คุณหนูใหญ่ผู้นี้ไม่ต้องการก้าวหน้า - ตอนที่ 758 สงสัยว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจ
ตอนที่ 758 สงสัยว่าจะเป็นศัตรูตัวฉกาจ
เว่ยเสียกลับมาหลังจากไปหาผี เมื่อเห็นฉินหลิวซีสีหน้าซีด ซ้ำมุมริมฝีปากยังมีรอยสีแดง สีหน้าที่ไม่สนใจแต่เดิมก็เปลี่ยนไปในทันที
“ท่านถูกผลสะท้อนกลับหรือ ท่านไปทำอะไรมา” เว่ยเสียขมวดคิ้ว ตะโกนให้เถิงเจาไปเอายามา
เมื่อเถิงเจาเข้ามาดู ใบหน้าเล็กก็หน้าซีด รีบไปเอายาบำรุงร่างกายมายัดใส่ปากฉินหลิวซีทันที เอ่ยด้วยความเป็นกังวล “ช่วงนี้อย่าพึ่งใช้วิชาอีกนะขอรับ”
ฉินหลิวซีกลืนเม็ดยาพลางเอ่ย “ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่ไม่ทันระวังไปครู่หนึ่ง จึงเสียท่าให้กับฝ่ายตรงข้าม ทางฝั่งของเขาได้ระเบิดยันต์ แท่นวิญญาณก็เลยสั่นสะเทือนเล็กน้อยเท่านั้น”
แต่ไม่ว่าอย่างไร มันก็คือผลสะท้อนกลับ ก็ถูกต้องแล้ว
เว่ยเสียได้ฟังดังนั้นก็ยิ่งขมวดคิ้ว “เจ้านี่ไม่ธรรมดาเลย ซ้ำยังสามารถทำร้ายท่านได้อย่างนั้นหรือ ตามหลักแล้ว คนที่ทำเช่นนี้ควรจะเป็นท่าน เหตุการณ์พลิกผันเสียแล้วจริงๆ”
ฉินหลิวซีนึกถึงการต่อสู้อาคมเมื่อก่อนหน้านี้ของตัวเองกับนักพรตเฉิงหยางจากอารามจินหัวผู้นั้น ก็เป็นเช่นนี้ ตอนนี้ผู้ที่เรือพลิกคว่ำในคูน้ำคือตัวเอง
“ประมาทไปชั่วขณะ ข้าก็ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะตอบสนองเร็วเพียงนี้ สัมผัสได้ว่าข้าจะใช้วิชาสะกดรอย”ฉินหลิวซีเลียคาบเลือดที่มุมปาก มองเถิงเจาพลางเอ่ย “คราวนี้อาจารย์เสียเปรียบ แต่ก็เป็นการบอกพวกเราว่าแม้ว่าจะเป็นผู้ที่ฝึกบำเพ็ญเต๋า แต่ก็ไม่ใช่ผู้วิเศษที่แข็งแกร่งจนไม่มีใครเอาชนะได้ เจ้ากับข้าล้วนเป็นคนธรรมดา มีเพียงร่างกายของมนุษย์ เลือดออกและบาดเจ็บได้ หากต่อสู้คาถาอาคม ควรจะมีความระมัดระวังตัวอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เป็นเช่นอาจารย์ ประมาทจนเสียเปรียบ”
เว่ยเสียกระตุก เจ้าช่างสอนลูกศิษย์ได้ตลอดเวลาเสียจริง!
เขาเหลือบมองฉินหลิวซี เอ่ยอย่างเย็นชา “อีกหนึ่งประเด็นก็คือเหนือคนยังมีคน เหนือภูเขายังมีภูเขา”
ฉินหลิวซีจ้องเขา ‘ใช่ๆๆ เจ้าพูดถูกทุกอย่าง!’
ข้าก็ไม่ได้บอกว่าตัวเองเป็นที่หนึ่งในใต้หล้า!
“เจ้าไปหาผีมาเป็นอย่างไรบ้าง”
เว่ยเสียเอ่ยทันที “เขาไม่ได้อยู่ในรายชื่อไปเกิดใหม่ แล้วก็ไม่ได้อยู่ในยมโลก คงจะไม่ได้ไปที่นั่น”
หลานซิ่งเห็นสีหน้าของนาง ในใจราวกับมีหินก้อนใหญ่หล่นทับ จมลงไปเรื่อยๆ
“อัญเชิญมาไม่ได้ เช่นนั้นก็เหลือเพียงถูกกักขังแล้ว”
ฉินหลิวซีถอนหายใจเบาๆ
หลานซิ่งคว้าแหวนอีกวงที่ตัวเองห้อยอยู่
เว่ยเสียเอ่ย “ท่านหมายความว่ายังอยู่ในร่างเดิมหรือ หากยังไม่ได้หล่อหลอมเขา หรือจะพิสูจน์ได้ว่าผู้ที่ยึดร่างนั้นเป็นคนดีเหมือนกับข้า”
ฉินหลิวซีเอ่ยเย้ยหยันว่า “ไม่สามารถหล่อหลอมได้ หากไม่ได้เป็นเพราะไม่มีวิธีหล่อหลอม ก็คงเป็นเพราะต้องการบางอย่าง หรือไม่ก็ต้องการโอ้อวดเหมือนกับเจ้า เพียงแค่อยากยึดร่างเท่านั้น แต่ถึงกระนั้น เมื่อเวลาผ่านไปนาน หลานโย่วตัวจริงก็จะหายไป อย่างไรเสียเสือสองตัวก็อยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ นอกเสียแต่ว่าเขาจะแข็งแกร่งมากพอที่จะชิงอำนาจยึดร่างของเขากลับคืนมาได้”
ดวงตาของหลานซิ่งเปียกชื้นเล็กน้อย หัวใจของเขาเจ็บปวดมากจนเขาเริ่มงอตัว
เมื่อฉินหลิวซีเห็นท่าทางสิ้นหวังของเขาก็เอ่ยปากขึ้น แต่กลับไม่ได้เอ่ยคำปลอบใจ
ไม่ว่าจะปลอบใจอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“ข้าจะใช้วิชาสะกดรอยอีกครั้ง”
เว่ยเสียขมวดคิ้ว “เมื่อครู่ท่านพึ่งบอกกับเจาเจาว่าพวกท่านทุกคนเป็นเพียงคนธรรมดาที่มีร่างกายเป็นมนุษย์ ซ้ำพึ่งจะถูกผลสะท้อนกลับ อย่างไรก็ควรพักผ่อนสักหน่อยเถิด”
เถิงเจาก็เห็นด้วยเช่นกัน
ฉินหลิวซีเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร”
ผลสะท้อนกลับนี้ทำร้ายนางเพียงชั่วครู่เท่านั้น ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
แต่เพื่อป้องกันไม่ให้ล้มที่เดิมซ้ำสอง คราวนี้นางไม่ได้ไม่ทันระวังเหมือนเมื่อครู่นี้แล้ว หยิบชาดแดงขึ้นมา วาดค่ายยันต์ลงบนพื้น จากนั้นก็ตัดตุ๊กตากระดาษ แล้วเขียนแปดอักษรเวลาตกฟากของหลานโย่ว
เมื่อเขียนแปดอักษรนี้ใหม่อีกครั้ง นางมองดูแปดอักษรนั้นแล้วชะงักไปในทันที
“มีอะไรหรือ” เมื่อเว่ยเสียเห็นนางหยุดลงก็สงสัยเล็กน้อย
ฉินหลิวซีหยิบกระดาษแผ่นใหม่ขึ้นมา เขียนแปดตัวอักษรลงไป แล้วเปรียบเทียบกับของหลานโย่ว
โดยพื้นฐานแล้วเสาทั้งสี่นั้นเหมือนกัน ยกเว้นเสาปีที่แตกต่างกัน แต่ก็มีความคล้ายคลึงเช่นกัน แปดอักษรของหลานโย่วกับของที่นางเขียนลงไป เป็นเวลาหกสิบปีเหมือนกัน
เคยมีคนเอ่ยไว้ว่าทุกหกสิบปีจะกลับชาติมาเกิดหนึ่งครั้ง แปดอักษรเวลาตกฟากที่ตรงกันเช่นนี้ หากคนก่อนหน้านี้กลับชาติมาเกิด ก็จะเข้ากันได้ดีเป็นอย่างมาก
ฉินหลิวซีสีหน้ามืดครึ้ม
และผู้ที่แปดอักษรเวลาตกฟากก่อนหลานโย่วหกสิบปีพอดี คือชื่อเจินจื่อ
นี่คือความบังเอิญหรือ
ฉินหลิวซีเคยต่อกรกับชื่อเจินจื่อ ตอนนั้นก็ได้ใช้ไฟนรกบีบบังคับให้วิญญาณของฝ่ายตรงข้ามออกจากร่าง แต่เนื่องจากฝ่ายตรงข้ามมีกระดูกพุทธะ จึงทำให้เขาหลบหนีอยู่ไปได้เสมอ
เอ่ยอีกนัยหนึ่งก็คือ แม้ว่าชื่อเจินจื่อจะหนีไป แต่ก็ยังคงเตร็ดเตร่ในรูปแบบของวิญญาณ ไฟนรกได้แผดเผากระทั่งดวงวิญญาณของเขา ดังนั้นเขาจะต้องได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน และคงต้องหาร่างเพื่อหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณ เมื่อหาได้แล้วก็ยังต้องใช้เวลารักษาอยู่ระยะหนึ่ง
หรือว่าหลานโย่วผู้นี้ก็คือร่างใหม่ที่เขาค้นพบ
“หลานโย่วหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใดหรือ” ฉินหลิวซีถามหลานซิ่ง
หลานซิ่งตอบโดยไม่ต้องคิด “ช่วงปลายเดือนห้า ตอนนั้นข้ากลับมาจากไปเยี่ยมสหาย เขาก็ไม่อยู่แล้ว”
ช่วงเวลาตรงกัน
ใบหน้าของฉินหลิวซีเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ดวงวิญญาณได้รับความเสียหาย แต่ยังสามารถหาร่างที่เหมาะสมกันเช่นนี้ได้ เป็นโชคขี้หมาของชื่อเจินจื่อเสียจริง หรือเป็นเพราะพลังของกระดูกพุทธะ
“สีหน้าของท่านหมายความว่าอย่างไรกันแน่” เว่ยเสียเอ่ยถาม
ฉินหลิวซีบอกถึงการคาดเดาของตัวเอง
เถิงเจาตกตะลึง เป็นแมลงร้อยขาทรยศผู้นั้นเองหรือ
หลานซิ่งก็ประหลาดใจมากเช่นกัน เอ่ย “ท่านหมายความว่าคนที่ยึดครองร่างของเสี่ยวโย่วคือศัตรูตัวฉกาจของพวกท่าน”
“นั่นคือนักพรตมาร และเขาถูกอารามชิงผิงของพวกเราไล่ออกจากสำนักเมื่อหลายสิบปีก่อนเพราะเขาฝึกบำเพ็ญมาร มองว่าเป็นคนทรยศ”
ดวงตาของหลานซิ่งมีความเกลียดชังเล็กน้อย
เว่ยเสียเลิกคิ้ว “เดี๋ยวนะ เขาไม่ได้ถูกท่านจัดการจนดวงวิญญาณหนีออกจากร่างไปแล้วหรอกหรือ ก็หมายความว่าเขาสู้ท่านไม่ได้ ก็ไม่มีทางที่จะฟื้นตัวเร็วเพียงนี้ แต่เมื่อครู่ท่านกลับถูกเขาลอบทำร้าย ต่อให้เขากินยาทิพย์มาก็คงไม่เก่งกาจขนาดนี้หรอกกระมัง เป็นไปได้หรือไม่ที่ท่านจะเดาผิด อาจเป็นเพียงเรื่องบังเอิญ”
“ข้าถูกลอบทำร้าย เพียงเพราะความประมาทเท่านั้น อีกอย่างตอนนั้นอาจารย์ต่อสู้อาคมกับเขาจึงได้ทำให้ตบะถดถอย ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจวิชาเต๋าเป็นอย่างดี ทำลายวิชาสะกดรอยเล็กๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเขามีกระดูกพุทธะอยู่ อีกอย่าง…” ฉินหลิวซีมองไปยังหลานซิ่ง เอ่ยว่า “หลานโย่วคือคนจากโลกอื่นหรือไม่”
เฮยซาบอกว่าคนที่มาจากโลกอื่นมักจะมีโชคลาภ ซ้ำยังมีบุญกุศลติดตัว ซึ่งเป็นยาบำรุงดวงวิญญาณสัมภเวสีเร่ร่อนเป็นอย่างดี
นางยังไม่รู้ว่าสิ่งนี้มีวิธีการอย่างไร แต่เมื่อลองคิดดู การที่สามารถจากโลกอื่นมาที่นี่ได้ ก็มีโอกาสมีโชคลาภส่วนหนึ่งอยู่แล้วไม่ใช่หรือ
หลานซิ่งรูม่านตาหดลง มือสั่นเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแน่น
ความจริงแล้วเสี่ยวโย่วถูกเขาเก็บมา เดิมทีเป็นเพียงแค่เด็กปัญญาบกพร่องผู้หนึ่ง แต่จู่ๆ เขาก็รู้แจ้งหลังจากที่อายุได้สิบสองปี ต่อมาทั้งสองก็ได้พูดคุยกันอย่างจริงใจ เสี่ยวโย่วจึงเริ่มที่จะเล่าถึงที่มาของตัวเอง
เขามาจากอีกโลกหนึ่ง
นี่เป็นความลับระหว่างพวกเขา ไม่มีใครรู้ แต่ฉินหลิวซีได้เปิดเผยมันแล้ว
เอาเถิด สีหน้านี้ของเขาไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรแล้ว
ฉินหลิวซีถอนหายใจ แม้ว่าจะไม่อยากยอมรับ แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้นี้ออกได้ การต่อต้านของชื่อเจินจื่อคนสารเลวผู้นี้ต้องเป็นเพราะความโชคดีอย่างแน่นอน แต่ละครั้งจนตรอกจนต้องร้องขอชีวิต แต่ก็ยังเอาชีวิตรอดมาได้ พิสูจน์ว่าเป็นอย่างที่เจาเจาเอ่ยไว้เมื่อครู่นี้ว่าแมลงร้อยขา
เขาคงเป็นบุตรแห่งโชคชะตากระมัง ส่วนนางคงเป็นแม่เลี้ยงที่เก็บมาหรือไม่