ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 128
128: อ้าวเทียน!
ยอดเขาเจิ้งต้าวเปรียบเสมือนขุนเขาเทพยดาลูกหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่ามีความสูงเท่าไหร่ ภายใต้ขุนเขาแห่งนี้ ทุกสิ่งรวมทั้งผู้คนล้วนเล็กเกินจะเปรียบ ด้านหน้าของยอดเขาเจิ้งต้าวอันมหึมา ไม่ว่าผู้คนจะมากเพียงใดก็เป็นเพียงเศษฝุ่นเล็ก ๆ ที่อยู่บนขุนเขาเท่านั้น
รอบ ๆ ยอดเขาเจิ้งต้าวมีวิหารและสิ่งปลูกสร้างอยู่เป็นจำนวนมาก และในวิหารเหล่านี้มีศิษย์มากหน้าหลายตากำลังวิเคราะห์ถกเถียงกันเรื่องเต๋า บ้างก็คุยกันเรื่องศิษย์พี่บางคนว่าปีนขึ้นไปถึงส่วนใดแล้ว ชั่วขณะนั้นก็เกิดเสียงอุทานอย่างตกตะลึงขึ้นมาเสียงหนึ่ง
“พวกเจ้าดูเร็ว ศิษย์พี่อ้าวเทียนไต่ถึงยอดเขาแล้ว ไม่รู้ว่าครั้งนี้ศิษย์พี่อ้าวเทียนจะสามารถปีนถึงยอดเขาแสนจั้งได้หรือไม่!”
เมื่อเสียงอุทานดังขึ้นก็เป็นผลให้เกิดความสนใจจากสายตานับไม่ถ้วน แม้แต่ศิษย์รุ่นอาวุโสก็ยังพากันลุกขึ้นยืนภายใต้สายตาที่ทอดลงบนยอดเขาแห่งเต๋า
ที่แห่งนั้นมีร่างหนึ่ง สวมชุดคลุมสีทอง อ้าวเทียนผู้มีราศีความสง่างามแผ่กระจายกำลังเงยหน้าขึ้นมองยอดเขาเจิ้งต้าวที่อยู่เบื้องหน้า จากนั้นก็ก้าวฝ่าเท้าหนึ่งครา คนทั้งร่างเหยียบย่ำลงบนยอดเขา
“ครืน!”
ขณะที่ย่างก้าวเข้าสู่ยอดเขาเจิ้งต้าว ทันใดนั้นกฎวิถีเต๋าแห่งโลกและสวรรค์สายหนึ่งก็ร่วงลงมา ก่อนจะโอบล้อมร่างของอ้าวเทียนทั้งร่าง เพียงแต่สิ่งนี้มิอาจขัดขวางฝีเท้าของอ้าวเทียนได้ เห็นเพียงฝ่าเท้าของเขาก้าวข้ามไปหลายก้าว ก้าวผ่านร้อยจั้ง พันจั้ง และหมื่นจั้ง เมื่อเห็นภาพนี้ ก็ทำให้เกิดเสียงอุทานดังขึ้นเซ็งแซ่
“เกรงว่าศิษย์พี่อ้าวเทียนคงมีพลังสูงสุดของขอบเขตทรราชแล้ว หรืออาจจะถึงขอบเขตราชันเสียด้วยซ้ำ ยอดฝีมือขอบเขตราชันอายุเพียงยี่สิบสองปี แม้แต่ศิษย์รุ่นที่สี่และห้าก็ยังไม่เคยบรรลุมาก่อน!”
เมื่อเห็นอ้าวเทียนย่างกรายสู่ยอดเขาหมื่นจั้งอย่างง่ายดาย ศิษย์จำนวนไม่น้อยต่างก็อุทานขึ้นมาตาม ๆ กัน
แน่นอนว่า หากคิดจะปีนป่ายยอดเขาเจิ้งต้าว นอกจากพลังและความแข็งแกร่งแล้ว สำหรับผู้ที่มีความตระหนักรู้ในวิถีเต๋าแห่งโลกและสวรรค์หรือกฎแห่งโลกและสวรรค์ลึกซึ้งเพียงใด ความสามารถในการปีนป่ายก็จะยิ่งสูงตาม เพียงแต่เรื่องแบบนี้มีน้อยมาก อย่างไรก็มีน้อยคนที่จะมีขอบเขตสูงกว่าพลังความแข็งแกร่งของตน
นอกเสียจากจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์โดดเด่น พลังของร่างอาจเป็นขอบเขตทรราช แต่การรู้แจ้งกลับบรรลุขอบเขตราชันแล้ว และผู้ที่เก่งกาจเช่นนี้มีอยู่น้อยมาก จากสำนักแห่งเต๋าทั้งสำนักใช้นิ้วนับยังได้ ส่วนมากล้วนมีขอบเขตและความแข็งแกร่งของตนในระดับเดียวกัน
ผืนฟ้าและสวรรค์บนยอดเขาเจิ้งต้าวกว้างใหญ่ไพศาล ยิ่งปีนสูงขึ้น ก็จะพบกับพลังแห่งเต๋าที่น่าหวาดผวาและการสะกดข่มที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สิ่งนี้เปรียบได้กับการว่ายทวนกระแสน้ำ หากรับไม่ไหวก็จะถูกซัดลงมา
หลังจากอ้าวเทียนปีนขึ้นไปถึงยอดเขาหมื่นจั้ง ทุกหมื่นจั้งระดับความยากจะเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ดังนั้นหลังจากขึ้นไปถึงยอดเขาแปดหมื่นจั้ง ความเร็วของอ้าวเทียนก็ได้ช้าลงไปเสียแล้ว เพียงแต่ยังคงมุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่ลดละ
หนึ่งแสนจั้งอยู่ข้างหน้า ขอเพียงแต่อ้าวเทียนสามารถย่างก้าวขึ้นไปบนยอดเขาเจิ้งต้าวที่สูงหนึ่งแสนจั้งได้ เช่นนั้นเขาก็สามารถอาศัยสิ่งนี้ทะลวงขอบเขตราชัน และเขาได้เตรียมพร้อมมาแล้วสำหรับวันนี้ ดังนั้นจึงมิอาจล้มเหลวได้
“ฮ่าห์!”
ในที่สุด หลังจากย่างกรายเข้าสู่ยอดเขาเจิ้งต้าวที่ความสูงเก้าหมื่นจั้ง อ้าวเทียนก็คำรามขึ้นอย่างฉับพลัน ภายใต้สายตานับไม่ถ้วน เห็นเพียงพลังแห่งเต๋ากลอกกลิ้งล้อมรอบกาย ลมปราณทั่วร่างพุ่งขึ้นสูงอย่างบ้าคลั่งในชั่วพริบตา
“จุดสูงสุดขอบเขตทรราช! สมกับเป็นศิษย์พี่อ้าวเทียน เกรงว่าอีกไม่กี่ก้าวก็ทะลวงขอบเขตราชันได้แล้ว หากวันนี้ศิษย์พี่อ้าวเทียนทะลวงถึงขอบเขตราชัน เช่นนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนแรกของสี่ผู้โดดเด่น”
เมื่อเห็นอ้าวเทียนมีลมปราณอันน่าหวาดผวากลอกกลิ้งทั่วร่าง ศิษย์จำนวนไม่น้อยก็ล้วนแต่ตะลึงงัน ชายหนุ่มอายุเท่านี้แต่กลับมีพลังสูงสุดของขอบเขตทรราช พรสวรรค์เช่นนี้อยู่เหนือกว่าศิษย์ส่วนมากไปไกลลิบ
อย่างที่รู้ว่าสำนักแห่งเต๋าได้รวบรวมอัจฉริยะรุ่นเยาว์มากกว่าเจ็ดส่วนจากทั่วทั้งสี่ทวีป และการเผยความสามารถโดดเด่นออกมาท่ามกลางอัจฉริยะเหล่านี้ พรสวรรค์ของอ้าวเทียนนั้น แม้จะมองคนรุ่นเยาว์ทั่วทั้งมหาทวีปตงโจวก็ยังนับว่ายอดเยี่ยม
“ฮ่าห์!”
ท้ายที่สุด ขณะที่อ้าวเทียนใกล้ถึงยอดเขาหนึ่งแสนจั้ง เสียงตะโกนอันสั่นสะเทือนเลือนลั่นก็ดังขึ้นไปทั่วทั้งเก้าชั้นฟ้า ชั่วขณะนี้แม้แต่ลมปราณที่ทะยานขึ้นสู่จุดสูงสุดของเขาก็ระเบิดออกมาอย่างฉับพลัน ลมปราณที่น่าหวาดผวายิ่งกว่าสายหนึ่งกวาดล้างทั่วทั้งโลกและสวรรค์ หลังจากนั้นเงาร่างของอ้าวเทียนก็ก้าวเข้าสู่ยอดเขาหนึ่งแสนจั้งทันที
“ทะลวงแล้ว!”
เมื่อกลิ่นอายของยอดฝีมือขอบเขตราชันแผ่ซ่านออกมาจากร่างของอ้าวเทียน คนจำนวนมากล้วนมีสีหน้าตื้นตันทันที เกรงว่านี่จะเป็นศิษย์ขอบเขตราชันรุ่นเยาว์ที่สุดในสำนักแห่งเต๋ารอบหลายร้อยปี อ้าวเทียนเพิ่งเข้าสำนักแห่งเต๋าได้เพียงสองปีก็ทะลวงขอบเขตราชันเสียแล้ว พรสวรรค์เช่นนี้จะไม่ให้คนธรรมดาชำเลืองมองเห็นทีจะไม่ได้
เวลานี้ไม่รู้ว่ามีศิษย์จำนวนกี่คนกำลังจ้องมองอ้าวเทียน ทุกคนล้วนแต่มีสีหน้าเลื่อมใส เซียวฮั่น และเมิ่งเชียนเซวี่ยที่เพิ่งเดินทางมาถึงยอดเขาเจิ้งต้าวก็เห็นภาพนี้เช่นกัน
“เขาก้าวผ่านแล้วจริง ๆ!”
เมื่อเห็นภาพนี้ เมิ่งเชียนเซวี่ยก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้พลางพึมพำในใจ พรสวรรค์ของอ้าวเทียนนั้นไม่สามารถหาคำใดมาบรรยายได้ เพิ่งเข้ามาสำนักแห่งเต๋าเพียงสองปีก็ทะลวงขอบเขตราชันเสียแล้ว
“ดูจากท่าทางแล้ว หรือว่าพวกเจ้าสองคนจะรู้จักกัน?”
เมื่อเห็นสีหน้าของเมิ่งเชียนเซวี่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย เซียวฮั่นก็เอ่ยพลางยิ้ม
“ไม่ปิดบังคุณชาย ศิษย์พี่อ้าวเทียนคือคู่หมั้นของข้า พวกเราตระกูลเมิ่งเคยสัญญากับตระกูลอ้าวมาก่อน ขอเพียงแต่อ้าวเทียนสามารถบรรลุเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ก่อนอายุสามสิบ ก็จะมาสู่ขอข้าออกเรือน”
ได้ยินดังนั้น เมิ่งเชียนเซวี่ยก็ไม่ได้ปิดบังอันใด และเล่าเรื่องนี้ออกมาทันที
แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ผ่านไปแล้ว หลังจากวงศ์ตระกูลได้รับเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์ ตระกูลเมิ่งก็มิอาจปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ได้ เนื่องจากนับแต่บัดนี้เมิ่งเชียนเซวี่ยได้เป็นคนของเซียวฮั่นแล้ว
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เพียงแต่เพื่อเพิ่มความเร็วในการไขว่คว้าขอบเขต เขายอมจ่ายทุกสิ่งอย่างไม่เสียดาย มุ่งหน้าทะลวงแต่ละขอบเขต กระทั่งใช้โอสถจำนวนมาก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปร่างกายของเขาก็จะได้รับอันตรายที่แอบแฝงไว้ การบำเพ็ญเพียรนั้น เมื่อถึงเวลาก็จะสำเร็จเอง นอกเสียจากจะเป็นกรณีพิเศษ มิเช่นนั้นการทะลวงขอบเขตโดยไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมเยี่ยงเขา เมื่อทะลวงเข้าสู่ขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ พื้นฐานที่ไม่มั่นคงอาจทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก กระทั่งตกตายเพราะร่างระเบิด”
ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นก็เพียงมองที่อ้าวเทียนอย่างเฉยชาแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ย ยอดฝีมือขอบเขตราชันอายุยี่สิบสองปี ช่างน่าอัศจรรย์จริง ๆ ถึงขนาดอยู่เหนือกว่ายอดฝีมือรุ่นอาวุโสจำนวนมากเสียอีก แต่สิ่งนี้ต้องจ่ายราคามากมายมหาศาล และการจ่ายอันขื่นขมนี้ อ้าวเทียนจะได้ลิ้มรสมันในภายหลัง และไม่ใช่แค่เพียงอ้าวเทียน ศิษย์รุ่นเยาว์จำนวนมากซึ่งทะลวงแต่ละขอบเขตในเวลาอันสั้น สิ่งนี้จะเป็นอันตรายที่ฝังลึกในอนาคต
และอันตรายที่แฝงอยู่เหล่านี้มีทั้งใหญ่ทั้งเล็ก สิ่งที่เล็กก็คือหลังจากบรรลุขอบเขตใดขอบเขตหนึ่งในภายหน้าก็จะไม่มีทางทะลวงขอบเขตที่สูงกว่าได้ และถึงขนาดหยุดอยู่ที่ขอบเขตนั้นตลอดชั่วชีวิต สำหรับอันตรายที่ยิ่งใหญ่ก็คือเมื่อทะลวงขอบเขตแล้วก็จะถูกธาตุไฟเข้าแทรกกระทั่งร่างระเบิดตกตาย
กรณีเช่นนี้เรียกได้ว่าพบเห็นได้ทั่วไป สิ่งนี้คือเหตุผลที่อัจฉริยะรุ่นเยาว์จำนวนมากเลื่องชื่อเปี่ยมพรสวรรค์ แต่เมื่อเข้าสู่วัยชราแล้วกลับไม่เป็นที่รู้จัก กลับกันคนหนุ่มสาวที่ไม่เป็นที่โด่งดังเมื่อครั้งยังเยาว์วัยเหล่านี้ กลับประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ยิ่งนานไปก็ยิ่งโด่งดังไปทั่วโลกา กล่าวได้ว่ารากฐานที่แต่ละคนวางไว้ในตอนแรกเป็นสิ่งที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
อย่างที่รู้กันว่าล้านปีมานี้ อัจฉริยะในโลกฝึกตนมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่คนส่วนใหญ่ที่สามารถกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตมหาเทพและเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชล้วนไม่ใช่อัจฉริยะเหล่านี้ แต่กลับเป็นผู้ที่ก้าวเดินทีละก้าว มุ่งหน้าไปสู่วิถีเต๋าไร้เทียมทานอย่างเชื่องช้า เพราะพวกเขาต่างมีจิตใจที่แน่วแน่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง
และประโยคนี้ของเซียวฮั่นกลับทำให้จิตใจของเมิ่งเชียนเซวี่ยสั่นไหวขึ้นมาเล็กน้อยอย่างอดไม่ได้ หรือที่อ้าวเทียนพากเพียรเยี่ยงนี้จะเป็นเพราะนาง
“ไม่ต้องคิดอันใดมาก ที่เขาทำเช่นนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อเจ้า สิ่งที่เขาต้องการตามหามากกว่าคือเพื่อได้รับความรู้สึกเช่นในยามนี้ หมื่นคนเคารพเลื่อมใส อยู่เหนือทุกผู้คน ไม่มีผู้ใดทัดเทียม และสิ่งนี้คือข้อบกพร่องที่พบได้ทั่วไปในคนจำนวนมาก จะมีใครบ้างเล่าที่จะไม่สะเพร่าตอนยังเยาว์วัย”
ราวกับเซียวฮั่นมองทะลุความคิดในใจของเมิ่งเชียนเซวี่ย เขาเพียงแต่เอ่ยพลางยิ้มเล็กน้อย
สิ่งที่คนรุ่นเยาว์จำนวนมากตามหาคือความรู้สึกที่ได้รับการจับจ้องจากผู้คนบนโลกหล้า ราวกับตนเป็นอัจฉริยะในโลกา อยู่เหนือทุกผู้คน มีเพียงให้พวกเขาถึงอายุที่มั่นคงจึงจะสามารถขจัดความคิดนี้ไปได้ เพียงแต่ก่อนหน้านี้ เพื่อเป้าหมายนั้นแล้วพวกเขายอมจ่ายทุกสิ่งอย่างไม่เสียดาย เพื่อทำให้ตนเองมีชื่อเสียงโด่งดังบนผืนพิภพ
“ฮ่า ๆ ศิษย์น้องอ้าวเทียน สมกับเป็นทายาทตระกูลอ้าว พรสวรรค์โดดเด่น ศิษย์พี่อย่างพวกข้าล้วนเทียบกับเจ้าไม่ติด”
หลังจากอ้าวเทียนปีนขึ้นไปถึงยอดเขาแสนจั้ง ก็ได้พบกับศิษย์พี่ผู้อาวุโสซึ่งกำลังนั่งหลับตาตระหนักถึงวิถีเต๋าแห่งสวรรค์และโลกที่นี่ หลังจากศิษย์พี่ผู้แข็งแกร่งหนึ่งในนั้นเห็นอ้าวเทียนปีนขึ้นมาก็ตบที่บ่าของอ้าวเทียนพร้อมกับเอ่ยอย่างทอดถอนใจ
“ฮ่า ๆ ศิษย์พี่อู๋หยาชมเกินไปแล้ว ศิษย์น้องเพิ่งจะก้าวเข้าสู่ขอบเขตราชันเท่านั้น เทียบกับท่านศิษย์พี่ไม่ได้ โดยเฉพาะศิษย์พี่อู๋หยาที่เป็นหัวหน้าของศิษย์พี่รุ่นก่อน”
อ้าวเทียนยิ้มบางเบาพลางเอ่ยอย่างถ่อมตน
และศิษย์พี่ที่มีร่างกายกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาคมคายท่านนี้เป็นการดำรงอยู่ที่มีความแข็งแกร่งที่สุดในหมู่ศิษย์รุ่นก่อน นามว่าหลี่อู๋หยา แน่นอนว่าหลี่อู๋หยาก็เพิ่งทะลวงขอบเขตราชันเมื่อครึ่งปีก่อน เพียงแต่เขาอาวุโสกว่าอ้าวเทียนถึงสองปี
และด้วยเหตุนี้ อ้าวเทียนที่ทะลวงขอบเขตราชันได้ตั้งแต่ยังเยาว์เช่นนี้ เป็นเหตุให้ศิษย์พี่หลี่อู๋หยารู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย อย่างที่รู้กันว่าเขาเมื่อสองปีก่อนมีเพียงพลังของขอบเขตทรราชระดับกลาง เมื่อเทียบกับอายุปัจจุบันของอ้าวเทียนก็ต่างกันเกินไป
ไม่นานนัก นอกจากหลี่อู๋หยาแล้ว ศิษย์รุ่นอาวุโสจำนวนมากก็ทยอยขึ้นมาแสดงความยินดีกับอ้าวเทียนที่ทะลวงขอบเขตราชัน ทันใดนั้นที่นี่ก็ครื้นเครงเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่านอกจากพลังของอ้าวเทียนเอง ขุมอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขานั้นก็ใหญ่โต เป็นยักษ์ใหญ่บนทวีปจงโจว แม้ว่าจะเทียบกับสำนักแห่งเต๋าไม่ได้ แต่ก็เป็นขุมอำนาจพิเศษขุมหนึ่ง โดยถูกเรียกขานว่าสำนักขวางอ้าว เป็นขุมอำนาจที่สร้างโดยเทพแท้จริงขวางอ้าวและสืบทอดมาหลายปีแล้ว ตระกูลเมิ่งรวมไปจนถึงสำนักแห่งเต๋า ก็มีขุมอำนาจพิเศษอันยิ่งใหญ่ไม่กี่ขุมที่เก่าแก่เหมือนกัน
และเมื่อศิษย์หลายคนแสดงความยินดีกับอ้าวเทียน เซียวฮั่นก็พาเมิ่งเชียนเซวี่ยมาถึงใต้ยอดเขาเจิ้งต้าว และเมื่อพวกเขามาถึงก็ดึงดูดสายตาของผู้คนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเมิ่งเชียนเซวี่ยได้ดึงดูดสายตาของศิษย์ชายจำนวนมากทันที ด้วยฐานะและรูปโฉมอันงดงามหยาดเยิ้มของนาง และเซียวฮั่นที่ชุดคลุมสีขาวสะดุดตาบนเรือนร่างของเขา
อย่างที่รู้กันว่าศิษย์ทุกคนที่นั่น หากไม่สวมชุดคลุมสีทองของสำนัก ก็สวมชุดคลุมสีม่วง ไม่มีผู้ใดอาจหาญสวมชุดสีอื่น และเมื่อเซียวฮั่นผู้สวมชุดคลุมสีขาวอย่างโจ่งแจ้งมาถึงใต้ยอดเขาเจิ้งต้าว การกระทำเช่นนี้ในความคิดของคนทั้งหลายนับว่าบ้าคลั่งเป็นอย่างมาก
“ผู้ใด? ทำไมอวดดีถึงเพียงนี้? คิดว่าเป็นปรมาจารย์มาจากไหน ? แม้แต่ปรมาจารย์ก็ยังมิอาจหาญสวมชุดสีอื่นอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าคนจำนวนมากถึงเพียงนี้ หากเป็นศิษย์ก็ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายจริง ๆ”
หลังจากคนจำนวนมากเห็นเซียวฮั่นสวมชุดคลุมสีขาว ทันใดนั้นทุกคนก็ล้วนวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ เพราะไม่มีผู้ใดรู้จักเซียวฮั่นแม้แต่คนเดียว !
……………..