จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 153
บทที่ 153: แมงป่องยักษ์ฮึดสู้!
“ไฮ่ต้าหู่ถูกหลอกสินะ มันก็คงจะลำบากสักหน่อย” นักเรียนสาขาอัญเชิญจางปิงกู่กล่าวออกมาเบาๆ
ด้านข้างของเขา เด็กชายใบหน้าเรียวยาวหัวเราะออกมา “ไม่ใช่ว่ามันเป็นเรื่องดีงั้นเหรอ? ฮ่าฮ่า อย่างน้อยพวกเราก็จะได้เหลือเพียงห้าคนเท่านั้นที่จะแย่งชิงโลหิตอสูรกัน!”
“เฮ้ พี่ชาย พูดอะไรผิดไปรึเปล่า? พวกเราน่ะมีเหลืออีกหกคนนะ อาจารย์ในโรงเรียนเก่าของนายไม่ได้สอนนับเลขมารึไง?” จางปิงกู่กล่าวออกมาเสียงดัง
“แล้วทำไมเราจะต้องนับรวมเขาด้วยล่ะ? เขาไม่แม้แต่จะคิดอัญเชิญอสูรของตนเองออกมาด้วยซ้ำ!” หนุ่มหน้ายาวเหลือบมองไปที่โม่ฝานอย่างเย้ยหยัน สายตาของเขาราวกับว่ากำลังมองบุคคลที่ไร้ตัวตน
สองสามวันที่ผ่านมา คณบดีเจียงหยุนหมิงให้นักเรียนทุกคนเรียกอสูรอัญเชิญของตนออกมาเพื่อประเมินความพร้อมของมัน แต่ทว่าหมาป่าเวทของโม่ฝานยังคงหลับใหล จึงยังไม่สามารถจะออกมาในขณะนั้นได้
อีกทั้งโม่ฝานนั้นไม่ได้อยู่ในห้องพักเดียวกันกับทั้งหกคนนี้ เขาจึงกลายเป็นพวกนอกคอกไปโดยปริยาย
“ถึงอย่างไรก็ไม่ควรจะกล่าวออกมาเช่นนั้น อย่างไรก็ตามพวกเราทุกคนก็ล้วนแต่ครอบครองธาตุอัญเชิญเหมือนกัน นอกจากนี้เจียงหยุนหมิงยังกล่าวไว้ว่าถ้าหากพวกเราทั้งหมดไม่สามารถเอาชนะบุคคลนับร้อยนี้ได้ เขาจะเอาของรางวัลไปให้กับบุคคลอื่นนอกสาขา! ถ้าหากเป็นเช่นนั้นคนที่จะสูญเสียผลประโยชน์ที่สุดก็คือพวกเราเอง” ชางปิงเฉียวกล่าวออกมาอย่างเตือนสติ
จำนวนที่ได้รับชัยชนะ นั่นคือคำตัดสินของนักเรียนสาขาอัญเชิญอย่างแท้จริง!
ในตอนนี้พวกเขาทั้งหมดจำเป็นจะต้องต่อสู้กับนักเรียนสาขาอื่นๆทั้งหมดด้วยตนเอง แน่นอนว่าความคาดหวังของเจียงหมิงหยุนนั้นสูงมาก แน่นอนว่าเด็กในสาขาอัญเชิญไม่สามารถเอาชนะผู้คนในระดับปฐมภูมิได้ทั้งหมด แต่ทว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องชนะนักเรียนทั้งร้อยคนนี้ให้ได้!
ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาจำเป็นจะต้องเอาชนะนักเรียนให้ได้มากถึงสิบห้าคนต่อหนึ่งรอบ!
คนแรกที่เดินออกไปต่อสู้คือไฮ่ต้าหู่ ในตอนนี้พวกพ้องของเขากำลังมองว่าความพ่ายแพ้ใกล้เข้ามาทุกที เช่นนี้จางปิงเซียวจึงเห็นว่าการชนะคนนับร้อยนั้นเป็นเรื่องที่ยากเย็นอย่างมากถ้าหากว่าหยิ่งทะนงในตนมากเกินไป
“ฮ่าฮ่า ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าหากพวกนายไม่สามารถทำได้ถึงเป้าหมาย ฉันจะเป็นคนรับผิดชอบในส่วนนั้นเอง!” เด็กชายหน้ายาวกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มแห่งความยโส
“หวังจี่หลิง นายน่ะรู้มากเกินไปเรื่องวิธีการโอ้อวด!”
—–
อีกฝากหนึ่ง ไฮ่ต้าหู่ยืนอยู่บนเวทีด้วยใบหน้าที่ซับซ้อน…
แม้ว่าเขาจะรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด ในทางกลับกันเขาถูจมูกของตนเองอย่างแผ่วเบาพร้อมกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “ดูเหมือนว่าแกจะต้องใช้พลังเวทจนหมดตัวสำหรับการหลอกลวงโง่ๆนี้สินะ แต่แกคงจะไม่รู้ล่ะสิว่าอสูรเวทตัวนี้น่ะการมองเห็นของมันย่ำแย่อยู่ก่อนแล้ว?”
ในขณะที่ไฮ่ต้าหู่กล่าวออกมาเช่นนั้น แมงป่องเกราะพิสุทธิ์กรีดร้องออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
มันกระชากขาหน้าที่ติดอยู่กับกำแพงหินออก อีกทั้งมันยังไม่ต้องใช้สายตาในการค้นหาเป้าหมาย สัมผัสพิเศษของมันสามารถระบุตำแหน่งของศัตรูได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าอย่างไรร่างกายของมันยังคงพุ่งเป้าไปที่ชายหนุ่มบอบบางตรงหน้าอย่างไม่เปลี่ยนใจ!
ใบหน้าของเด็กหนุ่มโชคร้ายผู้นั้นแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาวทันที เขาไม่ได้เตรียมใจไว้ว่าแมงป่องยักษ์ตัวนี้จะสามารถระบุตำแหน่งของเขาได้หลังจากที่ถูกตัดการมองเห็นไปแล้ว!
ฟู่วว~~~
หน้าอกของเขาถูกกระซวกลงไปอย่างรุนแรง ร่างกายกระเด็นไปกระแทกกับกรงอย่างหนักหน่วง โลหิตพวยพุ่งออกมาเป็นสายน้ำเชี่ยวทันที!
ร่างกายที่กระเด็นลอยไปราวสิบเมตรร่วงตุบสู่พื้นเวทีอย่างอ่อนแรง ใบหน้าซีดขาวไร้โลหิตแสดงให้เห็นถึงความย่ำแย่อย่างเห็นได้ชัด
ผู้พิทักษ์กู่ฮั่นวิ่งตรงไปที่เขาในทันทีพร้อมกับรีบพานักเรียนโชคร้ายคนนี้ออกไป เด็กชายหมดสติพร้อมกับเสียเลือดมากเกินไป อีกทั้งทวารทั้งห้าของเขายังมีเลือดไหลซึมออกมา อาการของเขาอยู่ในขั้นวิกฤติ!
“หรวนหยา ผมฝากดูแลเขาด้วย!” กู่ฮั่นวางเด็กชายลงตรงหน้าของผู้สวมชุดเครื่องแบบสีขาวอย่างไร้เยื่อใย
“คุณควรจะปกป้องเขา! บาดแผลนี้ไม่เบาเลยนะ…” หรวนหยาส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ผมไม่ต้องการจะสูญเสียพลังเวทของผมโดยใช้เหตุ มันไม่ใช่สถานการณ์ถึงแก่ชีวิตสักหน่อย”
—
ขณะที่ไฮ่ต้าหู่เห็นว่าเด็กชายบอบบางคนนั้นถูกลากออกไปจากเวที เขายิ่งระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งด้วยความทะนงตน
“ถ้างั้นลองเอาสายฟ้าของฉันไปกินสักหน่อยเป็นไงล่ะ!” ชายผมสีฟ้ากรีดร้องออกมาด้วยความโกรธ
เขาไม่ได้ยืนอยู่ไกลมากนัก แขนถูกยกขึ้นเหนือศีรษะพร้อมด้วยสายฟ้าสีม่วงวิ่งแปร๊บไปมาอยู่บนอากาศ
ภายใต้คำสั่งของเขา สายฟ้าอันเกรี้ยวกราดได้ฟาดไปที่แมงป่องเกราะพิสุทธิ์อย่างแม่นยำ สีม่วงเปล่งประกายวิบวับอย่างเดือดดาลตามแรงโกรธของผู้เป็นนาย
“ไอ้โง่ สายฟ้าของแกมันไร้ประโยชน์!” ไฮ่ต้าหู่สาปแช่งออกมาอย่างเดือดจัด
ฟ้าผ่าสนั่นฟาดลงที่กระดองของแมงป่องเกราะพิสุทธิ์ สายฟ้าสีม่วงนั้นจะโจมตีโดยที่มันไหลไปตามผิวหนังของมัน จากนั้นมันค่อยๆแทรกซึมลงไปในกระดูกของอสูรร้าย ซึ่งความรุนแรงของสายฟ้านี้สามารถทำให้ศัตรูหยุดการเคลื่อนไหวได้ชั่วขณะเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามในเวลานี้สายฟ้าที่เกรี้ยวกราดเพียงแค่ฟาดลงบนกระดองของอสูรร้าย แต่ทว่ามันกลับไม่สามารถแทรกซึมผ่านผิวหนังของมันไปได้เลย
ความเร็วของแมงป่องเกราะพิสุทธิ์ไม่ได้ช้าลงแม้แต่นิดเดียว กระดองของมันดูดซับพลังของสายฟ้าทั้งหมดอย่างง่ายดายพร้อมกับมุ่งหน้าไปยังเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอย่างไม่รีรอใดๆ
“หายไปซะ!” ไฮ่ต้าหู่ตะโกนออกมา
หัวรูปฆ้อนของแมงป่องยักษ์ฟาดเข้ากับร่างกายเด็กหนุ่มผมสีฟ้าอย่างรุนแรง ส่งให้ร่างกายของเขากระเด็นไถลไปไกลกว่าหลายสิบเมตร
ชั่วพริบตา กู่ฮั่นปรากฏขึ้นตรงข้างกายของนักเรียนผมสีฟ้าพร้อมกับลากเขาออกไปจากเวทีในทันใด
“งั้นก็เหลือเพียงพวกแกสองคนสินะ!” ไฮ่ต้าหู่กวาดสายตาไปมองอีกสองคนที่เหลือ
เด็กหนุ่มอีกสองคนยืนกัดฟันพร้อมกับมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างอึดอัดใจ จะเป็นอย่างไรถ้าหากคาถาของพวกเขาไม่สามารถทะลุเกราะของแมงป่องเกราะพิสุทธิ์ได้?
นักเรียนธาตุลมอาจจะใช้ความสามารถของตนเองเพื่อหลบหนีแมงป่องยักษ์นี้ไปได้สักพักหนึ่ง อย่างไรก็ตามไฮ่ต้าหู่นั้นก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรมากนัก เขาเพียงรอให้พลังเวทของคนเหล่านั้นหมดไปก็เท่านั้นเอง
สุดท้ายแล้ว นักเวทธาตุลมก็ต้องยอมรับความพ่ายแพ้
……
หลังจากที่ทั้งสี่คนยอมรับความพ่ายแพ้ไปอย่างง่ายดาย ความแข็งแกร่งของไฮ่ต้าหู่เป็นที่ยอมรับในทันที ผู้ท้าชิงที่เหลือเริ่มลังเลที่จะเข้ามาประลอง
แต่อย่างไรก็ตามสถาบันเมิงจู่นั้นไม่ได้ขาดแคลนนักเรียนที่มีประสิทธิภาพ เพียงไม่นานนักเรียนห้าคนกระโดดขึ้นมาบนเวทีพร้อมที่จะเข้าร่วมการประลองทันที
ทั้งห้าได้ทำการจัดเตรียมทีมมาอย่างดีเนื่องจากได้เห็นความแข็งแกร่งของมันแล้วในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ทีมนี้ประกอบไปด้วยธาตุน้ำและไฟ ซึ่งน้ำจะคอยทำหน้าที่ปกป้องทีม ส่วนธาตุไฟนั้นมีหน้าที่แผดเผาทุกสิ่งที่ขว้างหน้า…
การต่อสู้ในครั้งนี้กินเวลาไปสักพักใหญ่ อย่างไรก็ตามในท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งห้าไม่อาจยืนหยัดที่จะต่อสู้กับแมงป่องเกราะพิสุทธิ์ได้อีกต่อไป
จากนั้นผู้ท้าชิงทีมที่สามได้ย่างก้าวเข้ามา แน่นอนว่าพลังในการต่อสู้ของแมงป่องเกราะพิสุทธิ์ได้อ่อนแอลงไปมาก ท่าทีของมันผิดไปจากตอนเริ่มต้นประลองอย่างชัดเจน
ไฮ่ต้าหู่เช็ดปากของตนเองอย่างแผ่วเบาพร้อมกับมองไปที่กลุ่มคนบนพื้นทั้งหก
ในตอนนี้การประลองเดินทางมาถึงรอบที่หกแล้ว แมงป่องเกราะพิสุทธิ์ไม่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้อีกต่อไป มันพ่ายแพ้ให้กับนักเวทธาตุไฟและถูกส่งกลับไปยังมิติอัญเชิญอย่างสมบูรณ์
นี่เป็นเรื่องที่ไฮ่ต้าหู่ไม่อาจทำใจยอมรับได้ ในโรงเรียนก่อนหน้านี้เขาสามารถจัดการผู้คนได้มากสี่สิบถึงห้าสิบคนอย่างง่ายดาย แต่ใครจะไปรู้ว่าเขาจะสามารถจำกัดศัตรูได้เพียงสิบห้าคนเท่านั้นเมื่อยืนอยู่ในสถาบันเมิงจู่!
ด้วยคะแนนเช่นนี้เขาไม่อาจมีสิทธิ์ได้รับโลหิตอสูร…
“คนต่อไป!” หวังจี่หลิงเหลือบมองไปที่เด็กหนุ่มผมสั้นและรูปร่างผอมบาง
เด็กหนุ่มผมสั้นและเตี้ยคนนั้นรีบส่ายหัวของตนอย่างรวดเร็ว “เฮ้อ ผมน่ะอ่อนแออย่างมาก อีกทั้งยังไม่รู้เลยว่าจะยืนอยู่ได้นานแค่ไหน!”
“ไม่ต้องกังวลไป แม้ว่าเธอจะไม่สามารถเอาชนะได้แม้สักคน ก็จงลุกขึ้นไปทำมันเถอะ ฉันเพียงแค่ต้องการรู้ตัวเลขเท่านั้นแหละ”
“แล้วทำไมไม่ปล่อยให้โม่ฝานไปก่อนล่ะ?” เด็กชายยังคงอิดออดและมองไปที่โม่ฝาน
“อสูรอัญเชิญของฉันได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉันคงต้องหวังพึ่งพาพวกคุณเพื่อทำตัวเลขเหล่านั้นให้เป็นชื่อเสียงกับสาขาของเราแล้วล่ะ” โม่ฝานตอบออกไปตรงๆอย่างไม่คิดปกปิดสิ่งใด ซึ่งมันก็คือเหตุผลที่แท้จริง!
“เฮอะ ฉันรู้ว่านายน่ะเป็นแค่ขยะในสาขา” หวังจี่หลิงเย้ยหยันออกมา
โม่ฝานไม่ได้แสดงท่าทีโกรธออกมาแต่อย่างใด… แต่เขาได้ลงบันทึกรายชื่อของบุคคลนี้ไว้ในใจเรียบร้อย ในสักวันเขาจะกลับมาทุบตีมันให้สาสม!
‘ถ้าแกเก่งจริง แกก็แค่เดินขึ้นไป เลิกพล่ามมากมายสักที หรือว่าแกอยากจะโดนสายฟ้าของฉันเผาสดสักทีงั้นเหรอ?’
‘ไอ้ประสาท!’