จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 134
บทที่ 134: ขัดเกลาอัคคีกุหลาบ
คำสาปร้ายนั้น อีกไม่นานมันก็จะค่อยๆหายไปอย่างช้าๆ ซึ่งการที่โม่ฝานเสียเวลาเจรจากับเฉาเหอก่อนหน้านี้นั้นย่อมไม่ใช่เรื่องไร้สาระแต่อย่างใด อย่างน้อยที่สุดเขาก็สามารถช่วยเหลือถังหยู่ให้รอดพ้นจากชะตากรรมที่เลวร้ายเหมือนกับบุรุษทั้งสี่แห่งตระกูลตงฟางได้
“ถังหยู่ คุณไหวไหม?” โม่ฝานหันไปถามเธออย่างอ่อนโยนพร้อมกับมองไปที่ถังหยู่ซึ่งกำลังนั่งพิงกับหินก้อนใหญ่ด้วยท่าทีที่อ่อนแรง
ในตอนนี้เสื้อผ้าของถังหยู่ถูกปลดเปลื้องออกไปเล็กน้อยแล้ว มือสองข้างของเธอราวกับกำลังพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปกปิดร่างกายนั้นไว้ ในสายตาของโม่ฝานนั้นเต็มไปด้วยความสับสน เขากำลังคิดว่าเธอปกป้องร่างกายตนเองหรือต้องการจะฉีกเสื้อผ้าเหล่านั้นออกกันแน่
“อย่า… อย่าเดินมาตรงนี้…” ถังหยู่กำลังบังคับจิตใจอย่างหนักเพื่อที่จะไม่ให้ตนเองกระโดดเข้าใส่โม่ฝาน เธอกำลังพยายามดึงรั้งร่างกายของตนเองไว้ให้นั่งลงอย่างอดกลั้น
ในรัศมีหลายร้อยกิโลเมตรนี้ โม่ฝานเป็นเพียงบุรุษคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ สิ่งที่สามารถจะล่อลวงหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้ให้เผลอใจได้ก็คงจะเกิดขึ้นได้เพียงในโทรทัศน์เท่านั้น ถ้าหากว่าเขาหล่อเหลาและมีสถานะเป็นเจ้าชาย เรื่องราวที่เธอจำเป็นจะต้องตัดสินใจมันอาจจะง่ายดายกว่านี้!
ถ้าหากเป็นเช่นนี้ไม่ดีแน่! ในสถานการณ์แบบนี้ผู้ชายธรรมดาย่อมต้องการร่างกายของเธออย่างแน่นอน! สิ่งเดียวที่เธอต้องทำในตอนนี้คือให้เขาอยู่ห่างจากร่างกายของเธอให้นานที่สุด ถ้าหากเธอสามารถถ่วงเวลาไว้ได้สักสิบนาที เช่นนั้นเธอจะฟื้นคืนสติกลับมาได้ นักเวทที่แข็งแกร่งนั้นจิตใจย่อมสามารถอดกลั้นได้มากกว่าบุคคลทั่วไป
ใช่แล้ว อัคคีกุหลาบไงล่ะ!
ซึ่งเดิมทีของสิ่งนี้ควรจะตกเป็นของสมาพันธ์นิติบัญญัติ แต่อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอจำเป็นจะต้องใช้ผลประโยชน์จากมันแล้ว
“เธอ… ไป… ขัดเกลาอัคคีกุหลาบซะ” ถังหยู่กล่าวออกมาอย่างลุ่มลึก
“อัคคีกุหลาบนั้นจะถูกขัดเกลาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ ในตอนนี้มันไม่สำคัญเท่ากับความปลอดภัยของคุณเลย!” โม่ฝานกล่าวออกมาอย่างสุภาพบุรุษ
ถังหยู่นั้นไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าเพื่อมองโม่ฝาน ภายในหัวใจของเธอสาปแช่งเขาอย่างไม่หยุดหย่อน ‘โม่ฝาน นายเป็นบ้าอะไรเนี่ย รีบเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สักที อย่าบอกนะว่านายไม่รู้ว่าฉันน่ะอยู่ในสภาพแบบไหน ถ้าหากกล้าที่ก้าวเข้ามาล่ะก็ …หลังจากจบเรื่องฉันจะตัดความเป็นชายของนายแล้วโยนให้หมากินซะ!’
ความจริงแล้วถังหยู่นั้นเกรงกลัวว่าชายคนนี้ต้องการจะทำอะไรกับเธอหรือกลัวว่าร่างกายของตนเองจะอดทนไม่ไหวแล้วปลุกปล้ำเขาแทน อย่างไรก็ตามเธอทำได้เพียงกัดฟันและกล่าวออกมาอย่างเขร่งขรึม “จิตวิญญาณแห่งไฟมันจะสูญสลายไปในไม่ช้า!”
“โอ้ ว้าว! เช่นนั้นงั้นหรือ คุณจะให้มันกับผมจริงๆเหรอ?” โม่ฝานถามออกมาจริงจัง
“อืม!!!” ถังหยู่กัดฟันพร้อมพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
“โอเค ถ้าเช่นนั้นคุณก็ช่วยดูแลตัวเองไปก่อนนะ ผมจะไปตรงนั้นและขัดเกลามัน ถ้าหากว่าคุณต้องการอะไรก็สามารถเรียก…”
“รีบไปสักที!!!” ถังหยู่ตะโกนออกมาอย่างดุเดือด
โม่ฝานนั้นเดินออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ภายในจิตใจของเขาหดหู่เล็กน้อยเมื่อโดนตะหวาด
การแสดงออกทางสีหน้าของเขาราวกับเขากำลังพูดว่า ‘ก็แค่ถามด้วยความห่วงใย แต่ทำไมต้องไล่กันอย่างนี้ด้วยนะ…’ แต่เขาก็ไม่สามารถกล่าวมันออกไปได้ เพียงแค่ถอนหายใจแล้วจากนั้นเดินออกไปจากสถานที่แห่งนั้นโดยฉับพลัน…
แต่หลังจากที่เขาได้นึกถึงจิตวิญญาณแห่งไฟ ซึ่งความสามารถที่แข็งแกร่งของมันนั้นทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นั้นจึงถูกลืมไปเสียสนิท!
โม่ฝานนั้นเป็นชายที่โชคดีจริงๆ! ในปัจจุบันนั้นเขาเป็นเพียงขยะเปียกชิ้นหนึ่ง แต่ในตอนนี้กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งขว้างปาโอกาสที่ยอดเยี่ยมมาให้เขา อีกทั้งเธอยังตกอยู่ในฤทธิ์ของยาที่น่ากลัว! ในฐานะผู้ชายที่โชคดีนั้น บนโลกใบนี้ก็คงจะมีเพียงเขาเท่านั้น! แต่ความจริงก็คือเขานั้นเกรงกลัวบอลเพลิงในมือของถังหยู่อย่างมาก จึงไม่กล้าที่จะผลีผลามเข้าไปหาเธอ
อีกอย่างตอนนี้แม้แต่ชีวิตของเขาทั้งหมดยังไม่สามารถเทียบเท่ากับมูลค่าของอัคคีกุหลาบได้เลย…
สถานะปัจจุบันของโม่ฝานนับได้ว่ายากจนอย่างมาก ซึ่งมันไม่มีทางที่เขาจะปฏิเสธคำของถังหยู่ในครั้งนี้แน่นอน!!!
ปันเซียงที่มาจากสมาคมนักฆ่า อีกทั้งบุรุษจากตระกูลตงฟางทั้งสี่ รวมไปถึงไอ้ฆาตรกรโรคจิต ทั้งหมดล้วนแต่เสี่ยงชีวิตเข้ามาเพื่อที่จะขัดเกลาอัคคีกุหลาบนี้ทั้งสิ้น แต่โม่ฝานกลับได้ขัดเกลาตั้งแต่เริ่มต้นเส้นทางแห่งนักเวทระดับมัชฌิม เช่นนี้เขาจึงรู้สึกขอบคุณถังหยู่อย่างมากที่เธอมอบสิ่งล้ำค่านี้ให้กับเขา ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธออนุญาตแน่นอนว่ามันคงไม่มีทางตกมาอยู่ในมือเขาได้แน่!
ขณะนี้ถังหยู่พยายามจะรักษาร่างกายพรหมจรรย์ของตนเองไว้ ภายในจิตใจของเธอกำลังต่อสู้กับคำสาปอย่างหนักหน่วง ในตอนนี้สมบัติอยู่บนมือของโม่ฝานแล้ว มือของเขาสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้น
‘ฉันจะต้องรีบขัดเกลาสิ่งนี้และพาถังหยู่ออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด ถ้าหากว่ามีนักเวทปรากฏขึ้น แน่นอนว่าปัญหาใหญ่จะตามมา!’ โม่ฝานคิดในใจ
โม่ฝานนั้นไม่กล้าที่จะชักช้าอีกต่อไป เขารีบหยิบมันขึ้นมาไว้บนมืออย่างมั่นคงทันที
ความรู้สึกแสบร้อนนั้นแผ่ออกมาทั่วร่างกายของเขาโดยฉับพลัน แรกเริ่มความรู้สึกของเขานั้นเจ็บปวดอย่างรุนแรง แต่สุดท้ายแล้วโม่ฝานก็เข้าใจถึงจิตวิญญาณของมันและรับรู้ได้ว่ามันไม่ได้ต้องการที่จะสร้างความเจ็บปวดให้กับเขาเลย
ในตอนนี้โลหิตภายในร่างกายของกำลังเดือดพล่านจากสิ่งที่กำลังไหลซึมเข้ามาช้าๆ โม่ฝานปิดเปลือกตาของเขาลงเพื่อที่จะรับรู้ถึงธาตุไฟแปลกใหม่ที่กำลังวิ่งเข้ามาภายในร่างกายอย่างจดจ่อ
อัคคีกุหลาบนั้นราวกับเด็กทารก มันเชื่องมากและรับรู้ได้ทันทีว่าผู้ใดคือเจ้านายของมัน แม้ว่าในตอนแรกมันจะตื่นกลัวไปสักหน่อยแต่สุดท้ายแล้วมันกลับสงบอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามันกำลังยื่นมือออกมาและโอบกอดเขาไว้อย่างอ่อนโยน ซึ่งเปลวไฟของมันกำลังหลอมรวมเข้ากับเนบิวล่าธาตุไฟ
โม่ฝานรู้สึกราวกับว่าเขากำลังเข้าสู่พิธีล้างบาป เปลวไฟต้นกำเนิดของเขากำลังถูกอัคคีกุหลาบแทรกซึมเข้าไปอย่างช้าๆ มันกำลังเปลี่ยนแปลง!
สิ่งแรกที่มีการเปลี่ยนแปลงกับร่างกายของโม่ฝานนั้นก็คือผิวของเขาคล้ำเล็กน้อย ซึ่งสีผิวนั้นต่างจากทองแดงเพียงนิดเดียวเท่านั้น แต่หลังจากอัคคีกุหลาบแทรกซึมเข้าไปในร่างกายเขาจนหมดสิ้นแล้ว มันเริ่มเปลี่ยนสีของตนเองให้เข้ากับโม่ฝานอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมันยังทำให้ผิวของเขาดูเรียบเนียนมากและสว่างมากขึ้นอีกด้วย
โลหิตในร่างกายของเขานั้นเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน มันแดงฉานและดูทรงพลังมากขึ้น
หลังจากที่โลหิตได้เปลี่ยนแปลงไป กระดูกของเขาก็ได้เปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน เดิมทีกระดูกของโม่ฝานนั้นไม่ได้แตกต่างจากคนปกติมากนัก แต่หลังจากที่เขาได้ขัดเกลาอัคคีกุหลาบแล้ว กระดูกของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กกล้า แม้ว่ามันจะไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถมองเห็นได้จากภายนอก แต่ความรู้สึกของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างมาก!
การเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดก็คือเนบิวล่าธาตุไฟของเขาซึ่งอยู่ในโลกวิญญาณ!!!
แต่เดิมนั้นเนบิวล่าของเขานั้นมีเพียงสีแดงจางๆส่องสว่าง ซึ่งมันมีเพียงความสวยงามเท่านั้น แต่เมื่อมันถูกหลอมรวมเข้ากับอัคคีกุหลาบแล้ว เนบิวล่าธาตุไฟนั้นแข็งแกร่งเพิ่มมากขึ้นอีกหนึ่งระดับทันที…
ซึ่งก่อนหน้านี้ภายในเนบิวล่านั้นเต็มไปด้วยเปลวไฟเล็กๆ หลังจากการเปลี่ยนแปลงได้เกิดขึ้นมันเหมือนกับจักรวาลกุหลาบที่กำลังเบ่งบานอย่างน่าเกรงขาม ทั้งหมดลุกเป็นไฟอย่างแจ่มชัดภายในจักรวาลวิญญาณที่น่ากลัว!
หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว นี่คือผลลัพธ์ที่ชัดที่สุดที่เขาสามารถมองเห็นได้!!!
แม้ว่าเขายังไม่ได้ร่ายคาถาใดๆออกไป โม่ฝานก็รู้สึกได้ทันทีอัคคีกุหลาบนั้นแข็งแกร่งมากกว่าเปลวไฟระดับปฐมภูมิอย่างมหันต์!
ถึงมันจะดูราวกับว่าไร้ชีวิตและจิตใจ ไร้พิษสงใดๆในความสวยงามนั้น แต่โม่ฝานก็รับรู้ได้ว่าความโหดร้ายของมันนั้นเปรียบได้กับหนามบนก้านกุหลาบ!
เดิมทีโม่ฝานนั้นใช้บอลเพลิงทมิฬในการจัดการกับอสูรเวท ซึ่งพวกมันจะรู้สึกเจ็บปวดอย่างหนักจากการโจมตีนั้น
แต่ในตอนนี้เปลวไฟของเขานั้นถูกขัดเกลาด้วยอัคคีกุหลาบแล้ว แน่นอนว่าพลังของเขาจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า! ซึ่งก็เป็นที่ชัดเจนว่าบอลเพลิงทมิฬของเขาจะสามารถทำให้ชีวิตของอสูรเวทนั้นอยู่ระหว่างความเป็นและตายได้ หรือบางทีอาจจะสังหารพวกมันให้ตายตกไปได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
อสูรเวทส่วนใหญ่นั้นเคลื่อนที่ได้เร็วมากและพวกมันคงจะไม่ยืนอยู่เฉยๆเพื่อรอให้เปลวไฟทั้งหลายนั้นวิ่งมาหาอย่างแน่นอน แม้ว่านักเวทเหล่านั้นจะมีการขัดเกลาของอัคคีกุหลาบ แต่ทว่าถ้าหากพวกเขาโจมตีไม่โดนอสูรเวท… มันก็เปล่าประโยชน์!!!
อย่างไรก็ตาม …โม่ฝานคือนักเวทธาตุคู่!
ขั้นแรกเขาจะต้องใช้ธาตุสายฟ้าก่อนเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของพวกมัน หลังจากนั้นเขาจึงค่อยใช้เปลวไฟอัคคีต่อ ด้วยการกระทำเช่นนี้เขาจะสามารถสังหารพวกมันได้อย่างแน่นอน!
โม่ฝานนั้นใช้เวลาหนึ่งจุดห้าวินาทีเพื่อร่ายคาถาสายฟ้าและใช้อีกหนึ่งจุดห้าวินาทีเพื่อร่ายบอลเพลิง!
ตราบใดที่เขามีเวลาสามวินาที อสูรเวทดั่งเช่นหมาป่าตาเดียวหรือหนูตายักษ์ พวกมันจะต้องตายตกอย่างน่าสมเพชแน่นอน! พลังมหาศาลนี้โหดเหี้ยมเกินกว่าจะบรรยายออกมาได้!
การใช้พลังเวทของระดับปฐมภูมินั้นไม่ได้มากนัก ตราบใดที่โม่ฝานนั้นไม่ได้ยืนอยู่ท่ามกลางอสูรเวทจำนวนมาก เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ปัญหาเลยแม้แต่น้อย …แต่ถึงอย่างไรถ้าหากเขาถูกล้อมรอบไปด้วยอสูรเวท เขาก็เพียงปลดปล่อยหมัดเพลิงออกมาเพื่อแสดงให้พวกมันเห็นถึงพลังที่บ้าคลั่งของเขาเท่านั้น!