จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 141
บทที่ 141: สอบโดยใช้ธาตุอัญเชิญ
วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ยิ่งในเวลาที่กำลังง่วนกับอะไรบางอย่าง ยิ่งทำให้เวลานั้นรวดเร็วเสียยิ่งกว่าแสง!
จากมุมมองของโม่ฝาน เขารู้สึกว่าเขาได้ผ่านการฝึกฝนมานานราวทศวรรษ การฝึกฝนเช่นนี้นั้นดูดพลังชีวิตของเขาไปอย่างมาก อีกทั้งมันยังกินเวลาเนิ่นนาน!
ในนิยายจีนโบราณที่กล่าวไว้ว่าการฝึกฝนที่ยาวนานกว่าหลายปีนั้นเป็นเวลาเพียงชั่วพริบตา ทุกสิ่งล้วนแต่เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น! ในตอนนี้เขาได้ประสบพบเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้แล้วและมันทำให้เขารู้สึกว่าเบื่อหน่ายและอยากจะตายตกวันละหลายรอบ มีหลายครั้งที่เขาต้องการจะหยุดและออกไปทำตามใจตนเอง แต่สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจละทิ้งหน้าที่ของตนได้
การปิดตาลงในคราวนี้ทำให้โม่ฝานนั้นได้รับรู้เรื่องราวมากมายอย่างล้นเหลือ เขาได้พบกับพลังเวทมนตร์ที่ไร้ขีดจำกัด ในที่สุดเขาก็ได้ผ่านการฝึกฝนที่ยาวนานและน่าเบื่อ
ถ้าหากว่าไร้ความตั้งใจ ก็จะไม่มีวันทำอะไรสำเร็จ!
อย่างไรก็ตามโม่ฝานได้ผ่านการฝึกฝนที่ขื่นขมยาวนานตลอดปีมาได้อย่างสวยงาม
“ฮ่าฮ่า มาแล้วงั้นเหรอไอ้ลูกชาย พรุ่งนี้เป็นโอกาสที่ยอดเยี่ยมที่แกจะได้ทดสอบเพื่อเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ยอดเยี่ยม! อย่างไรก็ตามฉันคิดว่าแกจะต้องได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยชั้นนำหลายแห่งแน่นอน พวกเขาจะต้องชื่นชมในธาตุคู่ของแกและอ้าแขนรับอย่างอบอุ่น!” โม่เซี่ยจิงพูดออกมาในขณะที่เขากำลังทำอาหารสองถึงสามอย่างด้วยอารมณ์ที่เริงร่า
“ผมไม่ได้มีแผนที่จะบอกกล่าวกับพวกเขาว่าผมเป็นนักเวทธาตุคู่” โม่ฝานบอกกับพ่อของตนอย่างเฉยเมย
หลังจากที่ไตร่ตรองสักครู่หนึ่ง โม่ฝานรู้สึกว่าต้องการที่จะเอนหลังลงสักหน่อย
เหตุการณ์ที่บุรุษทั้งสี่แห่งตระกูลตงฟางนั้นตายตกไปยังสลดอยู่ในจิตใจของโม่ฝานอย่างตราตรึง สิ่งนั้นทำให้เขาเข้าใจได้ว่าการอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถรอดชีวิตจากเหตุการณ์เหล่านั้นได้ การถือไพ่ตายไว้ในมือและไม่ปลดปล่อยมันออกไปก่อนเวลาอันควร ย่อมเป็นสิ่งที่ดีที่สุด!
นอกจากนี้ธาตุสายฟ้าและธาตุไฟนั้นล้วนแต่กำลังบังคับให้เขาต้องเชื่อมต่อเส้นทางเนบิวล่าด้วยตนเองให้ได้ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่โรงเรียนไม่สามารถช่วยเหลือเขาได้เลย!
“แล้วอย่างนั้นแกวางแผนในการสอบครั้งนี้ยังไงกันล่ะ?” โม่เซี่ยจิงถามออกมาอย่างสับสน
“ธาตุอัญเชิญ”
“แกปลุกธาตุอัญเชิญขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” โม่เซี่ยจิงตกอยู่ในสภาวะมึนงงทันที ซินเซียที่อยู่ใกล้นั้นมองโม่ฝานด้วยดวงตาที่เปล่งประกายทันทีเช่นกัน
——
โม่ฝานนั้นมีแผนที่จะสมัครเข้าสอบในมหาวิทยาลัยหมิงจู่ อย่างไรก็ตามเขาตัดสินใจที่จะใช้ธาตุอัญเชิญเพียงธาตุเดียวในการสอบครั้งนี้!
ถ้าหากโม่ฝานนั้นจำไม่ผิด เขาจดจำได้ว่านักเวทจะโดดเด่นอย่างมากถ้าหากยกระดับละอองดาราของตนเองให้มาถึงระดับที่สามได้ มู่โจวอวิ๋นถึงขนาดที่จัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่ให้กับเด็กชายที่ชื่อมู่อั๋น
แม้ว่าเขาจะไม่เคยใช้คาถาของธาตุอัญเชิญมาก่อน แต่ทว่าเขาได้ตรวจสอบข้อมูลของมหาวิทยาลัยเวทมนตร์เมิงจู่แล้ว ซึ่งมหาลัยแห่งนี้ให้ความสำคัญกับธาตุอัญเชิญอย่างมาก ถ้าหากว่าเขาสามารถแสดงความสามารถในธาตุอัญเชิญได้ถึงระดับที่สาม เขาจะสามารถได้รับคัดเลือกเข้าสู่มหาวิทยาลัยอย่างไร้ข้อยกเว้นแน่นอน!
ว่ากันอย่างตรงไปตรงมา ระดับของเกรดที่สอบผ่านโรงเรียนมัธยมมานั้นเป็นส่วนน้อยมากที่จะได้รับเลือก มันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ไม่ใช่ทั้งหมด!
ธาตุอัญเชิญนั้นโอกาสในการตื่นขึ้นมานั้นน้อยกว่าธาตุสายฟ้าอยู่มาก เช่นนี้นักเวทอัญเชิญจึงน้อยมาก พวกเขาแทบจะเป็นหนึ่งในพันหรือหนึ่งในหมื่นเลยก็ว่าได้!
ในหนึ่งพันคนมักจะพบนักเวทสายฟ้าเพียงหนึ่งคนเท่านั้น แต่นักเรียนที่ต้องการสอบเข้ามหาวิทยาลัยเวทมนตร์ในปีนี้มีอยู่นับแสนคน อีกทั้งชื่อเสียงของมหาวิทยาลัยเมิงจู่นั้นโด่งดังที่สุดในประเทศ การเป็นนักเวทสายฟ้านั้นเป็นเพียงเรื่องธรรมดาในสายตาของพวกเขา
มหาวิทยาลัยเมิงจู่นั้นให้ความสำคัญกับธาตุพิเศษอย่างมาก ทั้งสายคำสาปของเวทมนตร์ดำ เวทมนตร์สายมิติและสายอัญเชิญ!
เดิมทีโม่ฝานคิดว่าจะใช้ธาตุเงาในการสอบเข้า ซึ่งเขานั้นมีความเชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์นี้ แต่อย่างไรก็ตามมาตราฐานของมหาวิทยาลัยเมิงจู่นั้นสูงเกินไป แม้ว่าเขาจะใช้คาถาแรกของธาตุเงาได้จนถึงระดับที่สาม เขาก็ยังคงจะไม่ได้รับรองความสามารถและเข้าเรียนในสถาบันชั้นนำนี้ได้เลย!
การสอบเข้าในมหาวิทยาลัยชั้นนำนั้นราวกับคลื่นยักษ์ลูกใหญ่ ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยนักเรียนหัวกะทิหรือผู้ที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์ การแสดงความสามารถในครั้งนี้เป็นเพียงการโชว์ความสามารถของการฝึกฝนเท่านั้น แต่สิ่งที่เขาจำเป็นจะต้องทำให้ได้ก็คือสร้างความประทับใจให้กับผู้คุมสอบ…
แต่โม่ฝานนั้นเต็มไปด้วยความสามารถพิเศษมากมาย แต่สุดท้ายแล้วทำไมกันเขาถึงเลือกใช้ธาตุอัญเชิญในการสอบ?
ประการแรก เวทีที่เขากำลังจะขึ้นแสดงความสามารถนั้นเป็นเวทีขนาดใหญ่ อนาคตที่สดใสของเขาจะถูกตัดสินจากการสอบครั้งนี้ ประการที่สองก็คือสิ่งที่เขาบอกกล่าวกับโม่เซี่ยจิงและซินเซียก่อนหน้านี้ “มหาวิทยาลัยเมิงจู่นั้นต้องการนักเวทสายอัญเชิญอย่างมาก พวกเขาจะให้สิทธิ์กับนักเวทเหล่านี้ก่อน แล้วทำไมจะต้องสร้างวิธีที่ยุ่งยากมากขึ้นในการสอบเข้าครั้งนี้ด้วยล่ะ?”
——
สำหรับคนอื่นๆนั้น การสอบเข้าสถาบันเวทมนตร์นั้นอาจจะเป็นทั้งหมดในชีวิตของพวกเขา แต่สำหรับโม่ฝานนั้นมันเป็นเพียงหินก้อนหนึ่งที่รอให้เขาเหยียบเพื่อย่างก้าวขึ้นไป
โม่ฝานนั้นไม่ต้องการที่จะไปแย่งชิงกับคนอื่นๆด้วยระบบเดิมๆ เขาต้องการที่จะสอบสัมภาษณ์ตัวต่อตัวมากกว่า ซึ่งนั่นเป็นวิธีที่เขาคุ้นเคยมากที่สุดว่าจะได้รับเลือก!
ในการสัมภาษณ์ภายในมหาวิทยาลัยเมิงจู่นั้นผ่านไปได้ด้วยดี โม่ฝานแสดงความสามารถเกี่ยวกับธาตุอัญเชิญ หลังจากนั้นเขาตอบคำถามเกี่ยวกับเวทมนตร์อีกสองถึงสามข้อ จากนั้นพวกเขาให้โม่ฝานเข้าทดสอบเพื่อทดสอบพลังของละอองดารา
“สามเอสนั้นถือว่าเป็นเกณฑ์การสมัครที่ต่ำที่สุดของเรา อย่างไรก็ตามจนถึงตอนนี้เธอยังไม่เคยใช้คาถาอัญเชิญเลยสักครั้ง มันจึงทำให้การตัดสินใจของพวกเราเป็นไปด้วยความยากลำบาก ถึงแม้ว่าสายอัญเชิญนั้นจะเป็นธาตุที่ไม่จำเป็นจะต้องฝึกฝน แต่ส่วนที่ยากที่สุดของมันคือการควบคุมเหล่าอสูรเวท” ศาสตราจารย์เวทมนตร์ที่สวมแว่นตาหนาเตอะกล่าวกับโม่ฝานอย่างเขร่งขรึม
จำนวนนักเวทสายอัญเชิญนั้นมีน้อยมาก คำถามที่ยากที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือจะยอมรับนักเรียนคนนี้หรือไม่…
แม้ว่าพื้นฐานของเขาจะมั่นคงอย่างมาก แต่ทว่าเขากลับไม่มีความโดดเด่นอื่นๆ มันไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถบุกทะลุระดับมัชฌิมได้ในระยะเวลาสั้นแน่นอน
อย่างไรก็ตามในขณะนี้มีนักเรียนสายอัญเชิญจำนวนมากต้องการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเมิงจู่แห่งนี้ ซึ่งดูเหมือนว่าหอพักของมหาวิทยาลัยจะเต็มเอียดแล้ว!
“ตอนนี้ผู้อำนวยการโรงเรียนของเรากำลังจับตามองนักเรียนธาตุดินที่โดดเด่น นักเรียนเหล่านั้นสามารถใช้คาถาของธาตุดินเพื่อสร้างสิ่งที่มหัศจรรย์ได้หรือคล้ายๆกับการสร้างทรายดูดอสูรเวท!” ชายอีกคนที่เป็นผู้คุมสอบกล่าวขึ้นมา
“ถ้าเป็นในกรณีเช่นนี้ เราสามารถรับได้เพียงหนึ่งคนจากสองเท่านั้นงั้นเหรอ?” อาวุโสสวมแว่นกล่าว
“ใช่แล้ว”
“สำหรับกรณีของนักเรียนโม่ฝาน เราจำเป็นจะต้องดูการควบคุมดวงดาวทั้งเจ็ดของเธอก่อน จากนั้นเราก็จะให้เธอใช้คาถามิติอัญเชิญ จากนั้นเราจะยึดคะแนนตามความแข็งแกร่งของอสูรเวทที่เธอสามารถเรียกมันออกมาได้”
โม่ฝานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เล็กน้อยพร้อมกับคิดว่ามันค่อนข้างยุติธรรมแล้ว
แต่ประเด็นนั้นมีอยู่ว่าเขายังไม่เคยใช้เวทอัญเชิญเลยสักครั้ง…
“เราจะให้เวลาเธอเตรียมตัวสำหรับเรื่องนี้หนึ่งสัปดาห์ หลังจากหนึ่งสัปดาห์นี้เราจะให้เธอมาที่สนามฝึกฝนของมหาวิทยาลัย พวกเราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญของสายอัญเชิญมาเพื่อทำการทดสอบ… โอ้ จริงด้วย เนื่องจากว่ามันเป็นการอัญเชิญครั้งแรกของเธอ ฉันจะขอแนะนำให้เธอใช้เครื่องมือบางอย่างที่จะสามารถช่วยเหลือได้ ด้วยการช่วยเหลือของอุปกรณ์นั้นจะทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้นมาสักหน่อย พวกเราไม่สนใจว่าเธอจะใช้อุปกรณ์อะไร ก็จงหยิบยกมันขึ้นมาได้อย่างเต็มที่” อาวุโสแว่นหนาเตอะกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณครับอาวุโส”
หลังจากที่เดินออกมาจากห้องทดสอบ สีหน้าแปลกประหลาดนั้นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของโม่ฝาน…
ความจริงแล้วอุปกรณ์เวทมนตร์ที่ใช้สำหรับสายอัญเชิญนั้นไม่เคยอยู่ในความคิดของโม่ฝานเลยแม้แต่น้อย ในปีที่ผ่านมาเขาเพียงพุ่งเป้าหมายไปที่การฝึกฝนเพียงอย่างเดียว รากฐานที่มั่นคงคือสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุด
ถ้าหากว่าอาวุโสไม่ได้เตือนเขาเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ เขาก็คงจะไม่นึกถึงมันอย่างแน่นอน จากนั้นเขาก็จะใช้เวทมนตร์ออกมาอย่างโจ่งแจ้ง!
โม่ฝานรู้สึกว่ามองเห็นภาพกระบวนการเหล่านี้อย่างคร่าวๆในทันที
คาถาหลักของสายอัญเชิญก็คือ มิติอัญเชิญ! มันเป็นคาถาที่เต็มไปด้วยความแปรปรวนอีกทั้งยังต้องพึ่งพาโชคลาภสักหน่อยอีกด้วย
ถ้าหากว่าโชคดี ก็จะสามารถอัญเชิญอสูรเวทที่แข็งแกร่งมีพลังต่อสู้ที่มหาศาล เช่นนั้นพลังของมันอาจจะแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่านักเวทธาตุสายฟ้าด้วยซ้ำ!
แต่ถ้าหากว่าเกิดความโชคร้ายขึ้น นักเวทผู้นั้นก็อาจจะเรียกอสูรที่เป็นปัญญาอ่อนออกมาก็ย่อมได้… อีกทั้งมันยังไม่เหมือนกับการข่มขู่สุนัขที่บ้านอีกด้วย!
นี่คือการอัญเชิญครั้งแรกของเขาและมันเป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้โม่ฝานเข้าสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำอีกด้วย เส้นทางของเขายาวไกลเกินกว่าจะหยุดยั้ง
นอกจากนี้โม่ฝานจำเป็นจะต้องตระเตรียมหาอุปกรณ์เวทที่จะสามารถช่วยเหลือเขาในการสอบครั้งนี้อีกด้วย
ภายในหอคอยหมิงจู่นั้นเต็มไปด้วยนักเวทมากมายหลากหลายธาตุ มันควรจะมีอะไรสักอย่างวางขายอยู่ที่นั่นแหละนะ…
••••••••••••••••••••
เย้ มีเวลาอ่านสักที คิดถึงกันไหมมมมม
••••••••••••••••••••