอัญเชิญก็คือการใช้พลังเวทออกไปอย่างต่อเนื่อง ยิ่งอสูรเวทออกมาด้านนอกมากเท่าไหร่ยิ่งจำเป็นต้องใช้พลังเวทมากขึ้นเท่านั้นและเมื่อรวมกับการต่อสู้ที่เนิ่นนานแล้วจะทำให้ยิ่งเปลืองพลังเวทอย่างไม่รู้จบ
แต่คาถาเชื่อมวิญญาณนั้นเป็นความสัมพันธ์ที่แท้จริง เขาสามารถจะเชื่อมต่อกับอสูรเวททุกชนิดที่อยู่บนโลกใบนี้ได้ เมื่อการทำสัญญาเสร็จสิ้นแล้วอสูรเวทตนนั้นจะกลายเป็นสหายร่วมเป็นร่วมตายกับเขาไปจนสิ้นอายุขัย
“การที่นายจะต้องสูญเสียทรัพยากรจำนวนมากเพื่ออสูรเวทในมิติอัญเชิญนั้นเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์อย่างมาก มิติอัญเชิญไม่ใช่สิ่งที่คงทนถาวรนัก อย่างไรก็ตามเมื่อธาตุอัญเชิญของนายเข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้วฉันขอแนะนำว่าควรจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดกับอสูรเวทที่ลงนามพันธะสัญญาสายเลือดเท่านั้น แน่นอนว่านั่นคือผลประโยชน์ที่นายจะได้รับอย่างแท้จริง ในตอนนี้นายไม่ควรจะมอบอะไรก็ตามให้กับอสูรในมิติอัญเชิญที่ไม่มั่นคงนั้น….” จ้าวหม่าหยันกล่าวเตือนกับโม่ฝาน
“แต่ทว่าเจ็ดสิบล้านหยวนนั้นไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะสามารถจ่ายออกไปได้”
“พี่ชายทำไมนายถึงอยากจะซื้อนกยักษ์ขนปุยสีครามนี้ล่ะ? อสูรเวทที่สามารถบินได้นั้นมีราคาแพงอยู่แล้วใครก็รู้” จ้าวหม่าหยันกล่าวออกมา
“อืม ก็จริง”
การที่ธาตุอัญเชิญจะสามารถกลายเป็นดวงดาวเนบิวลาได้จำเป็นจะต้องใช้เวลาอีกสักหน่อย แม้ว่าในตอนนี้เขาจะมีอสูรอัญเชิญในครอบครองหนึ่งตัวและมันช่วยเขาต่อสู้ได้นิดหน่อย แต่เมื่อโม่ฝานได้เห็นนกยักษ์ขนปุยสีครามนี้ทำให้เขารู้สึกว่าอสูรตัวน้อยของเขากลายเป็นขยะไร้ค่าทันที
ราคาของมันแพงเกินไป!
ในตอนนี้โม่ฝานอยู่ในระดับมัชฌิมเท่านั้น ซึ่งสิ่งของที่จำเป็นต่อเขานั้นมีราคาหลักสิบล้านขึ้นไปทั้งสิ้น แล้วถ้าหากวันหนึ่งเมื่อเขาก้าวขึ้นสู่ระดับต่อไป ราคาของอุปกรณ์เหล่านั้นจะไม่ทะลุไปถึงร้อยล้านเลยงั้นเหรอ?
คำที่ใครได้กล่าวเอาไว้ว่า “ถ้าหากคุณไม่มีเงินจงอย่าเลือกเดินเส้นทางแห่งเวทมนตร์เด็ดขาด!” นี่คือประโยคที่แท้จริงสำหรับโลกใบนี้
“รายการต่อไปนี้เป็นสิ่งของที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ขอให้ทุกคนอย่าได้กังวลไปเลยมันเป็นสิ่งที่ทุกท่านล้วนแต่ต้องการครอบครอง!”
พิธีกรกล่าวขึ้นมาอย่างเชิญชวน จากนั้นหญิงสาวคนหนึ่งเดินถือสิ่งของบางอย่างขึ้นไปบนเวทีประมูลอย่างแช้มช้อย
“ลองดูที่ภาชนะนี้สิ ผมรู้ว่าทุกท่านควรจะทราบว่าภายในนี้มีอะไรอยู่ข้างใน!?” พิธีกรเผยรอยยิ้มกว้างออกมา
“แก่นแท้จิตวิญญาณ!”
“พวกท่านคงจะสงสัยกันล่ะสิว่าแก่นแท้จิตวิญญาณระดับใดงั้นเหรอ? ถ้าหากว่าเป็นของอสูรระดับต่ำ แน่นอนว่ามันคงไม่มาอยู่ในสถานที่แห่งนี้!”
พิธีกรกล่าวเปิดสินค้าอย่างน่าตื่นเต้นและทำให้ทุกคนเริ่มพูดคุยกันอย่างคึกครื้น ขณะที่เสียงพูดคุยเงียบลงแล้วเขาเริ่มกล่าวต่อ “มันคือแก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบ! สิ่งนี้มาจากอสูรปรสิต พวกท่านทุกคนล้วนแต่รู้ดีอยู่แล้วว่าแก่นแท้จิตวิญญาณมักจะแข็งแกร่งขึ้นตามระดับพลังวิญญาณของอสูรนั้นๆ สิ่งนี้จะสามารถสร้างอุปกรณ์ระดับเนบิวลาได้อย่างง่ายดาย แน่นอนว่าอุปกรณ์เวทละอองดาราหรือเนบิวลาล้วนแต่มีความสำคัญอย่างยิ่ง มันจะเป็นอุปกรณ์ที่นักเวทอย่างเราต้องใช้มันอยู่เสมอ การที่จะสร้างอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยมเหล่านั้นได้จำเป็นจะต้องใช้แก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบ! แน่นอนว่าตอนนี้มันอยู่ตรงหน้าของพวกท่านทั้งหมดแล้ว ราคาเริ่มต้นของมันอยู่ที่สิบสองล้านหยวน!”
จากราคาเริ่มต้นนี้เห็นได้ชัดว่าไม่จำเป็นจะต้องกังวลเกี่ยวกับเม็ดเงินที่จะถูกประมูลออกมาเลยแม้แต่น้อย
แม้ว่าไข่ของนกยักษ์ขนปุยสีครามจะมีราคาแพงมาก นั่นเป็นเพราะว่าความต้องการของมันเฉพาะกลุ่มอย่างยิ่ง มันเจาะจงเพียงแค่นักเวทธาตุอัญเชิญเท่านั้น ราคาของมันจึงไม่ค่อยดุเดือดมากนักในการแย่งชิงมาครอบครอง
แต่อย่างไรก็ตามแก่นแท้จิตวิญญาณนั้นสามารถเพิ่มพลังให้กับอุปกรณ์เวทละอองดาราหรือเนบิวลาได้อย่างง่ายดาย แล้วนักเวทคนไหนกันที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์เวทเหล่านี้? พวกเขาล้วนแต่ต้องการมันอย่างแน่นอน!
แม้ว่าแก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบจะไม่ได้มีราคาเริ่มต้นที่แพงเท่ากับไข่ของนกยักษ์ขนปุยสีคราม แต่อย่างไรก็ตามราคาของมันก็ยังถือว่าแพงอยู่มาก ทันทีที่ทุกคนได้ยินว่ามันเป็นแก่นแท้จิตวิญญาณของอสูรปรสิต ทุกคนล้วนแต่เริ่มประมูลกันอย่างดุเดือดเพื่อแย่งชิงจิตวิญญาณมากมายที่อยู่นั้น
“แก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบนั้นเป็นสินค้าขายดี ในวันข้างหน้าถ้าหากว่านายได้รับมันมาอีก นายสามารถติดต่ออาวุโสในตระกูลของฉันได้เลย รับรองว่าคนเหล่านี้จะไม่มีวันโกงนายแน่นอน” จ้าวหม่าหยันกล่าวกับโม่ฝานอย่างจริงใจ
โม่ฝานเห็นฉากตรงหน้าพร้อมกับฟังที่จ้าวหม่าหยันพูดไปพร้อมกัน เขาตระหนักได้ทันทีว่าแก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบนั้นมีมูลค่าอย่างต่ำสิบล้านหยวน! ซึ่งในตอนนี้ผู้ร่วมประมูลยังคงต่อสู้กันอย่างไม่ลดละ
เป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมมากที่จี้ทมิฬน้อยของเขาสามารถเก็บรวบรวมแก่นแท้จิตวิญญาณพวกนี้ไว้ได้ แล้วมันจะเป็นอย่างไรถ้าหากว่าในอนาคตเขาจะสามารถค้าขายแก่นแท้จิตวิญญาณต่อไป?
เมื่อกล่าวถึงจี้ทมิฬที่ห้อยคอของเขาอยู่ โม่ฝานยังไม่ค่อยจะรู้ความลับของมันมากนัก อย่างไรเขาสามารถได้รับแก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบในการสังหารอสูรระดับนักรบเพียงครั้งเดียว แต่ทว่าคนอื่นนั้นสังหารไปกว่าสิบก็ยังแทบไม่มีโอกาสจะได้รับมัน… ความลับของจี้ทมิฬน้อยนี้มากเกินไป!
ถ้าหากมีโอกาส แน่นอนว่าโม่ฝานตั้งใจว่าจะค่อยๆค้นหาความลับของมันไปเรื่อยๆ…
ท้ายที่สุดแล้วแก่นแท้จิตวิญญาณระดับนักรบที่เขาได้รับมาจากราชินีอสูรถูกขายไปด้วยราคายี่สิบเก้าล้านหยวน!
ราคาที่แท้จริงของมันนั้นอยู่ประมานยี่สิบล้าน แต่ทว่าในตอนนี้ราคาของมันพุ่งขึ้นสูงไปกว่าเดิมถึงสิบล้าน! เห็นได้ชัดว่าสิ่งของเหล่านี้ไม่สามารถหาพบได้โดยง่าย!!!
‘รวยแล้ว… ฉันรวยแล้ว ฉันโคตรรวยเลยโว้ย!!!’