ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 130
130: สิ่งใดคือเต๋า?
“สองพัน…สามพัน…หกพัน…เก้าพัน!”
“ยอดเขาหมื่นจั้ง”
ในที่สุด ภายใต้สายตาที่กำลังกระตุกนับไม่ถ้วน เซียวฮั่นก็พาเมิ่งเชียนเซวี่ยและอู่เฟิ่งเอ๋อย่างกรายสู่ยอดเขาหมื่นจั้ง ทันทีที่เซียวฮั่นเข้าสู่ยอดเขาหมื่นจั้ง วิถีเต๋าอันน่าหวาดกลัวพลันสะกดข่มลงมา ชั่วขณะนี้ แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตราชัน เมื่ออยู่ภายใต้อานุภาพกดข่มแห่งวิถีเต๋าก็ยังต้องศิโรราบลงกับพื้น
“ช่างน่าหวาดกลัวจริง ๆ นี่คือยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ที่อายุน้อยเพียงนี้เชียวหรือ? หรือเขาจะเป็นปรมาจารย์เฒ่าแต่ตั้งใจปลอมตัวเป็นชายหนุ่ม?”
มองไปยังเซียวฮั่นที่ยังคงเดินเตร็ดเตร่อย่างสบายใจราวกับกำลังเดินบนพื้นราบ ยามนี้ไม่รู้ว่าสายตามากมายเพียงใดได้หรี่ลงอย่างฉับพลัน
ส่วนศิษย์แต่ละคนที่หยุดอยู่ที่ยอดเขาเจิ้งต้าว ในยามนี้ก็ทยอยตกลงมาจากยอดเขาเจิ้งต้าวทีละคน บัดนี้ ยอดเขาเจิ้งต้าวทั้งลูกล้วนมีวิถีเต๋าสั่นสะเทือนกึกก้อง พวกเขาไม่อาจยืนหยัดได้นานมากนัก แม้แต่ศิษย์ที่มีพลังขอบเขตราชันในยอดเขาแสนจั้งจำนวนมากก็ยังพากันออกจากยอดเขาเจิ้งต้าวแล้วยืนลอยอยู่บนอากาศ สายตาของพวกเขายามนี้จ้องเขม็งไปที่เซียวฮั่น
ขณะที่สายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวตามจังหวะฝีเท้าของเซียวฮั่น ในความว่างเปล่า เงาร่างมายาหลายสายก็โผล่ขึ้นมาอย่างช้า ๆ และมีจางอู๋จี๋บรรพบุรุษของสำนักแห่งเต๋ารวมอยู่ด้วย
“วิถีเต๋าทีละก้าว”
มองไปยังเซียวฮั่นที่มุ่งไปข้างหน้าทีละก้าว แม้แต่จางอู๋จี๋ก็ยังลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ความตระหนักรู้ในวิถีเต๋าของเซียวฮั่นเกรงว่าอยู่เหนือกว่าจินตนาการของเขา คนอื่น ๆ ต่างกำลังรู้แจ้งและบรรลุ แต่ตัวเซียวฮั่นก็คือเต๋า
ดังนั้นขณะปีนขึ้นไปบนยอดเขาเจิ้งต้าว เซียวฮั่นจึงมิได้สะทกสะท้านอันใด เพราะตัวของเขาก็คือเต๋า ไยต้องมาพิสูจน์ตนเองอีก ด้วยเหตุนี้ ต่อให้การกดข่มแห่งวิถีเต๋าอาศัยยอดเขาเจิ้งต้าวที่น่าหวาดผวาเพียงใด ก็มิอาจกระทบกระเทือนเซียวฮั่นแม้แต่น้อย
โลกและสวรรค์เงียบสงัด เซียวฮั่นกลับไม่ไหวติง ยังคงก้าวเดินต่อไป เมื่อเดินไปจนถึงบนสุดของยอดเขาหมื่นจั้ง เขาก็สาวเท้าหนึ่งครั้งมุ่งขึ้นไปสู่ยอดเขาแสนจั้ง ขณะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปบนยอดเขาแสนจั้ง อานุภาพแห่งวิถีเต๋าอันไร้เทียมทานก็กวาดล้างโลกและสวรรค์ของสำนักแห่งเต๋าทั้งสำนักในทันที
ภายใต้อานุภาพแห่งเต๋าไร้เทียมทานสายนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงอยู่ระดับใดก็ล้วนต้องศิโรราบทั้งสิ้น แม้แต่ศิษย์ขอบเขตราชันที่ลอยอยู่ในอากาศยังทยอยร่วงลงสู่พื้นดิน ผู้อาวุโสของสำนักแห่งเต๋าจำนวนมากที่หลบซ่อนบำเพ็ญเพียรในยอดเขาล้านจั้ง ยามนี้ก็ค่อย ๆ ปรากฏตัวออกมาจากยอดเขาเจิ้งต้าว เพราะมาถึงขั้นนี้แล้ว แม้แต่พวกเขาผู้เป็นตัวตนขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ทนต่อแรงแห่งเต๋าอันน่าหวาดผวาที่สั่นสะเทือนใต้ยอดเขาเจิ้งต้าวไม่ไหว
“ท่านอาจารย์ใหญ่!”
เมื่อผู้อาวุโสเหล่านี้ทยอยร่วงลงมาสู่พื้น จูเก๋อเฟิงที่สวมชุดขาวโพลนราวหิมะก็ปรากฏกายในทันที ขณะที่เขาปรากฏตัว ศิษย์ อาจารย์ใหญ่ กระทั่งผู้อาวุโสทุกคนต่างโค้งตัวลงพลางเอ่ยต้อนรับ
เพียงแต่ยามนี้จูเก๋อเฟิงกำลังมองไปยังเงาร่างที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าอันหนักแน่น ชั่วขณะนี้ แม้แต่เขาผู้เป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราช ในใจก็ยังเกิดความลังเลอยู่เล็กน้อย เพราะเขาไม่รู้ว่าชะตากรรมของสำนักแห่งเต๋าจะเป็นอย่างไรต่อไป
เวลานี้เซียวฮั่นกำลังปีนขึ้นไปบนยอดเขาเจิ้งต้าวทีละก้าว เมิ่งเชียนเซวี่ยและอู่เฟิ่งเอ๋อที่อยู่ข้างเขากลับไม่รู้สึกถึงอานุภาพสะกดข่มแห่งเต๋าใด ๆ พวกนางในยามนี้สงบมั่นคงเกินจะเปรียบ การติดตามอยู่เคียงข้างเซียวฮั่นราวกับเป็นที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้าก็ไม่ปาน
“แสนจั้ง สองแสน สามแสน!”
ดูเหมือนก้าวทีละก้าวอย่างช้า ๆ แต่กลับก้าวข้ามระยะทางหนึ่งแสนจั้งในชั่วพริบตา ทันใดนั้นเซียวฮั่นก็พาสตรีทั้งสองมายังขอบเขตยอดเขาล้านจั้ง หากก้าวผ่านไป ผู้ใดก็ไม่มีทางจินตนาการได้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น
“จะก้าวข้ามไปได้หรือไม่? อย่างที่รู้กันว่าการพาคนสองคนมายังยอดเขาล้านจั้ง ก็เทียบเท่ากับหลายร้อยล้านจั้งแล้ว!”
เซียวฮั่นย่างก้าวเข้าสู่ปรากฏการณ์ของยอดเขาล้านจั้ง เพราะนี่เป็นเขตที่ไม่มีผู้ใดเคยยุ่งเกี่ยวมาก่อน แม้แต่การดำรงอยู่ระดับเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชสูงสุดก็เพียงยอดเขาสิบล้านจั้ง สูงกว่านี้ก็ไม่มีผู้ใดเคยปีนขึ้นไปแล้ว
ชั่วขณะนี้ สายตานับไม่ถ้วนรวมกันที่ยอดเขาเจิ้งต้าว คนทั้งหมดกลั้นลมหายใจไปชั่วขณะ หากเซียวฮั่นทำสำเร็จ เช่นนั้นในวันนี้พวกเขาก็พบปาฏิหารย์แล้ว
แน่นอนว่า จนถึงยามนี้ก็ยังไม่มีผู้ใดคิดว่าเซียวฮั่นเป็นศิษย์ของสำนัก ในสายตาของพวกเขา เซียวฮั่นคือการดำรงอยู่ไร้เทียมทานท่านหนึ่งที่กำลังเดินมาท่ามกลางพวกเขา
“ให้ตายสิ! เป็นเช่นนี้ได้เยี่ยงไร!”
ท่ามกลางฝูงชน สีหน้าของอ้าวเทียนในยามนี้หมองคล้ำอย่างสุดขีด แต่เขากลับจนปัญญา ยามนี้แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้อย่างแจ่มแจ้งว่าเซียวฮั่นคือการดำรงอยู่อันน่าหวาดผวาอย่างแน่นอน เนื่องจากความแข็งแกร่งของเขามิอาจเป็นคู่ต่อกรของอีกฝ่าย นอกเสียจากว่าผู้อาวุโสของสำนักจะออกมือเสียเอง
หนึ่งแสนจั้ง เซียวฮั่นเดินทอดน่องอย่างสบายใจ ยอดเขาล้านจั้ง เขาก็ยังคงเอ้อระเหย ราวกับสิ่งที่ตนปีนอยู่มิใช่ยอดเขาเจิ้งต้าว คล้ายกับกำลังชื่นชมทิวทัศน์อย่างสบายใจก็มิปาน แม้ยอดเขาเจิ้งต้าวจะมีวิถีเต๋าสั่นสะเทือนเพียงใด และแม้ว่าอานุภาพแห่งวิถีเต๋าจะทลายสวรรค์ เซียวฮั่นก็ยังคงไม่ไหวติง สาวเท้าขึ้นไปยังยอดเขาสิบล้านจั้งทีละก้าวอย่างมั่นคง
ยามนี้ หนึ่งก้าวของเซียวฮั่นคือหนึ่งวิถีเต๋า ประหนึ่งว่าสามพันวิถีโผล่ขึ้นมาภายใต้ฝ่าเท้าของเขา ยอดเขาเจิ้งต้าวทำอะไรเขาไม่ได้แม้เพียงเสี้ยว เมื่อผู้อาวุโสซึ่งเป็นผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเห็นภาพนี้ก็ล้วนกลั้นลมหายใจไปตาม ๆ กัน ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความเคารพ
ยอดเขาสิบล้านจั้ง ไม่สามารถทำให้เซียวฮั่นหยุดฝีเท้าได้ เซียวฮั่นพาเมิ่งเชียนเซวี่ยและอู่เฟิ่งเอ๋อปีนขึ้นไปยังจุดสูงสุดของยอดเขาเจิ้งต้าว มองดูแล้วยอดเขาแห่งนี้เหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด ทว่าภายใต้ฝ่าเท้าของเซียวฮั่นกลับดูเหมือนใกล้มากก็มิปาน
ทีละก้าวทีละวิถีเต๋า สามพันวิถีปรากฏขึ้นใต้ฝ่าเท้า เงาร่างของเซียวฮั่นก็กลายเป็นเล็กลงอย่างมากโดยไม่รู้ตัว กระทั่งคนจำนวนมากต่างมองไม่เห็นว่าเซียวฮั่นเดินไปถึงกี่จั้งของยอดเขาเจิ้งต้าวแล้ว ทว่าในใจของทุกคนกลับคิดว่าปลายทางย่อมเป็นจุดสูงสุดของยอดเขาเป็นแน่
ไม่มีผู้ใดเคยปีนถึงจุดยอดสุดมาก่อน ทั้งยังไม่มีผู้ใดเคยเห็นว่าบนยอดสุดของยอดเขาเจิ้งต้าวมีสิ่งใด แม้พวกเขาจะลอยขึ้นสูงก็ยังมองไม่เห็น กระทั่งลอยออกไปจากความว่างเปล่าจนมากเกินไปแล้วก็ยังคงมองไม่เห็นเช่นเดิม
และวันนี้เซียวฮั่นพาเมิ่งเชียนเซวี่ยและอู่เฟิ่งเอ๋อก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดของยอดเขาเจิ้งต้าว หากระหว่างผืนปฐพีและสวรรค์มีสถานที่ใดที่ทั้งสองเกือบบรรจบ เช่นนั้นยอดเขาเจิ้งต้าวก็นับเป็นที่หนึ่ง
ยามนี้เซียวฮั่นพาเมิ่งเชียนเซวี่ยและอู่เฟิ่งเอ๋อมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของยอดเขาเจิ้งต้าว ยอดเขาก็คือที่ราบแปลงหนึ่ง พื้นดินขนาดไม่ใหญ่ มีเพียงสิบจั้งเป็นรูปทรงกลม ทว่าสิ่งที่ทำให้ผู้คนรู้สึกตกใจก็คือ บนพื้นดินรูปร่างวงกลมสิบจั้งนี้คือสรวงสวรรค์
พวกเขายืนอยู่ที่นี่ เพียงยกมือขึ้นก็สามารถสัมผัสท้องฟ้าได้ ที่แห่งนี้ดูสภาพแล้วราวกับโลกและสวรรค์ที่ยังมิเคยได้เปิด บนศีรษะคือสวรรค์ ใต้ฝ่าเท้าคือโลก สวรรค์และโลกกลับอยู่ใกล้กันเช่นนี้
ในโลกและสวรรค์อันแปลกประหลาดผืนนี้เต็มไปด้วยวิถีเต๋า เขตนี้ทั้งเขตเต็มไปด้วยธาตุอากาศ ลืมตามองเป็นแสงสีขาว ดูราวกับเป็นสภาพของยุคแรกเริ่มก็มิปาน
“พวกเจ้าทั้งสองคว้าโอกาสอันล้ำค่านี้ไว้ แม้ว่ามีเพียงยี่สิบวัน แต่สิ่งนี้สำหรับชั่วชีวิตของพวกเจ้ามันจะนำมาซึ่งความเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวง โดยเฉพาะเมิ่งเชียนเซวี่ย ที่นี่ เคล็ดวิชาแห่งฝันของเจ้าจะเพิ่มพูนขึ้นจนสมบูรณ์ ส่วนจะสามารถเดินถึงขั้นนั้นหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับโชคของเจ้าแล้ว”
เมื่อเอ่ยจบ เซียวฮั่นก็สะบัดมือหนึ่งครา เงาร่างของเมิ่งเชียนเซวี่ยจึงนั่งลง จากนั้นก็ทำสมาธิ ในไม่ช้าคนทั้งร่างถูกรายล้อมไปด้วยพลังวิถีเต๋าแห่งโลกและสวรรค์อันไร้จุดสิ้นสุด ก่อนที่เงาร่างจะหายไปในโลกและสวรรค์ที่มีแสงสีขาว
“เห็นแก่หน้าของอู่ขวางถู ข้าจะช่วยเหลือพวกเจ้าตระกูลอู่เอง!”
เมื่อเอ่ยจบ เซียวฮั่นก็ก้าวฝ่าเท้าหนึ่งครา โลหิตสวรรค์ครึ่งหยดปรากฏกลางฝ่ามือของเขา
“ไป!”
แววในดวงตาเปล่งประกายวาบ เซียวฮั่นชี้นิ้วออกไป โลหิตสวรรค์ครึ่งหยดไหลไปตามระหว่างนิ้วของเซียวฮั่น ก่อนจะเข้าสู่หว่างคิ้วของอู่เฟิ่งเอ๋อ ทันทีที่โลหิตสวรรค์เข้าสู่หว่างคิ้วของนาง ลมปราณอันน่าหวาดผวาก็กวาดล้างออกมาจากร่างของนางทันที
คล้ายกับว่าในร่างของอู่เฟิ่งเอ๋อมีสายเลือดอันน่าหวาดผวาสุดขีดที่ตื่นตัวแล้วก็มิปาน ขณะที่ลมปราณอันน่าหวาดผวากลอกกลิ้ง หลังร่างของนางก็ปรากฏเงาร่างสายหนึ่ง เงาร่างนั้นมีเกราะนักรบห่อหุ้มร่าง มือถือขวาน รอบ ๆ ร่างของชายผู้นี้แผ่กระจายจิตต่อสู้อันไร้ขอบเขต ชายผู้นี้ก็คือเงาร่างมายา แต่แม้จะเป็นเงาร่างมายา กลับมีคลื่นอานุภาพพลังอันน่าเกรงขามไร้เทียมทาน
“สายเลือดนักรบ หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”
เมื่อเห็นอู่เฟิ่งเอ๋อปลุกเร้าสายเลือดนักรบในร่างกาย และหลังจากนั่งขัดสมาธิ จากนั้นเห็นเพียงเซียวฮั่นก้าวฝ่าเท้าหนึ่งครา ก่อนที่คนทั้งร่างจะหายไปในธาตุอากาศสีขาวนี้
เมื่อเซียวฮั่นปรากฏตัวขึ้นอีกครา เงาร่างก็ยืนอยู่ที่บริเวณกึ่งกลางของที่ราบทรงกลมขนาดสิบจั้ง ยามนี้บนศีรษะของเขาคือสวรรค์ ฝ่าเท้าเหยียบย่ำผืนดิน เห็นเพียงเขาเงยหน้ามองนภา ก่อนจะอ้าปากเอ่ยพลางยิ้ม
“สิ่งใดคือเต๋า?”
“คนควบคุมแผ่นดิน ดินควบคุมสวรรค์ สวรรค์ควบคุมเต๋า เต๋าควบคุมธรรมชาติ สิ่งนี้คือเต๋า!”
เมื่อสิ้นเสียงของเซียวฮั่น คำกล่าวไร้ที่มาพลันดังขึ้นข้างหูเขา หรือกล่าวอย่างลึกซึ้งก็คือดังขึ้นในก้นบึ้งของหัวใจเขา
“กฎแห่งสวรรค์โดยธรรมชาติงั้นรึ? หากเป็นเช่นนั้น โลกก็ต้องมีวัฏจักร? ทุกสรรพสิ่งจำต้องถูกทำลาย?”
เซียวฮั่นแหงนหน้ามองนภา ก่อนจะเอ่ยถามอีกครั้ง
“กฎแห่งสวรรค์ดำรงอยู่ชั่วนิรันดร์ สรรพสิ่งบนโลกและสวรรค์ล้วนคือเต๋า สรรพสิ่งบนโลกและสวรรค์ก็คือไร้เต๋า เต๋าก็คือเต๋า เต๋าไม่ใช่เต๋า เต๋ากลายเป็นว่างเปล่า ความว่างเปล่าก็คือเต๋า!”
“ความว่างเปล่าก็คือเต๋า ข้ามองว่าน่าขันนัก หากความว่างเปล่าคือเต๋า ไยต้องมาที่โลกสามพันใบนี้ ไยต้องมาที่โลกมนุษย์?”
เซียวฮั่นหัวเราะเยือกเย็น สายตาแข็งค้างอย่างฉับพลันพลางเอ่ยขึ้นว่า
“เต๋ารวมเป็นหนึ่ง หนึ่งเกิดเป็นสอง สองเกิดเป็นสาม สามกำเนิดสรรพสิ่ง เต๋าของเจ้า เพียงแต่เพื่อเต๋า อาศัยเต๋าเดินบนเส้นทางที่เรียกว่ากฎแห่งสวรรค์”
“เช่นนั้นเต๋าของเจ้าเป็นอย่างไร?”
เสียงไร้ตัวตนเลื่อนลอยดังขึ้นอีกครา เซียวฮั่นกลับไม่ไหวติง เพียงแค่เอ่ยอย่างเรียบ ๆ ว่า
“เต๋าก็เป็นทั้งเต๋า สิ่งที่ไม่เหมาะเป็นเต๋าก็คือไร้เต๋า สรรพสิ่งก็คือเต๋า เต๋าก็คือสรรพสิ่ง ทุกสรรพสิ่งล้วนเป็นเต๋า ไยต้องพูดถึงความว่างเปล่า?”
เมื่อคำกล่าวของเซียวฮั่นสิ้นสุดลง เสียงอันเลื่อนลอยว่างเปล่าก็ไม่ได้ดังขึ้นอีก แต่เซียวฮั่นกลับไม่สนใจอีกฝ่าย สำหรับความคิดแห่งเต๋า ทั้งสองฝ่ายมีความคิดที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง เต๋าของอีกฝ่ายคือการเดินบนกฎแห่งสวรรค์ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิต สรรพสิ่งล้วนต้องยอมอยู่ใต้อำนาจของสวรรค์ และเต๋าของเซียวฮั่นก็คือสรรพสิ่งเป็นเต๋า โลกและสวรรค์นี้ขึ้นอยู่กับการควบคุมของสรรพสิ่ง ทั้งหมดเป็นไปตามกฎวิวัฒนาการของสรรพสิ่งบนวิถีเต๋า
และมิใช่สิ่งที่เรียกว่ากฎแห่งสวรรค์กำหนดทุกสิ่งอย่าง สิ่งที่เรียกว่ากฎแห่งสวรรค์เพียงแค่ทำราวกับสรรพสิ่งเป็นหุ่นฟาง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เหตุใดเขาจึงต้องทำตามสิ่งที่เรียกว่ากฎแห่งสวรรค์ เส้นทางที่เขาเดินอยู่ก็คือวิถีเต๋าไร้เทียมทาน สามพันวิถีคือในใจของเขาเอง ร่างคือเต๋า ใจคือเต๋า สร้างเต๋าดั่งใจ ควบคุมเต๋า แม้ว่าเต๋าสายนี้จะเป็นกฎพลิกสวรรค์ เขาก็จะไม่มีความลังเลอันใด!