จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 156
บทที่ 156: ตื่นขึ้นมาสิ!
“พวกแกคิดอย่างนั้นจริงๆเหรอ จะใช้การโจมตีโง่ๆนั่นน่ะเหรอ?” หลัวซ่งมองไปที่นักเรียนสาขาอัญเชิญทั้งสองด้วยสายตาเหยียดหยาม
เพื่อนร่วมชั้นของโม่ฝานนั้นสุดแสนจะไร้เดียงสา พวกเขาเพียงคิดว่านักเวทระดับมัชฌิมนั้นจะสามารถจัดการกับอสูรอัญเชิญได้เพียงตัวเดียวจริงๆ แล้วพวกเขาค่อยตลบหลังในจังหวะที่ศัตรูกำลังติดพันการต่อสู้เพื่อโต้กลับ…
ความจริงก็คือหลัวซ่งนั้นไม่จำเป็นจะต้องใช้เวทมนตร์ระดับมัชฌิมเพียงอย่างเดียว…
เพียงแค่เขาใช้เวทแช่แข็งระดับปฐมภูมิ เท่านี้ก็สามารถครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดไว้ได้โดยง่ายดาย จากนั้นก็ค่อยจัดการกับอสูรทั้งสองตนในภายหลัง!
จากนั้นเขาค่อยย้ายตนเองด้วยคาถาของธาตุดินเพื่อย้ายไปยังพื้นที่ปลอดภัยแล้วจึงปลดปล่อยตรวนนำแข็งออกมาอีกครั้ง ความโหดเหี้ยมจะปรากฏขึ้นหลังจากนั้นนั่นเอง!
เห็นได้ชัดว่าการใช้ตรวนน้ำแข็งนั้นไม่ได้เจาะจงเป้าหมายเพียงตัวเดียว กุญแจที่หนาแน่นเหล่านั้นมัดอสูรอัญเชิญทั้งสองตัวเข้าด้วยกันอย่างเร็วรี่ พวกมันทั้งสองกลายเป็นก้อนน้ำแข็งในทันที หลัวซ่งจัดการกับอสูรอัญเชิญทั้งสองตัวนี้ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
“ยังเหลือนักเรียนสาขาอัญเชิญอยู่อีกหนึ่งคน ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีนักเวทระดับมัชฌิมเข้าร่วมการประลองครั้งนี้ด้วย”
“ใช่ อีกอย่างหนึ่งนักเรียนคนสุดท้ายนั่นเป็นเพียงขยะ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะสมกับหลัวซ่งแม้แต่นิดเดียว”
“พวกเราต้องการที่จะแสดงความสามารถในการประลองนี้ ไอ้บ้านี่เป็นใครถึงได้แย่งพื้นที่ความสนใจไปจนหมดสิ้น!”
หลังจากที่หลัวซ่งได้จัดการกับนักเรียนสาขาอัญเชิญไปแล้วสามคน สายตาของผู้ชมทั้งหมดพุ่งเป้าไปที่โม่ฝานทันที
โม่ฝานไม่ใช่คนโง่ เขารู้ได้ทันทีว่าสิ่งที่หลัวซ่งทำก็คือต้องการที่จะสร้างปัญหาให้กับเขา
หลัวซ่งเมื่อทำเสร็จสิ้นทุกสิ่งตามเป้าหมายแล้ว เขาเดินออกจากกรงเหล็กแห่งนี้ทันที
ในตอนนี้เขาบรรลุสิ่งที่มุ่งหวังแล้ว ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องยืนอยู่ตรงนี้อีกต่อไป นอกจากนั้นเขายังสัญญากับอธิการบดีเซียวไว้ว่าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับโม่ฝานซึ่งอยู่ในระดับมัชฌิมเด็ดขาด
หลังจากที่หลัวซ่งออกไปแล้ว ทุกคนในสนามต่างพากันมึนงงกับเหตุการณ์นี้อย่างมาก
เขานั้นสามารถจัดการกับนักเรียนสาขาอัญเชิญได้อย่างง่ายดาย ด้วยความแข็งแกร่งของนักเวทระดับมัชฌิมนั้นมากพอที่จะจัดการพวกเขาทั้งหมด แต่ทำไมจึงต้องเหลือคนสุดท้ายเอาไว้ล่ะ?
หรือว่าชายคนนี้เบื่อที่จะเล่นกับนักเวทระดับปฐมภูมิแล้วงั้นเหรอ? หรือเขาตั้งใจที่จะเหลือคนสุดท้ายนั่นไว้เพื่อให้เหล่าผู้ท้าชิงที่เหลือเล่นสนุกกัน?
“เยี่ยม ยังเหลืออีกหนึ่งคน!”
“พวกเรายังมีโอกาสได้แสดงความสามารถอยู่ ในตอนนี้โครงกระดูกปีศาจได้หายไปแล้ว พวกเราไม่จำเป็นจะต้องเกรงกลัวอะไรอีกต่อไป”
“ไปกันเถอะ!”
ลี่จันเหวยยืนขึ้น สายตาของเขามองไปที่เซียวเหมินด้านข้างอย่างตั้งใจ
พระเอกในวันนี้ก็คือหลัวซ่งซึ่งเป็นนักเวทระดับมัชฌิม แต่อย่างไรก็ตามบุคคลนั้นไม่ใช่นักเวทระดับมัชฌิม ถึงเวลาที่เขาจะต้องขยับตัวบ้างแล้ว!
“คุณต้องการจะท้าทายเขางั้นเหรอ?” เซียวเหมินมองไปที่ชายหนุ่มด้านข้างพร้อมด้วยสายตาที่ตั้งคำถาม
“ไม่ได้เหรอ?” ลี่จันเหวยกล่าวออกมาสั้นๆ
“ไม่ ไม่ใช่เลย โชคดีล่ะ!” เซียวเหมินตอบกลับอย่างไม่รู้จะกล่าวอะไร
ลี่จันเหวยนำทีมของเขาเดินไปที่สนามประลองอย่างเร็วรี่ เป้าหมายของเขาคือโม่ฝาน!
หลังจากที่เขาเดินมาถึงทางเขา มีนักเรียนธาตุอื่นๆยืนออกันอยู่หน้าประตูกรง
บุคคลเหล่านี้ล้วนแต่คิดเช่นเดียวกันกับลี่จันเหวย นักเวทระดับมัชฌิมก็เพียงแค่ระดับมัชฌิมเท่านั้น แม้ว่าความเร็วในการฝึกฝนของพวกเขาจะเร็วกว่าคนอื่นแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเก่งกาจกว่าใคร!
ซึ่งการผ่านเข้าสู่ระดับมัชฌิมยังไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาสามารถเข้าใจได้ หรือบางทีพวกเขาอาจจะใกล้เข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้วหรือเปล่า?
ทุกคนที่เข้าสู่สถาบันเมิงจู่แห่งนี้ล้วนแต่ต้องการที่จะทะลุเข้าสู่ระดับมัชฌิมทั้งสิ้น!
—
“หลัวซ่งนั่นนับว่าเป็นคนที่ฉลาดพอสมควร อย่างไรก็ตามโม่ฝานดูเหมือนว่าเขาจะสร้างปัญหาให้กับเธอจริงๆสินะ” คณบดีหยุนหมิงกล่าวออกมาพร้อมพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน
เขารู้ดีถึงเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างหลัวซ่งกับโม่ฝานในวันสอบเข้าสถาบัน ซึ่งหลัวซ่งนั้นมาเพื่อตัดคะแนนทรัพยากรของเด็กนักเรียนสาขาอัญเชิญอย่างชัดเจน
“ผมรู้ แต่อสูรอัญเชิญของผมน่ะ…” โม่ฝานยักไหล่อย่างไม่แยแส
ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เลย เนื่องจากในตอนนี้อสูรอัญเชิญของเขากำลังจำศีลอยู่ มันกำลังพักผ่อนจากการบาดเจ็บสาหัส ซึ่งในวันนี้ตัวของโม่ฝานเองนั้นไม่แตกต่างจากขยะแต่อย่างใด นับได้ว่าสิ่งที่หลัวซ่งทำลงไปนั้นไร้ประโยชน์อย่างแท้จริง…
เอ๊???
มันตื่นแล้วงั้นเหรอ??
โม่ฝานสื่อสารกับหมาป่าเวทผ่านสัมผัสวิญญาณ ดูเหมือนว่ามันจะตอบกลับมา ใครจะไปรู้ล่ะว่ามันจะตื่นขึ้นมาในตอนนี้? นอกจากนั้นดูเหมือนว่าพลังของมันจะเอ่อล้นอย่างมากซะด้วย
“ฉันไม่อยากจะยอมแพ้เลยจริงๆ!” ไฮ่ต้าหู่กัดฟันกล่าวออกมา
ความหวังของนักเรียนคนอื่นๆนั้นมืดมนไปตามๆกัน ในตอนแรกนั้นเป้าหมายของการประลองในวันนี้คือให้นักเรียนธาตุอัญเชิญเรียกอสูรของตนออกมาแสดงความสามารถ พวกเขาทั้งหมดสามารถแสดงพลังได้ตามที่ตนเองต้องการ พลังที่มีทั้งหมดสามารถปลดปล่อยออกมาได้อย่างไร้ขีดจำกัด แต่ใครกันจะคาดคิดว่าจะมีนักเวทระดับมัชฌิมโผล่ออกมากำจัดพวกเขาทั้งสามภายในพริบตา สิ่งนี้ทำให้เหล่านักเรียนธาตุอัญเชิญกลายเป็นพระรองไปโดยปริยาย
แต่ในตอนนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว พวกเขาไม่สามารถทำตามเงื่อนไขของสถาบันนี้ได้ ซึ่งทรัพยากรที่ควรจะเป็นของพวกเขาจะถูกส่งไปให้นักเรียนธาตุดินแทน ซึ่งเป็นสาขาของหลัวซ่ง!
ทรัพยากรของสถาบันเมิงจู่นั้นสำคัญอย่างมาก มิฉะนั้นนักเวทที่แข็งแกร่งจะไม่พยายามแย่งชิงกันเพื่อเข้าเรียนในสถานที่แห่งนี้ อีกทั้งทรัพยากรของนักเรียนธาตุอัญเชิญนั้นมีแจกจ่ายเพียงแค่ปีละครั้งเท่านั้น! ซึ่งมันเป็นเรื่องยากอย่างมากที่พวกเขาจะได้ปรับแต่งอสูรของตน
“อาจารย์… แล้วอย่างนี้…” ในเวลานั้นชางปิงเฉียวหันมองไปที่เจียงหมิงหยุน แต่ในทันทีเขาจำเป็นต้องหุบปากแน่น
เจียงหมิงหยุนส่ายศีรษะทันที “นักเรียนที่ออกจากกรงแล้วจะไม่มีทางได้เข้าไปอีกเป็นครั้งที่สอง โม่ฝานเธอสามารถเรียกอสูรอัญเชิญออกมาได้หรือไม่? ถ้าหากว่าไม่ ก็คงจะหมดโอกาสแล้วล่ะในวันนี้”
“แล้วถ้าเขาทำได้ล่ะ?” หวังจี่หลิงอุทานออกมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ “อาจารย์ เราสามารถขอให้ทางสถาบันอลุ่มอล่วยให้เราได้ไหม? ครอบครัวผมใช้เงินไปมหาศาลเพื่อให้ผมจับอสูรอัญเชิญที่ยอดเยี่ยม ถ้าหากว่าสถาบันไม่มีทรัพยากรให้ ผมเกรงว่าผมจะไม่สามารถทะลุสู่ขั้นกลางได้”
“นั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย ถ้าหากว่าเธอต้องการทรัพยากร เธอจำเป็นจะต้องพยายามให้ได้มาด้วยตนเอง… เอาล่ะ กลับกันเถอะ วันนี้พอเท่านี้แหละ แม้ว่าในวันนี้พวกเธอทั้งหมดจะถูกทำลายโดยนักเวทระดับมัชฌิม แต่ทว่าผมรู้สึกพอใจอย่างมากกับการแสดงความสามารถของพวกเธอในครั้งนี้ ส่วนโลหิตอสูรนั้นผมจะมอบมันให้กับชางปิงเฉียว” จางหมิงหยุนไม่ได้กล่าวอะไรมากนัก เขาพูดทุกอย่างจากใจจริง
หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ นักเรียนธาตุอัญเชิญทุกคนได้แต่ยืนน้ำตาซึมอย่างช่วยไม่ได้
เมื่อไม่มีทรัพยากรแล้ว มันเปรียบเสมือนกับการสูญเสียอนาคตไปอย่างสมบูรณ์ สิ่งนี้ทำให้พวกเขาคิดว่าจะทำอย่างไรดีกับอนาคตอันมืดมนนี้!
“อาจารย์เจียงครับ ดูเหมือนว่าอสูรเวทของผมจะตื่นแล้ว!” โม่ฝานกล่าวขึ้นมาในฉับพลัน
“โอ้งั้นเหรอ? ถ้าเช่นนั้นก็จงทำให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าเธอสามารถจัดการได้ โลหิตอสูรสองขวดจะเป็นของเธอ!” เจียงหมิงหยุนกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ผมต้องการเพียงแค่โลหิตอสูรสำหรับปรับแต่งมัน” โม่ฝานกล่าว
“เอาล่ะ เธอไปได้แล้ว กอบกู้ศักดิ์ศรีของสาขาอัญเชิญของเราเถอะ” เจียงหยุนหมิงกล่าว
—
โม่ฝานเดินไปที่เวทีอย่างช้าๆพร้อมกับคอยสื่อสารกับหมาป่าเวทไปพร้อมๆกัน
“เป้าหมายของเราในวันนี้คือเอาชนะให้ได้สิบหกคนนะ” โม่ฝานกล่าวกับหมาป่าเวท
จางปิงเซียวเอาชนะไปได้ยี่สิบห้าคนและไฮ่ต้าฮู่เอาชนะไปได้สิบห้าคน หวังจี่หลิงนั้นหวังว่าตนเองจะทำจำนวนได้มากที่สุดแต่ทว่าเขาถูกหลัวซ่งจัดการจึงทำได้เพียงหกคนเท่านั้น
ดังนั้นถ้าหากเขาต้องการที่จะได้รับโลหิตอสูร เขาจำเป็นจะต้องทำจำนวนให้มากกว่าไฮ่ต้าหู่!
“ฮู๋ววววว~~~” หมาป่าเวทตอบกลับโม่ฝานอย่างตื่นเต้น
หลังจากที่โม่ฝานได้ยินเสียงหอนที่ดูคึกครื้นเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
เสียงของมันดุร้ายและแข็งแกร่ง พลังที่มากเกินดูเหมือนจะเอ่อล้นออกมาจากน้ำเสียงที่ทรงพลังนั่น…
ดูเหมือนว่าเพียงแค่สิบหกคนนั้นจะไม่ยากเกินไป!!!