คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 768 สู้ไม่ได้ ก็ยอมแพ้เอาตัวรอด
ตอนที่ 768 สู้ไม่ได้ ก็ยอมแพ้เอาตัวรอด
ตั้งแต่ได้รับกระจกดูดวิญญาณมาจากเทพเฟิงตู นอกจากที่ฉินหลิวซีเคยใช้มันดูรูปร่างเดิมของเฮยซาแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ใช้มัน ไม่รู้ว่ามันทรงพลังแค่ไหน
ตอนนี้ได้เห็นประจักษ์ชัดแล้ว
พลังไม่ได้น้อยไปกว่าไฟนรกในมือนาง แสงสีทองแสบตาได้ปกคลุมกิมเซียมซู ราวกับแสงศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่ซ่านไปทั่วทุกอณู กลืนกินดวงวิญญาณของกิมเซียมซู ไม่นานร่างทองก็หลุดออกไป กลายเป็นสีเหลืองโคลนที่น่ารังเกียจยิ่งกว่า จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำ เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ไม่ต้องสงสัยแล้ว เป็นคางคกอย่างแน่นอน
ฉินหลิวซีกลับมีสีหน้าเคร่งขรึม พลังของกระจกดูดวิญญาณนี้ไม่เบา ถูกแขวนไว้ที่เรือนจำในมหาอเวจีนรก ส่องซื่อหลัวมาหลายพันปี แต่ยังคงปล่อยให้เขาหนีออกมาจากมหาอเวจีนรกกลับคืนสู่โลกมนุษย์ได้ เช่นนั้นพลังของเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน
กระดูกพุทธะของเขาสามารถช่วยให้เฟิงปั๋วกลายเป็นครึ่งเทพได้โดยบังเอิญ สามารถทำให้ชื่อเจินจื่อรวบรวมดวงวิญญาณกลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง สามารถทำให้พลังของผีแข็งแกร่งขึ้นมหาศาล เช่นนั้นดวงวิญญาณของเขาที่ถูกกระจกดูดวิญญาณโจมตีแต่ยังคงมีพลังหนีออกไปได้จะแข็งแกร่งมากเพียงใด
ในวันที่ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันจริงๆ พวกเขาจะสามารถเอาชนะเขาได้จริงๆ หรือ
ฉินหลิวซีสีหน้ามืดมน มองดูมือของตัวเอง ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
“ท่านอาจารย์ ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ข้าไม่กล้าแล้ว ข้าจะคืนเขาให้แก่ท่าน รีบเอาแสงสีทองนี้ออกไปเร็วเข้าเถิด” กิมเซียมซูร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ปล่อยดวงจิตของจงปั๋วเหวินออกมา
ฉินหลิวซีรีบเกี่ยวดวงจิตมาใส่ไว้ในน้ำเต้าหยกหล่อเลี้ยงวิญญาณที่พกติดตัว
เมื่อเห็นสภาพน่าสังเวชของกิมเซียมซูที่กำลังจะตาย ฉินหลิวซีก็ตัดพลังศักดิ์สิทธิ์ของกระจกดูดวิญญาณ เห็นมันดูน่าสังเวชแล้วก็ถอนหายใจพลางเอ่ย “หากขอร้องเสียตั้งแต่แรกก็ไม่จำเป็นต้องทุกข์ทรมานเช่นนี้แล้ว ดันมาขู่ข้า ไยต้องทำให้ตัวเองทรมาน”
กิมเซียมซู “…”
เด็กสารเลวไร้ยางอาย มันทำอะไรผิด มันกับตระกูลจงมีข้อตกลงแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรม
ฮือๆ การฝึกบำเพ็ญมาหนึ่งร้อยห้าสิบปีของมันหมดสิ้นแล้ว
กิมเซียมซูเจ็บปวดสุดหัวใจ ร้องไห้เสียงดัง เดิมทีมันก็ลิ้นขาดแล้ว ถูกยันต์ห้าสายฟ้าระเบิดใส่อีก ซ้ำยังถูกนางตัดตอน บนตัวไม่เหลือชิ้นดี แม้แต่พลังวิญญาณก็ไม่เหลือแล้ว
มันในตอนนี้เหมาะสมกับที่ถูกเรียกว่าคางคกอัปลักษณ์อย่างแท้จริง
ชีวิตกบหมดหวังแล้ว!
ยิ่งกิมเซียมซูคิดก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจ ร้องไห้อย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“หุบปาก ร้องไห้ทำไมกัน ตอนนี้ก็ยังดีอยู่ไม่ใช่หรือ” ฉินหลิวซีแคะหู สบถเบาๆ เสียงร้องไห้แสบแก้วหูแทบทนฟังไม่ได้
กิมเซียมซูโวยวาย “ดีอะไรกัน ตั้งใจฝึกบำเพ็ญอย่างยากลำบากมากว่าร้อยปี ไม่เหลืออะไรแล้ว ข้าจะดีได้อย่างไร”
“ตอนนี้เจ้าสามขาแล้ว!”
กิมเซียมซูก้มหน้ามองดู ร้องไห้อย่างอนาถกว่าเดิม “เจ้าเป็นคนตัดตอนข้า ไม่มีสิ่งนั้นแล้ว สามขาจะไปมีประโยชน์อะไร”
ฉินหลิวซีหัวเราะเบาๆ “รู้หรือไม่หากต้องการฝึกพลังศักดิ์สิทธิ์ ต้องตัดส่วนนั้นออกก่อน ข้ากำลังช่วยเจ้าอยู่ หากต้องการเป็นกิมเซียมซูสามขาก็ต้องมีรูปร่างเช่นนั้น ดังนั้นเจ้าจึงจำเป็นต้องตัดไม่ใช่หรือ ต่อไปก็จะไม่มีใครเอารูปลักษณ์ของเจ้ามาพูดได้แล้ว”
กิมเซียมซู ‘ข้าไม่ใช่คน แต่เจ้าต่ำช้ายิ่งกว่าข้า เจ้าพูดคำนี้ออกมาโดยไร้มโนธรรมได้อย่างไร!’
“แม้แต่จะกลายร่างเป็นผิวสีทองข้าก็ทำไม่ได้แล้ว” กิมเซียมซูลองดู พบว่าตัวเองไม่มีแม้แต่พลังควบคุมสีผิวได้แล้ว จึงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “มันจะไปยากอะไร ข้าจะไปหาสีทองมาช่วยทาให้เจ้า แค่นี้ก็กลายเป็นสีทองแล้ว”
เสียงร้องไห้ของกิมเซียมซูหยุดลง “!”
เจ้าเป็นจอมมารกระมัง!
ในวิหารมีกลิ่นไหม้ของคางคกย่าง ฉินหลิวซีรู้สึกขยะแขยง จึงเดินออกไป ให้กิมเซียมซูตามออกมาด้วย
กิมเซียมซูคิดในใจว่า ‘คิดว่าข้าจะฟังเจ้าหรือ จะหนีไปก็ไม่รู้ว่าเจ้านั่นยังอยู่หรือไม่ หากไม่อยู่มันก็จะเอาถ้ำนั้นกลับคืนมาแล้วฝึกบำเพ็ญ บางทีอาจจะกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง เมื่อมันฝึกบำเพ็ญใหม่แล้วค่อยมาจัดการจอมมารน้อยผู้นี้’
เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำ ทันทีที่มันขยับ เสียงของจอมมารน้อยผู้นั้นก็ดังเข้ามาจากด้านนอก “รีบออกมา มิเช่นนั้นจะปรนนิบัติด้วยกระจกปีศาจ”
ร่างกบที่ยับเยินของกิมเซียมซูสั่นสะท้าน สาปแช่งในใจหลายร้อยคำ แต่กลับกระโดดออกไปอย่างเชื่อฟัง
ฉินหลิวซียืนอยู่นอกวิหาร เห็นหัวหน้าตระกูลจงและคนอื่นๆ เป็นลมอยู่ข้างนอก อาจเป็นเพราะถูกรมควันพิษ จึงใช้เข็มเงินแทงที่จุดกลางเหนือริมฝีปากของพวกเขา เมื่อเห็นพวกเขาฟื้นขึ้นมาจึงถามว่า “เป็นอะไรหรือไม่”
จงจิ้นซื่อวิงเวียน สะบัดศีรษะ กล่าวว่า “ข้าเป็นอะไรหรือ”
หัวหน้าตระกูลจงร้องครวญครางว่าเวียนศีรษะ
ฉินหลิวซีให้พวกเขากินยาลูกกลอนแก้พิษหนึ่งเม็ด ให้พวกเขาปรับลมหายใจเล็กน้อย จากนั้นจึงได้หันกลับมามองไปยังกิมเซียมซู ถูกร่างสะบักสะบอมที่อัปลักษณ์ของมันเตะตาจนดวงตากระตุก
อนาถเกินไปแล้ว
“ก่อนหน้านี้เจ้าฝึกบำเพ็ญอยู่ที่ไหน สัตว์หรือภูต ผี ปีศาจที่ฝึกบำเพ็ญต้องได้รับโอกาสเท่านั้นจึงจะสามารถฝึกบำเพ็ญจนมีสติปัญญาพูดภาษาคนได้ เจ้าบอกว่าเจ้าฝึกบำเพ็ญเพียงร้อยกว่าปีก็สามารถพูดภาษาคนได้แล้ว ซ้ำยังเรียกเงินทอง และสามารถดูดซับพลังได้ หรือว่าได้รับโอกาสใดมา” ฉินหลิวซีเอ่ยถาม
กิมเซียมซูเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนว่าเป็นเพราะข้าคือกิมเซียมซูสามขา…”
ฉินหลิวซีแสยะยิ้ม “ต้องเอากระจกส่องปีศาจของข้าส่องดูรูปร่างอัปลักษณ์ของเจ้าสักหน่อย ดูสิว่าจะยังกล้าบอกว่าตัวเองเป็นกิมเซียมซูสามขาอยู่หรือไม่”
กิมเซียมซูโกรธ นี่เป็นการดูถูกร่างกบ
มันกล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูดออกมา หลังจากเงียบไปนานก็เอ่ยพึมพำขึ้นว่า “เราทุกตัวต่างเป็นกบ เผ่าพันธุ์เดียวกัน เป็นปกติที่ข้าจะฉลาดหลักแหลม”
“เลิกพูดพล่ามได้แล้ว บอกความจริงมา”
กิมเซียมซูจึงรีบเอ่ย “ก่อนหน้านี้ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่ที่เขาว่านฝอ ที่นั่นมีถ้ำแห่งหนึ่งที่มีพลังวิญญาณเป็นพิเศษ ดังนั้นจึงสามารถฝึกบำเพ็ญจนมีสติปัญญาและสามารถพูดภาษาคนได้อย่างรวดเร็ว”
เขาว่านฝอ?
“ภูเขานี้อยู่ที่ใด”
“ฉีโจว”
ฉีโจวอีกแล้ว ฉินหลิวซีหรี่ตาลงครึ่งหนึ่ง เอ่ย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้จึงได้เก่งกาจเพราะที่นั่น ในเมื่อที่นั่นมีพลังวิญญาณ เจ้าฝึกบำเพ็ญที่นั่นจะต้องประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน ไยจึงต้องมาลำบากขโมยโชคลาภพลังชีวิตของคนมาแลกกับการสร้างตบะ”
กิมเซียมซูตอบ “เป็นเพราะมีเซียนงูเก่งกาจตนหนึ่งมาแทนที่ข้า ข้าต่อสู้กับมันไปหนึ่งยก สู้ไม่ได้ก็เลยหนีมา แล้วได้มาพบกับตาเฒ่าผู้นี้ ให้เขาพาข้าไป ตอนนั้นดวงวิญญาณและร่างกายของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง จำเป็นต้องใช้โชคลาภและพลังชีวิตมาชดเชยอย่างเร่งด่วน มีฮ่องเต้สามองค์เป็นผู้บุกเบิกโลก หนึ่งในนั้นก็มีลูกหลานของเหรินหวง[1] ตอนนี้พลังวิญญาณในโลกเบาบาง จะมีอะไรที่บำรุงได้มากกว่าพลังชีวิตที่เป็นลูกหลานของเหรินหวง ดังนั้นข้าจึงล่อลวงเขา เมื่อทำข้อตกลงสำเร็จก็สามารถหลีกเลี่ยงกฎของสวรรค์ได้ และเมื่อเริ่มขโมยพลังชีวิตและอายุขัย ข้าก็หยุดไม่ได้แล้ว แต่แม้ว่าข้าจะผิด แต่ก็เป็นเพราะความโลภมากของเขาจึงได้มีวันนี้”
หัวหน้าตระกูลจงก้มหน้าด้วยความอับอาย
ฉินหลิวซีเหลือบมองไป เอ่ย “นับว่าเจ้ามีสติปัญญาอยู่บ้าง น่าเสียดายที่ไม่ได้ใช้ในทางที่ถูกต้อง ในเมื่อมีความรู้นี้ก็ควรจะยิ่งรู้ดีว่าเส้นทางการฝึกบำเพ็ญ เมื่อหลงผิด สักวันหนึ่งมันจะถูกกำหนดให้กลับมาถูกต้อง”
กิมเซียมซูอ้าปาก อยากจะโต้แย้งสักสองสามประโยค แต่สุดท้ายก็เพียงแค่ถอนหายใจ “ข้ายอมแพ้!”
ฉินหลิวซีหยิบกระเป๋าออกมา เอ่ยกับกิมเซียมซูว่า “เจ้าเข้ามา”
“จะทำอะไร ข้ายอมแพ้แล้วยังไม่พอใจอีกหรือ”
“อีกไม่นานข้าจะไปที่ฉีโจวสักหน่อย เจ้าไปกับข้า” ฉินหลิวซีเอ่ยต่อว่า “เจ้าอย่าได้คิดจะขโมยพลังชีวิตของคนอื่นมาหล่อเลี้ยงร่างกายที่สะบักสะบอมของเจ้าอีก”
กิมเซียมซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กระโดดเข้าไปในกระเป๋าใบนั้น อย่างไรเสียก็เกือบจะตายแล้ว อย่างมากก็แค่ถูกนางฆ่าตายอย่างสมบูรณ์
จงจิ้นซื่อเห็นว่ากิมเซียมซูเชื่อฟังเช่นนี้ ชี้ไปที่กระเป๋าแล้วกล่าวว่า “เจ้าอาวาสน้อย ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยแล้วใช่หรือไม่”
“ประมาณนั้น”
จงจิ้นซื่อดีใจมาก เอ่ย “ท่านเจ้าอาวาสเก่งกาจใจกว้าง การกระทำอันชอบธรรมในครั้งนี้ ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทนบอกมาได้เลย!”
ฉินหลิวซีดวงตาเป็นประกายเล็กน้อย กระแอมเบาๆ ชี้ไปที่ในวิหารศักดิ์สิทธิ์ “ข้าคิดว่ากิมเซียมซูทองนั้นไม่เลวเลย”
กิมเซียมซู “?”
[1] เหรินหวง เป็นกษัตริย์ในตำนานของจีนพระองค์ที่สาม หลังจากยุคของผานกู่