จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 133
บทที่ 133: นักเวทสายฟ้าระดับมัชฌิม!
“ฉันจะยืนตรงนี้และสังหารคนอย่างแก!” โม่ฝานนั้นไม่ได้ก้าวออกจากตำแหน่งเดิม เขายังคงยืนอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยตรงนั้น
“แกจะลองดูก็ได้ไอ้หนู ไม่ว่ายังไงฉันก็รู้สึกสมเพชกับพลังเวทอันน้อยนิดของแกที่เพิ่งจะเข้าสู่ระดับมัชฌิมเหลือเกิน แม้ว่าแกจะพยายามใช้หมัดเพลิงออกมาอีกครั้ง ก็คงไม่อาจจะโจมตีผ่านโล่ห์วารีนี้ได้ ในตอนนี้ผู้หญิงของแกถูกกับดักแมงมุมปีศาจเล่นงานอยู่ ท้ายที่สุดเธอก็จะเหมือนกับทั้งสี่คนที่อยู่ตรงนั้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ ชีวิตของเธอน่ะไม่ว่ายังไงก็ต้องตายอยู่ดี!”
ในตอนนี้โม่ฝานพลันหันสายตาไปหาถังหยู่ ร่างกายของเธอถูกปกคลุมไปด้วยเส้นไหมสีดำอย่างสมบูรณ์ รอยคล้ำที่ปรากฏรอบๆตัวเธอนั้นราวกับว่าพวกมันกำลังแทรกซึมเข้าไปในร่างกายอย่างไม่หยุดยั้ง สถานการณ์ของเธอในตอนนี้นั้นคล้ายคลึงกับบุรุษทั้งสี่จากตระกูลตงฟางไม่มีผิด!
สิ่งเหล่านี้เฉาเหอนั้นเตรียมไว้สำหรับเธอโดยเฉพาะ อีกทั้งพวกเขายังไม่รู้ตัวเลยว่าต้องคำสาปเข้าแล้ว กว่าที่จะเคลื่อนไหวได้ทัน ทุกสิ่งก็ดำเนินการตามแผนของเฉาเหอจนหมดสิ้น
“แกต้องการที่จะเอาชีวิตของอาจารย์คนสวยของฉันเพื่อข่มขู่ฉันงั้นเหรอ? ฉันจะบอกไว้อย่างคือฉันน่ะเป็นคนที่อยากจะมีชีวิตต่อไปและไม่ยอมที่จะเสียสละตนเองอย่างไร้ประโยชน์เช่นนั้นแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าแกจะฆ่าเธอ ฉันก็จะไม่เอาร่างกายไปขวางแน่นอน! แต่อย่างไรก็ตามในเรื่องนี้ฉันจะหยุดคิดที่จะทำลายโล่ห์วารีของแกซะ แต่ว่าแกต้องปลดคำสาปที่ใช้กับเธอ จากนั้นเมล็ดอัคคีเป็นของแก ส่วนศพทั้งสี่นี้เป็นของฉัน ดีไหม?” โม่ฝานตะโกนโต้ตอบจากระยะไกล
เฉาเหอตื่นตระหนกไปชั่วขณะเมื่อได้ยินเช่นนั้น
‘มันกำลังพูดอะไรออกมาน่ะ? คิดว่ามันจะเป็นไปได้จริงๆงั้นเหรอ?’
แต่ความจริงแล้วโล่ห์วารีนี้ไม่อาจจะต้านทานหมัดเพลิงที่รุนแรงได้ตลอดเวลา แม้ว่ามันจะสามารถป้องกันร่างกายไม่ให้ถูกเผาไหม้ แต่ทว่าอวัยวะภายในของเขาจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆอย่างแน่นอน
แต่ทว่าการต้องสูญเสียสาวงามแห่งสมาพันธ์นิติบัญญัตินี้ไปช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามเป้าหมายของเขาในวันนี้ก็คือเมล็ดอัคคีอยู่แล้ว ดังนั้นเฉาเหอจึงคิดที่จะยอมรับข้อตกลงนี้…
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีความคิดที่กล้าเสี่ยงกับเขา สิ่งเหล่านี้ช่างแปลกประหลาดจนเกินไป ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีลูกล่อลูกชนอยู่เช่นกัน แต่เด็กน้อยเช่นนี้สามารถโต้เถียงและกล้าเสนอสิ่งที่บ้าบิ่นกับเขาได้งั้นหรือ?
“แต่แกจะไม่ได้รับชีวิตของตระกูลฟางทั้งสี่คืนไปนะ…” เฉาเหอยิ้มอย่างชั่วร้ายออกมาในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่ถังหยู่ ซึ่งในตอนนี้ใบหน้าของเธอแดงก่ำอย่างน่าหลงใหล
“ถือว่าตกลง เช่นนั้นช่วยรักษากติกาด้วย…”
“อย่าได้รีบร้อนไปเลย ฉันยังเป็นผู้ควบคุมคำสาปเหล่านี้อยู่ แน่นอนว่าฉันจะไม่ปล่อยให้เธอตาย แต่ในตอนนี้ฉันจำเป็นจะต้องปรับแต่งเมล็ดอัคคีนี้ก่อน หลังจากที่ทุกอย่างเสร็จสิ้นฉันจะให้แกพาเธอออกไป” เฉาเหอกล่าวเรียบๆ
“แล้วฉันจะรู้ได้อย่างไรล่ะว่าแกจะไม่ฆ่าเธอหลังจากที่ปรับแต่งเมล็ดอัคคีเสร็จสิ้นแล้ว?” โม่ฝานโต้ออกมาทันควัน
“คำสาปนี้จำเป็นต้องใช้เวลาสักระยะหนึ่งก่อนที่มันจะพรากชีวิตของเหยื่อไป ดังนั้นแกสามารถมายืนข้างเธอได้เลย แต่ถ้าหากว่าแกใช้หมัดเพลิงออกมาอีกครั้งเพื่อทำลายโล่ห์วารีนี้ ฉันรับประกันได้เลยว่าเธอจะตายในทันที ไม่ต้องกังวลไปหรอกเมื่อเราคุยกันเรื่องผลประโยชน์ ฉันซื่อสัตย์เสมอ”
การบีบรัดของพลังคำสาปนั้นจำเป็นจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่ง ในตอนนี้เฉาเหอต้องการเพียงหยิบยกเอาอัคคีกุหลาบและเดินออกไปเท่านั้น ด้วยวิธีนี้เขาสามารถหลีกเลี่ยงเด็กที่พยายามจะช่วยเหลืออาจารย์สาวของเขาด้วยชีวิตตนเอง ไม่ว่าอะไรก็อาจเกิดขึ้นได้ เขาควรจะรักษาชีวิตตนเอาไว้ก่อน
ยิ่งไปกว่านั้นเขาอาจจะต้องเสียเวลามากขึ้นอีกถ้าหากว่ามีกลุ่มอื่นมาที่นี่ ถ้าหากเรื่องนั้นเกิดขึ้น แน่นอนว่าตัวของเขาเองจะเป็นผู้ที่ลำบากหรือถ้าหากว่ามีนักเวทสายฟ้าหรือว่าธาตุวิญญาณเข้ามา กับดักของเขาจะไร้ประโยชน์ทันทีเมื่ออยู่ต่อหน้าบุคคลเหล่านั้น
“บุคคลที่สามารถสังหารผู้อื่นได้ง่ายๆนั้นเรียกว่าซื่อสัตย์งั้นเหรอ? ถ้าฉันเชื่อล่ะก็ฉันจะต้องกลายเป็นนักเวทที่โง่เง่าที่สุดในวงการเวทมนตร์นี้แน่นอน”
โม่ฝานนั้นต้องการที่จะแน่ใจว่าถังหยู่ยังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งเขาต้องการแน่ใจว่าเฉาเหอนั้นไม่มีไพ่ตายอื่นใดนอกจากโล่ห์วารีอันนี้!
“แกจะพูดอะไร?”
“ไม่มีอะไร… มันก็แค่… ใครบอกแกงั้นเหรอว่าฉันน่ะเป็นนักเวทธาตุไฟ?” ฉับพลันเขาตะโกนออกมาจากในป่าทึบทันที เสียงของโม่ฝานทรงพลังและทำให้เขาดูเท่ห์มาก
ขณะเดียวกันนั้นเส้นทางดวงดาวสีม่วงพลันปรากฏขึ้นที่ใต้เท้าของโม่ฝาน มันกระหายที่จะทำลายข้อจำกัดทั้งหมดก่อนหน้านี้ พลังปรารถนาจะเป็นอิสระพวยพุ่งออกมาอยู่บนฝ่ามือของเขาอย่างบ้าคลั่ง!
แม้ว่าความเร็วในการใช้ธาตุสายฟ้าของคัมภีร์เส้นทางดวงดาวจะไม่ได้เร็วมากนัก แต่โม่ฝานก็มีเวลาเพียงพอที่จะร่ายมันในเมื่อก่อนหน้านี้เขาใช้เวลาในการผูกมิตรกับเฉาเหอ…
เฉาเหอนั้นใช้จิตวิญญาณของเขาตรวจสอบโม่ฝานและพบว่าเขาเป็นเพียงนักเวทระดับมัชฌิมที่เพิ่งจะทะลวงผ่านมาได้เท่านั้น นอกจากนี้เขายังรู้อีกว่าโม่ฝานนั้นยังไม่ได้ผ่านการปลุกพลังเวทครั้งที่สองเลยด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือโม่ฝานสามารถปลุกพลังเวทขึ้นมาสองธาตุในครั้งเดียว!
เสียงฟ้าร้องดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วบริเวณ ท้องฟ้ามืดครึ้มลงทันที ใบหน้าของเฉาเหอบิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
โล่ห์วารีนั้นมีความสามารถเพียงพอที่จะจัดการกับธาตุไฟ อย่างไรก็ตามเมื่อต้องเผชิญหน้ากับธาตุสายฟ้า มันเป็นเพียงขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวนำกระแสไฟฟ้าอีกด้วย!
เวลาของเฉาเหอหมดลงทันทีเมื่อสายฟ้าปรากฏขึ้น นอกจากนี้เขายังไม่มีเวลามากพอที่จะสั่งการให้คำสาปพรากชีวิตของถังหยู่อีกด้วย… เวลาของเขามีไม่พอ!
ถ้าหากว่าเป็นธาตุอื่น เฉาเหอสามารถต่อกรกับพวกเขาได้ อย่างไรก็ตามธาตุสายฟ้าเป็นสิ่งที่น่ากลัวเกินไป ธาตุของเขากับโม่ฝานนั้นเป็นปฏิปักษ์กันอย่างสิ้นเชิง โล่ห์วารีสุดล้ำค่าของเขาสามารถต้านทานได้เพียงธาตุไฟเท่านั้น แต่ในตอนนี้มันกลับไร้ประโยชน์โดยสมบูรณ์ อีกทั้งร่างกายของเขายังได้รับบาดเจ็บหนัก! นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน? เขาจะสามารถรู้ได้อย่างไรว่าจะต้องพบเจอกับนักเวทธาตุคู่?!
ซึ่งธาตุสายฟ้านั้นเป็นธาตุที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับปฐมภูมิ!!!
แน่นอนว่าเวทมนตร์ระดับปฐมภูมินั้นเป็นส่วนที่สำคัญอย่างยิ่ง เมื่อวันหนึ่งนักเวทผู้นั้นเดินทางมาถึงระดับมัชฌิมแล้ว ความแข็งแกร่งของเวทมนตร์จะทรงพลังเพิ่มทวีคูณ!
ถ้าหากว่าชุดเกราะของเขายังไม่แตกสลายไป แน่นอนว่าเขาไม่มีทางที่จะแสดงความหวาดกลัวให้โม่ฝานเห็น ในตอนนี้เขารู้สึกว่าวินาทีสุดท้ายของชีวิตได้มาถึงแล้ว!
“อสนีบาตมรุธา!”
ในขณะที่โม่ฝานคำรามออกมา มือของเขาชี้ขึ้นไปบนท้องฟ้าในฉับพลัน!
ทันใดสายฟ้าสีม่วงที่เกรี้ยวกราดและทรงพลังฟาดลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว มันแบกแยกดินตรงหน้าออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย เป้าหมายของมันคือเฉาเห่อที่ยืนอยู่ตรงนั้นแน่นอน!
ความรวดเร็วและทรงพลังของมันนั้นยากเหลือเกินที่จะต้านทานได้ไหว ราวกับมังกรที่พร้อมจะสังหารเหยื่อตรงหน้า
เมื่อมันปะทะกับพื้นดิน บริเวณโดยรอบของเฉาเหอพังทลายแตกหักอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
เฉาเหอที่โดนล้อมรอบไปด้วยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์รู้สึกได้ว่าร่างกายกำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง!
ตู๊ม!!!!! เกิดเสียงดังคำรามออกมาสนั่นหวั่นไหว
ร่างกายของเฉาเหอแตกสลาย เขาถูกสายฟ้าพิฆาตเมื่อครู่ฉีกออกเป็นชิ้นๆ เลือดของเขาสาดกระเซ็นไปทั่วและหยดลงพื้นดินราวกับห่าฝน
ความเร็วของสายฟ้านั้นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะประมาทได้เลย ในเวลานี้ร่างกายของเฉาเหอสูญสลายไปแล้ว เหลือเพียงชิ้นเนื้อเล็กๆแดงสดกองเกลื่อนกลาดอยู่ทั่วพื้นดิน เหมือนกับว่าหยดเลือดจำนวนมากเหล่านี้นั้นยังคงแดงสดและไม่มีร่องรองการถูกโจมตีแต่อย่างใด
ซึ่งในเวทมนตร์ระดับมัชฌิมนั้น ทั้งธาตุลม ธาตุไฟ พวกมันเหล่านี้ล้วนแต่มีออร่าในพลังของตนเอง แต่ทว่าธาตุสายฟ้านั้นแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง มันไม่มีสัญญาณการโจมตีใดๆเลย… กว่าที่คนผู้นั้นจะรู้ตัว… ก็อาจจะเอาชีวิตไม่รอดแล้ว…
เพียงแค่ดีดนิ้วเท่านั้น สายฟ้าก็ผ่าลงมาในทันที!
มันทั้งเรียบง่ายและโหดเหี้ยม!
โล่ห์วารีที่ล้ำค่านั้นกลายเป็นขยะเปียกที่ไร้ประโยชน์!
ความตายนั้นมาเยือนเฉาเหอเร็วเกินไป เขาไม่มีเวลามากพอให้หวาดกลัวเสียด้วยซ้ำ ท้ายที่สุดร่างกายของเขากลายเป็นเศษเนื้อเล็กๆร่วงหล่นลงมาจากฟ้า วิญญาณถูกกระชากออกจากร่างกายโดยที่เขาไม่ได้ยินยอมแม้แต่น้อย จากนี้ไม่มีโอกาสที่เขาจะได้ลิ้มลองรสชาติของหญิงสาวอวบอึ๋มตรงหน้าอีกแล้ว อีกทั้งยังไม่มีโอกาสที่จะปรับแต่งพลังธาตุไฟของตนเองให้ไปสู่ระดับวิญญาณได้เลย เขาไม่สามารถที่จะล้างแค้นเด็กน้อยผู้นี้… และไม่มีแม้แต่เวลามากพอที่จะสาปแช่งเขาด้วยซ้ำ!