จอมศาสตราพลิกดารา - บทที่ 473 กลัวแล้วหรือ
ในคําว่า ‘ผู้แข็งแกร่งทั้งหมด’ รวมไปถึงจินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวและห ลี่มู่หรือไม่
คนมากมายเข้าใจว่ารวมอยู่ในนั้นด้วย
ก่อนหน้านี้ พลังวิญญาณฟ้าดินที่ขึ้นๆ ลงๆ ยังไม่มีการฟื้ นฟู กลับมา หลี่มู่ได้สร้างชื่ออิทธิพลที่ไม่มีใครเหนือกว่า พลังของคนๆ เดียว ควบคุมแผ่นดินใหญ่เสินโจวมานับปี ไม่มีใครกล้าที่จะท้าทาย
ทว่ามันก็ได้เป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
ปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมได้เปลี่ยนไป ความมหัศจรรย์ของหลี่มู่ก็ เหมือนกับเดินมาถึงทางตันแล้วหรือ?
นอกเหนือจากนี้ จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวได้รับบาดเจ็บจากการฝ่า ทัณฑ์สวรรค์ กําลังปรับเสถียรภาพขั้นบําเพ็ญ การแสดงออกของเขา เมื่อเทียบกับอัจฉริยะตระกูลหนานกงอย่างหนานกงอวี่คนนั้นแล้ว ยังคงห่างชั้นกันอยู่ ดังนั้นจึงดูเหมือนยังไม่ใช่คู่มือของหนานกงอวี่
หนานกงอวี่เหมือนจะเข้ามาเป็นอันดับหนึ่งแห่งฟ้าดินแทนที่หลี่มู่ อยู่รางๆ
เรื่องที่ผู้แข็งแกร่งทั้งสองเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ก่อนและหลัง ถือ เป็นเรื่องใหญ่อย่างมาก สําหรับแผ่นดินใหญ่เสินโจวแล้ว ก็เหมือนกับ การโยนหินลงไปสองก้อนบนผิวทะเลสาบที่เงียบสงบ กระเซ็นคลื่น ขนาดใหญ่ ผิวน�าเปลี่ยนเป็นไม่ราบเรียบอีกต่อไป แต่ละฝ่ายใน แผ่นดินใหญ่ล้วนเคลื่อนไหวกันราวคลื่นใต้น�า
เมื่อเทียบเผ่าปีศาจที่ทําตัวเงียบๆ ไม่ก่อเรื่องมาโดยตลอด หลังจากที่ตระกูลหนานกงมีชื่อเสียงขึ้นเพราะหนานกงอวี่ ขั้วอํานาจจึง ได้เริ่มเติบโตขึ้นอย่างที่ไม่ต้องพะวงกับเรื่องใดๆ
เพียงเวลาไม่ถึงเดือน ตระกูลหนานกงจากท่าทีหลบซ่อนอยู่ใต้ พิภพในวันวาน กลับเดินขึ้นมาอยู่แถวหน้าอย่างรวดเร็ว ยึดเอาสํานักวิถี ยุทธ์มากมายในเขตแดนซ่งเหนือมาเป็นของตน ทําลายพันธนาการข้อ ห้ามมิให้แต่ละสํานักเข้าห�าหั่นกันเองที่หลี่มู่วางไว้ระหว่างสํานักวิถียุทธ์ ใหญ่ด้วยกัน
ตระกูลหนานกงก่อการเผด็จการขึ้นฉับพลัน
คนมากมายนําเอาพฤติกรรมเช่นนี้ มองเป็นว่าตระกูลหนานกง กําลังท้าทายหลี่มู่อยู่
ถึงอย่างไรหลี่มู่ในวันวานก็ได้สะสมอํานาจเอาไว้มหาศาล ต่อให้ ตระกูลหนานกงจะมีตัวตนของผู้ที่ทะลวงสวรรค์ได้คนหนึ่ง ก็ยังไม่กล้า
ที่จะเข้าชนกับหลี่มู่ตรงๆ ภายใต้สิ่งแวดล้อมที่พลังวิญญาณกลับมามี ชีวิตชีวาอีกครั้ง หลี่มู่อาจจะทําการทะลวงสวรรค์ก็เป็นได้ ไม่มีทางที่ พลังของคนอื่นยกระดับขึ้นหมด แต่ตัวหลี่มู่เองยังคงหลับลึกอยู่ที่เดิม แน่นอน
หนึ่งเดือนผ่านไป ภายใต้การจับตามองของทุกฝ่าย เมืองขาวพิ สุทธ์ก็ไม่ได้มีการ ‘ล�าเส้น’ ตอบโต้ใดๆ กลับไปทางตระกูลหนานกง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลี่มู่เองยังคงขังตัวอยู่ในเรือนดาบ ไม่เคย ปรากฏตัวออกมาเลย
ตอนนี้เอง ข่าวคราวได้เริ่มโบกสะพัดขึ้นมา
“หลี่มู่กลัวเสียแล้ว”
“ยุคสมัยของหลี่มู่มันจบลงไปแล้ว”
“เมืองขาวพิสุทธ์ยกธงยอมศิโรราบต่อตระกูลหนานกงไปแล้ว”
“หลี่มู่ยังไม่ทะลวงสวรรค์ เขาในวันวานมีกําลังและกล้าหาญมาก เกินไป แต่พื้นฐานยังไม่มั่นคง หลายครั้งที่สู้ศึกหนักก็ล้วนบาดเจ็บสาหัส จนกลายเป็นโรคตกค้างอยู่ในตัว ไม่เพียงแต่ไม่สามารถพัฒนาพลังได้ แต่ยังตกต�าลงเสียด้วยซ�าไป”
ข่าวลือต่างๆ มากมาย มีทั้งที่เจตนาดีและเจตนาไม่ดี ได้เริ่ม แพร่กระจายออกไปยังขั้วอํานาจใหญ่ต่างๆ
ทัศนคติของแต่ละฝ่ายแตกต่างไม่เหมือนกัน แต่จุดหนึ่งที่สามารถ ยืนยันได้แน่นอนก็คือ…
หลี่มู่ยังไม่ได้ทะลวงสวรรค์
การทะลวงความว่างเปล่าของดาวดวงนี้ ถือเป็นเหตุการณ์ทวน สวรรค์ จะถูกปณิธานของวิถีสวรรค์ลงโทษเอา ดังนั้นจะต้องก่อให้เกิด ทัณฑ์แห่งสวรรค์แน่นอน นับตั้งแต่โบราณมา ผู้แข็งแกร่งทุกคนที่ ทะลวงสวรรค์ล้วนต้องต้านทานต่อทัณฑ์สวรรค์ทั้งสิ้น ต้องเผชิญหน้า กับพิธีล้างบาปจึงจะสามารถแปรเปลี่ยนสถาพอย่างสมบูรณ์
และถ้าหากไม่สามารถต้านทานทัณฑ์สวรรค์เอาไว้ได้ ก็จะถูก ปณิธานวิถีสวรรค์สังหารเอา
นี่เป็นกฎเหล็ก นับแต่โบราณกาล ไม่มีคนไหนหลีกเลี่ยงพ้น
บนฟากฟ้าของเมืองขาวพิสุทธิ์ ไม่เคยเกิดเมฆสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ ดังนั้นสามารถยืนยันได้ว่าหลี่มู่ยังไม่ได้ฝ่าทัณฑ์สวรรค์ ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้น ทะลวงสวรรค์
ถึงแม้ยุทธการศึกน้อยใหญ่ของหลี่มู่ในวันวาน ล้วนจะเป็นการใช้ อ่อนแอเอาชนะความแข็งแกร่ง ข้ามขั้นสังหารคู่ต่อสู้ ทําเอาคนที่ได้ยิน หวาดหวั่นจนขาดความมั่นใจ และนี่ก็คือตัวตนพลังน่าเกรงขามของห ลี่มู่
ทว่าขั้นทะลวงสวรรค์ถือเป็นคูน�าลึกสายหนึ่ง
ตั้งแต่โบราณก็ยังไม่เคยได้ยินว่า มีจอมยุทธ์ที่อยู่ขั้นต�ากว่าทะลวง สวรรค์สามารถเอาชนะขั้นทะลวงสวรรค์ได้ ต่อให้เป็นมหาเทวะ ก็ยังไม่ มีทางทําได้
เพราะว่านี่ไม่ใช่ความแตกต่างอย่างง่ายๆ ในด้านพละกําลัง พลัง บําเพ็ญและวิชากระบวนท่า แต่เป็นความแตกต่างในระดับมรรคาอัน ยิ่งใหญ่
นี่ก็คือความมั่นใจที่ตระกูลหนานกงมีอยู่
เดือนหนึ่งวันที่สิบห้า คืนจันทร์เพ็ญคู่
ได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกเรื่องหนึ่ง
หนานกงอวี่ถือดาบเข้าไปคนเดียวในขุนเขาสิบหมื่น ท้าทายจิน ชื่อต้าเผิงเหนี่ยว ใช้ผู้แข็งแกร่งเผ่ามารที่พึ่งเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์คนนี้ มาลับดาบกระบี่ของตน เพื่อเตรียมตัวสําหรับการท้าทายหลี่มู่
ดูจากมุมมองนี้ อัจฉริยะแห่งตระกูลหนานกงคนนี้ ให้ความสําคัญ กับหลี่มู่เป็นอย่างมาก
คืนนี้เอง ได้เกิดทั้งลมและสายฟ้าขึ้นในขุนเขาสิบหมื่น
ในภูเขา พลังวิถีสวรรค์ไหลเวียน คลื่นพลังราวกับคลื่นยักษ์ซัดโหม แผ่รังสีออกไปยังภูเขาด้านนอก แสงกระบี่เป็นสายๆ ราวกับการ ไหลเวียนของกระบี่สวรรค์ สอดประสานกันอยู่บนความว่างเปล่า พุ่ง ตรงออกไปยังหมู่ดาวน่ากลัวถึงที่สุด
คลื่นพลังการต่อสู้ไหลล้นออกมา
ยอดเขาหลายลูกพังทลายลง สิ่งมีชีวิตส่วนใหญ่ในเขาล้วนหนีตาย
ผู้แข็งแกร่งจากฝ่ายต่างๆ ที่อยากจะเข้าไปชมการต่อสู้ ล้วนไม่กล้า ที่จะเข้าไปในขุนเขา ทําได้เพียงจ้องมองจากที่ห่างไกล ได้รับสิ่งต่างๆ ไม่เหมือนกัน
ฟ้าสว่าง อาทิตย์สองดวงค่อยๆขึ้นสู้ท้องฟ้า
หนางกงอวี่ถึงแม้เสื้อผ้าจะขาดไปบ้าง ทว่าหน้าตายังคงดุดันน่า เกรงขาม พลังที่ปลดปล่อยออกมาบีบคั้นผู้คน เดินออกมากวาดตามอง ไปยังผู้ชมรอบด้าน หัวเราะร่าขึ้นหนึ่งครั้ง ร่างกลายเป็นลําแสงพุ่ง ออกไป
ท้ายสุด ข่าวที่ถูกแพร่ออกมา สงครามของผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวง สวรรค์ทั้งสอง ผลคือหนานกงอวี่ชนะ ส่วนจินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวเป็นฝ่าย พ่ายแพ้
สั่นสะเทือนทั่วแผ่นดิน
ตระกูลหนานกงได้ขึ้นแท่นตระกูลอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าในพริบตา
สามจักรวรรดิใหญ่ เก้าสํานักเทพได้กลายเป็นเรื่องที่ผ่านไป ถูกลม ฝนเซาะไปตามกาลเวลา
บนแผ่นดินใหญ่เสินโจวปัจจุบันนี้มีเพียงแค่เมืองขาวพิสุทธิ์เท่านั้น ที่ยังคงสามารถยืนอยู่ร่วมกันกับตระกูลหนานกงได้
แต่ว่าการยืนอยู่ร่วมกันเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าคงไม่สามารถรักษาไว้ได้ นานนักแล้ว
ถ้าหากหลี่มู่ยังไม่ยอมเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ เช่นนั้นในยุคสมัยที่ พลังวิญญาณสดชื่นเต็มอิ่มเช่นนี้ การถูกคัดออกจึงเป็นผลลัพธ์ที่ถูก ตัดสินไว้แล้ว บทกวีไร้ซึ่งอันดับหนึ่ง วิถียุทธ์ไซร้ไร้ซึ่งอันดับสอง โลก แห่งวิถียุทธ์ก็โหดร้ายเช่นนี้เอง
ส่วนตระกูลหนานกงก็เคลื่อนไหวเล็กๆ อย่างไม่หยุด
เช่นจัดงานประลองยุทธ์ขึ้นที่ซ่งเหนือ เพื่อเฟ้นหาผู้นําและ ประกาศต่อใต้หล้า และเช่นการไปปะทะกับสํานักขุนคีรี เช่นการที่ศิษย์ แห่งตระกูลหนานกงไปชักดาบสังหารคนที่สิบเมืองเก้าพื้นที่ของต้า เยวี่ย
นี่ถูกเข้าใจว่าเป็นการยั่วยุท้าทายหลี่มู่อย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ทว่าในเมืองขาวพิสุทธิ์ ข่าวที่ส่งออกมาก็คือหลี่มู่ยังคงปิดด่าน ไม่ออกจากเขา และไม่รู้ว่าเป็นการปิดด่านจริงๆ หรือว่ากําลังหลบซ่อน อะไรอยู่กันแน่
แต่ท่าทีเช่นนี้ ทําให้แต่ละฝ่ายเข้าใจว่าหลี่มู่กําลังกลัวอย่างไม่ต้อง สงสัย เมื่อรู้ว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อกร จึงได้หดหัวเป็นเต่าอยู่แต่ในเมืองขาว พิสุทธิ์
“ข้าผู้นําแห่งตระกูลหนานกง ต้องการรับท่านหญิงหวนจูสาวงาม อันดับหนึ่งแห่งซ่งเหนือไปเป็นภรรยา”
ข่าวคราวระเบิดลงอีกรอบ ถูกส่งออกมาจากตระกูลหนานกง
ผู้นําตระกูลหนานกงปีนี้อายุสองร้อยสี่สิบเก้าปี ชื่อว่าหนานกงฉุน เหลียง สมัยก่อนก็ถือเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงแห่ง แผ่นดินใหญ่เสินโจว เป็นบิดาของผู้แข็งแกร่งขั้นทะลวงสวรรค์หนาน กงอวี่ ว่ากันว่าเป็นพวกเจ้าชู้มักมาก มีภรรยามากมาย มีลูกหลานอยู่นับ
ร้อย มีชื่อว่าเป็นม้าพ่อพันธุ์ ชื่นชอบในการสะสมสาวงามจากใต้หล้ามา ไว้เคียงกาย
หลังจากข่าวแพร่ออกไป ทุกฝ่ายล้วนตกตะลึง
“นี่มันบีบให้แต่งหรือเปล่า?”
“ร�าสุราแต่ไม่เสพรสสุรานี่นา”
“ต้องการจะบีบให้หลี่มู่ออกมาสินะ ใครบ้างที่ไม่รู้ ว่าหลี่มู่ในตอน นั้นได้สังหารจิ้นอ๋องเพื่อท่านหญิงหวนจูคนนี้ ระหว่างท่านหญิงกับหลี่มู่ มีความสัมพันธ์รักใคร่กันอยู่”
“ตระกูลหนานกงครั้งนี้ไร้ยางอายจริง แต่ก็เหี้ยมโหดมาก
“เรื่องนี้ถ้าหลี่มู่ยังทนอยู่ รับรองว่าได้เปลี่ยนจากตํานานวิถียุทธ์ กลายเป็นเรื่องตลกในใต้หล้าเป็นแน่”
…
ในเมืองขาวพิสุทธิ์
ผู้คนอยู่ในอาการฮึกเหิม
กลุ่มเป่าสีดีดร้องทั้งสี่เดือดดาลอย่างมาก
“ก็แค่เจ้าโง่ที่เพิ่งจะทะลวงสวรรค์ ไม่ได้รู้จักว่าพลังคืออะไร เป็น แค่แมลงที่เพิ่งจะคลานออกจากไข่เท่านั้น ยังกล้ามาท้าทายนายท่าน ไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต�าจริงๆ คุณชายนักปราชญ์น้อย ข้าจะไปเด็ดศีรษะ มันมาให้”
ชายคิ้วตรงเดือดดาลขอคําสั่งจาก ‘คุณชายนักปราชญ์น้อย’ ชิง เฟิง
เรื่องราวทั้งหมดในเมืองขาวพิสุทธิ์ตอนนี้ ล้วนจัดการดูแลโดยชิง เฟิง
ชิงเฟิงสั่นศีรษะ “รอไปก่อน”
ครึ่งปีผ่านไป หลี่มู่ปิดด่านอยู่ในเรือนดาบ เห็นได้ชัดว่าบําเพ็ญ จนถึงเวลาที่สําคัญแล้ว จะต้องไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปรบกวนเป็นแน่ ชิงเฟิงมีลางสังหรณ์ว่าคุณชายกําลังจะออกจากด่านแล้ว
…
จวนปีศาจสวรรค์
“ท่านเผิงคิดว่า หลี่มู่จะกลับมาแย่งชิงตําแหน่งราชาอีกหรือไม่ กัน?”
ในศาลาข้างน�าพุ จ้าวปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ กับจินชื่อต้าเผิงเหนี่ยว กําลังนั่งเดินหมากกันอยู่ ดื่มชาวางหมากอย่างเอ้อระเหยสบายอก สบายใจ
“เหอๆ จริงๆ แล้วจ้าวปีศาจอยากจะถามว่าหลี่มู่กับหนานกงอวี่ ใครแกร่งกว่ากันสินะ?” ภายนอกของจินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวเป็นชายวัย กลางคนผมคิ้วสีทอง คิ้วทองชี้ขึ้นจอนผม จมูกเหยี่ยวเด่นชัด ใบหน้า ทรงมิติยอดเยี่ยม เมื่อได้ยินก็หัวเราะจางๆ
จ้าวปีศาจวางหมาก เอ่ยต่อว่า “จะว่าเช่นนั้นก็ได้ ท่านเผิงล่ะคิด อย่างไร?”
จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวยิ้มเล็กน้อย เอ่ยต่อ “ก็แค่หนานกงอวี่รนหาที่ ตายเพียงเท่านั้น”
“โอ๋?” จ้าวปีศาจตาเป็นประกาย
พลังบําเพ็ญของเขาเป็นเพียงขั้นมหาเทวะ หลายปีมานี้ก็มี พัฒนาขึ้นบ้างแต่ก็ยังไม่ได้เข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ ดังนั้นจึงมีบางสิ่งที่ยัง ไม่ชัดเจน บางสิ่งยังไม่เข้าใจ ถามต่อว่า “แล้วเห็นว่าอย่างไร? หรือว่าห ลี่มู่นั้นเข้าสู่ขั้นทะลวงสวรรค์ไปแล้ว? ไม่ถูกนา ยังไม่มีการฝ่าทัณฑ์ สวรรค์…”
จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยววางหมากอีกครั้ง เอ่ยว่า “หลี่มู่ยังไม่เข้าขั้น ทะลวงสวรรค์จริงๆ แต่คนผู้นี้เป็นคนประหลาด พลังสูงต�าไม่สามารถ ใช้วิธีปกติมาคาดคะเนได้…หรือพูดก็คือ ข้าสงสัยว่าโลกสีทองที่พลัง วิญญาณรุ่งเรืองในตอนนี้จะเกี่ยวข้องกับตัวเขา จ้าวปีศาจท่านยังจํา วันที่ข้ารับทัณฑ์สวรรค์ ในช่วงวินาทีสําคัญที่ข้าเกือบจะพ่ายแพ้ สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์กลับอ่อนแรงลงได้หรือไม่? ”
จ้าวปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ พยักหน้า
จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวเอ่ยต่อ “ตอนนั้น พวกท่านล้วนอยู่ด้านนอก สายฟ้าทัณฑ์สวรรค์จนมองไม่ชัดเจน ทว่าข้ากลับเห็นว่ามีแสงดาบสาย หนึ่ง ฟันเมฆทัณฑ์สวรรค์ก้อนสุดท้ายจนอ่อนแรง มีการลอบช่วยเหลือ ข้า ข้าจึงฝ่าทัณฑ์สวรรค์สําเร็จ”
“อะไรนะ?” สีหน้าของจ้าวปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ ตกตะลึง นี่เป็นเรื่องที่ ต้องเป็นความลับห้ามให้คนอื่นรู้เลยทีเดียว เขาคิดอยู่ครู่ และยิ่งรู้สึก สั่นสะเทือนเข้าไปอีก เอ่ยขึ้นว่า “แสงดาบ? ความหมายของท่านเผิง หรือว่า…”
จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวพยักหน้า เอ่ยตอบว่า “ถูกต้อง น่าจะเป็นหลี่มู่ ที่ลอบช่วยเหลือข้าให้ฝ่าทัณฑ์สวรรค์สําเร็จ โลกในตอนนี้ คนที่สามารถ ใช้ดาบผ่าเอาเมฆสายฟ้าทัณฑ์สวรรค์ได้ นอกจากหลี่มู่แล้วจะยังมี ใคร?”
“นี่…” จ้าวปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ พยายามสะกดความตกตะลึงในใจไว้ เอ่ยต่อ “หลี่มู่ทําไมจึงต้องลงมือช่วยเหลือท่านเผิง? ท่านเคยรู้จักกับเขา มาก่อนหรือ”
“แน่นอนว่าไม่เคยรู้จัก” จินชื่อต้าเผิงเหนี่ยวถอนใจ เอ่ยต่อว่า “น่า กลัวว่าสายตาการวางสถานภาพของคนผู้นี้ จะก้าวข้ามฟ้าดินผืนนี้ แต่ มองออกไปยังทางช้างเผือกเสียแล้ว”
ผู้แข็งแกร่งแห่งแผ่นดินใหญ่เสินโจวคนแรกในรอบหลายพันปีคน นี้ ค่อนข้างเทิดทูนหลี่มู่จากในน�าเสียง มีจิตใจที่แสดงความนับถืออยู่ จางๆ
เขาเอ่ยต่อว่า “หลี่มู่ทําให้ข้าฝ่าทัณฑ์สวรรค์ ก็น่าจะเพราะต้องการ จะทําลายพันธนาการบางอย่างของฟ้าดินผืนนี้กระมัง เขาคงกําลัง สังเกตบางสิ่งอยู่ หลายพันปีก่อนหน้า แผ่นดินใหญ่เสินโจวไม่เคยมีใคร ทะลวงสวรรค์สําเร็จ ไม่ใช่เพียงแค่พลังวิญญาณไม่พอเป็นสาเหตุ แต่ยัง เกี่ยวกับพันธนาการเหล่านี้ด้วย และเมื่อสามารถทําลายการกีดขวาง ของพันธนาการชั้นเหล่านี้ไปได้ ก็เหมือนกับการเจาะรูบนเขื่อน คนรุ่น หลังเมื่อจะทะลวงสวรรค์ ก็สามารถทําได้ง่ายมากขึ้น หนานกงอวี่เป็น เพียงคนโชคดีที่ดวงดีคนหนึ่งก็เท่านั้น น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ตัวเอง ซ�ายัง กลับไปท้าทายหลี่มู่ เมื่อถึงเวลาคงได้ตายจนไม่สามารถตายได้อีกเป็น แน่”
จ้าวปีศาจ ‘เสี่ยวเยา’ เหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง