จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 151
บทที่ 151: เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่
“วันนี้เป็นวันที่พวกคุณทั้งหมดจะได้แสดงความแข็งแกร่งของตัวเอง เอาล่ะก่อนอื่นเลยผมจะขอแนะนำพระเอกทั้งเจ็ดคนของเราในวันนี้ พวกเขาคือนักเรียนของสาขาธาตุอัญเชิญ!”
อธิการบดีเซียวนั้นไม่ได้กล่าวพร่ำเพื่อมากนักอีกทั้งเขายังไม่ยอมเปิดโอกาสให้ใครคนอื่นขึ้นมาพูดจาเรื่อยเปื่อยอีกด้วย ในวันนี้เขากล่าวเข้าสู่พิธีอย่างรวดเร็ว
ในตอนแรกมักจะมีเด็กนักเรียนบางส่วนที่ไม่ต้องการเข้าร่วมการแข่งขันนี้เหตุเพราะตนเองอ่อนแอเกินไป แต่หลังจากที่พวกเขาทั้งหมดได้ยินคำกล่าวก่อนหน้านี้ ทั้งหมดเกิดความฮึกเหิมขึ้นมาในทันที
พวกเขาทั้งหมดล้วนแต่เป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบอันเหี้ยมโหดจากการสอบระดับมัธยมปลายมาแล้ว และได้รับคัดเลือกให้เข้ามานั่งอยู่ ณ ที่แห่งนี้ แล้วเหตุผลใดกันที่ทั้งหมดจะต้องมารู้สึกตื่นกลัวจนหางหด?
อีกทั้งประกอบกับทางมหาวิทยาลัยจะไม่มอบทรัพยากรให้ถ้าหากไม่มีเหตุผลรองรับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่ไม่คิดจะทำอะไรเลย! ในสถาบันแห่งนี้ทุกคนจะต้องแข่งขันกันอย่างโหดเหี้ยมที่สุด!!!
พระเอกทั้งเจ็ดค่อยๆเดินขึ้นเวทีไปทีละคน ภายใต้เสียงกระหึ่มโห่ร้องจากกองเชียร์ที่อยู่รอบข้าง
“เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนจำนวนมากที่ไม่พอใจกับสิ่งเหล่านี้ ทำไมนักเรียนสาขาธาตุอัญเชิญจะต้องเป็นดาวเด่นในงานครั้งนี้ด้วยล่ะ? พวกเขาเหล่านั้นก็เข้ามาในสถาบันแห่งนี้ด้วยความยากลำบากเช่นกันไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่ต้องกังวลไปหรอก ถ้าหากว่าสามารถเอาชนะพวกเขาทั้งเจ็ดคนได้ บุคคลเหล่านั้นก็จะกลายเป็นดาวเด่นเช่นกัน!” อธิการบดีเซียวกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก
รอบข้างของสนามเริ่มปะทุอย่างดุเดือด นักเรียนมากมายต่างหื่นกระหายที่จะแสวงหาการต่อสู้นี้แล้ว!
_____
“เอ๊ะ ทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ด้วย?” รอบข้างสนามประลอง ในกลุ่มของนักเรียนหญิงสาววัยละอ่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจขณะที่มองขึ้นไปบนเวที
“เซียวเหมิน มีใครกันเหรอที่เธอรู้จัก?” ลี่ จันเหว่ยผู้ซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างของเธอกล่าวถามขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ
“อืม… กล่าวให้ถูกก็คือฉันไม่ได้รู้จักเขาจริงๆหรอก” เซียวเหมินกล่าวพร้อมส่ายศีรษะเบาๆ
แน่นอนว่าเธอไม่ร็จักเขาจริงๆ ในวันนั้นเขามาที่หอคอยเมิงจู่เพื่อที่จะปลุกพลังเวทให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งเขาคนนั้นอาจจะลืมเธอที่เป็นเพียงเด็กฝึกงานในสถานที่แห่งนั้นไปแล้ว
อย่างไรก็ตามเธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมากที่เด็กหนุ่มคนนั้นผู้ที่ได้รับการรับรองจากสถาบันนิติบัญญัติกลายเป็นนักเรียนในสถาบันเมิงจู่เช่นเดียวกันเธอเหมือนกัน!
‘นายท่าน… นายท่านคะ!’ เซียวเหมินรีบหยิบโทรศัพท์ของเธอขึ้นมาเพื่อส่งข้อความไปถึงเจ้านายของตนเองที่ชื่อว่ากัวลี่หยุน
‘มีอะไรเหรอ?’ กัวลี่หยุนตอบกลับ
‘ฉันได้พบกับนักเวทระดับมัชฌิมที่มาปลุกพลังเวทกับเราเมื่อปีก่อน เขาคือคนที่มาจากสมาคมนิติบัญญัติแน่นอนฉันจำได้แม่น!’ เซียวเหมินรีบตอบกลับอย่างเร็วรี่
‘ที่ไหน? ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่ที่สถาบันงั้นเหรอ?’
‘แน่นอนว่าฉันอยู่ที่นี่ เขาเป็นนักเรียนใหม่ของสถาบันเมิงจู่ ในตอนนี้เขาเป็นนักเรียนของสาขาธาตุอัญเชิญ!’
‘บัดซบ เด็กคนนั้นเพิ่งจะปลุกธาตุอัญเชิญได้เมื่อปีที่แล้ว อีกทั้งในตอนนี้เขายังใช้ธาตุนั้นเพื่อเข้าสู่สถาบันเมิงจู่ได้อีกงั้นเหรอ!?!?!?!?’ กัวลี่หยุนตอบกลับอย่างตื่นเต้น
‘ใช่แล้ว ใช่จริงๆค่ะ เขาแข็งแกร่งจริงๆ!’
‘ไปทำความรู้จักกับเขาซะและรักษาความสัมพันธ์ไว้ให้ได้ ผู้คนที่มาจากสถาบันนิติบัญญัติมักจะเป็นสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยศักยภาพไร้ขีดจำกัด คว้าโอกาสนี้ไว้ซะ!’
‘นายท่านกำลังพูดอะไรอยู่คะ?!’ เซียวเหมินใบหน้าแดงก่ำเมื่อได้อ่านข้อความเหล่านั้น ปากของเธอสั่นเล็กน้อยด้วยความตื่นตระหนก
ทั้งหมดนี้ถูกพบเห็นได้ด้วยลี่ จันเหว่ยอย่างชัดเจน เขาเห็นกริยาทุกอย่างของเธอ!
ลี่จันเหว่ยมองไปที่นักเรียนสาขาธาตุอัญเชิญบนเวทีตามสายตาของเธอไปอย่างใคร่รู้ จากนั้นใบหน้าของเขาแข็งค้างในทันที…
‘เซียวเหมินเป็นผู้หญิงของฉัน… ใครก็ตามที่ต้องการแย่งเธอไปจากฉันคนนี้ รับรองว่ามันจะต้องไม่ตายดี!’
—
“เป็นเขาจริงๆ เหอะๆ” ในพื้นที่เดียวกันของนักเรียนธาตุดิน เด็กผู้ชายรูปร่างอ้วนท้วมมองไปบนเวทีพร้อมกับเผยสีหน้าบิดเบี้ยว
เขาคือหลัวซ่ง
เขาไม่มีวันลืมใบหน้าของโม่ฝานอย่างแน่นอน…
แต่อย่างไรก็ตามด้วยสถานการณ์ในปัจจุบันนี้ ไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นช่องว่างให้เขาเข้าไปแตะต้องโม่ฝานได้
นักเวทระดับมัชฌิมนั้นไม่สามารถจัดการได้โดยง่ายดาย ยิ่งพวกเขาเข้ามาอยู่ในสถาบันเช่นนี้ยิ่งกลายเป็นเรื่องยากที่จะจัดการอย่างยิ่ง หลัวซ่งจำเป็นจะต้องอดทนรอไปก่อน… เรื่องนี้เขาจำเป็นต้องใช้เวลา!
นอกจากนี้หลัวซ่งยังไม่มีแผนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้อีกด้วย
ถ้าหากว่าเขาสำแดงพลังที่แท้จริงออกมา แน่นอนว่าอสูรเวทเหล่านั้นจะถูกกำจัดออกไปได้เพียงการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว!
—
อีกฟากหนึ่งของเวทีในพื้นที่ของนักเวทธาตุสายฟ้า เด็กชายคนหนึ่งยืนขึ้นอย่างไม่ทันระงับตนเองไว้ได้ ดวงตาของเขาเบิกกว้างทันทีที่มองไปบนเวทีตรงหน้า!
“ฉือจ้าวติง… เกิดอะไรงั้นเหรอ??” เด็กผู้หญิงที่นั่งข้างๆอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามอย่างสงสัย
“ฉือจ้าวติง… มีอะไร?” เด็กหญิงเริ่มดึงแขนในขณะที่เด็กชายกำลังตัวแข็งทื่อ
ฉือจ้าวติงฟื้นคืนความรู้สึกของตนเองกลับมาอย่างเชื่องช้า ใบหน้าของเขาปรากฏถึงความหดหู่และหมองคล้ำออกมาอย่างชัดเจน
“เกิดอะไรงั้นเหรอ?” เด็กหญิงถามออกมาอย่างกังวล
“ไม่… ไม่มีอะไร ฉันแค่บังเอิญเห็นสหายเก่าน่ะ” ฉือจ้าวติงตอบกลับอย่างชักช้าและเลื่อนลอย
“สหายเก่างั้นเหรอ? นายกำลังจะบอกว่าหนึ่งในเจ็ดคนนั้นมีเพื่อนเก่าของนายงั้นเหรอ? ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ไม่เห็นจำเป็นจะต้องแสดงออกเช่นนี้เลย ทำไมถึงได้สติแตกล่ะ?” เด็กหญิงกล่าวกับเขาอย่างไม่เข้าใจ
“เพราะว่าเธอไม่รู้จักเขาเหมือนกับที่ฉันรู้จัก เธอเลยไม่รู้สึกอย่างฉันไงล่ะ” ฉือจ้าวติงตอบกลับด้วยใบหน้าที่เจ็บปวด
“ถ้าอย่างนั้นทำไมไม่ลองบอกฉันดูล่ะ? แม้ว่าธาตุอัญเชิญจะโดดเด่นและแข็งแกร่งที่สุดในระดับปฐมภูมิ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะแข็งแกร่งไปมากกว่าเราเลย อีกทั้งในอนาคตไม่ว่าอย่างไรธาตุสายฟ้าอย่างพวกเราย่อมไม่เกรงกลัวผู้ใด!” เด็กหญิงกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ
ฉือจ้าวติงส่ายศีรษะของเขาอย่างขมขื่น “ในกรณีนี้… ฉันน่ะรู้จักเขา… เขาไม่ได้มีเพียงธาตุอัญเชิญเท่านั้น”
“อะไรคือไม่ใช่ธาตุอัญเชิญเพียงอย่างเดียว? ฉันไม่เข้า….” หญิงสาวที่หน้าตาเย่อหยิ่งเมื่อครู่ค่อยๆคิดไตร่ตรองตามคำพูดของเขา ใบหน้าของเธอมองไปที่ฉือจ้าวติงพร้อมกับเริ่มคิดอะไรบางอย่าง จากนั้นใบหน้าก็เริ่มบิดเบี้ยวราวกับเข้าใจอะไรบางอย่าง “นาย… นายจะพูดอะไร… ธาตุหลักของเขาไม่ใช่ธาตุอัญเชิญงั้นเหรอ… เขา… เขาเป็นนักเวทระดับมัชฌิมเหรอ!!!???”
ฉือจ้าวติงพยักหน้ารับอย่างช้าๆ พร้อมกับวางสายตาไว้ที่โม่ฝานอย่างแม่นยำ
ในอดีตที่ผ่านมา ฉือจ้าวติงไม่เคยคิดจะยอมรับความสามารถของโม่ฝานแม้แต่น้อย เขาคิดว่าตนเองคือบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในห้องเรียน อย่างไรก็ตามในตอนนี้ฉือจ้าวติงไม่มีความคิดเช่นนั้นอีกต่อไป ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่โม่ฝานได้กระทำลงไปในช่วงเวลาของการสอบปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลาที่เขาเข้าร่วมการประลองเวทมนตร์กับศิษย์ตระกูลมู่ อีกทั้งในเวลาที่เมืองบ่อพบเจอกับภัยพิบัติเป็นเขาคนเดียวที่นำพาให้ทีมรอดพ้นความตายมาได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่มีอยู่ในตัวของเขาเลย!
ในตอนนี้โม่ฝานได้เข้าสู่สถาบันเมิงจู่แห่งนี้ในฐานะนักเรียนธาตุอัญเชิญ ซึ่งฉือจ้าวติงพยายามจะภาวนาให้บุคคลนั้นไม่ใช่โม่ฝาน เขาพยายามปฏิเสธสายตาตนเองอยู่หลายครั้งเมื่อมองไปบนเวที แต่ก็ไม่อาจบิดเบือนความจริงได้เลย นั่นคือโม่ฝานอย่างแน่นอนและเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมรับความจริงนี้ซะ!
“ถ้าเช่นนั้น… เขาครอบครองธาตุอะไรในระดับปฐมภูมิล่ะ? ฉันเคยได้ยินมาว่านักเวทระดับมัชฌิมนั้นจำเป็นจะต้องควบคุมดวงดาวเนบิวล่าที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน แม้ว่าพวกเขาจะเข้าสู่ระดับมัชฌิมแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถร่ายเวทระดับมัชฌิมได้ เช่นนี้เขาก็อาจจะยังใช้เวทระดับมัชฌิมไม่ได้หรอก ใช่ไหมล่ะ?” เด็กหญิงถามออกมาอย่างไม่ยอมรับเช่นกัน
ฉือจ้าวติงเพียงแค่ส่ายศีรษะเบาๆโดยที่ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดออกมา
แน่นอนว่าฉือจ้าวติงไม่ต้องการที่จะเปิดเผยเรื่องราวของโม่ฝาน ตอนนี้โม่ฝานนั้นตั้งใจที่จะเปิดเผยเพียงธาตุอัญเชิญเท่านั้น เขาไม่คิดจะเปิดเผยธาตุอื่นแน่นอน แน่นอนว่าเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะแพร่งพรายเรื่องของโม่ฝานออกไปได้ ถ้าทำเช่นนั้นมันจะเป็นการทรยศต่อสหายร่วมเมืองของตน!
เด็กหญิงสังเกตุได้ว่าฉือจ้าวติงไม่ต้องการเปิดเผยเรื่องราวในอดีต เช่นนี้เธอเลยเข้าไปกระซิบเขาอย่างใคร่รู้ “นายน่ะไม่ได้พบเจอเพื่อนของนายมาเป็นปีแล้วไม่ใช่เหรอ ถ้าเช่นนั้นเขาก็คงจะเพิ่งปลุกธาตุอัญเชิญได้ไม่นาน ความแข็งแกร่งของเขาก็คงจะไม่เท่าไหร่…”
“อืม เขาไม่ควรที่จะแข็งแกร่งมากนัก” ฉือจ้าวติงพยักหน้ารับ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความกังวล
••••••••••••••••••••