จอมเวทอหังการ - ตอนที่ 128
บทที่ 128: การต่อสู้ระดับมัชฌิม!
เห็นได้ชัดเจนว่าชายชุดสูทนั้นอยู่ในระดับมัชฌิมมาสักระยะแล้ว เขามีความคล่องแคล่วในการควบคุมดวงดาวทั้งหมดอย่างชำนาญ ซึ่งฝีมือของเขาเหนือชั้นกว่าโม่ฝานอย่างมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเขาสามารถจัดการดวงดาวทั้งสี่สิบเก้าดวงได้ด้วยตนเอง…
หลังจากที่ทั้งสามคนได้แยกย้ายกันออกไปจากเส้นทางหมัดเพลิง เปลวไฟแห่งสวรรค์ได้ถาโถมเข้าท่วมภูเขาลูกเล็กแห่งนี้ในทันที ดูเหมือนว่าเนินเขานี้จะไม่สามารถต้านทานเปลวไฟที่รุนแรงนี้ได้เลย เสียงคำรามกึกก้องมาพร้อมกับการเขย่าภูเขาลูกนี้อย่างบ้าคลั่ง!
ความร้อนพุ่งสูงขึ้นอย่างฉับพลัน ต้นไม้ทั้งหมดล้วนหักงอร่วงหล่นออกจากรากโดยสมบูรณ์
ในขณะที่หมัดเพลิงกำลังอาละวาดไปทั่วทุกบริเวณ กลุ่มของสมาคมนักฆ่าได้แตกกระเจิงออกไปอย่างไม่คาดคิด พวกเขาวิ่งออกไปคนละทางอย่างรวดเร็วเหลือไว้เพียงชายหนุ่มผู้สวมใส่ชุดคาวบอยไว้เท่านั้น เขาไม่ได้มีท่าทีที่จะวิ่งหนีไปแต่อย่างใด อีกทั้งยังเผยสายตาแห่งความเหยียดหยันออกมาอย่างหยิ่งยโส!
“กำแพงปฐพี แนวกั้นหิน!” ชายชุดคาวบอยตะโกนออกมา มือทั้งสองของเขาดันออกมาอย่างดุดัน
ภายใต้การโจมตีที่รุนแรงของเปลวไฟ ปรากฏกำแพงหินขนาดใหญ่ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มันทั้งใหญ่และเต็มไปด้วยพลังป้องกันที่แข็งแกร่ง!
กำแพงหินขรุขระดูเหมือนว่าสามารถปกป้องทุกสรรพสิ่งได้อย่างง่ายดาย ความหนาของมันแสดงให้เห็นถึงความองอาจที่ไม่มีผู้ใดสามารถผ่านพ้นไปได้
หมัดเพลิงระเบิดขึ้นบนยอดเขาอย่างรุนแรง มันเหลือทิ้งไว้เพียงร่องรอยการเผาไหม้ที่เหี้ยมโหด คลื่นของเปลวไฟแม้ว่าจะไม่สามารถผ่านทะลุกำแพงหินเมื่อครู่ไปได้ แต่มันก็ยังไหลไปรอบๆบริเวณอย่างดุดัน
โม่ฝานขากรรไกรค้างทันทีเมื่อได้เห็นฉากนี้
ในทันทีที่โม่ฝานได้เห็นถึงพลังที่รุนแรงของหมัดเพลิง เขาตระหนักได้ทันทีว่าส่วนที่แข็งแกร่งที่สุดของมันคือตรงแกนกลาง ความรุนแรงนั้นสามารถเผาอาคารให้กลายเป็นเถ้าถ่านได้ในพริบตา การโจมตีเช่นนี้สามารถเผาบังกะโลหนึ่งหลังได้เพียงดีดนิ้ว! อย่างไรก็ตามเมื่อความสามารถอันน่าทึ่งของหมัดเพลิงปรากฏออกมา มันถูกปิดกั้นส่วนที่รุนแรงที่สุดไว้โดยกำแพงหิน ชายสวมชุดคาวบอยยืนอยู่ด้านหลังกำแพงพร้อมกับพวกพ้องของเขาล้วนแต่ปลอดภัยเมื่อยืนอยู่ตรงนั้น!
“กำแพงปฐพี แนวกั้นหินระดับมัชฌิม! มันคือคาถาของธาตุดินที่แข็งแกร่งที่สุดของนักเวทระดับกลาง” ถังหยู่นั้นเหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์ของโม่ฝานอย่างยิ่ง เมื่อเธอได้ฉากเช่นนี้เธอรีบอธิบายให้โม่ฝานฟังเพื่อคลายความสงสัยในทันที เพราะโม่ฝานนั้นยังไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของระดับมัชฌิมมากนัก
“น่าประทับใจจริงๆ!” โม่ฝานอุทานออกมา
สำหรับนักเวทระดับปฐมภูมินั้นทุกคนจะสามารถร่ายคาถาได้เพียงคาถาเดียวเท่านั้น ซึ่งแบ่งเป็นระดับแยกออกไปสามระดับ ซึ่งในการต่อสู้พวกเขาจะผลัดกันโจมตี แต่ในระดับมัชฌิมนั้นสามารถร่ายคาถาได้สี่คาถา ซึ่งการต่อสู้ของพวกเขาจะเต็มไปด้วยกลยุทธและอุบายของศัตรู การต่อสู้นั้นเต็มไปด้วยการป้องกันและโจมตีตลอดเวลา!
แม้ว่ากลุ่มสมาคมนักฆ่านั้นจะไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมาก แต่ทว่าทีมของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยประสิทธิภาพเช่นกัน
หลังจากที่ชายชุดคาวบอยได้แสดงพลังของเขาเสร็จสิ้นแล้ว ชายใบหน้าแผลเป็นก็ร่ายเวทธาตุลมระดับมัชฌิมเสร็จแล้วเช่นกัน!
“เส้นทางวายุ พายุหมุน!”
ทันใดนั้นเกิดการสั่นสะเทือนของอ่างเก็บน้ำ พร้อมกระแสลมเริ่มแปรปรวนอย่างรุนแรง
หวิ้วววว ฟิ่ววววววว~
ฉับพลันปรากฏพายุขนาดใหญ่ขึ้น อากาศที่แห้งแล้งนั้นถูกลมกรรโชกแรงพัดพาหอบเอาความร้อนเข้าไปในกระแสลมที่เกรี้ยวกราด ผู้คนที่อยู่รอบข้างล้วนแต่ถูกกระแสลมรุนแรงปะทะเข้ากับร่างกาย รัศมีหนึ่งร้อยเมตรโดยรอบถูกพายุหมุนขนาดใหญ่!
พายุหมุนขนาดใหญ่ก่อตัวขึ้นบนท้องฟ้าราวกับพยัคฆ์คำราม แม้แต่ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่อาจต้านทานพลังของมันเอาไว้ได้ ทั้งหมดถูกถอนรากโคนและดึงเข้าไปใจกลางพายุอย่างไม่อาจดื้อรั้น!
ขณะที่ลมแรงได้กระทบเข้ากับใบหน้าของโม่ฝาน เขารู้สึกเจ็บแปล๊บที่ใบหน้าอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ดวงตาของเขาหรี่ลงอย่างไม่สู้แรงลมและเริ่มมองไม่เห็นสภาพแวดล้อมด้านหน้า สิ่งที่เขาเห็นเลือนลางนั้นราวกับมังกรยักษ์ที่แสนเกรี้ยวกราดกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่งและพังทลายสิ่งรอบข้างอย่างดุดัน
โม่ฝานนั้นเคยเห็นนักเวทธาตุลมระดับมัชฌิมมาแล้ว ในตอนนี้เขาได้เห็นมันอีกครั้งหัวใจของเขาก็ยังคงตื่นเต้นกับมันอยู่เช่นเดิม หากเทียบกับคาถาธาตุลมระดับปฐมภูมิแล้ว คาถาธาตุลมระดับมัชฌิมนั้นเปรียบเสมือนกับซอรัสที่ดุร้าย พลังของมันน่าหวาดกลัวจนหัวใจสั่นไหว!
หลังจากที่พายุใหญ่สงบลงแล้ว พื้นที่บริเวณอ่างเก็บน้ำได้เปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์ ทุกสิ่งล้วนแตกหัก เหล่าต้นไม้หายวับไปในพริบตา ก้อนหินมากมายกระจัดกระจายอยู่ในทุกพื้นที่
ซึ่งใจกลางของพลังลมรุนแรงนั้นเป้าหมายของมันคือนักเวททั้งสี่จากตระกูลตงฟางอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าพวกเขาจะใช้อุปกรณ์ป้องกันเพื่อปกป้องตนเองเอาไว้เพื่อไม่ให้ถูกพายุดูดขึ้นไปด้านบน ไม่เช่นนั้นร่างกายของพวกเขาก็คงแตกออกเป็นเสี่ยงๆเนื่องจากต้องตกจากที่สูงอย่างฉับพลัน!
แม้ว่าทั้งสี่คนจะป้องกันตนเองเอาไว้ได้ แต่ใบหน้าของพวกเขาแสดงความเหนื่อยอ่อนออกมาอย่างเห็นได้ชัด ชายสวมสูทเผยใบหน้าที่โกรธจัดออกมาผ่านทางสายตาของตนทันทีหลังจากพายุได้หายไป
ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายกำลังตกอยู่ในอารมณ์เดือดดาล อีกทั้งสองฝ่ายยังปลดปล่อยเวทมนตร์ระดับมัชฌิมใส่กันอย่างไม่หยุดยั้งอีกแล้ว โม่ฝานและถังหยู่นั้นจำเป็นจะต้องถอยร่นไปอีกห้าเมตรอย่างช่วยไม่ได้ ทั้งสองไม่ต้องการพบกับลูกหลงใดๆทั้งสิ้น
การต่อสู้นั้นดำเนินการมานานกว่าสิบนาที อีกทั้งอุปกรณ์เวทป้องกันถูกหยิบยกออกมาใช้ ท้ายที่สุดชายสวมสูทได้หยิบเอาอุปกรณ์เวทสังหารออกมาเพื่อจัดการกับกำแพงปฐพี แนวกั้นหินอย่างฉับพลัน กลุ่มสมาคมนักฆ่าทั้งหมดรีบล่าถอยออกห่างด้วยความตื่นตระหนก
เมื่อการป้องกันสูงสุดของพวกเขาถูกทำลายไปแล้ว กลุ่มสมาคมนักฆ่านั้นถูกล้อมไว้จากนักเวทระดับมัชฌิมทั้งสี่โดยสมบูรณ์
“วันนี้ฉันจะให้เห็นแก่ใบหน้าของสมาคมนักฆ่า ถ้าหากพวกแกไม่ยอมออกไปจากพื้นที่ในตอนนี้ อย่างนั้นฉันจะจัดฌาปนกิจให้อย่างสมเกียรติ! แม้แต่กำลังเสริมที่จะตามมาในภายหลังก็ไม่สามารถค้นพบร่องรอยของพวกแกได้!” ชายสวมสูทตะโกนออกมาพร้อมกับลูกบอลสีทองปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขาอย่างน่าเกรงขาม!
ปันเซียงและสหายทั้งหมดล้วนตกอยู่ในสภาวะลังเล แต่พวกเขาก็ไม่มีความสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ต่อไปได้
มันไม่ใช่ว่าตระกูลตงฟางนั้นแข็งแกร่งเกินไป แต่ทว่าพวกเขานั้นเต็มไปด้วยอุปกรณ์เวทมนตร์ แม้ว่าทั้งหมดจะใช้พลังโจมตีอย่างสุดกำลังแต่ก็ไม่อาจเอาชนะอุปกรณ์เวทที่มากมายเช่นนั้นได้เลย!
ในเวลานี้ความแตกต่างระหว่างนักเวทตระกูลผู้มีอิทธิพลกับนักเวทระดับรากหญ้านั้นชัดเจนขึ้นทันที ช่องว่างของพวกเขาถูกขวางกั้นเอาไว้ด้วยเม็ดเงิน!
“พวกเราจะไป!” ปันเซียงกัดฟันกล่าวออกมาอย่างโกรธจัด พร้อมกับแบกสหายร่วมทีมที่หมดสติไปแล้วขึ้นมาบนหลัง
สิ่งที่พวกเขาควรจะยินดีในเหตุการณ์ครั้งนี้คือไม่มีผู้ใดตายตกไป ความจริงก็คือตระกูลตงฟางสามารถสังหารพวกเขาทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่าพวกเขาไม่เลือกที่จะทำเช่นนั้นเพราะมันอาจจะเกิดปัญหาตามมาจากสมาพันธ์นิติบัญญัติในภายหลัง
นักเวททั่วโลกนั้นต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงสมบัตินั้นเป็นเรื่องธรรมดาที่สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ นักเวทที่ได้มาในแผ่นดินใหญ่เช่นนี้บางคนนั้นมือเปื้อนเลือดของสหายร่วมตายมาแล้วนับไม่ถ้วน ซึ่งกลุ่มของสมาคมนักฆ่าพวกนี้นั้นเห็นว่าชีวิตของพวกพ้องนั้นสำคัญยิ่งกว่าจิตวิญญาณแห่งไฟ!
ทั้งกลุ่มได้ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้สำรวจพื้นที่แห่งนี้เลย ทั้งหมดดูเหมือนว่าจะใช้พลังเวทจนหมดสิ้นแล้ว
ตระกูลตงฟางทั้งสี่ถอนหายใจยาวออกมาทันทีเมื่อเห็นว่ากลุ่มสมาคมนักฆ่าได้ล่าถอยออกไปแล้ว
“บัดซบ ถ้าพวกมันยังกล้าที่จะดื้อด้านต่อไป ฉันคิดว่าพวกเราก็จะย่ำแย่ด้วยเช่นกัน พลังเนบิวล่าของฉันถึงจุดที่เหนื่อยล้าเต็มที” ชายรูปหล่ออีกคนกล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิด
“ใช่ ต้องขอบคุณพี่ใหญ่ที่พูดออกไปเช่นนั้น เพื่อให้พวกมันล่าถอยไปเอง”
ใบหน้าของชายสวมสูทไม่ได้ผ่อนคลายลงมากนัก กลุ่มสมาคมนักฆ่าล้วนแต่เชี่ยวชาญในการต่อสู้กับอสูรเวท ซึ่งพลังของพวกเขานั้นมากกว่านักเวทระดับมัชฌิมที่อยู่แต่ในเมืองอย่างพวกเขา แต่สิ่งที่เป็นความโชคดีในภารกิจครั้งนี้ก็คือตระกูลได้คัดเลือกเอานักเวทระดับสูงของตระกูลเพื่อออกมาทำภารกิจนี้ ไม่เช่นนั้นคนจากตระกูลพวกเขาอาจจะต้องตายตกอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน นักเวทที่อยู่ในกลุ่มสมาคมนักฆ่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ใครจะสามารถเข้าไปยั่วยุได้!