จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 162
บทที่ 162: คิดว่าแกเป็นนักเวทระดับมัชฌิมคนเดียวงั้นเหรอ?
การเคลื่อนไหวของจ้วงหลีเฟิงนั้นอยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนที่กำลังชมการประลองอย่างมาก!
ในการแข่งขั้นครั้งนี้คือผู้ท้าชิงจะต้องต่อสู้กับอสูรอัญเชิญที่ถูกเรียกออกมาเท่านั้น! การกระทำของจ้วงหลีเฟิงสร้างความไม่พอใจให้กับนักเรียนสาขาอัญเชิญอย่างมาก ความขุ่นเคืองประทุขึ้นภายในใจของทุกคนทันทีที่เห็นเช่นนั้น!
“ผิดกฏ! เขาจะโจมตีผู้อัญเชิญได้อย่างไรกัน!” ไฮ่ต้าหู่ตะโกนออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“ไม่ใช่หรอก การประลองในครั้งนี้คือการที่ผู้อัญเชิญจะต่อสู้ร่วมกับอสูรอัญเชิญเพื่อกำจัดศัตรูฝ่ายตรงข้าม นานมาแล้วมีคนหนึ่งเคยพ่ายแพ้ให้กับโรงเรียนของเรา เขาเป็นอาวุโสที่แข็งแกร่งเป็นตัวแทนของสถาบันเรา ซึ่งอสูรอัญเชิญของเขานั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอสูรอัญเชิญของโม่ฝานเสียอีก” เจียงหยุนหมิงกล่าวออกมาอย่างสงบนิ่ง
เจียงหยุนหมิงในฐานะอาจารย์ของพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงเหตุผลในการต่อสู้มากนัก แต่ในการประลองครั้งนี้เขาไม่ได้บอกนักเรียนของตนเองว่าพวกเขามีสิทธิ์ที่จะต่อสู้ด้วยเช่นกัน…
บางครั้งการที่ให้พวกเขาได้พบเจอกับอะไรด้วยตนเอง นั่นคือบทเรียนที่แท้จริง!
นอกจากนี้การต่อสู้ที่แท้จริงนั้น ผู้อัญเชิญจะต้องรู้วิธีป้องกันตนเองอีกด้วย เพราะอสูรเวทไม่ใช่เกราะกำบังได้เสมอไป!
“บัดซบ โม่ฝานเพียงแค่จัดการเจ็ดถึงเก้าคนเขาก็แทบจะไม่ไหวแล้ว อีกทั้งในตอนนี้เรายังอยู่ห่างไกลจากหนึ่งร้อยมากเกินไป…” ไฮ่ต้าหู่กล่าวออกมาอย่างมืดมน
หมาป่าเวทนั้นสามารถยืนหยัดอยู่ได้อีกนานนมแน่นอน แต่ใครล่ะจะไปคาดคิดว่ามีนักเวทบ้าคลั่งเข้าไปโจมตีผู้อัญเชิญ เช่นนี้เขาจะยืนหยัดอยู่ได้อย่างไรกัน…
“เหอะ ก็เพราะคำพูดบ้าๆที่เขาใช้ก่อนการแข่งขันนั่นไง จึงได้ทำให้มีผู้คนจำนวนมากโกรธแค้นพวกเรา!” หวังจี่หลิงก่นด่าออกมาอย่างหงุดหงิด
—
จ้วงหลีเฟิงนั้นพุ่งเข้ามาราวกับแสง ความเร็วของเขาทำให้ฝุ่นคละคลุ้งไปทั่ว!
ในขณะที่เขาพุ่งเข้ามาใกล้ เขามองเห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งของโม่ฝานได้อย่างชัดเจน…
‘ไอ้โง่! แกกล้าที่จะแสดงสีหน้าเช่นนั้นกับร่างกายที่อ่อนแอเช่นนี้งั้นเหรอ แกไม่ได้ใช้เวทมนตร์ด้วยซ้ำ!’ จ้วงหลีเฟิงนั้นคิดว่าเขาจะสามารถเอาชนะโม่ฝานได้เพียงแค่ใช้ความเร็วสูงสุดเข้าพุ่งชนเท่านั้น!
แน่นอนว่าในตอนนี้จ้วงหลีเฟิงนั้นพยายามที่จะระมัดระวังโม่ฝานอย่างมาก หากโม่ฝานหยิบอุปกรณ์ใดๆออกมา เขาจะสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการโจมตีได้เสมอในตอนนี้
‘แสงงั้นเหรอ??’
‘ทำไมชายคนนี้จึงมีแสงเรืองรองออกมาจากร่างกายทั้งๆที่เขาไม่ได้หยิบจับอุปกรณ์เวทใดๆ?’
‘เฮ้ย เดี๋ยวนะ นั่นมันแสงสีม่วงงั้นเหรอ!?!’
สีหน้าของจ้วงหลีเฟิงแข็งค้างในทันที บรรยากาศโดยรอบเปลี่ยนไปโดยฉับพลัน!
แสงประกายยิบยับที่โหดร้ายเช่นนี้มีเพียงธาตุเดียวเท่านั้น ธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกใบนี้… สายฟ้า!
“อ่า ฉันจำไม่ได้เลยว่าฉันบอกแกตอนไหน… ว่าฉันไม่ใช่นักเวทระดับมัชฌิม!” สายตาที่เย้ยหยันของโม่ฝานจ้องมองไปที่ศัตรูตรงหน้าอย่างโหดเหี้ยม
เส้นทางดวงดาวของอสนีบาตก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว มันวิ่งไปมารอบกายของโม่ฝานราวกับอสรพิษยักษ์ที่น่าเกรงขาม
“อสนีบาต แส่พิฆาต!!”
ฉับพลันที่ปรากฏสายฟ้าที่น่าเกรงกลัวออกมา จ้วงหลีเฟิงไม่มีโอกาสแม้แต่สักวินาทีที่จะหยิบจับอุปกรณ์ป้องกันใดๆ
สายฟ้าเกรี้ยวกราดโค้งงอกลายเป็นเส้นแนวยาว อสรพิษดุร้ายพุ่งทะลุร่างกายของจ้วงหลีเฟิงอย่างไร้ปราณี
เมื่อจ้วงหลีเฟิงเห็นอสรพิษยักษ์กำลังพุ่งมาด้วยความเร็วแสง เขาพยายามที่จะหยุดการโจมตีของตนเองและต้องการหลบมัน!
แต่โม่ฝานนั้นคิดไว้หมดสิ้นแล้ว เขารู้ดีว่าความเร็วของศัตรูนั้นมากเกินไป เช่นนี้เขาจึงร่ายเวทสายฟ้าระดับที่สองทันที เสียงท้องฟ้าคำรามสนั่นหวั่นไหว มันอาละวาดไปทั่วสนามอย่างองอาจ แม้ว่าจ้วงหลีเฟิงจะเพิ่มความเร็วเป็นสองเท่าก็ไม่อาจหลบหนีการโจมตีที่ดุเดือดครั้งนี้ได้แน่นอน!
ในทันทีที่สายฟ้าขนาดใหญ่พุ่งเข้าสู่ร่างกายของศัตรูแล้ว เส้นที่เหลือจะวิ่งมาบรรจบในทันทีราวกับเรียกสหายมาร่วมดื่มกินอาหารเย็น!
เส้นทางวายุของจ้วงหลีเฟิงถูกทำลายลงไปด้วยแส่พิฆาตเมื่อครู่ ประกายสายฟ้าที่โหดเหี้ยมวิ่งพล่านไปทั่วร่างกายของเขาอย่างอิสระ แม้แต่ขยับนิ้วมือก็ไม่อาจจะทำได้ ร่างกายของเขาทั้งหมดกลายเป็นอัมพาตโดยสมบูรณ์!
“แกเป็นคนที่แปดสิบ…”
อย่างไรก็ตามโม่ฝานไม่ได้ปลดปล่อยพลังของสายฟ้าทั้งหมด ไม่เช่นนั้นมันอาจจะคร่าชีวิตของจ้วงหลีเฟิงไปแล้ว เขาเผยรอยยิ้มเล็กๆให้กับจ้วงหลีเฟิงและเลิกที่จะให้ความสนใจร่างกายที่เป็นอัมพาตของศัตรูโดยสมบูรณ์ สุดท้ายแล้วผู้ท้าชิงในครั้งนี้ก็พ่ายแพ้ไปโดยปริยาย…
ใบหน้าของจ้วงหลีเฟิงซีดเซียวไร้โลหิต เขามองไปที่โม่ฝานซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าของเขาอย่างไม่วางตา
‘นักเวทระดับมัชฌิม… ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเขาจึงกล้าที่จะท้าทายทุกคนในนี้!’
ในทันทีที่จ้วงหลีเฟิงพ่ายแพ้ ผู้ชมที่นั่งอยู่บนที่นั่งทั้งหมดล้วนแต่ตื่นตระหนกกับภาพที่เห็นอย่างมาก
การที่จ้วงหลีเฟิงได้แสดงพลังเวทอีกระดับให้ทุกคนเห็นล้วนแต่สร้างความประหลาดใจให้กับผู้ชมอย่างมาก ท้ายที่สุดนั้นคือหมายความว่ามีนักเวทระดับมัชฌิมโผล่มาในกลุ่มนักเรียนใหม่เพิ่ม!
อย่างไรก็ตามในขณะที่ทุกคนเพิ่งจะฟื้นคืนสติจากเรื่องราวของจ้วงหลีเฟิง นักเวทอัญเชิญที่เย่อหยิ่งคนนั้นก็สร้างความแตกตื่นขึ้นมาอีกครั้งด้วยการใช้อสนีบาต แส่พิฆาต!
เขา… เขาเป็นนักเวทระดับมัชฌิม!
“บัดซบ! พวกเรานั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าสถาบันเมิงจู่นั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาด นักเรียนทุกคนล้วนแต่แข็งแกร่งทั้งสิ้น แต่ทว่าในตอนนี้มีนักเรียนใหม่อยู่ในระดับมัชฌิมมากเกินไป!”
นักเรียนใหม่ที่มีอายุไม่เกินยี่สิบปี ถ้าหากพวกเขาเข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้วทั้งหมดจะถูกกล่าวหาว่าเป็นสัตว์ประหลาดทั้งสิ้น! ซึ่งหากนับรวมหลัวซ่งด้วยก็เป็นจำนวนสามคนแล้ว!
ซึ่งแน่นอนว่าบุคคลที่เข้าสู่ระดับมัชฌิมได้ในภายหลังยี่สิบปีนั้นไม่ได้โง่เง่าแต่อย่างใด แต่ทว่าพรสวรรค์ของพวกเขาไม่เพียงพอที่จะไปให้ถึงจุดนั้นในเวลานี้เท่านั้นเอง!
—
“เขา… เขาเป็นนักเวทธาตุสายฟ้างั้นเหรอ?” หญิงสาวด้านข้างฉือจ้าวติงหันไปถามเขาด้วยใบหน้าฉงน
ฉือจ้าวติงหันไปยิ้มให้กับคำถามของเธอโดยที่ไม่ได้ตอบคำใดกลับไป
ณ ตอนนั้นที่โม่ฝานได้ต่อสู้กับตระกูลมู่ที่ยิ่งใหญ่ ฉือจ้าวติงหยุดความคิดปฏิปักษ์กับโม่ฝานในทันที เขารู้ได้อย่างรวดเร็วว่าไม่มีวันจะไล่ตามโม่ฝานได้ทันอีกแล้ว
“แล้วเขาสามารถใช้เวทมนตร์สายฟ้าระดับมัชฌิมได้หรือไม่?” หญิงสาวด้านข้างหันมากดดันเขา
“ไม่รู้!” ฉือจ้าวติงตอบกลับพร้อมกับส่ายศีรษะ
“ถ้าหากว่าเขาสามารถทำได้ล่ะก็! รวมกับพลังของหมาป่าเวทที่พัฒนาแล้ว จะไม่มีผู้ใดที่จะสามารถต่อต้านเขาได้อีก!!!”
“การที่จะชนะเขาได้มีเพียงการถ่วงเวลาเท่านั้น การถ่วงเวลาให้หมาป่าเวทหมดแรงไปนั่นคือหนทางเดียวที่จะได้รับชัยชนะ!”
—–
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างช้าๆ ผู้ท้าชิงค่อยๆเดินเข้ามาทีละคน
เมื่อพวกเขาเข้ามา ก็ต้องมีอันต้องล้มลงพ่ายแพ้จากไปทีละคน แม้ว่าจะมีคนที่พยายามมากสักเท่าไหร่ แต่สุดท้ายแล้วร่างกายของเขาทั้งหมดล้วนแต่ตกอยู่ภายใต้เท้าของหมาป่าเวทและเท้าของโม่ฝานทั้งสิ้น
ในการต่อสู้ครั้งนี้ โม่ฝานคอยสนับสนุนหมาป่าเวทของตนด้วยแส่พิฆาตอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ซึ่งการใช้แส่พิฆาตนั้นเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมอย่างมากในการจัดการกับศัตรู เหตุนี้ทำให้ลดภาระของหมาป่าเวทไปได้มากโข แม้แต่หมาป่าเวทที่ถูกอัญเชิญมาก็ยังไม่อาจต้านทานพวกเขาทั้งคู่ได้เลย
ในที่สุดผู้ท้าชิงทั้งร้อยคนก็ล้มลง!
มันเป็นข่าวดีอย่างมากสำหรับนักเรียนสาขาอัญเชิญ นี่แปลว่าทรัพยากรทั้งหมดของพวกเขาปลอดภัยแล้ว!
ก่อนที่นักเรียนสาขาอัญเชิญจะเข้าร่วมการแข่งขันนี้ พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่ดูถูกเหยียดหยันโม่ฝานอย่างเต็มที่ แต่ในบัดนี้ทุกคนต่างชื่นชมและรู้สึกตื่นเต้นที่สาขาของตนเองมีพระเอกที่สามารถพลิกผันสถานการณ์ได้อย่างไม่คาดฝัน แต่หวังจี่หลิงยังไม่หยุดความคิดที่จะยอมพ่ายแพ้ต่อโม่ฝาน…
ท้ายที่สุดแล้วโม่ฝานนั้นแตกต่างจากทุกคนอย่างสิ้นเชิง ภายในสาขาอัญเชิญไม่มีใครทัดเทียมเขาได้เลย!
ในตอนนี้จำนวนหนึ่งร้อยได้ผ่านพ้นไปแล้ว ผู้ท้าชิงยังคงหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน
ใครต้องการจะพ่ายแพ้กันล่ะ?
พวกเขาทั้งหมดนั้นรู้ตัวดีว่ายากเย็นอย่างยิ่งที่จะเอาชนะโม่ฝานและอสูรอัญเชิญตนนี้ได้ แต่ความหวังก็ยังคงไม่หายไป ทั้งหมดยังมีความหวังว่าหมาป่าเวทจะหมดแรงลงสักทีในรอบของตนเอง
ด้วยความคิดเหล่านี้ทำให้ผู้ท้าชิงยังคงไม่ยอมแพ้และหยัดยืนกันจนวินาทีสุดท้าย จนกระทั่งในตอนนี้ตัวเลขทั้งหมดคืบคลานมาใกล้จำนวนร้อยห้าสิบคนแล้ว!
ความสำเร็จและดุดันของโม่ฝานเป็นที่ต้องตาต้องใจให้กับนักเรียนหลายๆคนอย่างท่วมท้น แต่กลับมีเสียงหนึ่งสบถออกมาอย่างเกรี้ยวกราด
“งี่เง่า! หนึ่งทีมนั้นมีห้าคนและทุกคนล้วนแต่เป็นนักเวทระดับปฐมภูมิ กลับกลายเป็นทุกคนไม่สามารถประสานงานกันได้เลย! พวกมันทั้งหมดเดินเข้าไปเพื่อเป็นอาหารให้กับหมาป่างั้นเหรอ!!!”