คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 801 ฝีมือใคร พี่หญิงโกรธมาก
ตอนที่ 801 ฝีมือใคร พี่หญิงโกรธมาก
……….
ไม่ว่าท่านพ่อและท่านอาไม่เอาไหนเหล่านี้จะคัดค้านอย่างไร ฉินหลิวซีก็เอื้อมมือไปสัมผัสหน้าอกที่จมลงไปของฉินหมิงเยี่ยน สัมผัสโดนกระดูกที่แตก ใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ
ไม่แปลกใจเลยที่แม้แต่ยมทูตก็มาเฝ้าแล้ว เจ้าเด็กคนนี้อยู่ไม่ไกลจากความตายแล้วจริงๆ กระดูกอกหักไปหนึ่งท่อน คาดว่าคงจะโชคดีที่ไม่ได้แทงไปที่หัวใจ มิเช่นนั้นคงเสียชีวิตตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว
เมื่อมองดูทั้งหน้าอกของเขา มีรอยถลอกและคาบเลือด แต่ก็เทียบไม่ได้กับบาดแผลกระดูกหัก คาดว่าเป็นเพราะซีเป่ยอากาศเย็นแล้ว และเขาก็สวมเสื้อผ้าค่อนข้างหนา ดังนั้นสำหรับคนอื่นแล้วดูค่อนข้างกลุ้มใจ แต่สำหรับฉินหลิวซี รอยขูดขีดเหล่านี้ล้วนเป็นบาดแผลภายนอก ไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต เช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ฉินหลิวซีวางสองนิ้วลงบนข้อมือจับชีพจรของเขา ชีพจรอ่อนแอไร้เรี่ยวแรง ทำให้หัวใจเต้นช้าลง อากาศถูกปิดกั้น เลือดคลั่งสะสม
เป็นปัญหาแล้ว!
นี่คือร่างกายที่แตกหัก
ฉินหลิวซีใช้พลังภายในเพื่อกระตุ้นยาหุยชุนที่พึ่งป้อนเข้าไปในปากของเขาก่อน ทำให้ยาไหลผ่านร่างกายของเขาโดยเร็วที่สุด
จากนั้น ภายใต้สีหน้าตกตะลึงของหมอเฒ่าผู้นั้น สีหน้าที่ซีดเซียวของฉินหมิงเยี่ยนก็เริ่มดูดีขึ้น แม้ว่าจะยังซีดอยู่ แต่ก็ไม่ได้ดูเหมือนคนที่จะหมดลมได้ตลอดเวลาแม้แต่น้อย แล้วก็ไม่เอาแต่พ่นลมออกมาและไม่มีลมหายใจเข้าไปแล้ว
“นี่มันยาวิเศษอะไรของเจ้า” หมอเฒ่าดวงตาเป็นประกาย สิ่งนี้ทำให้คนตายฟื้นคืนชีพได้ด้วยหรือ
“อย่าแม้แต่จะคิด ท่านปรุงออกมาไม่ได้” ฉินหลิวซีหยิบกล่องเข็มทองออกมาเปิด ต้องการจะฝังเข็ม เมื่อเห็นว่าทั้งตัวของฉินหมิงเยี่ยนเต็มไปด้วยเลือด จึงมองไปยังฉินปั๋วชิง “ไปเอาน้ำร้อนมา”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” ฉินปั๋วชิงเห็นว่าสีหน้าของฉินหมิงเยี่ยนไม่ได้ดูแย่เช่นนั้นแล้ว ในใจสงบขึ้นมาก รีบวิ่งออกไปทันที
ฉินหลิวซีฝังเข็มลงไปก่อนหนึ่งเข็มที่จุดเป็นตายบริเวณเหนือสะดือ ทำเอาหมอเฒ่าอ้าปากค้างด้วยความตกใจจนสีหน้าเหมือนกับเด็กที่กำลังนอนอยู่บนเตียงตอนนี้
“นั่นคือจุดตาย เหตุใดเจ้าจึงกล้า…”
“ท่านไม่กล้า ข้ากล้า! อีกอย่าง จะดูก็ดูไป อย่าเอะอะ รำคาญ!” ฉินหลิวซีตอบกลับอย่างอดไม่ได้
หมอเฒ่ากลอกตาด้วยความโกรธ อยากจะตอบโต้กลับไป แต่เมื่อเห็นสีหน้าที่ดีขึ้นของฉินหมิงเยี่ยน ก็เม้มริมฝีปาก เอาเถิด เขาจะดูว่าคนรุ่นหลังมีความสามารถอะไรบ้าง! เมื่อหูเงียบสงบ ฉินหลิวซีก็ฝังเข็มเร็วและมั่นคงขึ้น เข็มกลายเป็นเพียงเงาลางๆ ที่ฝังลงบนจุดฝังเข็ม
ฉินปั๋วกวงขยับไปหาพี่ใหญ่อย่างเงียบๆ กระซิบข้างใบหูของเขา “พี่ใหญ่ ท่านว่านางทำได้หรือไม่”
ก็ดูเป็นการเป็นงานอยู่
ฉินปั๋วหงยังคงตกใจที่เด็กคนนี้เป็นบุตรสาวของเขา เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้ก็สะดุ้งทันที มองไปยังบุตรชาย ทั้งตัวเต็มไปด้วยเข็มทอง!
เขาสั่นไปทั้งตัว สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ใบหน้าแดงเพราะความไม่ระมัดระวังของตัวเอง หากเกิดเรื่องร้ายขึ้นมา เกรงว่าบุตรชายจะไม่รอดแล้ว!
เขาก้าวไปข้างหน้า เมื่อเห็นสีหน้าของบุตรชายก็ตกตะลึงเล็กน้อย
ใบหน้าไม่ได้เต็มไปด้วยความตายอีกต่อไป
นางหนูผู้นี้ดูเหมือนจะมีของอยู่บ้าง
หมอเฒ่ามองดูฉินหลิวซีฝังเข็ม เขาตกตะลึงจนชาไปหมดเพราะความเร็วของนาง จากนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นเมื่อเห็นตำแหน่งจุดฝังเข็มเหล่านั้น
วิธีการฝังเข็มเช่นนี้เป็นความกล้าที่ไม่เคยได้เห็นที่ไหนมาก่อน ล้วนฝังลงบนจุดสำคัญ ซ้ำยังเป็นจุดเป็นตายของชีวิต
เสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว!
ฉินหลิวซีฝังเข็มทั้งหมด จากนั้นก็ใช้ปราณแท้กระตุ้น ปลายเข็มเหล่านั้นสั่นพร้อมกันราวกับกำลังส่งเสียงหึ่งๆ
ทุกคนสีหน้าเปลี่ยนไป
หมอเฒ่ายิ่งอิจฉาตาร้อน เพียงแค่ทักษะนี้ก็ทำให้เขาตกตะลึงแล้ว นางพึ่งจะอายุเท่าไหร่ ทักษะการฝังเข็มเก่งกาจขนาดนี้เชียวหรือ
ฉินปั๋วชิงเดินเข้ามาพร้อมอ่างน้ำอุ่น และมีผ้าเช็ดหน้าสะอาดวางไว้ เมื่อเห็นว่าทั้งตัวของหลานชายเต็มไปด้วยเข็มทอง จึงถามอย่างระมัดระวังว่า “นางหนูซี น้องสามของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”
“อยู่ไม่ไกลจากความตาย”
ฉินปั๋วชิงมือสั่น อ่างแทบจะร่วงจากมือ
“เจ้าได้ป้อนยา ซ้ำตอนนี้ก็ฝังเข็มแล้วไม่ใช่หรือ” ฉินปั๋วหงก้าวเข้าไปถามด้วยความเป็นกังวล “หมดทางรักษาแล้วหรือ”
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “กระดูกซี่โครงหักแล้ว มีเลือดในช่องท้องและมีรอยฟกช้ำมากมาย เพียงแค่กระดูกซี่โครงหักและมีเลือดในช่องท้องก็ยากที่จะรอดไปได้แล้ว เขาสามารถจะผ่านไปได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับชะตาชีวิตและความตั้งใจของเขาเอง”
ฉินปั๋วหงหัวใจจะวาย
ฉินหลิวซีเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเลือดที่มุมปากของเขา จากนั้นก็จับหน้าเขาตะแคงข้าง ค่อยๆ เช็ดคาบเลือดบนใบหน้าทีละน้อย เมื่อเช็ดสะอาดแล้วจึงพบว่าใบหน้าก็เสียหายรุนแรงเช่นกัน เกรงว่าใบหน้าจะเสียโฉมแล้ว
ทุกคนต่างพากันตกตะลึง เสียโฉมแล้ว แม้ว่าในภายภาคหน้าจะมีโอกาสได้กลับไป แต่เขาก็ไม่มีความหวังที่จะเข้าสอบราชสำนักแล้ว
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขา” สีหน้าของฉินหลิวซีก็ดูแย่เช่นกัน สภาพของฉินหมิงเยี่ยนเช่นนี้ หากสะใภ้หวังเห็นเข้า เกรงว่าจะปวดใจจนอยากตาย และบาดแผลของเขา คงจะไม่ได้เป็นการไปต่อสู้กับใครมา
ฉินปั๋วชิงหลับตาลงด้วยความโศกเศร้า กัดฟันพลางเอ่ย “ถูกคนใช้ม้าลากไปตามถนน หน้าอกถูกกีบม้าเหยียบ”
“เช่นนั้นเขาก็โชคดีเป็นอย่างมาก” ขนาดนี้แล้วก็ยังไม่เสียชีวิตในทันที
เพียงแต่ถูกลากไปตามถนนซ้ำยังโดนเหยียบ?
มีร่องรอยความโกรธในดวงตาของฉินหลิวซี “ฝีมือใคร”
ฉินปั๋วหงยังรู้สึกโกรธกับคำพูดเหน็บแนมของนางเมื่อครู่นี้ ตอนนี้ได้ฟังคำพูดนี้จึงเอ่ยว่า “ล้วนไม่ใช่คนที่ตระกูลฉินอย่างพวกเราจะไปล่วงเกินได้ในตอนนี้”
“จะเอ่ยไร้สาระมากมายไปทำไม ข้าถามว่าฝีมือใคร!” ฉินหลิวซีถามด้วยความเกรี้ยวกราด
คนสารเลว ทำให้เด็กโชคร้ายผู้นี้ต้องกลายเป็นสภาพเช่นนี้ ทำให้นางต้องเสียยาหุยชุนอันล้ำค่าหนึ่งเม็ดไปโดยเปล่าประโยชน์ นางโกรธมาก!
“จอมอันธพาลน้อยแห่งเมืองอู่ บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเพียงคนเดียวของตระกูลผู้ว่าการเนี่ยเป็นคนทำ” ฉินปั๋วชิงเอ่ยด้วยใบหน้าบูดบึ้ง “ตระกูลเนี่ยให้กำเนิดบุตรสาวห้าคน กว่าจะได้บุตรชายผู้เป็นที่รักมาหนึ่งคน ตามใจทุกอย่าง จนกลายเป็นจอมอันธพาลเมืองอู่”
ฉินหลิวซีหัวเราะด้วยความโกรธ “ก็แค่เด็กเหลือขอจากตระกูลผู้ว่าการก็กลายเป็นอันธพาลแห่งเมืองอู่แล้วหรือ แล้วคนตระกูลมู่ผู้นั้นนับว่าเป็นอะไรกัน”
เจ้าหมาน้อย มู่ซี ‘หากไม่สูงส่งพอ ห้ามเชิญ!’
“แน่นอนว่าในเมืองอู่ไม่ได้มีเขาเป็นจอมเสเพลเพียงคนเดียว จอมอันธพาลน้อยอย่างเขาก็มีไม่น้อย แต่ปีนี้ตระกูลเนี่ยส่งบุตรสาวไปร่วมคัดเลือกสาวงามจนได้รับการคัดเลือก ได้ยินว่าถูกแต่งตั้งเป็นเสี่ยวกุ้ยเหริน นับว่าตัวเองเป็นพระญาติกับเชื้อพระวงศ์ จึงได้อวดเบ่งอำนาจ”
ฉินปั๋วชิงยิ้มอย่างขมขื่นพลางเอ่ย “และผู้ที่ถูกเนรเทศอย่างพวกเรานั้นต่ำต้อยยิ่งกว่าราษฎรธรรมดาทั่วไป ย่อมถูกพวกเขารังแกตามใจชอบ”
“เขาไปล่วงเกินดาวมารผู้นี้ได้อย่างไร”
“ทั้งหมดเป็นเพราะข้า” เสียงแก่ชราดังมาจากหน้าประตู
ฉินหลิวซีหันไปมอง เห็นฉินหยวนซานยืนอยู่หน้าประตูด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี ข้างๆ เขามีสตรีผู้หนึ่งคอยพยุงมือเขาไว้เล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร
“ท่านพ่อ ท่านตื่นแล้วหรือ” ฉินปั๋วกวงเข้าไปพยุง กำชับสตรีผู้นั้นว่า “เจ้าไปต้มน้ำร้อนที่ห้องครัวมาเพิ่ม แล้วเตรียมผ้าสะอาดอีกสักหน่อย เตรียมเสื้อผ้าที่สะอาดมาให้เยี่ยนเอ๋อร์ แล้วไปต้มน้ำแกงร้อนๆ มาสักหน่อย”
สะใภ้เฉาเหลือบมองเขา “ก็เอาแต่สั่งข้า”
ฉินปั๋วกวงจ้องนาง
ฉินหลิวซีเห็นปฏิสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่ในสายตา ในใจรู้สึกเสียใจกับสะใภ้เซี่ย ไม่ธรรมดา ท่านอารองของนางผู้นี้เป็นคนที่ถูกเนรเทศก็ยังไปดึงดูดคนใหม่มาได้
ฉินหยวนซานเดินหลังค่อมเข้ามา เหลือบมองหลานชายที่นอนอยู่บนเตียงก่อน จากนั้นก็มองไปยังฉินหลิวซี สายตาเปี่ยมไปด้วยความรักและเอ็นดู “เด็กน้อย เจ้าคือซีเอ๋อร์หรือ”
ฉินหลิวซีกลอกตา