จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 159
บทที่ 159: ฉันต้องการทั้งหมด
……
หลังจากที่พายุทรายกระจายตัวออกไปจนหมดสิ้น ผู้ชมโดยรอบได้เห็นภาพที่น่าประหลาดใจ ใบหน้าทุกคนล้วนแข็งค้างอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง
หมาป่าเวทเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ภายในพริบตามันพุ่งไปยืนอยู่ตรงหน้าของลี่จันเหว่ย ขาทั้งสี่ของมันยืนอยู่บนกำแพงเถาวัลย์ ศีรษะของมันอยู่ห่างจากหัวของลี่จันเหว่ยเพียงหนึ่งเมตรเท่านั้น!
ภาพนี้หมายความว่าถ้าหากหมาป่าเวทต้องการที่จะสังหารบุคคลตรงหน้า มันเพียงแค่สะบัดหัวครั้งเดียวทุกอย่างก็เสร็จสิ้น
“กลับมา” โม่ฝานกล่าวขึ้นมาในช่วงเวลาแห่งความเงียบงัน
หมาป่าเวทเชื่อฟังเขาอย่างมาก มันหันหลังกลับพร้อมวิ่งกลับไปยืนเคียงข้างโม่ฝานและเอาหัวถูไถกับเขาอย่างไม่สนใจกลุ่มผู้ท้าชิงเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย
จากนั้นหมาป่าเวทค่อยๆยืนขึ้นอย่างช้าๆ พร้อมเงยหน้ามองไปรอบๆด้วยสายตาที่เหยียดหยามราวกับกำลังจะบอกทุกคนว่า “มนุษย์งั้นเหรอ? อ่อนแอชัดมัด…”
“ฉือจ้าวติง นายแน่ใจนะว่านายไม่ได้พบเจอเขาเพียงแค่หนึ่งปีเท่านั้น?” หญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างฉือจ้าวติงถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
ในตอนนี้ฉือจ้าวติงยิ่งรู้สึกว่าตนเองกลายเป็นไอ้โง่มากขึ้นเรื่อยๆ!
นี่คือโม่ฝานคนนั้นจริงๆงั้นเหรอ?!
แม้ว่าเขาคนนั้นจะสามารถทะลุผ่านเข้าสู่ระดับมัชฌิมได้หลังจากที่ผ่านพ้นภัยพิบัติในเมืองบ่อ แต่มันก็ไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่นักที่เขาจะสามารถฝึกฝนธาตุอัญเชิญได้แข็งแกร่งเช่นนี้ในเวลาเพียงหนึ่งปี หมาป่าเวทตัวนั้นสามารถจัดการกับทีมแนวหน้าอย่างลี่จันเหว่ยได้อย่างง่ายดาย เช่นนี้แปลว่าอสูรตนนี้แข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าอสูรเวทระดับต่ำ ถ้าหากว่าทีมแนวหน้าระดับปฐมภูมิต้องพบเจอกับมันบนถนนต่างๆในเมือง แน่นอนว่าพวกเขาทั้งหมดจะถูกทำลายให้หายไปจากโลกนี้โดยทันที
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน… เขา… เขามักจะแข็งแกร่งขึ้นอยู่เสมอ” ฉือจ้าวติงตอบออกมาอย่างไม่เข้าใจเช่นกัน เขาไม่เคยเข้าใจโม่ฝานเลย บุคคลนี้มีพรสวรรค์มากเกินกว่าที่เขาจะเข้าใจได้!
……
“บ้าเอ๊ย ไอ้หมานั่นมันแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม!!!” หลัวซ่งผู้ที่ต้องการสร้างความเดือดร้อนให้กับโม่ฝานก่นด่าสาปแช่งออกมาโดยฉับพลัน
แต่เดิมหมาป่าเวทตัวนี้ไม่ได้น่าเกรงกลัวแต่อย่างใด เพียงแค่ตรวนน้ำแข็งของเขาก็สามารถเอาชนะมันได้อย่างง่ายดาย
ทว่าในตอนนี้หมาป่าเวทได้พัฒนาเสร็จสิ้นแล้ว มันก้าวขึ้นมาอีกระดับหนึ่งอย่างแข็งแกร่ง ถ้าหากหลัวซ่งนั้นตัดสินใจพลาดหรือประมาทมันแม้แต่วินาที เขาจะได้ไปเกิดใหม่ในโลกหน้าแน่นอน นอกจากนี้เจ้านายของมันยังครอบครองธาตุสายฟ้าระดับมัชฌิมอีกด้วย!
“ดูเหมือนว่าฉันจะต้องพึ่งพาทรัพยากรของพี่ชายและน้องสาวของฉันทั้งหมด ไม่งั้นฉันคงจะเอาชนะมันไม่ได้แน่นอน ยิ่งปล่อยไว้นานช่องว่างมันจะมากเกินไป ถ้าวันนั้นมาถึงฉันนี่แหละจะลำบาก!” หลัวซ่งกล่าวพึมพำกับตัวเองอย่างหงุดหงิด
ความแข็งแกร่งของโม่ฝานนั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนหลัวซ่งไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป ในการประลองครั้งที่แล้วเขาพ่ายแพ้ให้กับโม่ฝานไปแล้ว ซึ่งเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันเกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองโดยเด็ดขาด!
……
ลี่จันเหว่ยเดินออกจากกรงเหล็กพร้อมกับสหายร่วมทีมด้วยท่าทีเหนื่อยอ่อนราวกับร่างไร้วิญญาณ
นี่ไม่ใช่ผลลัพธ์ที่พวกเขาต้องการเลยแม้แต่น้อย ทั้งหมดไม่สามารถจัดการอสูรเวทเพียงหนึ่งตัวนี้ได้! อีกทั้งอสูรเวทยังพัฒนาการขึ้นมาอีกหนึ่งระดับในระหว่างการต่อสู้อีกด้วย
ความรู้สึกที่ต่อต้านเช่นนี้ยากเกินกว่าจะแบกรับได้ไหว
คราแรกปรากฏนักเวทระดับมัชฌิมขึ้นกลางเวที เหตุการณ์นั้นทำให้ผู้ชมโดยรอบล้วนแต่ตกอยู่ความประหลาดใจอย่างถึงที่สุด แต่ในตอนนี้กลับมีหมาป่าเวทที่พัฒนาการขึ้นมาหนึ่งระดับยืนอยู่บนเวทีอีกครั้ง นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาแข็งแกร่งเกินไปแล้ว!
เหตุการณ์ที่ลี่จันเหว่ยได้พบเจอนั้นดั่งคำกล่าวที่ว่า “ในทุกสถานที่ยังมีพยัคฆ์และมังกรหลบซ่อนอยู่เสมอ” ภายในสถาบันเมิงจู่แห่งนี้อย่าไว้ใจหรือประมาทผู้ใดเป็นอันขาด เพราะท้ายที่สุดแล้วใครจะรู้ว่าบุคคลที่เดินเข้ากรงเหล็กอย่างกล้าหาญและเย่อหยิ่งเช่นเขา จะต้องคลานออกจากสมรภูมินี้อย่างหมาหางด้วน แล้วเช่นนี้เซียวเหมินที่มองเขาอยู่จะรู้สึกอย่างไรงั้นเหรอ?
“โม่ฝาน นายเจ๋งจริงๆ นายทำให้ตัวเลขของพวกเราหายไป!” นักเรียนสาขาอัญเชิญร่างบางตะโกนขึ้นไปบนเวทีอย่างตื่นเต้น
แม้แต่จางปิงกู่ยังมีรอยยิ้มเล็กๆเจือจางบนใบหน้า ความแข็งแกร่งของหมาป่าเวทตัวนั้นไม่ได้อ่อนแอไปมากกว่าโครงกระดูกปีศาจอย่างแน่นอน ถ้าหากว่าโม่ฝานสามารถโจมตีผู้ท้าชิงได้ถึงจำนวนที่ตั้งเป้าไว้ ทรัพยากรของสาขาอัญเชิญจะไม่หลุดลอยไปสู่มือของสาขาอื่นอย่างแน่นอน
แม้ว่าไฮ่ต้าหู่และหวังจี่หลิงจะไม่ได้ชื่นชอบโม่ฝานมากนัก แต่พวกเขาก็ยังคงคาดหวังไว้อยู่เสมอ ใบหน้าทั้งสองไม่ได้แสดงออกถึงอารมณ์ใดๆ มีเพียงในหัวใจเท่านั้นที่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“พวกนายมองโลกในแง่ดีเกินไปหรือเปล่า? พวกนายไม่รู้เหรอว่าอีกกว่าห้าสิบคนจึงจะครบตามตัวเลขที่ตั้งเป้าไว้? ถ้าหากว่าในหนึ่งทีมผู้ท้าชิงมีจำนวนห้าคน เขาจะสามารถจัดการกับทั้งสิบทีมได้งั้นเหรอ?”
“อืม ถ้าหากว่าเรื่องราวมันเป็นอย่างนั้นความผิดพลาดในครั้งนี้ฉันจะจดจำไว้ตลอดไป! เมื่อไหร่ที่ฉันเข้าสู่ระดับมัชฌิมล่ะก็… ฉันจะชำระแค้นนี้ด้วยตัวเอง!”
โม่ฝานหันกลับมามองนักเรียนสาขาอัญเชิญด้วยสายตาที่เลื่อนลอย ความจริงแล้วถ้าหากว่าเขาสามารถกำจัดได้สิบหกคน เขาจะเดินออกจากเวทีนี้ทันที
เนื่องจากเขาไม่มีอะไรเลยที่สามารถทำได้ในก่อนหน้านี้ มันไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนยากจนงั้นเหรอจึงต้องพยายามดิ้นรนเข้าสู่สถาบันเมิงจู่แห่งนี้เพื่อกอบโกยทรัพยากรจากโรงเรียน?! แต่ในตอนนี้หมาป่าเวทของเขาแข็งแกร่งขึ้นแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาก็จะให้มันสู้จนกว่ามันจะพอใจ!
ตอนนี้หมาป่าเวทนั้นได้ยืนอยู่ด้านหลังของโม่ฝาน ราวกับว่ามันได้รับโชคก้อนใหญ่จากคำบอกกล่าวของโม่ฝานเมื่อครู่…
หลังจากที่มันได้ผ่านการต่อสู้ที่โหดเหี้ยมในมิติอัญเชิญก่อนหน้านี้ มันใกล้จะเข้าสู่การวิวัฒนาการแล้ว
ในตอนนี้มันยืนอยู่ตรงกลางระหว่างอสูรเวทระดับต่ำกับอสูรเวทระดับนักรบ …แต่ก็ยังต้องใช้เวลาอย่างมากกว่าที่มันจะไปถึงระดับนักรบได้
โลหิตอสูรเป็นสิ่งของที่จำเป็นสำหรับมันอย่างมาก ถ้าหากว่ามันได้รับสิ่งนี้เส้นทางที่ยาวไกลจะร่นลงได้อีกสักหน่อย แม้ว่ามันยังไม่มากพอแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้รับอะไรเลย เห็นได้ชัดว่าการจะก้าวสู่อสูรระดับนักรบนั้นจำเป็นจะต้องใช้ทรัพยากรจำนวนมาก… มากที่สุด!
ความจริงแล้วสิ่งที่อธิการบดีเซียวได้กล่าวไว้ก่อนหน้านั้นปลุกจิตใจแห่งการต่อสู้ของทุกคนให้ตื่นขึ้น อย่างไรก็ตามโม่ฝานตระหนักได้ถึงความหมายบางอย่างในคำพูดเหล่านั้น เขาเข้าใจมันเป็นอย่างดีว่าอธิการบดีเซียวต้องการจะกล่าวอะไรออกมา การแข่งขันประลองเวทกับอสูรเวทในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในสถาบันเมิงจู่!
ทรัพยากรของสาขาสามารถปล้นกันได้!
ถ้าหากคุณไม่กล้าที่จะต่อสู้ก็จงยืนอยู่ด้านหลังพร้อมกับมองผู้ที่แข็งแกร่งอยู่บนเวทีด้วยสายตาอ่อนแอของตนเองเท่านั้น แต่ถ้าหากคุณสามารถลุกขึ้นมากัดฟันฝึกฝนและต่อสู้เพื่อแสดงความสามารถ ถ้าสิ่งนั้นมันมากพอจะเตะตาผู้คนและสร้างความประหลาดใจได้ แน่นอนว่าชื่อเสียงมากมายมหาศาลจะพุ่งเข้าหาคุณโดยที่ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ!
ถ้าหากถอดใจ ความมืดก็จะค่อยๆกลืนกินคุณไปเรื่อยๆ แต่วันใดถ้าหากว่าลุกขึ้นมาต่อสู้ แน่นอนว่าความสดใสจะรออยู่ในภายภาคหน้า!
“อธิการบดีเซียว ผมมีคำถามครับ!” โม่ฝานเห็นกลุ่มผู้ท้าชิงยืนอยู่นอกกรง เขารู้ว่ายังพอมีเวลาเล็กน้อยจึงรีบกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
“พูดได้เลย!” อธิการบดีเซียวตอบกลับในทันที
“ถ้าหากว่านักเรียนสาขาอัญเชิญไม่สามารถจัดการกับนักเรียนธาตุอื่นได้ถึงร้อยคน ทรัพยากรของสาขาอัญเชิญจะถูกส่งไปที่สาขาอื่นอย่างช่วยไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนี้มันจะยุติธรรมกับพวกผมงั้นเหรอ? ถ้าหากว่าพวกผมแพ้ ทรัพยากรทั้งหมดจะถูกโยกย้ายไปให้กับสาขาอื่น แต่ถ้าหากว่าพวกผมชนะ ก็เป็นเพียงแค่การรักษาทรัพยากรของตัวเองไว้ได้เท่านั้น” โม่ฝานถามออกมาเสียงดัง
หลังจากอธิการบดีเซียวได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ออกมาพร้อมกับกวาดตาไปมองผู้นำสาขาอื่นๆด้วยเช่นกัน
“โม่ฝาน… นั่นเป็นคำถามที่ดีมาก เอาล่ะในตอนนี้พวกเราได้พิจารณาถึงเรื่องนี้แล้ว ถ้าหากว่าพวกเธอสามารถจัดการได้ถึงหนึ่งร้อยคน จะมีรางวัลอื่นเพิ่มเติมให้อีก อีกทั้งถ้าหากว่านักเรียนสาขาอัญเชิญสามารถทนการโจมตีของผู้ท้าชิงได้ถึงสองร้อยคน ทรัพยากรของนักเรียนสาขาอื่นๆทั้งหมดจะตกเป็นของสาขาอัญเชิญในทันที!” อธิการบดีเซียวตอบกลับด้วยน้ำเสียงดังฟังชัดเช่นกัน
หลังจากที่คำกล่าวนั้นได้จบลง ทั่วทั้งอัศจรรย์ได้เกิดความโกลาหลขึ้นในฉับพลัน
ทุกคนในโรงเรียนล้วนแต่รู้ดีว่าถ้าหากนักเรียนสาขาอัญเชิญไม่สามารถบรรลุเงื่อนไขได้ พวกเขาจะได้รับบทลงโทษอย่างสาหัส แต่สิ่งที่ทุกคนไม่รู้ก็คือถ้าหากว่านักเรียนสาขาอัญเชิญสามารถเอาชนะผู้ท้าชิงได้ถึงสองร้อยคน ทรัพยากรในสาขาอื่นๆทั้งหมดจะตกเป็นของสาขาอัญเชิญ!
บัดซบ! มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากทรัพยากรจำนวนมหาศาลไปกองอยู่ที่นักเรียนเพียงสาขาเดียว!
นักเรียนในสาขาอัญเชิญนั้นมีเพียงเจ็ดคนเท่านั้น แต่ทว่านักเรียนในสาขาอื่นๆนั้นรวมกันมีมากกว่าสี่พันคน!!!
ถ้าหากว่าทรัพยากรของนักเรียนทั้งสี่พันคนตกไปอยู่ในมือของนักเรียนสาขาอัญเชิญทั้งหมด เช่นนี้พวกเขาจะไม่กลายเป็นร่วงหล่นอยู่ในสรวงสวรรค์เลยงั้นเหรอ?
“เหตุผลที่เราไม่ได้ประกาศเช่นนี้ออกไปเพราะไม่เคยมีนักเรียนคนใดไปถึงมันมาก่อน ดังนั้นมันเลยไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่น่ะ…” อธิการบดีเซียวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“อธิการบดี… แม้แต่ผมก็ไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน” หัวหน้าสาขาธาตุดินโจวเจียงฮวากล่าวออกมาด้วยใบหน้าอันขื่นขม
หัวหน้าสาขาธาตุอื่นๆมองหน้ากันอย่างเลิ่กลั่ก พวกเขาก็ไม่รู้เช่นกันว่ามีกฏเช่นนี้ด้วยในสถาบันแห่งนี้!
“เอาล่ะ ในตอนนี้ฉันตอบคำถามของเธอทั้งหมดแล้ว อยากจะถามอะไรอีกไหมล่ะ?” อธิการบดีเซียวกล่าวกับโม่ฝาน
“ผมไม่มีคำถามอะไรแล้ว” โม่ฝานตอบกลับ ใบหน้าของเขาสงบนิ่งและเริ่มเผยรอยยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกก่อนพูดว่า “อย่างไรก็ตาม ผมต้องการที่จะกล่าวอะไรบางอย่างกับนักเรียนสาขาอื่นๆ”
กล่าวอะไรสักอย่างงั้นเหรอ!?
นักเรียนร่วมห้าพันคนล้วนแต่อยู่ในสภาวะมึนงงและไม่เข้าใจว่านักเรียนสาขาอัญเชิญคนนี้ต้องการจะทำอะไร
“ฉันน่ะจำเป็นจะต้องใช้ทรัพยากรมาก ซึ่งมันมากเกินกว่าพวกคุณทั้งหมดจะเข้าใจ ฉันเผาผลาญมันหมดไปไม่รู้จำนวนแล้วในทุกวันที่ผ่านมา… ดังนั้น… ฉันจึงต้องการจะขอโทษทุกคน…” โม่ฝานขลิบกำปั้นของตนเองอย่างช้าๆพร้อมกับเริ่มโค้งคำนับให้ทุกคน
“ทรัพยากรของพวกคุณทุกคนมันควรจะเป็นของฉันมากกว่า!”
เมื่อโม่ฝานเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าที่ไร้เดียงสาก่อนหน้านี้ได้หายไป เหลือไว้เพียงรอยยิ้มที่เย่อหยิ่งเท่านั้น!
••••••••••••••••••••