ครองภพสยบนิรันดร์ - ตอนที่ 123
123: เคล็ดวิชาแห่งฝัน!
เมื่อตื่นขึ้นมา เมิ่งเชียนเซวี่ยก็พบว่าสีของท้องฟ้าได้มืดครึ้มลงไปเสียแล้ว แต่เวลานี้นางไม่ได้สนใจเรื่องนั้น สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือหาคนที่ชี้แนะนางให้ฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันให้พบ
แต่ทว่าเมื่อสายตาของนางกวาดผ่านหอมหัศจรรย์ ที่แห่งนั้นยังมีเงาคนอยู่บ้าง แต่ชายหนุุ่มชุดคลุมสีขาวผู้นั้นไม่รู้ว่าออกจากหอมหัศจรรย์ไปเมื่อใด เห็นดังนั้นแววในตาของนางพลันเปล่งประกายเล็กน้อย ในใจตั้งมั่นไว้แล้วว่าจะอย่างไรก็ต้องหาชายชุดขาวผู้นั้นให้พบ
ดังนั้นเมิ่งเชียนเซวี่ยจึงพำนักที่หอมหัศจรรย์หนึ่งคืนโดยมิได้ไปไหน เพื่อรอการปรากฏตัวของชายหนุ่มชุดขาวผู้นั้น เมื่อวันที่สองมาถึง ยามแสงตะวันสาดส่องไปทั่วทั้งบริเวณ ภายใต้สายตาแห่งการรอคอยของเมิ่งเชียนเซวี่ย เงาร่างหนึ่งก็สาวเท้าก้าวเข้ามาในหอมหัศจรรย์แล้วเดินเข้ามาอย่างเนิบช้า
“ตื่นแล้วหรือ? ฝันดีหรือไม่?”
ชายหนุ่มเดินเข้าไปหาเมิ่งเชียนเซวี่ยที่อยู่เบื้องหน้าอย่างช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้มบางเบา
ภายใต้สายตาคู่นั้นของเซียวฮั่น ไม่รู้ว่าเหตุใดเมิ่งเชียนเซวี่ยจึงรู้สึกราวกับเขามองความลับทั้งหมดของตนออกอย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งนี้ทำให้จิตใจของนางพลันเย็นเยียบขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ สายตาที่มองไปทางเซียวฮั่นพลันแปรเปลี่ยนไป
“เหอเหอ ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรือ? จิตใจของเจ้าคงมีความสงสัยอยู่ไม่น้อยกระมัง”
เซียวฮั่นคลี่ยิ้มบาง ก่อนจะหยิบคัมภีร์เรื่องราวมหัศจรรย์ขึ้นมาหนึ่งม้วนพลางเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“ใช่แล้ว ข้ามีข้อกังขาอยู่ เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? เหตุใดจึงเข้าใจในเคล็ดวิชาแห่งฝันของตระกูลเมิ่ง”
สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เมิ่งเชียนเซวี่ยสงสัยมากที่สุด เคล็ดวิชาแห่งฝันคือความลับของตระกูลเมิ่ง ไม่เพียงแต่เป็นสิ่งที่บรรพบุรุษได้สร้างขึ้น แต่เคล็ดวิชาแห่งฝันที่รักษาไว้เป็นเพียงคัมภีร์ที่ไม่สมบูรณ์ ข้อมูลจำนวนมากได้หายไปหมดแล้ว จึงทำให้ตระกูลเมิ่งค้นหาเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์อย่างลำบากมาโดยตลอด แต่ผลที่ได้นั้นกลับเลื่อนลอยอยู่เสมอ
ทว่ายามนี้ชายหนุ่มเบื้องหน้าเพียงอ้าปากกลับเอ่ยใจความสำคัญของเคล็ดวิชาแห่งฝันอันลึกซึ้งออกมาได้ ทำให้ในใจของเมิ่งเชียนเซวี่ยรู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้รู้จักเคล็ดวิชาแห่งฝันอย่างแน่นอน และมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งที่จะรู้จักเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์ หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ ชายหนุ่มผู้นี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อนางเท่านั้น ทั้งยังสำคัญต่อทั้งตระกูลของนางอีกด้วย
“ข้าเป็นเพียงคนนอก หากเจ้าเปิดใจ จะเรียกข้าว่าเซียวฮั่นก็ได้ ส่วนเหตุใดข้าจึงรู้เคล็ดวิชาแห่งฝันของพวกเจ้าตระกูลเมิ่ง นั่นเป็นความลับ ข้าสามารถถ่ายทอดเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์ให้แก่เจ้าได้ แต่ข้ามีเงื่อนไข!”
คนคลี่ยิ้มบางก่อนจะเปิดม้วนคัมภีร์ออก จากนั้นก็ดูม้วนคัมภีร์ไปพลาง เอ่ยไปพลาง
“เซียวฮั่น…”
ได้ยินดังนั้น เมิ่งเชียนเซวี่ยพึมพำแล้วรีบตอบกลับทันที
“เจ้าต้องการสิ่งใด หากข้าทำได้ ข้าก็จะทำอย่างสุดความสามารถแน่นอน”
“เงื่อนไขของข้านั้นง่ายมาก ข้าสามารถมอบเคล็ดวิชาแห่งฝันให้แก่เจ้าได้ เพียงแต่เงื่อนไขข้อแรกก็คือข้าต้องการเจ้า!”
มือที่กำลังเปิดคัมภีร์ค่อย ๆ หยุด ก่อนจะเอ่ยพลางยิ้มอย่างกะทันหัน
เมิ่งเชียนเซวี่ยได้ยินดังนั้นก็มีสีหน้าแข็งค้าง นางมองไปยังเซียวฮั่นด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปในทันใดอีกครา แต่ขณะที่สายตาของนางประสานเข้ากับสายตาของเซียวฮั่น นางจึงรู้ว่าตนเข้าใจความหมายของเซียวฮั่นผิดไป
“เจ้าต้องการให้ข้าทำสิ่งใด?”
สายตาอันลึกซึ้งเกินจะเปรียบมองไปยังเซียวฮั่น เมิ่งเชียนเซวี่ยรู้ว่าสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการจริง ๆ ไม่ใช่ตัวนาง แต่เป็นอย่างอื่น
“ข้าต้องการเจ้า มิใช่เพียงเพราะชื่นชมเจ้า ในสายตาของข้า เจ้าคือผู้ที่มีสติปัญญาเฉียบแหลม ในอนาคตสามารถยืนหยัดสูงเทียมเมฆาเก้าชั้นฟ้าได้อย่างทรนง”
เซียวฮั่นคลี่ยิ้มก่อนจะเอ่ยต่อพลางมองคัมภีร์ไปด้วย
“เท่านี้หรือ?”
ได้ยินดังนั้นเมิ่งเชียนเซวี่ยก็ไม่ใคร่จะเชื่อนัก เงื่อนไขของอีกฝ่ายจะง่ายดายถึงเพียงนี้จริงหรือ?
“เจ้าอย่าเข้าใจว่าเป็นเพียงเท่านี้ หากรับเงื่อนไขของข้า ต่อไปเจ้าก็จะเป็นคนของข้า รับใช้ข้า หมายความว่านับแต่นี้ไปเจ้าต้องตัดความสัมพันธ์กับตระกูลเมิ่ง ฉะนั้นจงเตรียมใจให้ดี ทางที่ดีควรตรึกตรองอย่างรอบคอบเสียก่อนแล้วค่อยตอบข้า”
เมื่อเอ่ยจบ เซียวฮั่นก็อ่านคัมภีร์จบไปแล้วหนึ่งส่วน จากนั้นจึงวางมันกลับลงไปที่เดิมอีกครั้ง
“ช่วงนี้ข้าอยู่ที่หอมหัศจรรย์ตลอด หากคิดดีแล้วค่อยตอบข้าในภายหลัง แต่เจ้ามีเวลาเพียงหนึ่งเดือน หลังจากนั้น ข้าจะไปจากที่นี่”
เซียวฮั่นหยิบม้วนคัมภีร์ขึ้นมาอีก เมื่อเอ่ยจบเขาก็ก้มศีรษะอ่านเรื่องประหลาดที่เกิดขึ้นบนเก้ามหาทวีปเมื่อหลายหมื่นปีก่อน ราวกับทุกสิ่งบนโลกภายนอกล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขาก็มิปาน
หลังจากเมิ่งเชียนเซวี่ยได้ยินดังนั้น คนทั้งร่างก็สติหลุดลอยอย่างห้ามไม่ได้ อย่างที่เซียวฮั่นว่า หากนางตอบรับเงื่อนไขของเซียวฮั่น ตัวนางก็จะมิได้เป็นของตนเองนับแต่บัดนี้ไป แต่ในขณะเดียวกันนางก็จะได้รับเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์ และสิ่งนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับตระกูลเมิ่งทั้งตระกูล
กล่าวได้ว่า สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับนางว่าเต็มใจจะจ่ายราคานี้ออกไปหรือไม่ ใช้อิสรภาพของตนทั้งชีวิตเพื่อแลกกับเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์กลับคืนสู่ตระกูลเมิ่ง
หลังจากเมิ่งเชียนเซวี่ยสติหลุดลอยไปชั่วขณะ ในใจกลับลอบตัดสินใจตอบรับ เพื่ออนาคตของตระกูลเมิ่ง จ่ายนางออกไปเพียงคนเดียว สิ่งนี้คงไม่นับเป็นอันใด ถึงบิดามารดา บรรพบุรุษ และตระกูลจะล่วงรู้ก็คงสนับสนุนการเลือกของนาง
“ดี ข้ารับปากเจ้า ขอเพียงแต่เจ้าสามารถมอบเคล็ดวิชาแห่งฝันให้ข้า นับแต่นี้ไป ข้าก็คือคนของเจ้า!”
เมิ่งเชียนเซวี่ยขบฟันแน่นก่อนจะตอบรับเงื่อนไขของเซียวฮั่นโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“จะไม่เสียใจภายหลังรึ?”
ได้ยินดังนั้น เซียวฮั่นก็เงยหน้ามองเมิ่งเชียนเซวี่ยแวบหนึ่งก่อนจะเอ่ยพลางยิ้ม
“ไม่เสียใจภายหลังแน่นอน!”
และคำตอบครั้งนี้ของเมิ่งเชียนเซวี่ยก็ยังคงเฉียบขาดเช่นเดิม แม้ว่านางจะมีอายุเพียงสิบหกสิบเจ็ด แต่กลับทำให้รู้สึกถึงความเด็ดเดี่ยวที่มีไม่แพ้บุรุษ
“ดี นี่คือสัญญาระหว่างเจ้ากับข้า เช่นนั้นข้าก็จะมอบเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์ให้แก่เจ้า!”
เมื่อเอ่ยจบ ขณะที่เมิ่งเชียนเซวี่ยยังไม่ทันฟื้นคืนสติ นิ้วของเซียวฮั่นก็จรดลงบนหว่างคิ้วของนาง
เพียงชั่วครู่ ตัวอักษรเต๋าสีทองอันลึกซึ้งก็โผล่ขึ้นในสมองของนางทันที สิ่งแรกก็คือประโยคที่นางฝึกฝนเมื่อคืน
“ฝันแห่งเต๋า หนึ่งฝันนิจนิรันดร์ หนึ่งฝันเนรมิต หมื่นวิถีหลอมรวมเป็นหนึ่ง…”
ขณะที่เคล็ดวิชาแห่งฝันอันยิ่งใหญ่โผล่ขึ้นมาในสมองของเมิ่งเชียนเซวี่ย ยามนี้นางถึงได้พบว่าสิ่งที่ตนเรียกว่าการฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันในอดีตนั้น แท้จริงคือสิ่งที่รู้เพียงผิวเผิน
เคล็ดวิชาแห่งฝันที่เซียวฮั่นมอบให้นางมีสี่ขั้น ขั้นแรกคือเข้าฝัน ขั้นนี้คือขั้นที่ง่ายที่สุด ยามนี้นางยังคงหยุดอยู่ตรงส่วนที่เป็นพื้นฐานของขั้นนี้ การเข้าฝันแบ่งออกเป็นหลายชนิด เช่นถ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันจนถึงจุดสูงสุดก็จะสามารถฝันได้ชั่วนิรันดร์ แต่หากเป็นเหมือนนางที่อยู่ในระดับเริ่มต้น เกรงว่าการฝันครั้งหนึ่งจะสามารถอยู่ได้ประมาณปีเท่านั้น
สำหรับขั้นที่สอง การฝันถึงอดีตจะยิ่งน่ากลัวขึ้นไปอีก หนึ่งฝันอยู่ได้ตลอดกาล คือสามารถฝันได้ทุกเวลา หมายความว่าเจ้าสามารถฝันอยู่ในความฝันได้ตลอดไป และเกิดความฝันได้ตลอดเวลา สิ่งนี้ทำให้สามารถฝันกลับไปยังอดีตของตน ดูว่าแท้จริงแล้วตนมีสิ่งใดที่ผิดพลาดไปหรือไม่ จะได้แก้ไขให้ทันเวลา
ขั้นที่สามเรียกว่าเข้าสู่ความฝัน แต่เมื่อถึงขั้นนี้ สิ่งที่เข้าไปไม่ใช่ความฝันของตน ทว่าเป็นการเชื้อเชิญให้ผู้อื่นเข้าสู่ความฝัน พอเข้าสู่นิทราหมายความว่าเจ้าสามารถทำให้คนอื่นเข้าฝันของเจ้าอย่างเงียบ ๆ และเมื่อถูกเจ้าสังหารในความฝันของเจ้า อีกฝ่ายก็จะตายจากไปจริง ๆ เป็นวิธีการโจมตีที่น่าหวาดกลัวที่สุดในเคล็ดวิชาแห่งฝัน
สำหรับขั้นที่สี่ของเคล็ดวิชาแห่งฝันถูกเรียกว่าความฝันเสมือนข้า เมื่อมาถึงขั้นนี้ เพียงชั่วความคิดก็กลายเป็นเคล็ดเต๋าแห่งความฝันไร้เทียมทาน ควบคุมเคล็ดเต๋าแห่งความฝันได้ เพียงชั่วพริบตาก็ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดบนโลกเข้าสู่ความฝัน หากมาถึงขั้นนี้ก็จะเป็นการดำรงอยู่อันไร้เทียมทานอย่างแท้จริง หนึ่งความฝันสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตได้หลายร้อยล้าน
ดังนั้นขณะที่จิตโคจรเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์นี้ จิตใจของเมิ่งเชียนเซวี่ยก็มีแต่ความสงสัย อย่างไรเมื่อเทียบกับเคล็ดวิชาแห่งฝันในอดีต เคล็ดวิชาแห่งฝันของตระกูลเมิ่งนับได้ว่าเป็นเพียงความรู้ผิวเผินเท่านั้น
หลังจากจักรพรรดิห้วงนิทรากลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริง เหยียบย่ำบนเส้นทางเก้าชั้นฟ้า ทั้งยังได้ปรับปรุงและแก้ไขเคล็ดวิชาแห่งฝันขึ้นใหม่หลายต่อหลายครั้งเป็นเวลาสามหมื่นปี ก็มีระดับสูงขึ้นจนไม่รู้ว่ามากเพียงใด
และเมื่อเมิ่งเชียนเซวี่ยได้รับเคล็ดวิชาแห่งฝันฉบับสมบูรณ์และผ่านการแก้ไขปรับปรุงนับครั้งไม่ถ้วน คนทั้งร่างก็ตกอยู่ในภวังค์ของเคล็ดวิชาแห่งฝัน ไม่มีทางถอนตัวออกมาได้ และการฝึกตนของนางครานี้ เทียบได้กับครั้งล่าสุดที่นางฝึกตนในความฝันมาหลายปี
ถึงแม้นางจะฝึกฝนเป็นเวลาหลายปี ก็เพิ่งจะพบว่าระดับเคล็ดวิชาแห่งฝันที่ตนฝึกฝนทั้งหมดยังคงเป็นเพียงระดับผิวเผินของเคล็ดวิชาแห่งฝัน สิ่งนี้ทำให้นางตกตะลึงไปชั่วครู่ หากสิ่งนี้เป็นเพียงความรู้ความเข้าใจแบบผิวเผิน แล้วถ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาแห่งฝันจนถึงขั้นสูงสุด นั่นจะน่าหวาดกลัวเพียงใด?
บัดนี้นางไม่กล้าแม้แต่จะจินตนาการ เกรงว่าเมื่อถึงขอบเขตนั้น ระดับราชัน ระดับผู้สูงส่งขอบเขตเทพศักดิ์สิทธิ์ หรือแม้แต่สิ่งที่เรียกว่ายอดฝีมือเทพศักดิ์สิทธิ์ทรราชก็ล้วนเป็นเพียงมดปลวก เพียงความฝันเดียวก็สามารถสังหารจนหมดสิ้น
และการฝึกฝนครานี้ของเมิ่งเชียนเซวี่ยก็ทำให้ขั้นของนางก้าวกระโดดอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดทะลวงธรณีประตูของขอบเขตทรราชและราชัน สิ่งนี้หมายความว่า หากนางตื่นขึ้นมา ขอเพียงแต่ฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง ก็จะสามารถทะลวงสู่ขอบเขตใหม่ได้อย่างง่ายดายโดยไร้ซึ่งสิ่งที่เรียกว่าคอขวด และอย่างน้อยที่สุดก็ไม่ต้องอยู่ในขอบเขตจักรพรรดิเป็นแน่แท้แล้ว
และในความคิดของคนอื่น ๆ สิ่งนี้เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่นี่ก็เป็นส่วนที่น่าหวาดผวาที่สุดของเคล็ดวิชาแห่งฝัน ทั้งยังเป็นเคล็ดบ่มเพาะพลิกสวรรค์ มิเช่นนั้นจักรพรรดิห้วงนิทราก็มิอาจใช้เคล็ดวิชาแห่งฝันให้ตนกลายเป็นยอดฝีมือขอบเขตเทพแท้จริงได้ หลังจากเหยียบย่ำบนเก้าชั้นฟ้า ก็ยังคงเจริญรุ่งโรจน์ กระทั่งมีชื่อเสียงโด่งดังอย่างยิ่ง
“ที่แท้ก็กายาเทพนิมิต ดูเหมือนจะรับช่วงต่อจากร่างของเฒ่าเมิ่ง เป็นเช่นนี้ข้าก็เก็บของล้ำค่าได้เสียแล้ว”
เซียวฮั่นมองไปยังเมิ่งเชียนเซวี่ยที่พอเข้าสู่ความฝันก็หลับไปเป็นเวลาหนึ่งวัน ก่อนจะคลี่ยิ้มบางเบาอย่างอดไม่ได้
กายาเทพนิมิต ร่างที่เปรียบดั่งฟ้าประทานเช่นนี้หาได้ยากยิ่งนักเมื่อเทียบกับร่างอื่น ๆ อีกมากมาย กายาเทพนิมิตเป็นร่างพลิกสวรรค์อันล้ำค่า หากเสริมเข้ากับเคล็ดวิชาแห่งฝัน เช่นนั้นอนาคตของคนผู้นี้ย่อมไร้จุดสิ้นสุด
และเมิ่งเชียนเซวี่ยที่มีกายาเทพนิมิตภายใต้การอบรมของเซียวฮั่น เขาจึงเชื่อว่าตนจะสามารถบ่มเพาะจักรพรรดิห้วงนิทราออกมาได้อีกหนึ่งคน ดังนั้นในความคิดของเขา นี่เป็นการเก็บเกี่ยวที่ล้ำเลิศอย่างยิ่ง!
………….