คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 788 หลุมศพในอุโมงค์ลับ
ตอนที่ 788 หลุมศพในอุโมงค์ลับ
……….
ฉินหลิวซีออกไปจากวัดหนาหมัวอย่างมีความสุขพร้อมกับเริ่นถิงและคนอื่นๆ อาจารย์จื้อเฉิงและคนอื่นๆ ต่างถอนหายใจด้วยความโล่งอก รู้สึกราวกับว่าได้ส่งตัวปัญหาออกไปแล้ว แต่กลับไม่รู้ว่าที่จีวรสีเหลืองขนาดใหญ่ของตัวเองนั้นมีตุ๊กตากระดาษสีเหลืองตัวน้อยเกาะอยู่ที่ชายผ้า แทบจะเป็นสีเดียวกันกับจีวร
“พวกเจ้ากลับไปที่เมืองก่อน” ฉินหลิวซีให้เริ่นถิงและคนอื่นๆ ไปก่อน
เริ่นถิงตกตะลึง “ท่านเจ้าอาวาสน้อย ท่าน?”
“วัดหนาหมัวแห่งนี้ไม่เหมือนกับที่เราเห็นภายนอกเช่นนั้น มีบางสิ่งที่พวกเจ้าไม่สามารถช่วยได้ ข้าจะกลับไปอีกครั้ง” ฉินหลิวซีเอ่ย
“เกี่ยวข้องกับการที่ดวงวิญญาณของท่านแม่ข้าหายไปหรือไม่”
ฉินหลิวซีเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “พระพุทธรูปมารองค์นั้นมาจากพวกเขา ส่วนสองจิตหกวิญญาณของท่านแม่เจ้านั้น ข้าจะลองอัญเชิญที่วัดหนาหมัวอีกครั้งในภายหลัง แต่จะเรียกกลับมาได้หรือไม่นั้นยังยากที่จะบอกได้”
หัวใจของเริ่นถิงแข็งทื่อ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “ข้าเข้าใจคำพูดของท่านเจ้าอาวาสน้อยแล้ว”
ฉินหลิวซีอ้าปากอยากจะปลอบใจสักหน่อย แต่การปลอบคนนั้นไม่ใช่สิ่งที่นางชำนาญเลยจริงๆ สุดท้ายก็เพียงแค่ถอนหายใจ
เริ่นถิงก็รู้ว่าไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าที่เป็นอยู่ตอนนี้แล้ว ช่วยท่านแม่กลับมาไม่ได้ แต่ไม่สามารถไม่แก้แค้นได้ วัดหนาหมัวกระทำการชั่วร้ายอย่างเห็นได้ชัด จะปล่อยให้อยู่ทำร้ายคนต่อไปไม่ได้
“ท่านเจ้าอาวาสน้อย สิ่งที่เกินความสามารถของคนธรรมดาอย่างพวกเรา พวกเราช่วยอะไรไม่ได้ก็จะไม่เป็นตัวถ่วงท่าน แต่หากเอ่ยถึงการจับกุมคนหรือกำจัดวัดโหดเหี้ยมนี้ พวกเราช่วยได้เสมอ คงจะไม่สามารถอาศัยท่านไปต่อสู้คนเดียวได้หรอกกระมัง” เริ่นถิงมองไปยังป้ายวัดหนาหมัว เอ่ยว่า “วัดที่ทำร้ายคนเช่นนี้จะต้องประกาศให้ราษฎรรับรู้ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีผู้ที่ตกเป็นเหยื่อไปมากกว่านี้ ทางการต้องดำเนินการ”
ฉินหลิวซีถอนหายใจเบาๆ มีผู้ศรัทธาบางคนที่เมื่อถูกล้างสมอง เป็นเช่นนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับคนบ้าจริงๆ พูดจนปากเปียกปากแฉะก็ยังคงนับถือ แต่เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนถูกหลอกไปมากกว่านี้ จำเป็นต้องไปแจ้งทางการให้ออกประกาศจริงๆ
“เอาเช่นนี้ เจ้าไปเลือกคนมา หาครอบครัวชาวนาแถวนี้จับตาดู หากมีข่าวอะไร ข้าจะให้คนมาแจ้งแก่เจ้า”
หลานซิ่งยืนขึ้น “ให้ข้าไปกับท่านเถิด จะได้วิ่งเป็นธุระให้”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “เจ้าไปกับเริ่นถิงเถิด วัดหนาหมัวกับวังหลิงซวีอาจจะเกี่ยวข้องกันจริงๆ อยู่บ้าง เริ่มมีเบาะแสบ้างแล้ว”
“ไม่ได้ หากได้พบคนผู้นั้นขึ้นมาจริงๆ ไม่ได้ต่อสู้เพียงแค่ทักษะความสามารถทางกาย ทั้งยังต่อสู้ทางคาถาอาคม เจ้าติดตามข้า หากถูกจับขึ้นมา เมื่อถึงเวลานั้นข้าต้องแบ่งสมาธิไปช่วยเจ้า จะทำให้ไม่สะดวก” ฉินหลิวซีปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด มองเขาพลางเอ่ย “หากเจ้านั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้จริงๆ เช่นนั้นก็ไปเฝ้าอยู่กับคนของเริ่นถิง”
หลานซิ่งอยากจะบอกว่าเขาไม่กลัวตาย แต่ภายใต้สายตาของฉินหลิวซี และนึกถึงสถานการณ์ของหลานโย่ว สุดท้ายก็พยักหน้า
ฉินหลิวซีให้พวกเขาเดินทางไปก่อน ส่วนนางก็อาศัยจังหวะที่ฟ้ายังไม่มืด ติดยันต์พรางตัวบนร่างของตัวเองหนึ่งแผ่น เข้าไปในวัดหนาหมัวอีกครั้งอย่างลอยชาย ในขณะเดียวกันก็แบ่งสมาธิสังเกตความเคลื่อนไหวของจื้อเฉิงผู้นั้น
อีกฝ่ายอาจได้รับบาดเจ็บจากวิชาอัญเชิญดวงวิญญาณ ทันทีที่กลับไปที่ห้องเชนก็กลืนยาลูกกลอนแล้วนั่งสมาธิ จากนั้นก็กินอาหารเย็น
ผ่านสายตาของตุ๊กตากระดาษตัวน้อย ฉินหลิวซีมองดูโต๊ะอาหารเล็กๆ แสยะยิ้มออกมา ไม่มีคนนอกอยู่ ก็ไม่เสแสร้งแล้ว
โต๊ะอาหารเล็กๆ มีเนื้อมีสุรา ซ้ำยังมีข้าวสวย มื้อเล็กๆ นี้ไม่รู้ว่าดีเลิศกว่าผู้อื่นมากมายแค่ไหน ไม่แปลกใจเลยถึงได้อ้วนท้วนสมบูรณ์เช่นนั้น
ฉินหลิวซีสบถ เข้าไปในวิหารรอง ตอนนี้ในวิหารไม่มีคนอยู่แต่กลับมีการเคลื่อนไหวเล็กๆ บริเวณขา เมื่อก้มลงมองดู เป็นตุ๊กตากระดาษที่นางทิ้งไว้เมื่อก่อนหน้านี้
เมื่อเห็นมันดึงที่มุมเสื้อของนาง ยกมือข้างหนึ่งขึ้น จากนั้นก็ลอยลงไปอยู่บนพื้น วิ่งไปทางด้านหลังของพระพุทธรูปพระอมิตาภพุทธะ ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
ฉินหลิวซีก้มลงมอง ที่แท้ก็มีรอยแยกเล็กๆ ที่ฐานกำแพง หากไม่มองดูอย่างละเอียดก็ไม่มีทางรู้ได้เลย นางก้มลงยื่นนิ้วไปสำรวจดู
มีลมพัดมาจากช่องเล็กนั้น พิสูจน์ได้ว่าที่นี่มีอุโมงค์หรือห้องใต้ดิน จึงได้มีอากาศไหลเวียน
“กลไกล่ะ”
ตุ๊กตากระดาษน้อยกำลังนอนอยู่บนพื้น แผ่นกระดาษมุดเข้าไปในรอยแยก ก็ไม่รู้ว่ามันทำอะไรอยู่ในนั้น เสียงดังก๊อกแก๊ก ประตูเล็กของกำแพงก็เปิดออกเอง มีขนาดเพียงพอให้คนหนึ่งคนเข้าไปได้
ฉินหลิวซีมุดเข้าไป ใต้เท้าเป็นบันไดเดินลงไป ทั้งสองข้างทางเป็นผนัง มีตะเกียงน้ำมันส่องสว่างวางอยู่
ตุ๊กตากระดาษโหนบนตะเกียงน้ำมัน ลอยลงมาอยู่บนไหล่ของนาง ชี้ลงไปข้างล่าง
ฉินหลิวซีเดินเข้าไป คิดในใจว่าที่ไหนก็มีเส้นทางลับ รวมถึงอารามมอบบุตรที่เคยทำลายเมื่อก่อนหน้านี้ก็มีเช่นกัน
เมื่อเดินลงบันได อากาศก็เย็นลงเล็กน้อย ฉินหลิวซีหยุดฝีเท้าทันที มองไปยังกำแพง ตรงนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งตั้งอยู่ ก็คือพระพุทธรูปมารองค์นั้น ปล่อยพลังหยินและพลังชั่วร้ายออกมา ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองคนราวกับมีชีวิต ประหลาดเป็นอย่างมาก
นี่คงจะเป็นเรื่องจริง
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม เดินลงไปอีก กระทั่งไปถึงพื้นที่ราบจึงเดินหน้าต่อไป
ตลอดเส้นทางลับ ห่างกันทุกๆ สองสามฉื่อ[1]จะมีพระพุทธรูปมารหนึ่งองค์ ทำให้เส้นทางลับที่คับแคบนี้เยือกเย็นและทำให้คนรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น
พรึ่บ
กลุ่มไฟเล็กผุดขึ้นมาบนปลายนิ้วของฉินหลิวซี ไฟสีแดงอันร้อนแรงทำให้ดวงตาของนางกลายเป็นสีแดง ความหงุดหงิดก็กระจายหายไป นางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้น
เดินมาได้หนึ่งเค่อ[2] ฉินหลิวซีก็รู้สึกถึงความเปียกชื้น เมื่อเดินออกมาที่ทางออก นางหันกลับไปมอง มุมปากกระตุก
ทางออกกลายเป็นประตูสุสาน
และตรงหน้ากลับเป็นหุบเขาแห่งหนึ่งที่มีป่าหนาแน่นและมืดมน ไม่ไกลนัก ดูเหมือนจะมีเสียงคนและแสงไฟ
นางเดินไปตามเสียง เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ได้ยินเสียงร้องของนกแร้ง คิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปทางด้านซ้าย
หลังจากผ่านพุ่มไม้หนาม ฉินหลิวซีก็ได้กลิ่นคาวเลือด นางขมวดคิ้ว เร่งฝีเท้าเดินไปหลายก้าว มีหลุมลึกที่เต็มไปด้วยพลังหยินรุนแรงปรากฏอยู่ตรงหน้า และโคลนที่อยู่ข้างหลุมก็ถูกขุดเอาไว้ลวกๆ นางมองลงไปในหลุม รูม่านตาหดลงทันที
ในหลุมมีศพกองพะเนินเทินทึก ซ้ำยังมีโครงกระดูก มีนกแร้งสองสามตัวกำลังจิกศพอยู่ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการมาของนางจึงทำให้พวกมันตกใจหรือไม่ พวกมันกระพือปีกใหญ่ๆ ส่งเสียงร้องพลางบินหนีไปทันที
ฉินหลิวซีสีหน้าดูแย่เล็กน้อย เมื่อมองไปรอบๆ นอกจากศพในหลุมศพแห่งนี้ ก็ไม่เห็นวิญญาณร้ายสักตน
มองดูศพเหล่านี้ ก็ไม่เหมือนว่าตายโดยธรรมชาติ หากเป็นการฆาตกรรม วิญญาณแค้นควรจะอยู่บริเวณใกล้เคียงกับศพ แต่ไม่มี ซ้ำยังไม่มีแม้แต่ตนเดียว ซึ่งค่อนข้างแปลกอยู่บ้าง
ฉินหลิวซีไปจากที่นี่ กลับไปที่เส้นทางหลักต่อ เดินขึ้นไป เสียงคนดังขึ้นเรื่อยๆ ซ้ำยังผสมกับเสียงของสตรีด้วยเบาๆ
นางขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ
แค่กๆ
“ท่านเจ้าอาวาสผู้เฒ่า ข้าไปหายาสมุนไพรมาดีกว่า มิเช่นนั้นร่างกายนี้ของท่านจะรับไหวได้อย่างไร” เสียงแหบแห้งของบุรุษดังขึ้น
ฉินหลิวซีเดินอ้อมต้นไม้ต้นหนึ่ง กระท่อมหลังใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เมื่อเดินต่อไปอีกยังมีบ่อโคลนและบ้านไม้อีกหลายหลัง
“ไม่ต้องแล้ว ชีวิตนี้ไม่ควรค่าที่จะอยู่รอดอีกต่อไป ตายไปก็นับว่าจบสิ้นกันเสียที ความผิดของข้า คงทำได้เพียงไปชดใช้ในยมโลกแล้ว” เสียงที่แก่ชรากว่าดังมาที่หูฉินหลิวซี และผู้พูดก็ได้เข้ามาอยู่ในสายตาของนางแล้ว
“ท่านอาจารย์จื้อเฉิง?”
[1] ฉื่อ 1 ฉื่อ เท่ากับ 10 ชุ่น หรือ 33.3 เซนติเมตร
[2] เค่อ 1 เค่อ สิบห้านาที
……….