จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 143
บทที่ 143: เข้าสู่การสอบ
ธาตุอัญเชิญนั้นไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถอธิบายได้หมดภายในสองถึงสามวัน
ในตอนนี้โม่ฝานรู้สึกได้ว่าถังหยู่กำลังพาเขาเข้าไปสู่ป่าลึกที่เงียบสงบ ผู้คนโดยรอบเริ่มลดลงเรื่อยๆ ร่างกายที่โค้งเว้าของถังหยู่นั้นดึงดูดสายตาของโม่ฝานอย่างหนัก อีกทั้งในเวลานี้เป็นเวลาพลบค่ำ…
‘เรื่องราวที่เกิดขึ้นบนแท็กซี่นั้นยังไม่เพียงพองั้นเหรอ? ในป่าทึบเช่นนี้มันจะสามารถเกิดอะไรขึ้นได้บ้างนะ?’
“เอาล่ะ ที่ตรงนี้ไม่มีใครแล้ว” ถังหยู่กล่าวออกมาหลังจากกวาดสายตาไปรอบๆ
โม่ฝานเบิกตาโพลงทันที
‘โอ้พระเจ้า มันกำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ!’
‘ฉันจะทำยังไงดี ไม่ได้เตรียมตัวเลยแม้แต่น้อย แต่ความเถรตรงนี้เป็นที่ถูกใจของฉันจริงๆ! ให้ตายสิพับผ่า!’
“เธอกำลังคิดอะไรอยู่? ฉันพาเธอมาที่นี่เพื่อให้เธอลองใช้คาถามิติอัญเชิญ!” ถังหยู่กล่าวกับโม่ฝานด้วยท่าทีหงุดหงิด
‘โอ้… งั้นเหรอ’ โม่ฝานเผยรอยยิ้มแห้ง ดูเหมือนว่าเธอกลัวว่าเขาจะเรียกสิ่งที่ทำให้ผู้คนแตกตื่นออกมา
พูดกันอย่างตรงไปตรงมา การอัญเชิญอสูรร้ายนั้นไม่ได้น่ากลัวแต่อย่างใด มันจะถูกควบคุมโดยมนุษย์ทั้งสิน แต่ถ้าหากว่ามนุษย์ทั่วไปได้พบเจอกับมัน เหตุการณ์เหล่านี้นั้นมีแต่จะทำให้กางเกงของพวกเขาเปียกแฉะเท่านั้น
ซึ่งถังหยู่นั้นก็ไม่คิดว่าโม่ฝานจะสามารถควบคุมอสูรเวทได้ในครั้งแรกนี้ ดังนั้นเธอจึงพาโม่ฝานออกห่างจากผู้คน ถ้าหากเขาไม่สามารถควบคุมมันได้ เธอจะสามารถจัดการทุกอย่างแทนเขา
——
เวลาที่โม่ฝานมีในหนึ่งสัปดาห์นี้เขาใช้ทุกนาทีในการขอคำแนะนำจากถังหยู่
เวลาในช่วงนี้เป็นช่วงที่ถังหยู่กำลังพักผ่อน เช่นนี้เธอจึงใช้เวลาไปกับโม่ฝานเรื่อยๆ เธอบอกกับโม่ฝานว่าเธอจำเป็นต้องย้ายไปอยู่ที่เมืองกวางโจว
หลังจากที่เธอบอกกับเขาเช่นนั้น เธอก็บอกต่ออีกว่าเธอยังไม่ได้เดินเล่นรอบเมืองแห่งนี้เลย ทั้งสองนั้นได้ผลประโยชน์ร่วมกัน หนึ่งคือโม่ฝานได้รับความรู้เกี่ยวกับเวทมนตร์ที่เขาจำเป็นต้องใช้มัน สองก็คือเธอสามารถเดินซื้อของทั่วเมืองได้อย่างสบายใจโดยมีเขาเป็นคนถือของให้ตลอดเวลา อีกทั้งยังได้ตระเวณกินอาหารพื้นเมืองอีกด้วย
เวลานี้โม่ฝานรู้สึกว่าตนเองนั้นโชคดีมากที่บ้านของเขาอยู่ใกล้กับเมืองกวางโจว ไม่อย่างนั้นเขาก็คงไม่มีโอกาสที่จะใกล้ชิดกับเธอได้มากขนาดนี้
ในสัปดาห์แห่งความสุขนี้ ถังหยู่ไม่ได้บอกกล่าวกับโม่ฝานเกี่ยวกับธาตุอัญเชิญเพียงอย่างเดียว เธอยังช่วยฝึกฝนธาตุไฟและธาตุเงาให้กับเขาอีกด้วย
หลังจากที่ผ่านสัปดาห์นี้ไปแล้ว โม่ฝานรู้สึกได้ถึงความสำคัญของศิษย์มีครูทันที ในชั้นเรียนในวันวานที่ผ่านมานั้น ถังหยู่สอนพวกเขาทั้งหมดแบบไร้การปกปิดด้วยเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามในเวลานั้นการสอนของเธอบางอย่างก็ไม่สามารถทำได้อย่างเต็มที่ เนื่องจากนักเรียนยังไม่พร้อมที่จะเรียนรู้มัน…
——
“ผมต้องไปแล้ว ผมคงจะคิดถึงคุณมากเลย” โม่ฝานโบกมือในขณะที่ไม่ยอมสบตากับเธอ
“ในมหาวิทยาลัยก็จงระมัดระวังตัวให้ดีล่ะ ดูแลตัวเองด้วย” ถังหยู่กล่าวประโยคนี้ซ้ำไปมาอย่างจริงจัง
“ระมัดระวังงั้นเหรอ? คุณหมายถึงอะไรกัน?” โม่ฝานถามออกมาอย่างสับสน
“มหาวิทยาลัยกับโรงเรียนมัธยมนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง การแข่งขันภายในมหาวิทยาลัยนั้นโหดร้ายอย่างมาก นักเรียนหลายคนนั้นพยายามจะใช้ชื่อเสียงของตระกูลหรืออำนาจต่างๆเพื่อรับผลทรัพยากรเพิ่มมากกว่าผู้อื่น ซึ่งตัวมหาลัยเองนั้นก็เป็นแหล่งรวมขั้วอำนาจหลายแห่งเข้าไว้ด้วยกันอีกด้วย ส่วนผู้คุมกฏในมหาลัยงั้นเหรอ… พวกเขาก็เพียงแค่ปิดหูปิดตากับเรื่องนี้เท่านั้น” ถังหยู่กล่าวออกมาอย่างเคร่งเครียด
จากมุมมองของถังหยู่นั้น โม่ฝานเป็นคนที่ฉลาดและสามารถเอาตัวรอดในสังคมแห่งนี้ได้แน่นอนในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามในตอนนี้เธอมองว่าโม่ฝานเป็นเพียงกระต่ายตัวน้อยที่กำลังจะมุ่งหน้าเข้าถ้ำเสือเท่านั้น เขาจะต้องพบเจอกับอำนาจมืดมากมายภายในมหาวิทยาลัย ซึ่งเธอเป็นกังวลว่าเขาจะไม่สามารถผ่านพ้นมันไปได้
พูดตามตรงก็คือโม่ฝานนั้นมาจากครอบครัวที่ยากจน เขาแตกต่างจากเด็กที่มาจากตระกูลใหญ่หรือมหาอำนาจต่างๆที่มีทรัพยากรมากมายและเงินทองเป็นโล่ห์กำบัง
เส้นทางที่จะทำให้นักเวทเติบโตได้อย่างดีเยี่ยมนั้นจำเป็นจะต้องเผาผลาญเงินและทรัพยากรจำนวนมาก โม่ฝานนั้นจะยากลำบากอย่างมากเพราะเขาพึ่งพาตนเองมาตลอด การดำรงชีวิตในมหาวิทยาลัยนั้นจะเต็มไปด้วยความยากลำบาก
แม้ว่าในตอนนี้โม่ฝานจะผ่านช่วงเวลายากลำบากทะลุมาสู่ระดับมัชฌิมได้แล้ว แต่บทบาทของนักเวทระดับมัชฌิมในมหาวิทยาลัยแทบจะไม่มีอยู่เลย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยเมิงจู่… ภายในสถานที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดมากมาย!
โม่ฝานรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ถังหยู่มีให้กับเขา จากนั้นเขาพยักหน้าพร้อมตอบกลับอย่างจริงจัง “คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมจัดการตัวเองได้แน่”
ถังหยู่มองดูเขาที่พยักหน้าอย่างเชื่อฟังก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ฉันไม่ได้จะขอให้เธอกลืนกินความโกรธลงกระเพาะอาหารหลังจากถูกรังแก แต่ว่าถ้าหากทำได้ก็ย่อมดีกับตัวของเธอเองและถ้าหากว่าพวกเขากระทำสิ่งใดที่มันมากเกินไป สามารถมาหาฉันได้เสมอ ฉันจะช่วยเหลือเธอเอง!”
โม่ฝานรู้สึกถึงความอบอุ่นที่แตกกระจายพล่านอยู่ในจิตใจของเขาโดยฉับพลัน
แม้ว่าโม่ฝานจะพยักหน้าเช่นนั้น แต่ภายในจิตใจของเขากำลังง่วนอยู่กับเรื่องอื่น…
ถ้าหากว่าเขาถูกรังแกจากใครบางคนจริงๆ จากนั้นเขาก็วิ่งหางจุกก้นไปหาอาจารย์สุดที่รักของเขางั้นเหรอ? เช่นนี้เขาจะไม่กลายเป็นเด็กเหลือขอแทนที่จะได้กลายเป็นเจ้าบ่าวของเธอหรือ?
‘ฉันเป็นผู้ชาย เป็นลูกผู้ชาย! ฉันจะไปหลบซ่อนตัวอยู่ใต้กระโปรงของหญิงสาวได้อย่างไร?’
นอกจากนี้โม่ฝานและถังหยู่นั้นไม่ได้เป็นญาติกันอย่างแน่นอน พวกเขาทั้งสองไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่นิดเดียว เธอเป็นเพียงคนที่เขารู้สึกชื่นชมและสามารถเติบโตได้อย่างโดดเด่นบนเส้นทางแห่งนักเวทนี้ เธอเป็นเพียงคนที่คอยแนะนำให้กับเขาเติบโตไปด้วยเช่นกัน
ส่วนที่เหลือต่อจากนี้เขาจำเป็นจะต้องยืนด้วยขาของตนเองเท่านั้น!!!
——
มหาวิทยาลัยเมิงจู่…
เด็กหนุ่มน้ำหนักเกินคนหนึ่งก้าวขาลงมาจากรถเบ๊นซ์สีดำ
ไขมันก้อนนั้นกวาดตามองไปรอบๆพร้อมกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงรังเกียจ “น่ารำคาญจริงๆ พวกมันต้องใช้เวลาตั้งหนึ่งอาทิตย์ในการตัดสินใจ!”
“นายน้อยซ่งนี่คือมหาวิทยาลัยเมิงจู่ มหาวิทยาลัยเวทมนตร์อันดับหนึ่งของนครเซี่ยงไฮ้ คนมีความสามารถเท่านั้นจึงจะได้ยืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมีเพียงไม่กี่คน! อีกอย่างคนที่แข่งขันกับนายน้อยนั้นเป็นเพียงเด็กเมื่อวานซืนเท่านั้น ซึ่งบุคคลเช่นนั้นไม่มีวันได้เข้าเรียนในสถานที่แห่งนี้แน่นอน” คนขับรถกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
“อาวุโสลี คิดว่าธาตุอัญเชิญเป็นเรื่องที่พิเศษหรือไม่?” หลัวซ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว
“แน่นอนว่าเมื่อเทียบกับนายน้อยแล้วมันดูไร้ค่ายิ่งนัก” ชายที่ถูกเรียกว่าอาวุโสลีตอบกลับอย่างอบอุ่น
“ไปดูกันเถอะ ฉันต้องการจะเห็นความสามารถของเด็กเหลือขอคนนั้นเต็มที เขากล้ามากที่จะแข่งขันกับฉันคนนี้!” หลัวซ่งกล่าวออกมาพร้อมกับตรงดิ่งไปที่สนามฝึกฝนทันที
อาวุโสลีรีบเดินตามหลังเขาไปอย่างรวดเร็ว “นายน้อยซ่ง ถ้าหากว่าพวกเขาไม่เลือกท่าน อย่างไรก็ตามเรายังมีมหาวิทยาลัยจักรพรรดิรออยู่ อย่างไรซะที่นั่นก็มีแต่พรรคพวกเราทั้งนั้น”
“ฉันไม่ต้องการสิ่งนั้น ฉันต้องการที่จะให้คนอื่นเห็นว่าฉันแข็งแกร่งแค่ไหน ฉันยืนด้วยตนเองได้โดยที่ไม่จำเป็นต้องใช้อำนาจของพ่อ!” หลัวซ่งกล่าวออกมาด้วยใบหน้าที่โกรธจัด
“ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย นายน้อยนั้นเป็นบุคคลที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตามพวกเขาย่อมมอบทรัพยากรที่ยอดเยี่ยมให้….”
“อาวุโสลี คุณเลิกพูดสักที ไม่ว่าจะอย่างไรฉันก็จะยืนอยู่ในเมิงจู่แห่งนครเซี่ยงไฮ้ให้ได้! ฉันจะเหยียบคนที่อยู่ในนี้ให้หมดด้วยตัวของฉันเอง! นี่คือเรื่องสนุกที่ฉันต้องการจะทำมัน… คนแรกที่จะได้รับเกียรตินั้นถ้าเป็นไอ้โง่ธาตุอัญเชิญนั้นก็คงจะดีเป็นบ้า!!!”
“ได้เสมอ ถ้าหากว่าสิ่งที่นายน้อยจะทำมันจะไม่สร้างปัญหาให้กับตัวของท่านเอง” อาวุโสลีกล่าวออกมาอย่างอ่อนใจ
หลังจากที่เดินมาถึงสนามฝึกฝนแล้ว หลัวซ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาพบว่ามีผู้คุมการสอบนั่งอยู่แล้วห้าคน
นอกเหนือจากผู้คุมสอบทั้งห้าแล้ว มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่บริเวณนั้น เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทยืนอยู่ตรงพื้นทรายด้านข้าง
การแต่งตัวของเขานั้นบอกเล่าฐานะทางบ้านได้อย่างยอดเยี่ยม สายตาของหลัวซ่งกวาดไปอย่างแม่นยำและประเมินชายหนุ่มคนนั้นได้ทันที ไม่ว่าอย่างไรแฟชั่นก็ย่อมต้องใช้เงิน… ใช้มากเสียด้วย!
เมื่อเห็นเช่นนี้แล้ว หลัวซ่งตัดสินทันที เขายิ้มเยาะออกมาพร้อมกับเขียนคำว่า ‘ไอ้ขี้แพ้’ ลงบนหน้าผากของเด็กหนุ่มอีกคนโดยพลัน!
••••••••••••••••••••
ตอนหน้าจะมันส์แล้วใช่ม่ะ เอื่อยมาหลายตอน T_T
••••••••••••••••••••